ห้าปีต่อมา...
โม๋เอ๋อร์ในวัยสิบสองปีเริ่มมีอาการผิดปกติบางประการกับร่างกาย นางเป็นไข้หวัดอาการประหลาด ร่างกายอ่อนแอเพราะลมปราณและหลอดเลือดเปิด ทำให้ความร้อนความเย็นจากภายนอกเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายและลึกกว่าที่เคย
ปกติอาการไข้หวัดก็แค่ปวดหัวตัวร้อน ครั่นเนื้อครั่นตัว ไอจามน้ำมูกไหล แต่ครานี้นางกลับมีอาการแปลกไป เดี๋ยวมีไข้ตัวร้อน เพียงครู่เดียวก็เปลี่ยนเป็นหนาวสั่นตัวเย็น สลับกันไปมา
อยากอยู่เงียบๆ ไม่อยากอาหาร ปากขมคอแห้ง มีความร้อนเย็นสลับไปสลับมา รู้สึกรุ่มร้อนไปหมด
ระหว่างที่ย่ำแย่ด้วยอาการหวัดประหลาด ก็เจ็บท้องมาก ทั้งยังมีเลือดออกจากส่วนสงวนทำให้หว่างขาแดงฉานจนน่ากลัว
แน่นอนว่าโม๋เอ๋อร์ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่เรียกว่า การมีระดู และไข้หวัดที่เป็นก็คือไข้ทับระดู[1]
แต่ต่อมานางก็เริ่มระลึกได้จากการสังเกตสัตว์ป่าเพศเมียบางประเภท ไม่ว่าจะเป็นลิงป่า หมาป่า ที่ส่วนสงวนของพวกมันมีลักษณะบวมและมีเลือดออก เฉกเช่นนางในยามนี้ และต่อมาพวกมันก็มีการสมสู่กับเพศตรงข้าม แล้วก็ให้กำเนิดทายาทตัวน้อยจนเต็มผืนป่า
โม๋เอ๋อร์พลันเข้าใจในทันใด นางจึงเบิกตาโตอ้าปากค้างตะลึงงันครู่ใหญ่
หนอนน้อยในดักแด้กลายร่างเป็นผีเสื้อแสนสวยฉันใด เด็กน้อยก็กำลังจักกลายร่างเป็นเด็กสาวที่งามสะพรั่งฉันนั้น
ถึงแม้ว่าในป่าใหญ่ไม่มีมนุษย์ที่เป็นบุรุษมาเกี้ยวพา หากแต่การสืบพันธุ์ของสรรพสัตว์ย่อมเหมือนกัน ทุกสิ่งคือธรรมชาติสรรค์สร้าง ทุกอย่างคือวัฏจักรของมัน
กลิ่นสาบสางของเพศเมียยามนี้ล้วนดึงดูดเพศผู้ทั้งสิ้น ไม่เว้นแต่โม๋เอ๋อร์ที่บัดนี้มีสัตว์ป่าน้อยใหญ่พากันมาวนเวียนรอบกายมากมายคล้ายต้องการช่วงชิง
แต่ละตัวส่งสายตาแวววับพราวระยับจ้องเขมือบแบบแปลกๆ จนเด็กสาวรู้สึกหนาวยะเยือกไปหมด
ที่ผ่านมานางไม่เคยหวาดหวั่นกริ่งเกรงต่อสิ่งใด หากแต่การสมสู่กับสัตว์ป่าแล้วให้กำเนิดทายาทหน้าตาประหลาดครึ่งคนครึ่งสัตว์ นางรู้สึกกลัวยิ่ง ยามนอนยังผวายามลืมตายังระแวง
อา...นางทำใจมิได้เอาเสียเลย
ถึงแม้ว่าจะเป็นถึงโม๋กุ่ยเสินเหนือสามัญ มีปราณเทพพลังมารเปี่ยมล้น แต่เด็กสาวก็นับเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งด้วยเลือดของบิดา แม้จะเป็นครึ่งคนครึ่งเทพปีศาจ หากแต่รูปลักษณ์ของบิดามารดาหาใช่สัตว์ร้ายน่าเกลียดไม่
หากนางถึงวัยสมสู่และต้องให้กำเนิดทายาทอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง คู่ของนางก็ควรเป็นมนุษย์เพศผู้ถึงจะถูกต้อง
อืม...แต่ที่นี่ไม่มีบุรุษเลยนี่นา
หลายปีที่ใช้ชีวิตเพียงลำพังในป่าเขาลำเนาไพร นางรู้สึกได้ว่า ตนเองช่างโง่เขลาเบาปัญหาในหลายเรื่องราวเหลือเกิน อีกทั้งนางยังเบื่อเต็มทีกับการต้องร่อนเร่ย้ายถิ่นไปกับพวกสัตว์ป่า
หลังจากครุ่นคิดหนักหน่วง เด็กสาวจึงตัดสินใจออกจากป่าใหญ่ หวังเพียงใช้ชีวิตเฉกเช่นมนุษย์ทั่วไป
โม๋เอ๋อร์สวมใส่อาภรณ์สีเขียวมรกตของมารดาที่ทิ้งเอาไว้ มิได้สวมชุดขนสัตว์หายากแต่อย่างใด ด้วยไม่ต้องการผิดสังเกตจนเกินไป ก่อนจะพาร่างกายที่เจ็บป่วย ใบหน้าและดวงตาแดงก่ำด้วยพิษไข้ เดินทางรอนแรมมาไกล
จนสุดท้ายเฉินหย่งจื้อจึงใช้วิธีต่ำช้า แผนนารีพิฆาตที่มีมาสมัยบรรพบุรุษถูกเลือกใช้อย่างเลือดเย็นเยวี่ยเหรินมีใบหน้างดงามพิลาศล้ำปานล่มบ้านล่มเมืองนางมีกิริยาอ่อนโยน นิสัยอ่อนหวาน กิริยาวาจาล้วนสมเกียรติสูงส่ง ใบหน้าพิสุทธิ์ซื่อสัตย์ มีดวงเนตรงามดั่งวารีทั้งใสกระจ่าง ทั้งเปี่ยมเสน่ห์แห่งสตรีเพศมากล้นนางคือคุณหนูในห้องหอที่เพียบพร้อมทุกสิ่ง คือสตรีของเฉินหย่งจื้อที่ยังไม่ถูกเรียกตัวเข้าวัง มีเดิมพันเป็นตำแหน่งฮองเฮาและคนทั้งตระกูลเยวี่ยเหรินเข้าหาเฉินเหอไท่ที่ยามนั้นเขายังพำนักอยู่ที่วังเจี้ยนอ๋องไม่ไกลจากวังหลวงของเฉินหย่งจื้อเวลาเนิ่นนานทีเดียวที่หญิงสาวใช้เสน่ห์มนต์มารทุกแขนงจนสำเร็จได้ด้วยดี กระทั่งกลายเป็นคนรักของเฉินเหอไท่ อย่างเต็มตัว รอเพียงแต่งงานอย่างเอิกเกริกยิ่งใหญ่ทว่าเมื่อสบโอกาสหลอกล่อเขาออกจากวังเจี้ยนอ๋องได้สำเร็จ เยวี่ยเหรินไม่อาจปล่อยผ่านรอให้เนิ่นนานจนตำแหน่งฮองเฮาหลุดมือใจกลางหุบเขาไค่กู่จึงเหมาะสมที่จะกลายเป็นสุสานของเฉินเหอไท่ ที่นั่นมีทหารนับพันพร้อมอาวุธครบมือซุ่มรออยู่ ในขณะที่เฉินเหอไท่เดินทางพร้อมราชองครักษ์ไม่มากทุกสิ่งล้วนเกินคาดการณ์ตามแผนสังหารที่
บ่าวรับใช้ทั้งชายและหญิงที่หน้าประตูห้องต่างพากันลอบมองสบตากันไปมา ก่อนจะแอบชำเลืองไปทางเฉินเหอไท่ด้วยความระมัดระวัง สายตาของพวกเขาล้วนแสดงความยำเกรงต่อเขา บางคนถึงกับตัวสั่นเทิ้มอย่างไม่อาจควบคุมได้ชายผู้นี้นับว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนไม่กะพริบตา หรือต่อให้ไม่ฆ่าใครก็ยังมีวิธีสยบได้อย่างน่าสะพรึงเป็นที่สุดดูอย่างสตรีที่ถูกส่งตัวไปเมื่อครู่นี่ปะไรร่วมรักจนหนำใจ ยังทิ้งคราบหลังเสร็จกิจเอาไว้ แล้วส่งให้คนรักของนางได้ดูชมไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ว่า ชายคนรักของนางจะมีสีหน้าอย่างไรและข่าวนั้นก็ไวปานไฟไหม้บนหญ้าฟางเมื่อเยวี่ยเหรินถูกส่งตัวไปปรากฏต่อหน้าพระพักตร์ของเฉินหย่งจื้อฮ่องเต้ พระองค์ทรงกริ้วจนเลือดขึ้นตา คว้ากระบี่สังหารเยวี่ยเหรินต่อธารกำนัลในทันทีทุกคนที่ได้เห็นและได้รับรู้ข่าวนี้ ล้วนรู้สึกพรั่นพรึงหวาดผวาต่อการกระทำของบุรุษทั้งสองคนที่ฝ่ายหนึ่งคือชายคนรักและอีกฝ่ายคือชายชู้ และสมเพชเวทนาต่อสตรีนามว่าเยวี่ยเหรินเหลือจะกล่าวข่าวนั้นถูกส่งให้เฉินเหอไท่ด้วยความรวดเร็วเช่นกันชายหนุ่มเพียงแสยะยิ้มสาแก่ใจ ความโหดเหี้ยมเลือดเย็นของเขาฉาบทับบนใบหน้าหล่อเหลาที่แสนจะเย็นชา สายตามีเพีย
คฤหาสน์แห่งหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นดินอันเป็นชายแดนที่แสนจะทุรกันดารของแคว้นต้าซ่งภายในห้องนอนกว้างขวาง บนเตียงบุนวมขนาดใหญ่ กำลังมีกิจกรรมเคาะจังหวะผสานเสียงหอบครางดังระงมชายหนุ่มร่างใหญ่กำลังคร่อมหญิงสาวร่างเล็กตามอารมณ์กระสัน สองมือหนากอบกุมเอวบางเพื่อสอดใส่กลางลำตัวนาง แล้วกระแทกกระทั้นอย่างแรง ปราศจากความปรานีฝ่ายบุรุษคือเฉินเหอไท่ เจ้าของเรือนกายกร้าวแกร่งทรงพลังเปี่ยมเสน่ห์มากล้น กระทั่งตรึงโสตประสาทของฝ่ายสตรีเอาไว้อย่างหมดจด ทำเอานางสมองขาวโพลนไปหมด ฝ่ามือน้อยๆ กำปิ่นปักผมเอาไว้แน่น หาทางแทงอีกฝ่ายมิได้เสียทีสตรีใต้ร่างของเฉินเหอไท่มีนามว่าเยวี่ยเหริน ในมือนางมีมีดสั้นลักษณะพิเศษทำเลียนแบบปิ่นปักผมได้อย่างแนบเนียนเฉินเหอไท่หาได้สนใจปิ่นปักผมที่มีลักษณะปลายแบนบางเฉียบสาดประกายคมกริบในมือนาง เขายังคงควบจังหวะบนร่างนางอย่างโหดร้าย แววตาคมปลาบเผยเพียงความร้อนแรงแห่งเพลิงอารมณ์อึดใจเยวี่ยเหรินพลันสบโอกาสแทงปิ่นในมือปักฉึกที่หน้าอกด้านซ้ายของเฉินเหอไท่ ลึกเข้าไปยังตำแหน่งหัวใจที่กำลังเต้นแรง เลือดลมกำลังสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง ชั่วพริบตานั้นชายหนุ่มจึงได้สติกลับคืน แววตาคมกริบ
เสียงเหล่านี้ดังมากจนกลบเสียงฮึกเหิมของเหล่าทหารหลายร้อย กลบกระทั่งเสียงอาวุธกระทบกันและเสียงเกือกม้าย่ำพื้นดินเพื่อรุมระห่ำมาทางเฉินเหอไท่ทุกผู้คนรู้สึกได้ถึงแรงสะเทือนที่ปลายเท้า ลำตัวของพวกเขาล้วนสั่นไหว ต่อมายังสั่นเทิ้มจนไม่อาจควบคุมได้ทหารทุกคนพากันชะงักนิ่งตะลึงลาน ทันใดนั้นแผ่นดินรอบด้านของพวกมันพลันปริแตกแล้วแยกออกจากกัน“อะ...อะไร?” ทหารหลายคนเริ่มส่งเสียงเซ็งแซ่“อ๊าก!” เริ่มมีเสียงร้องโหยหวนชวนผวา เมื่อจู่ๆ พื้นธรณีใต้ฝ่าเท้าของพวกมันเคลื่อนที่แยกตัวออกจนเป็นวงกว้าง แล้วดูดกลืนทั้งม้าทั้งร่างของทหารทุกคนให้ตกลงไป ไม่ใช่แค่ทีละคน แต่พวกมันตกลงไปทีเดียวทั้งหมด ซากศพกองเท่าภูเขาขนาดย่อมล้วนตกตามกันไปราวกับห้วงมหาสมุทรดูดกลืนทุกสรรพสิ่งไม่ต่างจากวังน้ำวน“ย๊า!”พวกทหารแหกปากผสานเสียงกันทันตาจนดังระงมกึกก้องไปทั่วน่านฟ้า เมื่อจู่ๆ พวกมันก็ถูกพื้นพสุธาทั้งผืนกลืนกินจนร่วงหล่นลงไปยังใต้พิภพพื้นดินแยกตัวออกจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ดำลึกกว้างขวางกินพื้นที่ไกลมาก ทหารหลายร้อยคนก็คล้ายถูกสูบลงไปในนั้นจนสิ้นพวกมันทำได้เพียงร่ำร้องโหยหวนไม่เป็นภาษา สองมือแหวกว่ายอากาศอย่างน่าเวทนา นรกกำ
“เหล่าพี่น้องทั้งหลาย เบื้องหน้าเราคือกบฏเฉินเหอไท่! จงจับตายสถานเดียว นำหัวของมันไปเสียบประจานหน้าประตูเมืองต้าซ่งถวายแด่องค์จักรพรรดิเฉิน!”ฉับพลันนั้นฟ้าสลัวรางที่มีแสงจันทรานวลเนียนสาดส่องลงมา ราวกับมีเมฆดำทะมึนของห่าฝนกระหน่ำโครมดั่งฟ้ารั่วครอบคลุมเหนือศีรษะของเฉินเหอไท่ เมื่อเหล่าอาชาไนยต่างพากันควบตะบึงยกดาบขึ้นเหนือหัวพุ่งตัวชายหนุ่มแค่นเสียงในลำคอคราหนึ่ง ถ่มโลหิตในปากออกไปอย่างไม่ไยดี ก่อนจะลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง รอรับการปะทะอย่างยินดี ไร้ท่าทีหวาดหวั่นแม้แต่น้อยบนกองศพหลายร้อยประหนึ่งภูเขาลูกเล็ก กีบม้าศึกหลายร้อยตัวเริ่มขยับเมื่อถูกเจ้าของรองเท้าหนังหนาหนักตะปบสีข้างเหล่าทหารบนหลังม้ากระชับอาวุธในมือพร้อมพุ่งทะยานไปทางเจี้ยนอ๋อง หมายเผด็จศึกอันน่าพรั่นพรึงที่กินเวลาข้ามวันข้ามคืนนี้ให้จงได้ไม่มีการต่อสู้แบบยุติธรรมหนึ่งต่อหนึ่ง หากแต่เป็นการสังหารโหดแบบต่ำช้าที่เรียกว่าหมาหมู่รุมกินโต๊ะเสียงครืนครืนของม้าศึกที่ควบตะบึงอย่างพร้อมเพรียง ผสานเสียงกับการขู่คำรามของทหารหลายร้อยดังกึกก้องไปทั่วธรณี ยังมีเสียงโลหะกระทบกันหมายข่มขวัญยามประจัญบานทว่าการณ์กลับพลิกผัน หมาหมู่พ
พื้นพิภพที่อยู่ระหว่างสวรรค์กับนรก อันเป็นที่อยู่อาศัยของภพมนุษย์พวกเขาบูชาเทพทุกองค์ สักการะฟ้าดินมาอย่างยาวนาน แม้จะมีจิตใจยึดเหนี่ยวในสิ่งเดียวกัน ปฏิบัติตามจารีตประเพณีแบบเดียวกันเสมอมา แต่ทว่ากลับชอบแข่งขันแย่งชิงกันเองอย่างโหดร้ายมาโดยตลอดรัชศกผู่เฮ่าปีที่เจ็ดเดือนสิบวันที่ห้าคืนเดือนเพ็ญภายในหุบเขาไค่กู่ ใจกลางมีพื้นที่ราบลุ่มอันกว้างใหญ่ไพศาล ลักษณะเป็นทุ่งหญ้าโล่งกว้างสุดลูกหูลูกตาอันเป็นสมรภูมิรบที่กำลังปะทุดุเดือดร้อนระอุชวนเลือดลมพลุ่งพล่านในยามนี้ รอบด้านมีแต่ซากศพคนตาย รอบทิศเต็มไปด้วยเศษร่างที่กระจัดกระจายของเนื้อหนังมนุษย์นับร้อยอาณาบริเวณแปดทิศมียอดหญ้าที่ควรเขียวขจีชุ่มโชกไปด้วยธารโลหิตสีแดงฉานที่สาดกระเซ็นไหลเป็นทางจนเจิ่งนองพื้นดิน โชยกลิ่นคาวคละคลุ้งตลบอบอวลไปทั่วบริเวณ ชวนสะอิดสะเอียดเหลือจะกล่าวกลิ่นสาบสางชวนคลื่นเหียนเหล่านี้กำลังลอยวนในอากาศ อยู่รอบกายแกร่งทรงพลังของบุรุษผู้หนึ่ง เขาอยู่ในชุดเกราะสีดำสนิทเรือนกายหนาแน่นกำยำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา เผยให้เห็นเลือดสีแดงสดไหลทะลัก ตามแนวชุดเกราะที่ปริแตก ตามรอยแยกนั้นมีบาดแผลฉกรรจ์มากมายหลายสายใบหน้าหล