"ข้าน้อยไม่กล้าเจ้าค่ะ หากผู้อื่นเห็นว่าข้าแอบกินของพวกนี้ จะโดนตีเอาได้เจ้าค่ะ" หมิงเสวี่ยรีบโขกศีรษะคำนับอีกหลายครั้ง "นายท่านอย่าจับข้าเลยนะเจ้าคะ ข้าน้อยผิดไปแล้ว อภัยให้ข้าน้อยด้วยเจ้าค่ะ"
"โธ่เอ๋ย แค่น่องไก่ไม่กี่น่องทำไมข้าจะไม่ให้กินเล่า" เขาว่า พลางพยุงให้ร่างเล็กลุกขึ้น "มานี่ ในครัวมีให้กินเยอะแยะ ไปกินที่นั่น ไป"
"นะ...นายท่านจะไม่ส่งข้าให้ทางการและจะไม่ตีข้าแล้วใช่ไหมเจ้าคะ" หมิงเสวี่ยทำเสียงสะอื้น ดวงตาฉายแววความหวั่นกลัวไม่น้อย
"ไม่หรอก ข้าเข้าใจ ข้าเองก็เคยอดมื้อกินมื้อแบบนี้มาก่อน" ชายชรามีท่าทีอ่อนลงมาก "คราวหลังขอดีๆ อย่าลักกินขโมยกินเขาแบบนี้อีกนะ"
หมิงเสวี่ยพยักหน้าหงึกๆรับคำอย่างรวดเร็ว "เจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่กล้าอีกแล้วเจ้าค่ะ ขอบพระคุณนายท่านที่สั่งสอนเจ้าค่ะ"
"เอ้า ลุกขึ้นได้แล้ว" ชายชราว่า "ตามข้ามาที่ครัว ข้าจะหาอะไรให้กิน"
"เจ้าค่ะ"
หมิงเสวี่ยยกชายแขนเสื้อปาดน้ำตาออกลวกๆและเดินตามชายชรามายังครัว ที่ห้องครัวนั้นหมิงเสวี่ยก็ได้รับรางวัลเป็นน่องไก่สิบน่อง นางขอบคุณแล้วขอบคุณอีก เมื่อตอนชายชราจากไปนางยังทอดสายตาซาบซึ้งใหญ่หลวงกลับไปอยู่นาน
เฮ้อ...รอดตาย แถมยังมีลาภปากอีก
ดีนะที่นางเตรียมการไว้พร้อม เอาน่องไก่ซุกเอาไว้เพื่อเตรียมรับเหตุฉุกเฉินหากถูกจับได้ และแน่นอน โชคดีที่นางมือไวพอจะเปลี่ยนห่อผ้าแพรที่ขโมยมาเป็นน่องไก่แทน
ที่สำคัญ น่องไก่ที่กินไม่หมดเหล่านี้ยังห่อกลับบ้าน ช่วยพรางของที่ขโมยมาได้อีก แหม...โชคลาภหลายชั้นจริงๆวันนี้
หมิงเสวี่ยแอบอมยิ้ม พอถึงคราวที่นางต้องยื่นตะกร้าสัมภาระให้ทหารตรวจค้น นางจึงยื่นให้อย่างสบายใจ
"อะไรเนี่ย มีแต่น่องไก่ เก็บเอาไปกินที่บ้านอีกรึนี่นังหนู" ทหารที่ตรวจค้นนางทำหน้าไม่อยากค้น แค่นึกถึงว่ามีห่อน่องไก่ให้แกะอีกเกือบสิบห่อเขาก็เหมือนจะขาดใจตาย
"ข้าจะเอาไปฝากน้องๆด้วยเจ้าค่ะ ข้าอยากให้พวกเขาได้กินของอร่อยๆ เช่นนี้บ้าง" นางยิ้มใสซื่อ
เหล่าทหารเหลียวมองหน้านางชั่วแว่บ รู้สึกคร้านจะรื้อค้นอาหาร ตอนนี้มือสองข้างมันแผล่บเสียจนจับอะไรก็สกปรกไปหมด มองไปด้านหลังของนาง ก็มีสาวใช้อีกหลายคนรอคอยให้พวกเขาตรวจ สาวๆ เหล่านั้นต่างเริ่มไม่พอใจที่เขาเสียเวลารื้อค้นนานเช่นนี้ และหากเขายังค้นละเอียดขนาดนี้ คืนนี้เขาคงไม่ต้องกลับบ้านนอนกันแล้ว
ในที่สุด ชายหนุ่มก็สิ้นความอดทน เขายัดห่อผ้าสัมภาระใส่หมิงเสวี่ย
"เอาคืนไปและไปได้แล้ว เอ้า คนต่อไป!"
"ขอบพระคุณเจ้าค่ะ!" นางคำนับให้เหล่าทหารปะหลกๆ ก่อนรีบเก็บห่อน่องไก่ใส่ตะกร้า แล้วเดินออกมาอย่างอารมณ์ดี
...ช่างง่ายเสียยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก
และในที่สุด...วันนี้ก็มาถึง วันที่หมิงเสวี่ยจะเดินทางออกจากตระกูลไป๋ตามที่นางได้ลั่นวาจาเอาไว้หมิงเสวี่ยนั่งมองห่อผ้าที่มีเสื้อผ้าอยู่แค่สี่ห้าชุดตรงหน้า ส่วนไป๋จิ้งเหอได้แต่มองนางเก็บข้าวของด้วยสีหน้าที่พยายามทำเรียบเฉย เขาเดินมาหานางพร้อมกับถุงเงินใบย่อม หญิงสาวพลันเอ่ยเสียงแข็ง "ข้าไม่เอา""ข้าไม่ได้คิดจะดูถูกเจ้า แต่ว่าข้าอยากช่วยเจ้าให้ตั้งตัวโดยเร็ว" เขาวางถุงเงินบนมือบาง "เจ้าจะได้มีความสุขอย่างที่เจ้าต้องการจริงๆ เสียที..."หมิงเสวี่ยมองถุงเงินในมือและวางมันลงข้างตัว อย่างไม่ยอมรับ ไป๋จิ้งเหอได้แต่ถอนใจเบาๆ "หากเจ้าคิดถึงเด็กๆ ก็แวะมาได้""ไม่...ข้าจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว" หมิงเสวี่ยกระชับห่อผ้าในมือ "เลี้ยงพวกเขาให้ดี ถ้าท่านจะรับคนฮูหยินคนใหม่...อย่าให้นางรังแกลูกๆ ของท่านเด็ดขาด""ข้ารับรองว่าจะไม่มีเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นแน่" เขาเดินเข้ามาใกล้ ในขณะที่หมิงเสวี่ยไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตาเขา"น้องสาวคนดี รักษาตัวด้วยนะ" เฉี่ยวเหมยเอ่ยขึ้นและยื่นแผ่นหยกสลักลายดอกเหมยสำหรับห้อยกับเชือกผู้เอวให้นาง "ถือเสียว่าเป็นของที่ระลึกจากข้า""ท่านเองก็รักษาตัวด้วย เฉี่ยวเกอเกอ" คำเร
"เจ้ามีวิธีหรือ?" จริงสิ เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่าง "ถ้ามีน่าจะบอกเฉี่ยวหลางแต่แรกสิ""เห็นท่านยุ่งอยู่เลยไม่ได้บอก...หากอยากให้ข้าบอก" นางจุมพิตเขาอีก "พาข้าไปที่เตียงสิเจ้าคะ"ไม่ว่าเปล่า นางดึงมือหนาอุ่นของเขามาทาบทับลงทรวงอกใหญ่ของนางและบังคับมือเขาลูบวนไปมา"หน้าอกเจ้าใหญ่กว่าเดิมอีกนะ หนี่เอ๋อร์" ขนาดปกติ มือเขาก็แทบจะกำไม่หมดอยู่แล้ว "แบบนี้เย่ว์เอ๋อร์จะกินนมได้หมดเหรอ?""ถึงตอนนั้นท่านก็ช่วยกินเสียสิ""ด้วยความยินดี" เขาตอบหน้าแป้น เดินอ้อมมาพยุงนางไปที่เตียง"เย่ว์เอ๋อร์ดิ้นอีกแล้ว" นางลูบท้องที่เด็กน้อยในครรภ์เตะจนจุก "วันนี้คึกคักน่าดู""สงสัยจะดีใจที่จะได้เจอท่านพ่อ..." เฉี่ยวเหมยยื่นมือไปปลดม่านเตียงลง "หรือว่าข้าคาดเดาสิ่งใดผิดไป ขอท่านหมอกรุณาชี้แนะข้าด้วย ว่าข้าควรทำเยี่ยงไร?" เฉี่ยวเหมยเอ่ยกระซิบขณะพรมจูบยังใบหน้าและริมฝีปากบาง มือไม้ที่เคยอยู่ไม่สุข ตอนนี้กลับทำได้แค่ป้วนเปี้ยนอยู่แถวทรวงอกนาง ไม่กล้ารุกรานต่ำกว่านั้น"ข้าไม่เป็นไรหรอก เฉี่ยวหลาง" นางยิ้มพลางดึงมือเขาให้สัมผัสต่ำลงไป เมื่อนางยืนยันว่าได้ เขาก็ไม่รีรอที่จะบุกตะลุย ครรภ์นางใหญ่มากแล้ว จึงต้องนอนตะแคงเข้
หลังจากวันนั้น ไป๋จิ้งเหอก็เห็นหน้าหมิงเสวี่ยน้อยลง...นางกินข้าวในห้อง...รีบดูแลเด็กๆ ให้เสร็จก่อนเขาเข้ามา และคืนห้องนอนให้กับเขาเขาปั้นสีหน้าเย็นชาไม่ทุกข์ไม่ร้อนคล้ายนางเป็นเพียงอากาศที่ล่องลอยไปมาอยู่ในบ้าน แต่ละวันหากไม่ปลูกดอกอวี้หลันหรือวุ่นวายกับการดูแลมัน บางครั้งก็หายออกจากบ้านไปครั้งละนานๆเฉี่ยวเหมยไม่ชอบบรรยากาศเช่นนี้เลย เขาอยากจะให้ทุกอย่างกลับดังแต่ก่อน สุดท้ายเขาจึงไปปรึกษาฮูหยินสุดที่รักของเขา"หนี่เอ๋อร์ เราจะหาทางให้สองคนนี้คืนดีกันไม่ได้หรือ?""มีเจ้าค่ะ" นางเอ่ยเรียบๆ"อย่างไร" ภรรยาเขาช่างฉลาดยิ่ง"...รอให้เทพหนี่วาสร้างโลกใหม่""...นอกนั้นล่ะ?""ไม่มีเจ้าค่ะ"เฉี่ยวเหมยจนด้วยเกล้า "หนี่เอ๋อร์ นี่ข้าจริงจังนะ""ข้าก็ตอบจริงจังเจ้าค่ะ" นางหยิบกรรไกรตัดด้ายจากตุ๊กตา "เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฮูหยินต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง""ข้าอยากรู้จริงว่านางคิดอะไรอยู่กันแน่...""ข้าก็เช่นกัน" จื่อหนี่ตอบอย่างหน่ายๆ "ท่านไม่อยู่ ข้าก็พูดจนปากเปียกปากแฉะ ยังไม่เข้าหูนางเลย"เฉี่ยวเหมยหยิบตุ๊กตาหน้าตาพิกลขึ้นมาพินิจใกล้ๆ ก็สรุปว่ารสนิยมของภรรยานั้นช่างไม่ธรรมดาเสียจริง "อาจจะโดนทิฐิบังต
ส่วนตงเทียนก็หันไปคุยหยอกล้อกับสาวน้อยในแปลต่อ "ซือเซียน เจ้ารู้หรือไม่ อาจารย์ปู่ของตงเกอเคยบอกว่า คนเราได้มาพบพานกันก็เพราะมีวาสนาต่อกัน ตงเกอว่า ที่เราได้พบกันก็คงเพราะมีวาสนาต่อกันเช่นที่อาจารย์ปู่บอกแน่ๆ"อ้อแอ้...อ้อแอ้...เสี่ยวเซียนตัวน้อยร้องตอบตงเกอเกอ..."อ้อ...เราอาจจะมีด้ายแดงผูกกับนิ้วแบบที่ศิษย์พี่เจี๋ยบอกก็ได้"หมิงเสวี่ยอดอมยิ้มกับภาพที่เห็นไม่ได้ ใจหนึ่งก็น่ารักน่าเอ็นดู แต่ใจหนึ่งก็อดหวาดหวั่นมิได้ว่าว่าที่พ่อตาของเขาช่างน่ากลัวเหลือเกิน...เอาน่า...เรื่องในอนาคต อย่าเพิ่งคิดมากไปดีกว่า อีกอย่าง ตงเอ๋อร์ก็ยังเด็กนัก ยังคงไม่รู้ความเท่าใด เอาไว้โตกว่านี้ อาจจะเปลี่ยนใจก็เป็นได้ตงเทียนยังคงหยอกล้อกับซือเซียน จนกระทั่ง...เจ้าของบ้านผู้หวงบุตรสาวยิ่งกว่าจงอางหวงไข่เดินเข้ามา"ตงเทียน...""ขอรับ!""ได้เวลาออกเดินทางแล้ว""ข้าคิดว่ายังเหลืออีกครึ่งชั่วยามนะขอรับ" ตงเทียนเงยหน้าขึ้นเถียง อีกตั้งครึ่งชั่วยาม เขาคุยกับซือเซียนได้อีกหลายเรื่องเลยนะ ทั้งเรื่องนกยวนยาง หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้า แล้วก็อะไรต่อมิอะไรตั้งมาก"ได้เวลาซือเซียนกินนมแล้ว" ไป๋จิ้งเหอก้าวเข้ามาใกล้อีกเพื
"อันที่จริงบาดแผลข้าก็เกือบหายขาดแล้ว เพียงกินยาตามเวลาต่อไปก็จะหายดีเอง" ผู้เฒ่าเอ่ย "ที่รั้งอยู่นานก็เพราะเป็นห่วงฮูหยินของเจ้ากับแม่นางจิงที่ตั้งครรภ์ทั้งคู่แต่ไร้คนคุ้มกัน เวลานี้เจ้ากับเฉี่ยวเหมยก็กลับมาแล้ว สมควรที่ข้าจะกลับสำนักเสียที""ศิษย์ขอบคุณอาจารย์ บุญคุณในครั้งนี้ศิษย์จะไม่มีวันลืม" ไป๋จิ้งเหอคุกเข่าให้ผู้เป็นอาจารย์อา"ฮูหยินของเจ้าก็มีบุญคุณต่อข้า เช่นนี้แล้วก็แล้วกันไปเถอะ" ผู้เฒ่าซานยื่นมือไปรั้งให้จิ้งเหอลุกขึ้น "ดูแลภรรยากับลูกๆของเจ้าให้ดี พวกเขานับเป็นสมบัติล้ำค่าที่เจ้าไม่อาจหาจากที่ใดได้" ผู้เฒ่าซานวางมือบนไหล่กว้าง "รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีๆ หวังว่าพวกเราจะได้พบกันอีก""ขอรับ" ไป๋จิ้งเหอยิ้มบาง แต่ในใจนั้นรวดร้าว เพราะรู้ดีว่าเขาไม่อาจรักษาหนึ่งในสมบัติล้ำค่านั้นได้เสวี่ยเอ๋อร์...ข้ามิอาจฉุดรั้งเจ้า...และเจ้าก็ไร้ซึ่งใจจะอยู่กับข้า...สองวันถัดมา อาจารย์และศิษย์หลานก็พร้อมจะออกเดินทางกลับ แต่ตงเทียนกลับวิ่งไปหาซือเซียนน้อยตั้งแต่รุ่งสาง แม้จะทำได้แค่นั่งมองสาวน้อยที่กำลังหลับอยู่ก็ตามเขากำลังรอ...รอว่าเมื่อนางตื่นขึ้น เขาจะเอ่ยคำลากับนาง"ซือเซียน ไว้เจ้าโตข
"อ๊ะ ศิษย์พี่" ตงเทียนสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นไป๋จิ้งเหอเข้ามา "มีธุระอันใดหรือเปล่าขอรับ?""เจ้ากำลังจุมพิตบุตรสาวข้ารึ?..." ไป๋จิ้งเหอเพ่งสายตามองไปยังมือของตงเทียนที่มีมือซือเซียนโอบจับอยู่แน่นด้วยความขุ่นเคือง"ขอรับ" เขาตอบซื่อๆ "ข้าเพิ่งรู้ว่าเด็กทารกตัวหอมขนาดนี้" ทั้งนุ่มนิ่ม ทั้งหอม มิน่าใครได้สัมผัสเด็กทารกถึงหลงรัก"อ่อ เช่นนั้นรึ?" เขาสืบเท้าเข้ามาใกล้ "จริงสิ ได้ยินว่าอาจารย์เรียกหาเจ้าอยู่น่ะ"หมิงเสวี่ยที่ยืนอยู่ข้างๆ หุบยิ้มแทบไม่ทัน เจ้าจิ้งจอกนี่โกหกมดเท็จชัดๆ!!"ท่านอาจารย์เพิ่งนอนพักไปนี่ขอรับ" เด็กน้อยเลิกคิ้ว "ท่านตื่นเร็วยิ่ง ทั้งๆ ที่ยาที่ท่านหมอให้ จะทำให้ท่านอาจารย์หลับไปถึงหนึ่งชั่วยาม""อาจจะมีธุระด่วนกระมัง เจ้ารีบไปเถอะ" เขาเอ่ยทั้งยื่นแขนไป "ส่งนางให้ข้าอุ้มแทนก็แล้วกัน""ไม่เป็นไรมิได้ขอรับ ข้าอุ้มเป็นแล้ว เดี๋ยวจะพานางไปที่เปลเอง" ตงเทียนยิ้มตอบ เขาชักชอบสัมผัสนุ่มนิ่มของซือเซียนเสียแล้วสิ"เจ้ายังอุ้มไม่คล่องนัก ส่งมาเถอะ" เสียงเขายะเยือกขึ้นทุกที"ท่านเองก็เพิ่งเป็นพ่อคนได้ไม่กี่วัน ก็อุ้มไม่คล่องเช่นกัน" ทำไมเขาทำท่าเหมือนถูกแย่งคนรักแบบนี้นะหมิงเสว