แชร์

ได้ซื้อที่ดินแล้ว

ผู้เขียน: l3oonm@
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-19 01:33:40

สองพี่น้องจึงขอตัวไปอาบน้ำเตรียมเข้านอน ลู่เพ่ยยังคงศึกษาตำราที่ลู่จื้อให้ไว้ทั้งคืน แต่เขายังไม่เข้าใจมากนัก

ลู่จื้อที่แยกตัวออกมาก็เข้าไปในมิติ นางเห็นพื้นที่วางมากมายจึงเริ่มมีความคิดที่จะซื้อเมล็ดผักมาปลูก

นางเดินเข้าไปในกระท่อมเพื่อหาตำราที่สามารถอ่านได้ เพราะเมื่อคืนมีตำราเพียงเล่มเดียวที่อ่านได้ ตอนนี้นางเปิดจุดตันเถียนได้แล้วคงจะมีสักเล่มที่นางสามารถอ่านได้

นางไล่ดูตำราที่ละเล่มจนไปเจอตำราฝึกวรยุทธ์ ยุคก่อนนางได้ฝึกมวยไทย กังฝู มวยหย่งซุน แต่ตำราเล่มนี้สอนฝึกลมหายใจกับความเร็ว ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับนาง

ลู่จื้อไม่คิดว่าการฝึกลมหายใจจะช่วยได้หลายอย่างขนาดนี้ หลังจากที่อ่านตำราจบนางถึงได้รู้ว่าการฝึกลมหายใจเป็นส่วนสำคัญของการฝึกฝนพลังปราณ

เมื่อนางลองฝึกตามตำราจึงค้นพบว่า หากนางควบคุมการหายใจได้ก็สามารถควบคุมเส้นปราณในร่างกายได้ เหมือนเป็นการเปิดเส้นปราณในร่างกายให้พร้อมที่จะเริ่มฝึกขั้นต่อไป

ตอนนี้เส้นปราณของนางนั้นใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม อีกทั้งนางยังสามารถรับรู้เสียงต่างๆ รอบตัวได้ชัดเจนขึ้นแม้กระทั่งเสียงน้ำไหลที่ลำธารนางก็ได้ยินชัดเหมือนนางนั่งอยู่ริมลำธารเลย

ลู่จื้อนางไม่รู้เลยว่า ด้วยอากาศที่อยู่ภายในมิติ ทำให้ตัวนางสามารถฝึกลมปราณได้เร็วกว่าผู้อื่น หากผู้ฝึกตนในแคว้นรู้เข้าว่านางเปิดจุดตันเถียนได้ภายในวันเดียว พวกเขาคงได้คำนับนางเป็นอาจารย์แน่

เมื่อออกมาจากมิติจิตแล้ว นางยังสามารถมองในที่มืดได้อย่างชัดเจนเช่นเดียวกันตอนกลางวัน ลู่จื้อเลยคิดว่าจะนำตำราเล่มนี้ไปให้ลู่เพ่ยและจะช่วยลู่เพ่ยเปิดจุดตันเถียนในวันพรุ่งนี้ แต่ต้องนำปลาไปขายก่อน

วันนี้สองพี่น้องยังคงนำปลามาขายเช่นเดิม เพราะบอกหลงจู๊ไว้แล้ว นางคิดว่าต่อไปคงนำปลามาขายห้าวันครั้งแทนเพราะอะไรที่มากเกินไปคนจะเบื่อเอาได้ ครั้งนี้นางจึงบอกกล่าวหลงจู๊เอาไว้ก่อน

ลู่จื้อนางตั้งใจซื้อเมล็ดผักกลับบ้านจึงให้ลู่เพ่ยพาไปซื้อ นางซื้อเมล็ด หลัวปัว (หัวไชเท้า) หูหลัวปัว (แครอท) ล่าเจียว (พริก) ชิงไช่ (กวางตุ้ง) เจี้ยหลาน (คะน้า) คงซินไซ่ (ผักบุ้ง) ป๋ายไซ่ (ผักกาดขาว) ยวี่หมี่ (ข้าวโพด) หนานกวา (ฟักทอง) หวงกวา (แตงกวา) เซี่ยงหมี่ (ข้าว) แล้วยังได้ของหายากอย่าง ฟานเฉีย (มะเขือเทศ) ถู่โต้ว (มันฝรั่ง) 

นางซื้ออย่างละหนึ่งจิน แต่ที่ซื้อมากสุดคือ ถู่โต้วนางซื้อถึงห้าสิบจิน และข้าว นางซื้อห้าจิน ลู่เพ่ยจ่ายเงินไปถึงสิบตำลึง มือสั่นเลยทีเดียว

ความจริงลู่จื้อยังอยากได้ต้นกล้าผลไม้ด้วย แต่ของในตอนนี้เยอะเหลือเกินแล้วนางยังไม่รู้วิธีปลูกในมิติจิตด้วย หากต้องพรวนดินแล้วปลูกที่ละแปลงคงต้องใช้เวลานาน หากนางรู้ว่าเพียงกำหนดจิตเท่านั้นก็สามารถปลูกได้ตามใจนึกนางคงเสียดายที่ไม่ได้ซื้อมาเยอะกว่านี้

ลู่เพ่ยตอนแรกก็อยากจะห้ามน้องสาว เพราะที่ดินของบ้านตนยังไม่มีให้น้องสาวปลูกได้ทุกอย่างที่ซื้อมา พอนางบอกว่าจะนำไปปลูกในมิติจิตเขาจึงเลิกบ่น

สองพี่น้องเดินทางไปโรงหมอฮุ่ยชิวต่อ เพื่อนำโสมแดงไปให้ท่านหมอฉีตามที่เคยบอกกล่าวกันไว้ เมื่อใช้เงินเสร็จแล้วก็ถึงเวลาต้องหาเงิน

ลู่จื้อยังคงนำโสมห่อใส่ผ้าขี้ริ้วเช่นเดิม หมอฉีที่เห็นเช่นนั้นก็ปวดใจของดีเพียงนี้ใยไม่หากล่องใส่ให้ดี แต่เขาก็มิกล้าตำหนิกลัวลู่จื้อจะนำไปขายที่อื่นแทน

หมอฉีเคยพบเจอโสมแดงมาบ้างแล้ว แต่ไม่เคยเห็นโสมแดงที่ทำออกมาอย่างถูกวิธีเช่นนี้ เพราะการควบคุมไฟในการอบนั้นต้องใช้กำลังไฟอย่างสม่ำเสมอและใช้เวลาที่พอเหมาะ โสมแดงถึงจะออกมาดี ทำให้ครั้งนี้เขาต้องมองลู่จื้อใหม่อีกครั้ง แม่นางน้อยคนนี้ช่างมีพรสวรรค์โดยแท้

“เพียงแค่อ่านตำราที่อาจารย์ทิ้งไว้ เจ้าก็ทำออกมาได้ดีเช่นนี้เลยรึ”

“เป็นอาจารย์ข้าที่เก่งเจ้าค่ะ” ลู่จื้อยิ้มจนตาหยี

“หน้าของเจ้าเป็นอันใดหรือไม่” เขาเห็นนางปิดหน้าไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งที่ไปรักษาขาให้บิดาของนางแล้ว

“ไม่เจ้าค่ะ ท่านจะให้ราคาข้าเท่าใดดีเจ้าคะ” นางเปลี่ยนเรื่องด้วยไม่รู้จะเอ่ยบอกเช่นใด หากบอกว่าผื่นขึ้น หมอฉีต้องขอดูแน่

หมอฉีก็ไม่ตระหนี่ให้ราคาอย่างยุติธรรม โสมแดงสามหัว เขายอมจ่ายถึงหัวละห้าร้อยตำลึงทองเลยทีเดียว ลู่จื้อจึงพอใจอย่างมาก แล้วยังรับปากหากนางพบโสมอีกจะนำมาขายให้เพียงร้านยาฮุ่นชิวเท่านั้น

ทั้งสองกลับถึงหมู่บ้านก็มีสายตาของชาวบ้านมองลู่จื้ออย่างเวทนา สองพี่น้องเก็บความสงสัยจนถึงบ้านจึงได้รู้ว่า บ้านลุงใหญ่กับบ้านกู้ได้ทำการหมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้ว ช่างรวดเร็วเสียจริง

บ้านรองจางมิได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ แต่พวกเขาก็หวังอยากให้มันเกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะตนจะได้ซื้อที่และสร้างบ้านในเร็ววัน

“พอหรือไม่เจ้าคะท่านแม่”

ลู่จื้อส่งเงินให้ท่านแม่ห้าร้อยตำลึงเงินเพื่อซื้อที่และสร้างบ้าน นางบอกจำนวนเงินที่ได้จากการขายโสมแดงแล้วและเก็บเงินไว้ในมิติจิต

“พอแล้ว ไม่น้อยแล้ว” มือของนางจินหรูยังสั่นไม่หาย นางเคยถือเงินมาเพียงนี้ที่ไหน แม้จะเห็นตั๋วตำลึงทอง ที่ลู่จื้อนางนำออกมาให้ดูแล้ว แต่ก็ยังตื่นตระหนกอยู่ดี

ลู่เพ่ยกับนางจินหรูจึงเดินทางไปบ้านผู้นำหมู่บ้านเพื่อซื้อที่ ทั้งครอบครัวตกลงกันแล้วว่าจะซื้อที่ยาวไปถึงริมแม่น้ำเลย ลู่จื้อจะปลูกถู่โต้วและยวี่หมี่ซึ่งในตอนนี้ชาวบ้านยังปลูกกันน้อยอยู่

"ท่านหัวหน้าหมู่บ้านอยู่หรือไม่ขอรับ" ลู่เพ่ยตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้าน

"อยู่ อยู่ รอประเดี๋ยว" หัวหน้าหมู่บ้าน ท่านลุงชุนเฉียงรีบมาเปิดประตู

"อ้าว อาเพ่ยกับสะใภ้รองจาง มีอันใดหรือ"

"ข้าสองคนอยากจะมาขอซื้อที่ดิน ที่ติดกับบ้านเจ้าค่ะ ไม่ทราบว่ามีเจ้าของหรือยังเจ้าคะ" นางจินหรูบอกความต้องการของตน

"เข้ามาก่อน เข้ามา ที่ตรงนั้นยังว่างอยู่"

เมื่อเข้ามานั่งในห้องโถงแล้ว หัวหน้าหมู่บ้านเดินไปหยิบแผนที่ออกมากางให้สองแม่ลูกดู

"พวกเจ้าอยากได้กี่หมู่ ที่ดินที่ติดกับบ้านพวกเจ้ายาวไปถึงแม่น้ำนั้นว่างทั้งหมด มีถึงหกสิบหมู่ หมู่ละหกตำลึง" หัวหน้าหมู่บ้านคิดว่าทั้งสองคงอยากได้เพียงไม่กี่หมู่ แต่คำตอบที่ได้ทำให้เขาถึงกับแปลกใจ

"พวกข้าต้องการทั้งหมดหกสิบหมู่เลยขอรับ พอดีข้าขึ้นเขาแล้วเจอโสมคน หลังจากหักเงินรักษาท่านพ่อแล้วเหลือไม่มากจึงอยากซื้อที่สร้างบ้านและไว้ปลูกผักขอรับ" ลู่เพ่ยไขข้อข้องใจให้หัวหน้าหมู่บ้านพร้อมทั้งบอกความต้องการของตน

"ดีดีดี ที่ดินหกสิบหมู่ ทั้งหมดสามร้อยหกสิบตำลึง" นางจินหรูแท้จะตกใจกับราคาที่ดินทั้งหมดแต่ก็ยังคงควบคุมสติของตนได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   เจ้าปิดหน้าทำไม

    โจวหรงเฉิงมาหาลู่จื้ออีกครั้งในวันต่อมา แต่เมื่อเข้ามาในห้องของนางก็ไม่พบว่ามีผู้ใดอยู่“เจ้าแอบหนีเข้าไปก่อนข้ามาถึงรึ” เขานั่งลงที่เตียงของนางอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์ทั้งที่บอกกล่าวไว้แล้วว่าจะมาพบในวันนี้ แต่นางกลับไปรอเขา จนถึงเกือบฟ้าจะสว่างลู่จื้อนางก็ยังไม่ออกมา โจวหรงเฉิงจำต้องกลับไปที่จวนของเขาเพื่อเตรียมตัวไปทำงานตลอดทั้งวันอารมณ์ของโจวหรงเฉิงไม่คงที่นัก หากลูกน้องทำงานไม่ได้ตั้งใจ เขาจะโมโหมากกว่าปกติขึ้นอีกสองส่วน“รองผู้ตรวจการไปกินรังผึ้งที่ใดมาถึงได้ฉุนเฉียวเพียงนี้” เจ้าหน้าที่นครหลวงนินทาผู้เป็นนายลับหลังแม้แต่ตอนที่เขาไปพบเซียวซีซวนและหลินตงหยางในตอนเย็น คิ้วของเขาก็ขมวดอยู่ตลอดเวลา“เป็นอันใด เจองานยุ่งยากเช่นนั้นรึ” หลินตงหยางเอ่ยถามสหาย ถึงแม้ว่าคิ้วของเขาจะขมวดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว แต่วันนี้ดูจะมากกว่าเดิม“ไม่มีอันใด” เขาจะบอกสหายได้อย่างไรว่าเขาไปพบลู่จื้อที่เรือนตอนกลางคืนมิใช่เพียงโจวหรงเฉิงที่มีเรื่องให้คิด แม้แต่เซียวซีซวนเองก็เป็น ประเดี๋ยวเขาก็ขมวดคิ้ว ประเดี๋ยวก็ทำท่ากังวล“เจ้าอีกคน วันนี้เป็นอันใดกันไปหมด” หลินตงหยางเอ่ยออกมา เมื่อหันไปเห็นใบหน้าของ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   นายท่านแห่งมิติจิต

    ลู่จือที่เห็นเขาจ้องมองใบหน้าของนางอย่างตกตะลึง ก็เอ่ยปากไล่ให้เขาไปนั่งเดินลมปราณที่ด้านนอก“...” หากอาจารย์ของเขาได้รู้ว่านางใช้เวลาฝึกเพียงปีเดียวก็อยู่ในขั้นปรมาจารย์แล้วคงได้กระอักเลือดออกมา“ท่านไปนั่งเดินลมปราณเถิด อ้อ...เกือบลืมไป หากท่านไปแช่น้ำในสระดอกบัวข้างศาลา จะช่วยให้ท่านเดินลมปราณได้เร็วขึ้น”“อืม...เข้าใจแล้ว” โจวหรงเฉิงหยิบตำราการฝึกหายใจติดมือมาด้วยก่อนจะอุ้มเสี่ยวเฮยไปที่สระดอกบัวแต่สิ่งที่ลู่จื้อไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องเดินลมปราณ หากนั่งสมาธิเดินลมปราณในสระดอกบัวจะยิ่งช่วยขยายเส้นลมปราณให้ใหญ่มากกว่าเดิม การเดินลมปราณเพื่อเลื่อนขั้นจึงเร็วขึ้นเรื่องนี้เสี่ยวเฮยตัวดีแอบบอกโจวหรงเฉิง หากลู่จื้อนางรู้ มันได้ถูกนางตีแน่ โทษฐานที่เลือกบอกโจวหรงเฉิงแต่ไม่ยอมบอกนางโจวหรงเฉิงที่กำหนดลมหายใจตามคำบอกของเสี่ยวเฮย เขารับรู้ได้ถึงลมปราณที่วิ่งพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ยิ่งได้อยู่ในน้ำจิตวิญญาณ ดูเหมือนว่าพลังฟ้าดินภายในมิติจิต กำลังไหลเข้าสู้ร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว“เกิดอันใดขึ้น” ลู่จื้อที่เป็นเจ้าของมิติจิต รับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนางลุกออกจากห้องปรุงยาไปที่สร

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ถึงคราวซวยก็ซวยทั้งวัน

    ลู่จื้อส่งฟางซินให้สาวใช้ดูแลเสร็จนางก็เข้าห้องทันที จูบแรกของนางไม่ว่าจะภพที่แล้วหรือในภพนี้ คนที่ได้ไปคือโจวหรงเฉิง ความสับสนในใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน“บ้าจริง” นางสบถออกมาอย่างหัวเสียลู่จื้อไม่ได้รู้เลยว่าตอนที่นางกำลังเหม่อลอยอยู่นั้น โจวหรงเฉิงที่คิดว่ากลับจวนของเขาไปแล้ว จะย้อนกลับมาที่เรือนของนาง แล้วเข้ามาทางหน้าต่างพอนางจะหายตัวเขาไปในมิติ ฝ่ามือหนาของเขาก็จับเข้าที่ตัวของนางทันที“ท่าน!!!” นางร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นใบหน้าที่กำลังประหลาดใจของโจวหรงเฉิงมองไปรอบๆ มิติของนางอยู่“นะ นี่ เป็นไปได้อย่างไร” ตอนนี้โจวหรงเฉิงมิได้สนใจว่าลู่จื้อนางจะมีโทสะเรื่องที่เขาเข้ามาได้อย่างไร เขากำลังสถานที่แปลกตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อนด้วยความสนใจ“ข้าจะออกไปส่งท่าน” ลู่จื้อเอื้อมมือจะไปจับมือของโจวหรงเฉิง แต่เขายกหนีเสียก่อน ด้วยรู้ว่าสาเหตุที่เข้ามาได้ก็เพราะเขาสัมผัสที่ตัวนาง“ประเดี๋ยว ให้ข้าอยู่ต่อก่อน จื้อเออร์ที่นี่คือที่ใดกัน” เขามองมาที่นางอย่างไม่เข้าใจลู่จื้อถอนหายใจออกมาอย่างปลงตก คนเราเมื่อถึงคราวซวยก็ช่างซวยเสียตลอดทั้งวัน“มิติจิตของข้า รู้แล้วจะออกไปได้หรือยัง”“ยัง เ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ลงโทษเด็กดื้อ

    หลินตงหยางไล่ให้คณิกาทั้งห้องออกไปเสียก่อน ก่อนที่สหายทั้งสองจะระเบิดอารมณ์ออกมา ไม่มีบุรุษคนใดที่เห็นสตรีที่ตนหมั้นหมายแล้วมาในสถานที่เช่นนี้แล้วจะพึงพอใจ"พวกเจ้าเล่นสนุกกันเกินไปแล้ว" เซียวซีซวนที่เห็นฟางซินก้มหน้าไม่รู้ว่านางอับอายหรือเสียใจที่พบตน แต่เขาก็ทำใจตำหนินางไม่ลง ได้แต่ถอนหายใจ"หรือคุณชายเซียวคิดว่าพวกท่านมาได้ แต่สตรีเช่นข้าทั้งสองมาไม่ได้" ลู่จื้อมองค้อนบุรุษทั้งสามที่แสดงท่าทีใจแคบ"กลับประเดี๋ยวนี้!!! ข้าจะไปส่ง" โจวหรงเฉิงที่กดข่มอารมณ์ได้แล้วก็เอ่ยปากขึ้น"ไม่รบกวนใต้เท้าโจวเจ้าค่ะ พวกข้าเพิ่งจะมาถึง เชิญพวกท่านหาความสำราญตามสบายเจ้าค่ะ" ลู่จื้อยังไม่อยากจะกลับ หญิงคณิกาพวกนั้นทำให้ชีวิตในเมืองหลวงที่น่าเบื่อหน่ายหลายวันมานี้มีสีสันมากขึ้น"จื้อ เออร์ อย่าให้ข้าหมดความอดทน" ลู่จื้อ มองโจวหรงเฉิงที่เหมือนมองคนโง่ จะมาหมดความอดทนอะไรกัน นางยังไม่ได้ทำอะไรเขาเลย"ซินซิน ข้าจะไปส่งเจ้ากลับจวน" ฟางซินรีบลุกขึ้นเดินก้มหน้ากลับไปพร้อมเซียวซีซวนทันที จนนางลืมลู่จื้อไปเลย“อ้าว...พี่หญิงจะทิ้งข้ารึ รอข้าด้วย" ลู่จื้อที่ได้สติก็รีบตามฟางซินไป"มากับข้า" โจวหรงเฉิงดึงมือของ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   หอเลี่ยงซู

    และวันที่นัดก็มาถึง ลู่จื้อพาฟางซินไปที่เรือนของนางเพื่อเปลี่ยนเครื่องแต่งกายใหม่ ทั้งคู่ใส่ชุดบุรุษ สาวใช้ข้างกายที่พามาด้วยเป็นคนสนิทย่อมไม่พูดเรื่องนี้ออกไป เมื่อจับทั้งคู่แต่งตัว ก็กลายเป็นคุณชายรูปงามหากสาวใดได้สบตาคงลืมมิหลง ยิ่งลู่จื้อทำเป็นชายตามองสาวใช้ของฟางซินยังต้องเอามือทาบหน้าอก"คุณหนูจางอย่าไปมองสตรีที่ใดเช่นนี้นะเจ้าคะ" นางก้มหน้าลง"เพราะเหตุใด" ลู่จื้อถามขึ้นด้วยความสงสัย"เพราะบ่าวยังตกหลุมรักท่านเลยเจ้าค่ะ" สาวใช้ของฟางซินกับเสี่ยวถิงหัวเราะกันเสียงดังไปจนถึงเรือนของลู่เพ่ยกับหวังเหอรุ่ยบุรุษในบ้านเมื่อรู้ว่าคู่หมั้นของเซียวซีซวนมาก็ไม่ออกมาเดินเพ่นพ่านนอกเรือนของตนเลย จึงไม่รู้ว่าหญิงสาวทั้งสองวางแผนไปที่ใดกันคืนนี้ฟางซินจะค้างที่เรือนของลู่จื้อ เซียวซีซวนรับรองให้นางแล้ว ทางตระกูลเว่ยจึงไม่ได้ว่าอันใด และรู้ว่าบุตรีของตนเป็นเช่นไรจึงได้แต่ปิดตาข้างหนึ่งสองสาวในชุดบุรุษยืนอยู่หน้าหอเลี่ยงซู หอคณิกาชื่อดังในเมืองหลวง ใครจะคิดว่าทั้งคู่จะนึกสนุกมาเที่ยวเล่นในสถานที่เช่นนี้ลู่จื้อ หยิบยกพกของโจวหรงเฉิงมาห้อยที่ข้างเอวของนางด้วย เพราะมันเข้ากับชุดบุรุษที่นางสวมใส

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวน้อยในหมู่บ้านหนานชุน   ถึงเมืองหลวงแล้ว

    การเดินทางครั้งนี้ยังคงมีเสี่ยวถิงติดตามไปด้วย ห้องพักบนเรือถูกจองไว้ทั้งหมดสามห้อง ห้องกว้างขวางสมกับราคาที่เสียไปยิ่งนัก แม้จินเจาจะนอนกับเด็กทั้งสองของตระกูลอู๋ก็ไม่อึดอัดแต่อย่างใดการบริการที่จัดไว้ก็นับว่าใช้ได้ หากไม่อยากไปกินอาหารที่ห้องอาหารก็จะมีเสี่ยวเอ้อยกขึ้นมาส่งด้านบน ชั้นที่พวกลู่จื้ออยู่นั้นเป็นชั้นสาม มีทางบันไดขึ้นไปชมวิวบนดาดฟ้าให้ด้วย มีห้องอาหารอยู่ในชั้นสามไม่ต้องลงไปด้านล่างของเรือแต่หากเป็นชั้นสองจะมีเพียงระเบียงด้านหน้าห้องพักเท่านั้นให้นั่งชมวิว ชั้นหนึ่งนอกจากจะเป็นห้องอาหารสำหรับคนที่เข้าพักชั้นสองกับชั้นหนึ่งแล้วก็เป็นห้องรวมสำหรับคนที่มีงบน้อยใช้ในการเดินทางการเดินทางโดยเรือก็ไม่ได้แย่อย่างที่ลู่จื้อนึกไว้ นางไม่ได้มีอาการเมาเรืออย่างที่คิด (มันจะมีได้ไง เจ้าเป็นผู้ฝึกตน) ที่เลือกเดินทางทางเรือ พวกบัณฑิตทั้งหมดจะต้องรีบไปรายงานตัวกับสำนักศึกษา หากรู้ตัวกันเร็วกว่านี้คงเดินทางด้วยรถม้าเช่นที่ผ่านมานับว่าการเดินทางด้วยเรือเร็วไม่น้อย เพียงไม่กี่วันพวกเขาก็เดินทางมาถึงเมืองหลวงแล้วเมื่อเดินทางถึงเมืองหลวงเซียวซีซวนให้คนมารอรับที่ท่าเรือเพื่อนำทางไปส่งท

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status