แชร์

บทที่ 4 (1/2) : ไม่คิดที่จะถอย (1)

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-23 11:36:29

     เมิ่งเจียวซินก้าวขาลงไปนั่งแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ ก่อนจะลองนำเอาความทรงจำของร่างนี้รวมเข้ากับเนื้อหาในนิยาย ตอนนี้น่าจะอยู่ช่วงที่ซุนเย่ผิงพาตัวเองไปขายให้กับหอโคมเขียวประจำเมืองเป็นแน่ เนื่องจากเนื้อหาในนิยายมีบรรยายเอาไว้ว่า...

     หลังจากที่ซุนเย่ผิงไปทำความรู้จักและพูดคุยกับสตรีในหอโคมเขียวนางหนึ่งมาได้สักพัก นางก็เริ่มมีความคิดที่จะใช้หน้าตาและเรือนร่างของตัวเองหลีกหนีจากความเป็นบ่าว แล้วด้วยความทะเยอทะยานและความรักสบายของนาง ซุนเย่ผิงจึงเริ่มวาดฝันเอาไว้ว่า ด้วยใบหน้านี้ของนาง หากนางก้าวขาเข้าไปในหอโคมเขียวก็คงจะได้ขึ้นเป็นนางคณิกาอันดับหนึ่งของที่นั่นเป็นแน่ แล้วเมื่อจูมี่ผู้เป็นป้าห่าง ๆ ของนางขอลากลับไปเยี่ยมบุตรชายที่บ้านเดิมเป็นเวลาหนึ่งเดือน นางก็รีบใช้ช่วงเวลานั้นขายตัวเองเพื่อเข้าไปฝึกศาสตร์ด้านต่าง ๆ ที่นางคณิกาพึงมีในหอโคมเขียวทันที 

     ถึงแม้สุดท้ายซุนเย่ผิงจะไม่สามารถขึ้นเป็นนางคณิกาอันดับหนึ่งของหอโคมเขียวแห่งนั้นได้ แต่นางก็ได้ติดหนึ่งในสามของนางคณิกาผู้มีใบหน้างดงามของที่นั่น แล้วก็ด้วยเพราะเงินจากการประมูลคืนแรกของนาง เมื่อจูมี่เดินทางกลับมาถึงเรือนของเมิ่งเจียวซิน ซุนเย่ผิงก็รีบนำเงินจากการขายตัวเองให้กับหอโคมเขียวรวมเข้ากับเงินส่วนแบ่งที่เพิ่งจะได้รับมา เข้ามาใช้ไถ่ถอนตัวเองและผู้เป็นป้าจากความเป็นบ่าวทันที

     โดยซุนเย่ผิงโกหกผู้เป็นป้าของนางว่า ตนเองได้บังเอิญไปช่วยชีวิตคนผู้หนึ่งเอาไว้ อีกฝ่ายจึงมอบเงินจำนวนนี้มาเป็นการตอบแทน

     แต่ด้วยความที่จูมี่รักเมิ่งเจียวซินมาก และไม่อยากทิ้งผู้เป็นนายไว้เพียงลำพัง จูมี่จึงเอ่ยปฏิเสธเงินของนาง ซุนเย่ผิงก็ทำได้เพียงไถ่ถอนตัวเอง แล้วออกไปใช้ชีวิตเป็นนางคณิกาแบบเต็มตัว

     แล้วหลังจากนั้นไม่นาน ในเช้าวันหนึ่งขณะที่ซุนเย่ผิงกำลังพักผ่อนอยู่ในหอโคมเขียว จูมี่ก็ได้บุกเข้าไปพูดคุยกับท่านเจ้าของหอ เพื่อขอไถ่ตัวผู้เป็นหลานสาว เพราะจูมี่คิดว่าซุนเย่ผิงถูกจับมาขายในระหว่างเดินทางกลับไปยังบ้านเดิม

     ซุนเย่ผิงจึงจำเป็นต้องออกมาสารภาพความจริงทุกอย่างกับผู้เป็นป้า แล้วหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ไม่ว่าซุนเย่ผิงจะซื้อของหรือนำเงินไปให้กับจูมี่ที่เรือนของเมิ่งเจียวซิน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมออกมาพบหรือออกมารับของจากนางเลยสักครั้ง กว่าที่ผู้เป็นป้าจะยอมกลับมาพูดคุยกับนางอีกครั้ง ก็คือวันที่อีกฝ่ายต้องการขอความช่วยเหลือจากนาง เพื่อเมิ่งเจียวซิน...

     หลังจากเมิ่งเจียวซินนั่งคิดเรื่องของซุนเย่ผิงมาได้สักพัก นางก็ลุกขึ้นจากน้ำเพื่อจัดการดูแลร่างกายใหม่ของตัวเองจนเรียบร้อย จากนั้นนางจึงเดินไปหยิบพวกกุญแจที่บิดาเจ้าของร่างนี้นำมาฝากเอาไว้ ก่อนที่เจ้าตัวจะออกเดินทาง... โดยลูกกุญแจในพวงนี้มีไว้สำหรับเปิดห้องพักของอีกฝ่าย เปิดหีบเก็บของมีค่าที่อยู่ภายในห้องนั้น และเปิดห้องเก็บสมุนไพร ซึ่งที่ผ่านมาบิดาเจ้าของร่างนี้อนุญาตให้เพียงเมิ่งเจียวซินเท่านั้นที่สามารถเข้าออกสองห้องนี้ได้

     แล้วเมื่อนึกไปถึงเมิ่งเจียวฉือบิดาเจ้าของร่างนี้ เจ้าตัวได้ให้สัญญากับเมิ่งเจียวซินคนเดิมเอาไว้ว่า จะกลับมาให้ทันวันปักปิ่นของนาง แต่ตามเนื้อหาในนิยาย...พอถึงวันนั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้กลับมาหานาง แล้วจนถึงลมหายใจสุดท้ายของตัวละครเมิ่งเจียวซินนางก็ยังไม่ได้พบกับผู้เป็นบิดา ซึ่งหลังจากที่ตัวละครเมิ่งเจียวซินจากไป นิยายก็ไม่ได้กล่าวถึงเมิ่งเจียวฉืออีกเลย

     เมิ่งเจียวซินคิดเรื่องบิดาเจ้าของร่างนี้พร้อมกับเดินไปเปิดประตูห้องเก็บสมุนไพร ภายในห้องมีทั้งยาที่ปรุงสำเร็จแล้ว สมุนไพรหลากหลายชนิด รวมไปถึงหม้อและอุปกรณ์สำหรับการปรุงยา นางจึงเข้าไปดูของต่าง ๆ ที่อยู่ภายในห้องนั้นสักพัก ก่อนจะล็อคประตู แล้วเดินไปเปิดประตูห้องพักของเมิ่งเจียวฉือ เพราะนางต้องการจะเข้าไปหาสมุดเปล่า เนื่องจากภายในห้องพักของนางมีเพียงกระดาษที่ใช้สำหรับวาดเขียนเท่านั้น 

     แล้วเมื่อเดินเข้าไปในห้องพักของเมิ่งเจียวฉือ นางก็เห็นชั้นวางหนังสือสี่ชั้นที่เต็มไปด้วยตำราสมุนไพร ตำราแพทย์ แล้วยังมีตำราสำหรับการปรุงยาด้วย เมิ่งเจียวซินจึงเดินเข้าไปดึงตำราที่น่าสนใจออกมาหนึ่งเล่ม แล้วนำไปวางที่โต๊ะเขียนหนังสือ จากนั้นนางจึงพลิกเปิดหน้าตำรา... 

     ‘ข้าสามารถอ่านและเข้าใจภาษาในโลกใบนี้ได้สินะ’ เมิ่งเจียวซินรู้สึกพอใจกับความสามารถที่ติดตัวมากับร่างนี้

     หลังจากนั้นเมิ่งเจียวซินก็สังเกตเห็นสมุดที่ดูเหมือนจะผ่านการใช้งานมาอย่างหนักวางอยู่บนโต๊ะตัวนั้นสามเล่ม นางจึงหยิบมาเปิดอ่าน สมุดทั้งสามเล่มมีการจดความแตกต่างระหว่างการตรวจการรักษามนุษย์กับพวกมารและพวกปีศาจแบบค่อนข้างที่จะละเอียด รวมไปถึงขั้นตอนการปรุงยาสมุนไพร แล้วก็ด้วยเพราะการที่นางหยิบสมุดสามเล่มนั้นออกมา นางจึงเจอสมุดเปล่าที่วางถัดจากแท่นฝนหมึก 

     เมื่อได้ในสิ่งที่นางต้องการแล้ว เมิ่งเจียวซินก็คิดจะยืมตำราและสมุดบันทึกสามนี้กลับไปอ่าน นางจึงลุกขึ้นไปเลือกตำราที่น่าสนใจมาเพิ่มอีกห้าเล่ม หลังจากนั้นนางจึงนำตำราที่เลือกมาทั้งหกเล่ม สมุดจดบันทึกสามเล่ม สมุดเปล่าอีกหนึ่งเล่มเดินกลับไปวางไว้ที่โต๊ะกลางห้องพักของตนเอง ก่อนจะกลับมาล็อคประตูห้องพักของเมิ่งเจียวฉือ จากนั้นนางจึงเดินไปยกสำรับที่ซุนเย่ผิงจัดเตรียมทิ้งเอาไว้ให้

     ซึ่งในระหว่างที่เมิ่งเจียวซินเดินไปยกสำรับ นางก็ได้แวะปิดพร้อมกับลงกลอนประตูและหน้าต่างทุกบานภายในเรือนไปด้วยเลย

     พอกลับเข้ามาในห้องพัก เมิ่งเจียวซินก็เริ่มด้วยการนั่งรับสำรับพร้อมกับนำกระดาษเปล่า พู่กัน และแท่นฝนหมึกมาลองเขียนตัวอักษร ในเมื่อนางสามารถอ่านและเข้าใจเนื้อหาในตำราเหล่านี้ได้ ดังนั้นการเขียนตัวอักษรนางก็น่าจะทำมันได้เช่นกัน แล้วก็เป็นไปตามคาด 

     ยามนี้นางจึงได้ข้อสรุปแล้วว่า ความรู้ความสามารถบางอย่างที่ร่างนี้เคยทำได้หรือทำมันบ่อย ๆ จนติดเป็นนิสัย อย่างการอ่าน การเขียน การใช้ตะเกียบกินข้าวแบบในตอนนี้ รวมไปถึงการใส่ชุดสตรีจีนโบราณด้วยตัวเองแบบเมื่อครู่ นางจะสามารถทำมันได้เองอย่างเป็นธรรมชาติ 

     จากนั้นเมิ่งเจียวซินจึงลองใช้พู่กันเขียนเป็นตัวอักษรภาษาไทย แม้จะเขียนยากเพราะด้วยรูปแบบของตัวอักษร แต่นางก็ต้องทำ เนื่องจากยามนี้นางต้องการจดบันทึกเงื่อนไข ภารกิจ รวมไปถึงเป้าหมายของตัวนางเอง แล้วก็ด้วยเพราะนางไม่สามารถพกสมุดติดตัวไปได้ตลอดเวลา หากนางไม่ยอมเปลี่ยนภาษาแล้วมีผู้ใดมาบังเอิญเจอสมุดบันทึกของนางเข้า มันคงไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนางเป็นแน่ นางจึงต้องหาทางป้องกันตัวเองเอาไว้ก่อน 

     เมื่อใช้พู่กันเขียนภาษาไทยได้คล่องแล้ว เมิ่งเจียวซินจึงเริ่มด้วยการเขียนชื่อของตนเองลงไปในหน้าแรกของสมุด ตามด้วยเหตุผลที่ทำให้นางต้องเข้ามาอยู่ในโลกใบนี้ ต่อด้วยเงื่อนไข และภารกิจที่ระบบให้มา ก่อนที่นางจะเริ่มวิเคราะห์...จนได้ข้อสรุป หลังจากนั้นนางจึงเก็บสมุดบันทึกไว้ในลิ้นชักของโต๊ะข้างเตียง แล้วกลับมานั่งรับสำรับต่อจนหมด จากนั้นนางจึงนำตำราและสมุดบันทึกของเมิ่งเจียวฉือมานอนอ่านที่เตียงจนเผลอหลับไป

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทพิเศษที่ 7 (2/2) : บทส่งท้าย (2) {จบบริบูรณ์} (มี nc นะเจ้าคะ) 

    “ซินซิน” “วันนี้ทำ...” เมิ่งเจียวซินที่กำลังเงยหน้าขึ้นไปกล่าวทักทายผู้เป็นสามีหยุดชะงัก ก่อนจะดึงสายตากลับมา แล้วก้มลงไปมองบุตรชายกับบุตรสาวที่วิ่งเข้ามากอดขาของเธอคนละข้าง “แม่...แม่ อุ้ม!” น้องน้ำเอ่ยร้องขอ พร้อมกับส่งสายตาวิงวอนให้ผู้เป็นมารดา เมิ่งเจียวซินโน้มตัวลงไปอุ้มบุตรสาวขึ้นมา ส่วนบุตรชายยังคงยืนกอดขา หลี่อวิ้นกุยรู้สึกหัวเราะไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก เพราะบุตรทั้งสองหวงมารดามาก น่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนเจ็ดเดือนได้กระมัง ที่แฝดชายหญิงติดหนึบ และเริ่มหวงมารดา หากตื่นมาแล้วไม่เห็นมารดาอยู่ในระยะสายตา หรือเห็นเขาอยู่ใกล้ชิดเมิ่งเจียวซินมากจนเกินไป ก็จะพากันร้องไห้ขึ้นมาทันที ในช่วงแรก ๆ เขาแทบจะรับมือไม่ได้ แต่ทว่าตอนนี้...หึ!

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทพิเศษที่ 7 (1/2) : บทส่งท้าย (1) 

    หลี่อวิ้นกุยมองเมิ่งเจียวซินที่นอนใบหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง เขาจับมือของเธอเอาไว้แน่น เขาจะไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน หากสตรีที่เขารักยังไม่รู้สึกตัว เวลานี้หลี่อวิ้นกุยยังรู้สึกสะเทือนใจ และยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดรวดร้าวที่ได้เห็นสตรีตรงหน้ารับมือกับการคลอดบุตร โดยที่เขาไม่อาจช่วยอะไรอีกฝ่ายได้เลย ซึ่งทั้ง ๆ ที่หลี่อวิ้นกุยล้มเลิกความคิดเรื่องอยากให้เมิ่งเจียวซินตั้งครรภ์แฝดไปแล้ว เขาอยากให้เธอตั้งครรภ์แบบเดี่ยวมากกว่า แต่ทว่าสุดท้ายภรรยาของเขากลับตั้งครรภ์แฝดเสียอย่างนั้น ถึงแม้ว่า...จะเป็นการตั้งครรภ์แฝดแบบธรรมชาติ แต่ในระหว่างที่เมิ่งเจียวซินตั้งครรภ์ สตรีที่เขารักต้องเผชิญหน้ากับภาวะแท้งคุกคาม และภาวะครรภ์เสี่ยงอีกตั้งหลายอย่าง แล้วไหนจะความยากลำบากในการดำเนินชีวิตแต่ละวันของเธออีก หลี่อวิ้นกุยถึงจะช่วยรับหน้าที่แพ้ท้องแทนเมิ่งเจียวซิน แต่มันเที

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทพิเศษที่ 6 (2/2) : บอกรักภรรยา (2) (มี nc นะเจ้าคะ) 

    เมิ่งเจียวซินชะงัก เนื่องจากเรื่องนี้เธอไม่ได้คิดถึงเลยด้วยซ้ำ แล้วการที่อยู่ ๆ คุณยายใบบัวถามเรื่องนี้ขึ้นมา คงเพราะอยากจะชวนพวกเธอเปลี่ยนเรื่องพูดคุยเป็นแน่! ซึ่งยังไม่ทันที่เมิ่งเจียวซินจะได้เอ่ยแก้สถานการณ์ หลี่อวิ้นกุยก็กล่าวขึ้นมาว่า... “ผมแล้วแต่ซินซินเลยครับ แต่บ้านหลังใหม่ผมได้ทำห้องเผื่อเอาไว้แล้วสามห้องครับ” คำตอบที่ได้ยินทำเอาเมิ่งเจียวซินเผลอหันไปจ้องหน้าของบุรุษหนุ่มข้างกายอยู่ครู่หนึ่ง อาจเพราะผลพวงจากโลกนิยายเธอจึงคิดไปเองว่า หลี่อวิ้นกุยอาจจะไม่อยากมีบุตรก็ได้ เธอจึงไม่เคยหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาคิดอีกเลย แล้วในระหว่างนั้นคุณยายใบบัวก็เริ่มถามต่อว่า หลังแต่งงานจะมีเลยไหม? อยากให้บุตรคนแรกเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย? คุณใหญ่ชอบเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงมากกว่ากัน?&nb

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทพิเศษที่ 6 (1/2) : บอกรักภรรยา (1) 

    วันนี้คือ วันแรกที่หลี่อวิ้นกุยได้กลับมาทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกาย หลังจากห่างหายไปเกือบหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจากเหตุการณ์ในห้องน้ำวันนั้น... แล้วถึงแม้ว่า ช่วงที่ผ่านมาบุรุษหนุ่มข้างกายจะทำกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกายไม่ได้ แต่เมิ่งเจียวซินก็ช่วยบริหารร่างกาย และทำกายภาพบำบัดแบบเบา ๆ ให้หลี่อวิ้นกุยบนเตียงนอน แล้วยังปล่อยให้อีกฝ่ายดูแลช่วยเหลือตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น การขยับขึ้นลงจากเตียง เพื่อไปเข้าห้องน้ำ เป็นต้น พอได้กลับมาทำตามโปรแกรมกายภาพบำบัดฟื้นฟูร่างกายอีกครั้ง จึงไม่เกิดการติดขัด หรือเจ็บกล้ามเนื้อส่วนสะโพก และช่วงขาตอนขยับมากนัก เมิ่งเจียวซินเห็นหลี่อวิ้นกุยกลับมามุ่งมั่นทำตามโปรแกรมที่วางไว้ในแต่ละวันอย่างตั้งใจ อีกฝ่ายไม่ได้หักโหมอย่างในช่วงที่ผ่านมาอีกแล้ว เธอก็รู้สึกดี และรู้สึกสบายใจมาก &n

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทพิเศษที่ 5 (2/2) : สร้างความคุ้นเคย (2) (มี nc นิด ๆ นะคะ)

    ปัญหาที่สองคือ เรื่องอุบัติเหตุในคืนนั้น... หลังจากหลี่อวิ้นกุยฟื้นคืนสติในโลกใบนี้ได้สองวัน คุณปู่หลี่อวิ้นเจียงก็เล่าให้ฟังว่า ทางตำรวจได้ข้อสรุปอย่างชัดเจนแล้วว่า แม่เลี้ยงของเขาเป็นคนอยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุในคืนนั้น...สตรีวัยกลางคนผู้นั้นได้จ้างวานคนงานในคฤหาสน์ตัดสายเบรกรถยนต์ของเขา แล้วนอกจากเรื่องอุบัติเหตุ สตรีวัยกลางคนยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังมือปืนที่แฝงตัวเข้ามาเก็บหลี่อวิ้นกุยถึงในคฤหาสน์ตระกูลหลี่ด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบเจ็ดเดือนแล้ว ตำรวจยังตามจับตัวแม่เลี้ยงของเขาไม่ได้ ถ้าหากหลี่อวิ้นกุยยังอยู่ในโลกนิยาย...เขาคงส่งคนของตัวเองไปลงมือสังหารสตรีวัยกลางคนผู้นั้นทิ้งไปแล้ว! แต่เพราะในโลกใบนี้ทำอย่างนั้นไม่ได้ เขาจึงได้แต่ต้องหาทางบีบอีกฝ่ายให้เผยตัวออกมาโดยเร็วที่สุด เนื่องจากหลี่อวิ้นกุยอยากจบปัญหานี้ให้ได้ก่อนแต่งงาน เขาจึงพูดกับ

  • ทะลุไปเป็นอาจารย์ตัวประกอบเพื่อสอนรัก...พระเอก   บทพิเศษที่ 5 (1/2) : สร้างความคุ้นเคย (1)

    เมิ่งเจียวซินเฝ้ามองหลี่อวิ้นกุยที่กำลังพยายามฝืนฝึกเดินบนราวด้วยความรู้สึกเป็นห่วง และปวดใจ เธอรู้ว่า บุรุษหนุ่มข้างกายอยากรีบกลับมาเดินให้ได้ แต่หากฝืนมากจนเกินไป มันจะส่งผลร้ายมากกว่าผลดี สามเดือนที่ผ่านมา...เมิ่งเจียวซินรับรู้ และเห็นมาโดยตลอดว่า หลี่อวิ้นกุยทั้งตั้งใจ อดทน และพยามยามทำทุกอย่างตามโปรแกรมกายภาพบำบัด และอดทนทำตามคำแนะนำของคุณหมอนพชัยทุกประการ แต่พอคุณยายใบบัวกับท่านเจ้าสัวหลี่อวิ้นเจียงนำฤกษ์แต่งงานของพวกเธอเข้ามาให้ดู อย่างเร็วสุดคือ กลางเดือนกันยายน หรือก็คือในอีกสามเดือนข้างหน้า แล้วถ้าหากจัดงานแต่งในฤกษ์นี้ไม่ทัน ก็คงต้องรอไปอีกสองปี ถึงจะมีฤกษ์ดีสำหรับพวกเธออีกครั้ง ซึ่งเมิ่งเจียวซินกับหลี่อวิ้นกุยเห็นตรงกันว่า จะจัดงานแต่งในปีนี้เลย คราแรกคุณยายใบบัวกับท่านเจ้าสัวมีท่าทีไม่เห็นด้วย แต่พอเมิ่งเจียวซินกับหลี่อวิ้นกุยช่วยกันพูดเกลี่ยกล่อม เ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status