ก่อนหน้านี้เพียงนิดเป็นกู่ซิงอีที่นำทางฉีหย่ามาที่ลานว่างหน้าเรือนของคุณชายว่านด้วยตนเอง
วันนี้นอกจากเขาจะต้องทำงานบ้านแบกน้ำแบกของแล้วยังต้องมารับหน้าที่ตรวจเวรแทนคนเดิมอีกเช่นเคย ดังนั้นพอเขาเดินไปไหนมาไหนทั่วจวนก็ดูไม่น่าผิดสังเกตมากนัก ทุกอย่างช่างเข้าที่เข้าทาง
ระหว่างที่ส่งฉีหย่าไปแล้วตัวเขาก็ไม่ได้ไปไหนไกล รั้งหลบรอดูเหตุการณ์อยู่แถวนั้น
กู่ซิงอีเห็นว่าพอแม่นางฉีหย่าพูดไปได้สักพักก็เริ่มเข้าไปทำท่าจะนั่งบนตักของคุณชายว่าน แต่เพราะคุณชายว่านหันหลังอยู่กู่ซิงอีจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไร คาดเดาไปแล้วว่าแม่นางฉีหย่าคงทำสำเร็จ ด้วยการพูดที่ชาญฉลาดและช่างเอาใจจึงคิดว่าที่นางสามารถไปนั่งตักคุณชายว่านได้คงเพราะอีกฝ่ายคงเรียกนางเข้าไปหาเป็นแน่ รอยยิ้มมุมปากพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
ทว่าขาของฉีหย่ายังไม่ทันนั่งลงถึงที่หมายร่างบางก็ถูกผลักออกอย่างแรงจนตัวกระเด็นไปนั่งอยู่บนพื้น จากนั้นกู่ซิงอีที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนักก็ได้ยินเสียงคุณชายว่านตะโกนเรียกหลี่เซียวให้เข้ามาหา
กู่ซิงอีขมวดคิ้วมุ่นตามเหตุการณ์ไม่ทัน รีบขยับเข้าใกล้ไปอีกนิดเพื่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไยคนงามมาอยู่ตรงหน้าแล้วกลับปล่อยไปเช่นนี้!
ฉีหย่ามุ่ยหน้าด้วยความเจ็บ ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณชายว่านถึงโกรธเกรี้ยวขึ้นมา คราแรกแม้คุณชายว่านจะมีสีหน้าเย็นชาอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจกันอย่างออกนอกหน้าขนาดตอนนี้ นางจึงใจกล้าเข้าไปหาเขาก่อน ทว่าพอได้เห็นท่าทีในตอนนี้แล้วก็รับรู้ได้ถึงชะตากรรมของตัวเองขึ้นมาทันที “คุณชายบ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้ว อย่าไล่บ่าวออกเลยเจ้าค่ะ บ่าวแค่อยากทำงานในจวนเท่านั้น” ฉีหย่ารีบแก้ตัวด้วยความร้อนรน
ก่อนหน้านี้เพียงนิด นางก็แค่เอ่ยว่าอยากอยู่ในจวนแห่งนี้คล้ายเป็นนัยว่าอยากเป็นคนของคุณชายว่าน แล้วพอเห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉยเลยคิดว่าเปิดทางให้นางถึงได้เข้าไปยั่วยวนอย่างใกล้ชิดแบบที่ได้ร่ำเรียนมาจากหอโคมแดง แต่พอเรื่องกลับตาลปัตรเมื่อรู้ว่าไม่ได้ผลจึงรีบกลับคำแก้ประโยคเป็นทำงานที่จวนแทน ถึงมันจะช่างสวนทางกับการกระทำก่อนหน้านี้ก็ตาม
และจังหวะนั้นก็พลันคิดไปว่าคุณชายว่านอาจจะยังไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าสวย ๆ ของตนก็ได้ อีกฝ่ายเลยนึกรังเกียจสตรีชาวบ้านแบบนางถึงขั้นผลักนางกระเด็นออกมาไกลขนาดนี้ ฉีหย่าจึงรีบขยับเข่าไปหาคุณชายว่านอีกนิดเพื่อให้เขาเห็นใบหน้าของนางให้ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้จะยังเจ็บสะโพกอยู่ก็ตาม “คุณชายให้บ่าวทำงานที่จวนเถอะนะเจ้าค่ะ งานที่โรงเตี๊ยมค่อนข้าง...”
“เช่นนั้นข้าก็จะช่วยเจ้าให้สมหวัง ส่งเจ้าไปจวนของคู่หมั้นข้าแทนก็แล้วกัน อย่างไรเสียที่นั่นเมื่อรู้ว่าข้ามอบคนให้คงไม่คิดปฏิเสธที่จะรับเจ้าไว้” ว่านฟู่เฉิงไม่แม้แต่จะปรายตามองนางให้เสียลูกตา หันใบหน้ามองต้นพลับเสียยังดีกว่า
กู่ซิงอียังฟังไม่ชัดทั้งหมดและไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้ยินฉีหย่าตะโกนขอร้องอยู่สองสามคำก่อนจะโดนหลี่เซียวลากออกไป จากนั้นก็เห็นคุณชายว่านหันรถเข็นกลับมา กู่ซิงอีตกใจลนลานรีบขยับตัวทำท่าทางขยับขาเหมือนกำลังเดินตรวจเวรผ่านมาพอดี
“เจ้าน่ะ” ว่านฟู่เฉิงอารมณ์ไม่ดียิ่งนัก หงุดหงิดถึงขั้นไม่อยากออกแรง พอหันมาเจอบ่าวคนเมื่อวานก็เรียกไว้
“คุณชายเชิญกล่าว” กู่ซิงอีรีบเดินมาก้มหน้าต่ำพร้อมทำความเคารพ
“พาข้ากลับห้องที” น้ำเสียงนั้นต่อให้หลับตาฟังยังรู้ได้ว่าอารมณ์เสียยิ่งนัก แต่ใบหน้าของว่านฟู่เฉิงยามนี้มีเพียงความเอือมระอาที่ฉายผ่านไปชั่วแวบหนึ่งเท่านั้น ก่อนเจ้าตัวจะปรับสีหน้าราบเรียบเฉยชาดังเดิม เหลือไว้เพียงคิ้วเรียวยาวที่ขมวดมุ่นเป็นเอกลักษณ์
“ขอรับ” กู่ซิงอีรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของคุณชายว่านนั้นกระแทกลงที่ท้ายประโยคเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเรื่องที่ตนวางแผนไว้นั้นผิดพลาดไปตรงไหน ได้แต่ขยับตัวมาเข็นเจ้านายกลับห้องไป
“เอาไปเผาทิ้งเสีย” ครั้นมาถึงในห้องแล้วว่านฟู่เฉิงก็หยิบผ้าคลุมขาราคาแพงโยนให้กู่ซิงอีรับไว้ ใบหน้าเริ่มบึ้งตึงอีกครั้งหลังนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมา ดวงตาคมกล้าแทบจะกรีดเนื้อผู้ถูกมองได้
“...” กู่ซิงอีรับไว้และเตรียมจะจากไปเพราะมาส่งคนแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงคนด้านหลังที่นั่งอยู่กลางห้องสั่งออกมา
“เตรียมน้ำให้ด้วย”
ทั้งที่ช่วงเย็นก็เป็นกู่ซิงอีที่โดนใช้ให้ยกน้ำมาไว้ในห้องอาบน้ำด้านข้างเพื่อให้คุณชายว่านอาบน้ำไปแล้วรอบหนึ่ง คนผู้นี้จะทำความสะอาดร่างกายหลายรอบไปทำไม แม้เขาจะสงสัยมากนักแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป เพียงพูดว่า “คุณชายโปรดรอบ่าวสักครู่” กู่ซิงอีรับคำแล้วปิดประตูลง
ระหว่างทางไปสั่งคนให้ช่วยต้มน้ำให้ก็คิดว่าพรุ่งนี้ตนจะจากไปแล้วเพราะแผนในครั้งนี้ล่มไม่เป็นท่าดังนั้นเขาคงต้องหาแผนใหม่ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก เลยคิดจะลาออก
กู่ซิงอีหิ้วน้ำเย็นมาเทจนใกล้เต็มถังไม้ จากนั้นถึงไปยกน้ำร้อนตามมาทีหลัง พอตรวจดูว่าน้ำกำลังร้อนพอดีก็ไปแจ้งคุณชายว่านให้ทราบ
แต่ไม่คิดว่าตนจะต้องพาอีกฝ่ายมาห้องอาบน้ำด้วย เพราะปกติเป็นหลี่เซียวคอยช่วยอยู่ข้าง ๆ แทน ทว่าหลี่เซียวตั้งแต่ที่ลากแม่นางฉีหย่าออกไปก็ยังไม่กลับมาเลย
กู่ซิงอีไม่รู้ว่าต้องช่วยคุณชายว่านถึงขั้นไหน ตอนที่ช่วยถอดอาภรณ์ตัวนอกให้เสร็จจนเหลือชุดสีขาวตัวในสุดก็ลงมืออุ้มคุณชายว่านลงไปในถังไม้ แต่เพราะน้ำค่อนข้างสูงและต้องหย่อนตัวคุณชายลงไปจนถึงด้านในจึงทำให้แขนเสื้อของเขาเปียกไปข้างหนึ่ง
ว่านฟู่เฉิงขมวดคิ้วมุ่นไม่คิดว่าตนจะถูกอุ้มอีกแล้ว แค่คิดจะให้พามาห้องอาบน้ำเท่านั้นเดี๋ยวที่เหลือตนจัดการเอง แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็มานั่งอยู่ในถังไม้อาบน้ำเป็นที่เรียบร้อย ปกติจะเป็นหลี่เซียวค่อยช่วยเขาเข้ามาในนี้ หากหลี่เซียวไม่อยู่ก็จะเป็นบ่าวคนอื่นมาช่วยส่งเขาถึงแค่ในห้องอาบน้ำแทน ทุกคนแทบไม่กล้ามาโดนตัวเขาด้วยซ้ำ พอมาส่งถึงด้านในห้องอาบน้ำได้ก็มีแต่จะพากันรีบหนีออกไป
ทว่าบ่าวคนใหม่ที่ชอบทำหน้านิ่งไม่สนโลกผู้นี้ถึงขั้นอุ้มเขาถึงสองรอบแล้ว แถมยังยกเขาไปมารวดเร็วไม่บอกกล่าวล่วงหน้าอีกด้วย แต่ถ้าหากช้ากว่านี้อีกนิดเขาคิดว่าเขาคงเผลอลงมือทุบตีบ่าวคนนี้เป็นแน่
“คุณชายอยากให้บ่าวช่วยขัดหลังด้วยหรือไม่ขอรับ” กู่ซิงอีเป็นคนฉลาดแต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากนักและไม่เคยมีสหายที่เป็นเพศเดียวกันมาก่อน ดังนั้นไม่แน่ใจว่าปกติต้องช่วยขัดหลังให้คนอื่นหรือไม่ แต่สมัยก่อนผู้เฒ่าเว่ยชอบใช้เขาอยู่บ่อย ๆ เขาจึงลองถามออกไป
“ออกไปก่อน ข้าจะเรียกทีหลัง” ว่านฟู่เฉิงที่หันหลังอยู่ก็ตอบกลับเสียงเบา
“ขอรับ บ่าวมีเวรเดินตรวจจวนอีกเล็กน้อยจะรีบกลับมาหลังจากทำงานส่วนนั้นเสร็จแล้ว” กู่ซิงอีไม่ลืมหน้าที่หลักของตน เพราะอย่างไรเสียหากเกิดเรื่องขึ้นมาตนเองจะเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบ ก็ตระกูลว่านร่ำรวยขนาดนี้ย่อมตกเป็นที่หมายตาอันดับต้น ๆ ของกลุ่มโจรที่จะเลือกปล้นชิงทรัพย์อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะหละหลวมไม่ได้ หวังก็แต่คนดื้อรั้นผู้นี้จะไม่เล่นน้ำจนเผอเรอจมน้ำตายก็พอ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะพลอยเดือดร้อนอีก
ค่ำคืนวันนี้ไร้ดวงจันทร์คอยส่องแสงอย่างเคย ทางเบื้องหน้ามืดสนิทจนแทบมองไม่เห็นทางเดิน แต่กู่ซิงอีกลับไม่รู้สึกว่ามันน่ากลัวอย่างที่คิด อาจเป็นเพราะยามนี้เขาได้ขี่อยู่บนหลังผู้อื่น ลำตัวแนบชิดกับคนที่กำลังเดินอยู่จนไร้ช่องว่างระหว่างกาย รับรู้ได้ถึงแผ่นหลังที่สั่นไหวเบา ๆ ทำให้รู้ว่ายังมีใครอีกคนอยู่กับตนเสมอ กู่ซิงอีกระชับอ้อมแขนที่เกี่ยวคอคนออกแรงอยู่เพิ่มขึ้นอีกนิด “อีกนานหรือไม่” เขาเอ่ยถามออกไปเพราะรู้สึกว่าตนถูกแบกมาไกลมากแล้ว กระนั้นว่านฟู่เฉิงก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเดิน “เสี่ยวอี เหนื่อยแล้วหรือ” ว่านฟู่เฉิงเดินช้าลงและย่ำเท้าด้วยความเบา ด้วยเกรงว่าตนอาจจะเดินเร็วไปจนตัวสะเทือนทำให้คนที่อยู่บนหลังรู้สึกไม่สบายตัว “ข้าจะเหนื่อยได้อย่างไร ท่านเป็นคนแบกข้าอยู่นะ” กู่ซิงอีซบคางลงที่ไหล่ของว่านฟู่เฉิง ใจจริงแล้วเขาอยากให้เวลาหยุดอยู่เช่นนี้ตลอดไปเลยต่างหาก ถึงได้กำลังกลัวว่าจุดหมายปลายทางจะมาถึงเร็วเกินไป กระนั้นก็ยังอดห่วงว่าว่านฟู่เฉิงจะหนักอยู่ดีเลยไม่ได้บอกความในใจออกไป กู่ซิงอีเพิ่งได้รู้ว่าเมื่อก่อนตอนที่ว่านฟู่เฉิงถูกเขาแบกขึ้นบนหลังเดินไ
หลี่เซียวที่กำลังเดินอยู่ในจวนก็พบกับคุณชายของตนกำลังเดินมาหาด้วยท่าทางเร่งรีบ เขาไม่ได้เดินไปหาอย่างที่ควรจะเป็น กลับรอคุณชายเดินเข้ามาหาตนที่หยุดรออยู่ก่อนแล้วแทน พลางคิดในใจว่า เอาอีกแล้ว ! “เห็นเสี่ยวอีของข้าหรือไม่” นั่นไง จะมีสิ่งใดที่เขาเดาผิดไปจากท่าทางเร่งรีบของคุณชายได้อีก ! “เมื่อครู่พอคุณชายกู่เตรียมรากบัวต้มน้ำตาลอยู่ในครัวเสร็จแล้วคิดจะถือนำไปให้คุณชายด้วยตัวเอง แต่ไม่ทันระวังเผลอสะดุดจนของในมือหกรดตัวเอง ตอนนี้น่าจะกำลังไปเปลี่ยนชุดขอรับ” “สะดุดหรือ ! แล้วเสี่ยวอีบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” ว่านฟู่เฉิงพูดค่อนข้างเร็วอย่างหาได้อยาก แทบจะยืนไม่ติดที่อยู่แล้ว ตอนนี้ร่างกายอยู่ตรงนี้แต่หัวใจกลับลอยไปไกลแล้ว “ไม่เป็นอะไรมากขอรับ คุณชายกู่ทรงตัวได้ทันจึงไม่ได้ล้มพับไปกับพื้น แถมรากบัวก็มิได้ร้อนมากและก็เพียงเปื้อนโดนปลายอาภรณ์เล็กน้อยเท่านั้น” สิ่งที่หลี่เซียวไม่ได้กล่าวจนหมดก็คือกู่ซิงอีนั้นร้อนรนขนาดไหนหลังจากทำขนมหกใส่ตัวเอง เอ่ยปากบ่นอยู่หลายประโยคว่าชุดนั้นคุณชายเป็นคนเลือกให้ตนเองกับมือแถมยังแพงมากด้วย ครั้นบ่นเสร็จก็รีบจาก
ด้วยเพราะรู้ว่ากู่ซิงอีหลับลึกขนาดไหน ว่านฟู่เฉิงจึงใช้เรื่องนี้ในการแอบเอาเปรียบกู่ซิงอีอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นเมื่อคืนที่เขาตื่นมากลางดึกและพบว่ามีใครแอบขยับมาซุกกายแนบชิดตนอยู่ แบบนั้นมีหรือจะอดใจไหว เผลอกัดกู่ซิงอีไปหลายทีจนกระทั่งอีกฝ่ายส่งเสียงฮึมฮัมในลำคอเหมือนจะรู้สึกตัวเขาถึงได้แสร้งหลับลงไปตามเดิม แต่กลับไม่ได้ปล่อยคนในอ้อมกอดให้เป็นอิสระ เมื่อก่อนจะแอบทำทีไรต้องหักห้ามใจตลอด แต่บัดนี้ทั้งคู่ตบแต่งกันแล้ว เขาขอเชยชมสักนิดก็คงไม่เป็นไรกระมัง แต่อาจเพราะเผลอตัวมากไป กลับกระทำการไม่แนบเนียน โดนจับได้ตั้งแต่อีกฝ่ายลืมตาตื่นขึ้นมา “คุณชายว่าน เมื่อคืนทำอะไรแปลก ๆ หรือไม่” ว่านฟู่เฉิงหันมองคนที่ลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง เพราะกู่ซิงอีขี้ร้อนเป็นทุนเดิมเวลาสวมเสื้อผ้านอนมักจะมัดหลวม ๆ พอตื่นนอนมาทีไรเสื้อผ้าที่มัดไม่แน่นก็จะหลุดลุ่ยอย่างเช่นตอนนี้ อาภรณ์ที่เปิดกว้างเผยให้เห็นแผ่นอกขาวเนียนบางส่วนที่มีรอยช้ำจาง ๆ ผมดำเงาชี้ฟูเล็กน้อย ดวงตาก็หรี่เล็กลงยังไม่ทันลืมตาได้เต็มที่ แต่กลับถามเหมือนรู้บางอย่างเช่นนี้ เล่นเอาคนที่กำลังยกน้ำชาไปให้รู้สึกร
รุ่งอรุณก่อนวันงานเทศกาลฉีเฉียว “เสี่ยวอี เจ้ากำลังจะไปที่ใด” ว่านฟู่เฉิงเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นมาและกำลังลุกขึ้นนั่งก็ทันได้เห็นกู่ซิงอีที่เพิ่งแต่งตัวเสร็จเข้าพอดี แถมดูท่าทางรีบร้อนเหมือนจะออกไปจากห้อง เมื่อถามเสร็จเขาก็เบนสายตามองดูท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่าง ฟ้ายังไม่ทันสว่างเท่าไรนักน่าจะเลยยามเฉิน[1]มาเพียงไม่นาน ([1] ยามเฉิน คือ 07.00 – 08.59 น. ) แน่นอนว่าปกติทั้งสองคนต่างพากันตื่นเช้ากว่านี้นัก แต่เมื่อวานคุยกันแล้วว่าจะหยุดทำงานสามวัน เหตุใดกู่ซิงอีถึงลุกมาแต่งตัวคล้ายจะไปทำงานอีก ต่อให้ปกติพวกเขาจะสลับทำงานที่จวนและที่ร้านว่าน และวันนี้คือวันที่ต้องทำงานที่จวน ทว่าว่านฟู่เฉิงอยากให้ดูไม่มีความน่าสงสัยจึงเปลี่ยนเป็นหยุดงานทั้งหมดแทน คำกล่าวเช่นนั้นก็รวมถึงงานที่จวนก็ไม่ต้องทำมิใช่หรือ หยุดก็คือหยุด ไหนเลยกลับคาดไม่ถึงว่ากู่ซิงอีจะไม่เข้าใจสิ่งที่หมายถึงให้หยุดอยู่จวนจริง ๆ ครั้นพอได้เห็นอีกฝ่ายแต่งตัวก็คิดว่าจะออกไปที่ห้องทำงาน “ไปร้านขนมไฉ่ที่ข้าชอบอย่างไรเล่า นานครั้งเราถึงจะว่างในช่วงเช้าแบบนี้ รอบนี้ก็ไม่ต้องวานให้คนอื่นไปต่อแถวแทน ได้
อีกทั้งด้ายแดงที่เด่นชัดแม้อยู่ห่างไกลกันถึงเพียงนี้จากข้อมือแต่ละข้างของว่านฟู่เฉิงและกู่ซิงอีก็ดูคล้ายกันยิ่งนัก คนแอบมองจิตใจลนลานรีบหันกลับไปด้วยดวงตาเบิกโพลง ก้าวเดินตามหลังคนนำทางไปติด ๆ ด้วยท่าทางที่เร่งรีบขึ้นกว่าเดิมราวกับกำลังโดนไฟไล่เผาก้นมา สิ่งที่คนภายนอกกล่าวมาเรื่องฮูหยินของตระกูลว่านไม่มีที่มาที่ไปที่แน่ชัดหลอมรวมกับการกระทำของคนทั้งสองด้านหลัง และยังบวกกับก่อนหน้านี้ที่ได้พูดคุยกับกู่ซิงอีก็คล้ายว่างานทั้งหมดของตระกูลว่านได้ตกอยู่ในมือกู่ซิงอีแล้ว ดังนั้นทุกอย่างที่นึกขึ้นได้จึงไม่ใช่ตนคิดไปเองแน่ ๆ ทว่าเซี่ยหลี่จวินแม้จะได้ล่วงรู้ความลับเรื่องนี้เข้าแต่ก็ไม่ได้คิดจะป่าวประกาศให้คนอื่นได้รับรู้หรอก เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเป็นหลัก เนื่องจากตระกูลว่านเป็นคนเปิดเส้นทางหลายสายให้เขา ดังนั้นนอกจากแตะว่านฟู่เฉิงไม่ได้แล้ว ก็ยิ่งห้ามทำให้กู่ซิงอีไม่พอใจอีกด้วย ! ถ้าล่วงรู้อนาคตได้ว่าเรื่องราวจะดำเนินมาเป็นแบบนี้เขาคงจะเห็นใจกู่ซิงอีอีกสักหน่อย บางทีตัวเขาอาจได้ผลประโยชน์มากกว่าให้บุตรสาวของตนตบแต่งกับน้องชายบุญธรรมของว่านฟู่
“ขอรับ !” หลี่เซียวรีบร้อนรับคำก่อนจากไป ฉีหย่าหันมองซ้ายขวาด้วยความตกใจ นางจะถูกปฏิบัติอย่างนี้จริง ๆ หรือ นางไม่งดงามหรือไรทำไมคุณชายว่านถึงไม่คิดจะสนใจหรือเมตตานางสักนิด แม้จะต้องยอมรับว่าสองคนตรงหน้านางรูปงามไร้ที่ติ แต่นางไม่คิดว่าตนเองจะด้อยค่าถึงเพียงนี้ ! จังหวะนั้นเองประตูห้องบานเดิมพลันเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้เป็นนายท่านเซี่ยเดินออกมา พอเห็นบ่าวในจวนของตนที่นั่งกองกับพื้นก็ฉงน ที่แท้คนที่ส่งเสียงดังเมื่อครู่ก็คือฉีหย่าสาวรับใช้ที่บุตรสาวทิ้งไว้ที่จวนเมื่อสองปีก่อน สตรีนางนี้แม้หน้าตาจะงดงามแต่กลับทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่าง มีดีแค่ดนตรีกับร่ายรำ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกับการทำงานในจวนได้เล่า ดังนั้นสำหรับเขาแล้วนางแทบไม่มีสิ่งใดให้ใช้งานได้เลย ตัวเขาแทบไม่อยากพามาทว่านางก็ดื้อดึงขอตามมาจนได้ เขายังกลัวว่าฮูหยินของตนจะเข้าใจผิดด้วยซ้ำ บัดนี้ยังจะมาสร้างความเดือดร้อนให้อีก ช่างน่าขายหน้าจริง ๆ เซี่ยหลี่จวินหันมองว่านฟู่เฉิงด้วยความระวัง กลัวว่าสิ่งที่เคยสัญญาไว้จะถูกยกเลิกเพียงเพราะบ่าวรับใช้ในจวนของตนเอง “คุณชายว่าน เป็นข้าไม่อบรมบ่