/ รักโบราณ / นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง / บทที่ 1 มู่หนิงชิงทะลุมิติ (ตอนปลาย)

공유

บทที่ 1 มู่หนิงชิงทะลุมิติ (ตอนปลาย)

last update 최신 업데이트: 2025-05-12 07:51:33

บทที่ 1 มู่หนิงชิงทะลุมิติ (ตอนปลาย)

มู่หนิงชิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ประหนึ่งปลดปลงกับชีวิต เริ่มต้นกวาดตามองสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างจริงจัง

“สภาพบ้านที่เห็นตรงหน้า อืมม ขอใช้คำว่า ทรุดโทรมยิ่งนักก็แล้วกัน”

จากนั้นจึงลองเพ่งสายตาเพื่อทดสอบดูว่า ความสามารถพิเศษของเธอที่ถูกเรียกขานว่า เนตรปีศาจ ติดตัวมาด้วยหรือไม่ ปรากฏว่าเธอยังมีความสามารถพิเศษนี้ติดตัวอยู่

ฟู่ววว ค่อยยังชั่ว แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าชีวิตในภายภาคหน้าจะลำบาก...

“โชคยังดีที่เนตรปีศาจไม่หายไป ความรู้สึกของตัวละครในนิยาย ตอนทะลุมิติมาใหม่ๆ เป็นอย่างนี้เองสินะ แล้วฉันทะลุมาเป็นคาแร็คเตอร์ไหนเนี่ย นางเอก นางร้าย หรือว่าเป็นตัวประกอบใช้แล้วทิ้งกันแน่ น่าปวดหัวชะมัดโผล่มาที่ไหนก็ไม่รู้” บ่นจบก็ลงไปนอนแผ่หลาอีกรอบ

ประตูห้องนอนถูกเปิดอีกครั้ง ซูซื่อ* หรือซูเหม่ยพร้อมด้วยมู่หนิงอันก้าวตรงมาหา ในมือของผู้เป็นมารดาถือชามใส่โจ๊กอยู่

“ชิงเอ๋อร์ ในที่สุดลูกก็ฟื้น แม่ดีใจเหลือเกิน ลูกยังเจ็บตรงไหนอยู่หรือไม่”

สตรีรูปร่างผอมบางอายุราวสามสิบกว่าๆ ผิวซีดเหลืองใบหน้าซูบตอบ มีริ้วรอยลึกที่หางตา นางแต่งกายด้วยชุดผ้าฝ้ายเนื้อหยาบสีอ่อน มีรอยปะชุนหลายแห่งทว่าสะอาดสะอ้าน

ในสายตาของมู่หนิงชิง หากหญิงสาวเบื้องหน้า มีน้ำหนักตัวมากกว่านี้อีกสักหน่อย คงสะสวยไม่น้อยเป็นแน่

“ชิงเอ๋อร์กินโจ๊กเสียหน่อยนะ ลูกนอนหลับไปหลายวันคงหิวแย่" น้ำเสียงของนางเปี่ยมล้นด้วยความห่วงใย สายตาอ่อนโยนและอบอุ่น

มู่หนิงชิงขยับนั่งพิงหมอน รับถ้วยโจ๊กที่ใสจนนับเม็ดข้าวได้มาถือไว้ เธอเหลือบมองมารดาเจ้าของร่าง รวมถึงเด็กหญิงตัวน้อยนามมู่หนิงอันด้วยความเห็นใจ

ท่าทางสภาพความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้คงไม่ดีนัก เดาได้จากลักษณะของโจ๊กในชาม

“พวกท่านกินข้าวแล้วรึยัง…เจ้าคะ” เสียงของเธอยังคงแหบแห้ง ร่างกายยังคงระบม โดยเฉพาะบาดแผลที่ศีรษะ อาจต้องเวลาในการฟื้นตัวราวสองสามวันกว่าจะดีขึ้น

“แม่กับน้องทานแล้ว ลูกไม่ต้องห่วง รีบกินโจ๊กตอนที่ยังร้อนเถอะ เสร็จแล้วจะได้ดื่มยา ท่านหมอหูบอกว่าลูกอาจมีเลือดคั่งในหัว ต้องดื่มยาเพื่อสลายเลือดเหล่านั้น เดี๋ยวแม่กลับมานะ" พูดจบซูซื่อก็ลุกขึ้นเพื่อไปต้มยามาให้บุตรสาว

มู่หนิงชิงตักโจ๊กเข้าปากเงียบๆ ทว่ากำลังครุ่นคิดเรื่องยาต้ม ในนิยายจีนโบราณทุกเรื่องที่เคยอ่าน ล้วนบอกว่ารสชาติขมจนแทบบ้วนทิ้ง นี่นางกำลังจะได้ลองลิ้มชิมรสกับตัวเองอย่างนั้นรึ จะตื่นเต้นหรือหวาดหวั่นดีล่ะ!

โจ๊กใสแจ๋วหมดลงในชั่วอึดใจ เด็กหญิงตัวน้อยรับชามเปล่ามาจากมือของพี่สาว นำไปวางบนโต๊ะ พร้อมกับรินน้ำใส่ชามเล็กที่ใช้ดื่มก่อนหน้านี้กลับมาให้

“พี่ใหญ่ดื่มน้ำอีกหน่อยนะเจ้าคะจะได้อยู่ท้อง” เสียงเล็กเอื้อนเอ่ยบอกพี่สาวขณะยื่มชามใส่น้ำมาให้

ความรู้สึกสลดหดหู่ ถาโถมจิตใจของมู่หนิงชิงดั่งคลื่นซัด ครอบครัวนี้ช่างน่าเวทนานักต้องดื่มน้ำเพื่อช่วยให้หายหิว หญิงสาวเกิดความละอายใจ กับการใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อก่อนจะทะลุมิติมา

ตัวเธอเคยกินแต่อาหารดีๆ แพงแค่ไหนหากอยากลิ้มรสต้องได้กินสมใจ อาหารหากไม่เลิศรสก็ไม่เคยคิดแตะ ตามประสาคนเรื่องมาก ถึงได้เปิดภัตตาคารระดับสูงเป็นของตัวเอง จุดประสงค์หลักคือเอาไว้สนองความชอบเรื่องอาหาร และจุดประสงค์รองคือเอาไว้บังหน้าอาชีพแท้จริงของตน…

“ขอบใจนะอันเอ๋อร์” มู่หนิงชิงรับน้ำมาดื่มโดยไม่ลืมกล่าวขอบใจเด็กน้อย

หลังจากดื่มหมดจึงเอ่ยปากถามไถ่ ถึงสาเหตุที่ร่างนี้ได้รับบาดเจ็บ เพราะเรื่องราวสุดท้ายที่เธอเห็น คือภาพที่มู่หนิงชิงกำลังเดินขึ้นเขา เพื่อไปหาสมุนไพรและของป่ามาขาย นางมองเห็นบางสิ่งเบื้องหน้าอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ และได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากทางด้านหลัง จากนั้นสติสัมปชัญญะก็ดับวูบลง

เสียงเล็กสดใสของมู่หนิงอัน เริ่มต้นเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้พี่สาวฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ สีหน้าท่าทางของเด็กน้อยดูจริงจังขณะบอกเล่าเรื่องราว มู่หนิงชิงเห็นแล้วอดเอ็นดูเจ้าตัวเล็กไม่ได้

“วันนั้นพี่ใหญ่แบกตะกร้าขึ้นเขาไปหาของป่ามาขายตามปกติ และบอกท่านแม่ว่าวันนี้จะเดินเข้าไปลึกสักหน่อย หากมีโชคอาจพบของดีเหมือนอย่างครอบครัวของท่านลุงจงบ้าง

จนกระทั่งยามเว่ย (13:00-14:59) ท่านก็ไม่กลับลงมาเสียที ท่านแม่เป็นห่วงมาก เลยออกไปเรียกท่านพ่อและพี่รองที่ไร่ จากนั้นทุกคนก็ไปตามพี่ใหญ่บนเขา และพบท่านนอนหมดสติ หายใจรวยรินอยู่ที่ใต้ต้นไม้ ท่านพ่ออุ้มท่านกลับมา ท่านแม่ไปตามท่านหมอหูมารักษาท่านเจ้าคะ… ฮึก ตอนนั้นพี่ใหญ่ชีพจรอ่อนมาก ท่านหมอหูบอกให้พวกเราทำใจ ฮึก ข้ากลัวมากเลยเจ้าค่ะ”

มู่หนิงอันน้ำตาเอ่อท้น เริ่มสะอื้นไห้อีกครั้ง เด็กหญิงกลัวมากจริงๆ กลัวว่าพี่สาวจะเป็นอะไรไป มือเล็กผอมบางเอื้อมมาจับมือของพี่สาวไว้แน่น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นและเริ่มเล่าเรื่องราวที่เหลือ

“ท่านพ่อท่านแม่อยู่เฝ้าท่านทั้งคืนเลย พอตอนเช้า ท่านหมอหูก็กลับมาตรวจอีกรอบ ตอนนั้นชีพจรของพี่ใหญ่กลับมาเต้นเป็นปกติแล้วเจ้าค่ะ ท่านหมอหูประหลาดใจมากแต่ก็ดีใจมากเช่นเดียวกัน พูดว่าน่าเหลือเชื่อจริงๆ ดีจริงๆ อยู่หลายครั้งเลยเจ้าค่ะ”

ดวงตากลมโตไร้เดียงสา รอยยิ้มน่ารักประดับใบหน้าเล็กมอมแมมของมู่หนิงอัน

คนฟังพยักหน้าหลังฟังจบ กำมือซ้ายหลวมๆ เริ่มถูนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ไปมาขณะใช้ความคิด

‘ดูท่าว่าตัวเราคงเข้ามาอยู่ในร่างนี้ ทันทีที่เจ้าของร่างสิ้นลมสินะ เป็นไปได้ว่าสาเหตุที่ทำให้มู่หนิงชิงตัวจริงเสียชีวิต คงไม่ใช่อุบัติเหตุลื่นล้มศีรษะกระแทกพื้นเสียแล้วกระมัง' มู่หนิงชิงอนุมานในใจแววตาเย็นชาขึ้นหลายส่วน

* ซื่อ : เป็นคำที่ใช้เรียกสตรีที่ออกเรือนแล้วตามหลังแซ่เดิม เช่น ซูเหม่ย = ซูซื่อ

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง    บทที่ 86 อาการป่วยของซวินเหิงเยว่ (ตอนปลาย)

    บทที่ 86 อาการป่วยของซวินเหิงเยว่ (ตอนปลาย) องค์ชายสี่ถูกแต่งตั้งให้มาเป็นอ๋องครองเมืองแทนซวินเหิงเยว่ คนรักของเขาซึ่งเป็นองครักษ์ส่วนพระองค์เดินทางติดตามมาด้วย องค์ชายสี่เป็นคนมีคุณธรรม และตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ มีปัญหาอะไรก็จะปรึกษาหย่งหนานโหวเพื่อขอคำแนะนำ ทั้งคู่กลายมาเป็นสหายดีที่ต่อกัน ช่วยกันดูแลเมืองอี้เฉิงให้เจริญรุ่งเรืองมิต่างจากตอนที่ซวินเหิงเยว่ครองเมือง แม้นว่าโหวหนุ่มจะคิดถึงสหายรักจอมกวนอยู่บ่อยครั้ง หากแต่หน้าที่ต้องมาก่อน จะทำตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ เหมือนตั้งแต่สมัยที่ยังเยาว์จนกระทั่งก่อนซวินเหิงเยว่อภิเษกสมรสไม่ได้อีกต่อไป ตระกูลฟ่านเปิดใจยอมรับโหวหนุ่มมากขึ้น อนุญาตให้หมั้นหมายฟ่านฮุ่ยเจินไว้ก่อน แต่กำหนดแต่งงานยังมิได้ระบุ หลังผ่านพ้นหน้าหนาวในปีนั้น องค์รัชทายาทซวินเหิงเยว่และพระชายา ออกเดินทางทั่วแคว้น เพื่อศึกษาพื้นที่ และตรวจดูความเป็นอยู่ของราษฎร ตามพระราชโองการของฮ่องเต้ซวินเสวียนคง อันที่ซวินเหิงเยว่เป็นผู้บีบคั้นพระบิดา ให้ออกพระราชโองการให้เขากับพระชายา ออกเดินทางเยี่ยมราษฎร ชายหนุ่มไม่โปรดชีวิตวุ่นวายในเมือง เนื่องจากบรรดาขุนน

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 86 อาการป่วยของซวินเหิงเยว่ (ตอนต้น)

    บทที่ 86 อาการป่วยของซวินเหิงเยว่ (ตอนต้น) แสงตะวันอบอุ่นยามเช้าในช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิ สาดส่องผ่านช่องหน้าต่างห้องหอ ปลุกให้ซวินเหิงเยว่ที่ตื่นเช้าเป็นกิจวัตรลืมตาขึ้น ทั้งที่เจ้าตัวพึ่งล้มตัวลงนอนไปได้ไม่ถึงสองชั่วยาม! เขานอนตะแคงทอดมองชายาคนงาม ที่ยังอยู่ในห้วงนิทราด้วยแววตาลึกซึ้ง ท่อนแขนแกร่งพาดบนอยู่เอวคอดกิ่ว มือใหญ่วางทาบอยู่บนสะโพกเปลือยเปล่า และเมื่อขยับผ้าห่มเล็กน้อย ตั้งใจจะช่วยคลุมกายชายารักให้มากขึ้น เพราะกลัวว่านางจะหนาว ดวงเนตรคู่คมพลันเหลือบเห็นจ้ำสีกุหลาบกระจายอยู่เต็มผิวขาวเนียนละออ ริมฝีปากหยักกระตุกยิ้มอย่างพึงใจ นึกถึงภาพเร่าร้อนของเขาและนางที่ร่วมกระทำกันมาทั้งคืน เพียงแค่คิดความเป็นชายก็ตั้งตระหง่าน ชายหนุ่มมุดหายเข้าไปใต้ผ้าห่ม ซุกใบหน้าหล่อเหลากับบุปผางามที่ยังแดงช้ำจากร่วมหออย่างดุเดือด เซียวหนิงชิงรู้สึกถึงบางสิ่งร้อนชื้นกำลังดูดดึงส่วนบอบบางของตน ความรู้สึกรัญจวนวาบหวามพลันบังเกิด ถึงตายังหลับทว่ากลับส่งเสียงครางหวาน ขานรับการปรนเปรอจากลิ้นร้อนของสวามี ร่างแกร่งใต้ผ้าห่มยิ่งได้ใจ ขยับทั้งลิ้นและนิ้วเป็นจังหวะประสาน ส่งร่างบางถึงฝั่งฝันในเวลาต่อมา ก

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง    บทที่ 85 ค่ำคืนที่รอคอย (ตอนปลาย)

    บทที่ 85 ค่ำคืนที่รอคอย (ตอนปลาย) เขาปลดอาภรณ์ของตนออก เผยให้เรือนกายแกร่งสมส่วน ผิวขาวเนียน แผ่นอกแกร่ง หน้าท้องแน่นเป็นลอนที่เซียวหนิงชิงหลงใหล ไล่ต่ำลงมาจนถึงความเป็นชายใหญ่โตขาวนวลส่วนปลายแดงก่ำ ที่กำลังตั้งตระหง่านชี้นางอยู่ตอนนี้! เซียวหนิงชิงหน้าร้อบวาบ ดวงตาเบิกกว้าง ตกใจกับขนาดส่วนนั้นของซวินเหิงเยว่ พลันคิดในใจว่าใหญ่ขนาดนี้นางไม่เจ็บแย่เหรอ จะใหญ่โตไปไหน…! ครั้นได้เห็นสีหน้าของคนรัก ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ โน้มตัวลงบดจูบนางอีกครั้ง ก่อนเลื่อนริมฝีปากไปที่ข้างใบหูขาว เสียงแหบพร่าเร้าใจกระซิบใส่หูเล็กจนคนฟังใจสั่น "อย่ากลัวไปเลยเด็กดี ข้าจะอ่อนโยนกับชิงเอ๋อร์ จะทะนุถนอมเจ้าอย่างดี" ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น พรมจูบดูดดึงผิวขาวอย่างอย่างเอาแต่ใจ มือแกร่งกอบกุมบีบเคล้นเต้าอวบ สร้างความรู้สึกวาบหวามจนหญิงสาวเริ่มบิดเร่า ชายหนุ่มเปลี่ยนมาอ้าปากเข้าครอบครองเต้าอวบ ปลายลิ้นร้อนตวัดรัวชิมรสหวานล้ำจากยอดถันสีสวย เซียวหนิงชิงหลุดครางหวาน แอ่นอกรับสัมผัสที่เขาปรนเปรอให้อย่างลืมอาย จิกนิ้วกับผ้าปูที่นอนจนยับย่น "อื้ออ สวามี" เสียงครางแผ่วราวเสียงครางของลูกแ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 85 ค่ำคืนที่รอคอย (ตอนต้น)

    บทที่ 85 ค่ำคืนที่รอคอย (ตอนต้น) เสียงดนตรีจากวงปี่พาทย์ดังขึ้นหน้าจวนแม่ทัพอุดร เป็นสัญญาณว่าบัดนี้เจ้าบ่าวมาถึงตามฤกษ์ยามที่กำหนดไว้ องค์รัชทายาทซวินเหิงเยว่ในชุดสีแดงงามสง่า ลงจากหลังอาชาสีขาวตัวใหญ่ด้วยท่วงท่าองอาจ ดวงพักตร์หล่อเหลาที่ยามปกติเย็นชาเย่อหยิ่งอยู่เป็นนิจ วันนี้ดูอ่อนโยนขึ้นหลายส่วน รอยยิ้มบางประดับมุมปากตั้งแต่ออกจากตำหนักบูรพาจนถึงตอนนี้ยังไม่เลือนหาย ตลอดเส้นทางที่ขบวนเคลื่อนผ่าน มีประชาชนออกมายืนรอชื่นชมบารมีขององค์รัชทายาท และรอรับถั่วเงินถั่วทองรวมถึงลูกวาดมงคลที่โปรยแจก นอกจากพวกเขาจะตกตะลึงในรูปโฉมหล่อเหลาของชายหนุ่มแล้ว ทุกคนยังอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นเกี้ยวดอกไม้สีแดงแปดคนหามหลังใหญ่ ถูกสั่งทำขึ้นอย่างประณีตวิจิตร ประหนึ่งงานศิลปะชั้นยอด ครั้นมองเห็นหาบสินสอดอีกหลายสิบหีบ ที่นำมามอบให้เจ้าสาวเพิ่มเติมนอกเหนือจากวันหมั้น ชาวบ้านแต่ละคนดวงตาแทบถลนออกมานอกเบ้า ยืนอ้าปากค้างหุบไม่ลงกันไปพักใหญ่!! หลังจากทำพิธีฝั่งเจ้าสาวเสร็จก็ได้ฤกษ์ส่งตัวเซียวหนิงชิงขึ้นเกี้ยว ท่านชายฮั่นจินผู้มีศักดิ์เป็นน้องชาย ถึงแม้จะไม่เต็มใจเป็นน้องเสียเท่าไหร่ ยืนย่อเข่าลงเ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 84 วันสำคัญของคู่รัก (ตอนปลาย)

    บทที่ 84 วันสำคัญของคู่รัก (ตอนปลาย) เมืองเฉินเฉิง เจ็ดวันก่อนออกเดินทาง เซียวหนิงชิงพาทุกคนไปที่ไร่ชาของครอบครัวของนักพรตหวู่หุน หวู่ฟู่เต๋อพาพวกเขาเดินดูไร่ชาด้วยตนเอง พร้อมอธิบายความรู้เรื่องชาอย่างคร่าวๆ “อีกไม่นาน ชาฤดูใบไม้ผลิยอดแรกจะถูกเก็บเกี่ยว และนี่คือยอดชาที่ดีที่สุดของปีขอรับ” เขาอธิบายให้ทุกคนฟัง เฉินอ๋องหันไปแปลเป็นภาษาฮวาล่าให้ลี่นาซาและฮั่นจินเข้าใจ ลี่นาซาเลยขอทำการค้าชากับพวกเขาในปีถัดไป เพราะปีนี้ถูกเซียวหนิงชิงกว้านซื้อไปหมดแล้ว “ข้าแบ่งให้ท่านแม่บุญธรรมครึ่งหนึ่งก็ได้เจ้าค่ะ หากสนใจทำการค้าปรึกษารุ่ยอ๋องได้เลย คนรักของข้าความสามารถทางด้านการค้าไม่เป็นรองคนตระกูลฟ่านเลยนะเจ้าคะ” เซียวหนิงชิงสนทนากับลี่นาซาด้วยภาษาฮวาล่าอย่างยิ้มแย้ม ทว่าคนที่ถูกกล่าวถึงกลับยืนหน้านิ่ง แผ่จิตสังหารจ้องตาเด็กหนุ่มชาวฮวาล่า ผู้มีหน้าตาคมคายอย่างเอาเรื่อง ทางฮั่นจินเองก็ไม่ยอมลดละ จ้องตาชายหนุ่มอายุมากกว่าอย่างท้าทาย เซียวหนิงชิงคล้ายมองเห็นสายฟ้าพุ่งปะทะกันอยู่กลางอากาศ นางกระซิบถามหลี่โหยวว่าเกิดอะไรขึ้น “ท่านอ๋องเหลือบมาเห็นตอนที่ท่านชายฮั่นจิน เอาดอกไม้มาปักผมให้ท่านหญ

  • นางร้ายอย่างข้าขอลิขิตชะตาเอง   บทที่ 84 วันสำคัญของคู่รัก (ตอนต้น)

    บทที่ 84 วันสำคัญของคู่รัก (ตอนต้น) ชาวฮวาล่าทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นล้วนตกตะลึงกับถ้อยคำของท่านชายฮั่นจิน ลี่นาซาตกใจจนหน้าเหวอ ไม่รู้จะหาคำใดมาอธิบาย จึงหันไปตำหนิบุตรชายเสียงเขียว "ฮั่นจิน! ลูกจะหยาบคายกับท่านหญิงแบบนี้ไม่ได้นะ เป็นลูกผู้ชายต้องให้เกียรติสตรี" "ท่านแม่ ลูกไม่ได้หยาบคายนะขอรับ ลูกซื่อสัตย์กับความรู้สึกและหัวใจของลูก ลูกชอบนาง ลูกก็บอกนางตามตรง ไยท่านแม่กล่าวว่าลูกหยาบคาย" ในขณะที่สองแม่ลูกกำลังโต้เถียงกันอยู่นั้น เซียวหนิงชิงหันมากระซิบถามบิดา เรื่องนิสัยใจคอของบุรุษชาวฮวาล่า คำตอบที่ได้รับช่วยให้นางกระจ่างแจ้ง "ฮั่นจินเติบโตมากับพ่อก็จริง แต่นิสัยบางส่วนเหมือนกับหยาอินไม่มีผิด คิดอะไรก็พูดออกมาอย่างนั้น ชอบก็บอกว่าชอบ ไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ ถึงภายนอกจะดูดุดันไปบ้าง ทว่าจิตใจกลับอ่อนโยนยิ่ง นาซาเคยเล่าให้พ่อฟังถึงวิธีที่หยาอินใช้เกี้ยวพานนาง ลูกคิดว่าเขาเกี้ยวพานนางอย่างไร“ "อย่าบอกว่า จู่ๆก็มาสารภาพรักและขอแต่งงานเลยนะเจ้าคะ" เซียวหนิงชิงลองเดาดูจากพฤติกรรมของคนเป็นลูก เฉินอ๋องอมยิ้ม พยักหน้าเป็นคำตอบ “…” เซียวหนิงชิง 'ได้เลือดพ่อแท้ๆมาเต็มๆ' ขบวนอาคั

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status