공유

ตอนที่ 8

last update 최신 업데이트: 2024-10-17 22:44:29

แคว้นที่เขาอาศัยอยู่นี้มีชื่อว่าแคว้นฉิน มีการปกครองด้วยองค์จักรพรรดิ เมืองหลวงมีชื่อว่า ซูโจว ที่นั่นเคยเป็นบ้านของเขาก่อนที่จะย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านหลัวถง ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งในเมืองไห่ถัง เมืองเล็ก ๆ ที่ไม่ค่อยมีสิ่งใดนัก แม้แต่การเดินทางจากเมืองหลวงมายังหมู่บ้านหลัวถงเองก็ใช้เวลานานกว่าสิบวัน

ขณะนี้ บ้านเมืองอยู่ในช่วงสงบศึกหลังสงครามเพียงแค่   สิบห้าปี อาหารจึงยังไม่เพียงพอ แรงงานยังคงขาดแคลน แต่ศิลปะการแสดงเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

สำหรับการเดินทางจากหมู่บ้านหลัวถงเข้าไปในเมืองไห่ถัง ใช้เวลาเดินเท้าหนึ่งชั่วยาม หากเดินทางด้วยเกวียนจะใช้เวลาเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น แต่ถ้าเป็นรถม้าหรือม้า ก็จะย่นระยะเวลาไปอีกครึ่งหนึ่งของการเดินทางด้วยเกวียน

ค่าแรงชาวบ้านทั่วไปขั้นต่ำอยู่ที่ยี่สิบอีแปะต่อวัน โดยคนจ้างไม่ได้เลี้ยงอาหาร ชาวบ้านกินอาหารวันละสองมื้อ คือมื้อแรกเวลาประมาณ ยามอู่  (11.00 – 12.59)   มื้อสุดท้ายประมาณยามโหย่ว (17.00 – 18.59) การซื้อขายสินค้าจ่ายเป็นเงินตำลึง 

ครอบครัวจางไปรับจ้างทำงานในไร่ของหัวหน้าหมู่บ้านเพื่อแลกกับธัญพืชโดยไม่รับเงินค่าจ้างแต่อย่างใด

ค่าเงินหนึ่งพันอีแปะ เท่ากับหนึ่งตำลึง  และสิบตำลึง เท่ากับหนึ่งตำลึงทอง 

เครื่องปรุงมีเพียงเกลือและน้ำตาลเท่านั้น ซึ่งมันก็มีราคาแพงมาก ชาวบ้านยากจนเช่นครอบครัวของเขาในตอนนี้ถึงไม่มีเครื่องปรุงใช้เลย อย่าว่าแต่เครื่องปรุงเลย แค่ธัญพืชหยาบก็หาได้ยากแล้ว 

สำหรับวิธีการปรุงอาหาร ชาวบ้านรู้จักแค่การต้ม ย่าง นึ่ง อบ เพียงเท่านั้น

ชาวบ้านมีอาชีพหาของป่า สมุนไพร เกษตรกรรมและการประมง เพราะหมู่บ้านหลัวถงด้านหลังติดภูเขา ด้านหน้าติดทะเล ช่างเหมาะจะเป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจโดยแท้

สำหรับอาชีพประมง มีชาวบ้านเพียงไม่กี่หลังที่มีเรือหาปลา นอกจากนั้นจะเป็นการจับปลาจากการดำน้ำและใช้แห  ปกติแล้ว คนหาปลาจะนำปลาไปขายในเมืองด้วยตนเอง แต่ชาวบ้านทั่วไปมักนำสิ่งของที่หามาได้ไปขายให้กับท่านลุงผิง ชายแก่วัยเกือบห้าสิบปีที่มีเกวียนรับคนจากหมู่บ้านเข้าเมือง โดยคิดค่านั่งเกวียนไปและกลับคนละสิบอีแปะ ลุงผิงจะนำสินค้าไปขายในเมืองอีกที นอกจากนี้ ลุงผิงยังรับซื้อของในเมืองกลับมาขายในหมู่บ้านด้วย

บ้านของครอบครัวจางอยู่ตรงท้ายหมู่บ้าน ติดกับภูเขามีข้อดีคือไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชาวบ้าน ข้อเสียคืออาจจะมีสัตว์ร้ายหลงเข้ามาทำร้ายร่างกาย แต่ก็ยังไม่มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น หมู่บ้านนี้มีจำนวนสามสิบหมู่ ถือว่ามีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ตอนนี้ครอบครัวของเขายังไม่ได้ทำสิ่งใดเพราะย้ายมาได้เพียงเดือนกว่า จางอี้หมิงก็ล้มป่วย หัวหน้าหมู่บ้านจึงแนะนำให้เพาะปลูกในปีหน้า อีกอย่างเพราะกำลังจะเข้าฤดูเหมันต์แล้วด้วย

“ท่านย่าขอรับ ท่านแม่จะทำงานในไร่ได้หรือไม่ขอรับ”

“หมิงเอ๋อร์ ย่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แม่ของเจ้าเป็นหญิงสาวในห้องหอ งานหนักไม่เคยได้จับ ย่าก็หวังว่าแม่ของเจ้าจะไม่เป็นอะไร” นางหูก้มลงตอบคำถามของหลานชายด้วยสีหน้าวิตกกังวล

“ข้าจะรีบโตขอรับ ข้าจะหาเงินมาให้ท่านย่า ท่านพ่อ กับท่านแม่เยอะ ๆ เลยขอรับ”

“หมิงเอ๋อร์ เจ้าช่างเป็นเด็กดี กตัญญูรู้คุณคนยิ่ง ย่าจะรอวันนั้นนะ แต่ตอนนี้ย่าว่าพวกเรารีบเดินไปให้ถึงไร่ก่อนดีหรือไม่ ท่านพ่อท่านแม่ของเจ้าคงหิวข้าวแล้วเป็นแน่”

“ดียิ่งขอรับ”

บทสนทนาจบลงเท่านั้น สองย่าหลานรีบเร่งฝีเท้าขึ้นอีกเท่าตัว หวังว่าจะไปถึงไร่ทันเวลาพักของจางอี้เทาและหลี่อ้าย แต่เมื่อเดินทางมาจนจวนจะถึงแคร่ไม้สำหรับพักผ่อน เสียงเซ็งแซ่ก็ดังออกมาจากกลุ่มชาวบ้านที่ยืมรวมตัวกัน จางอี้หมิงและนางหูมองหน้ากันด้วยความสงสัยก่อนจะเดินเข้าไป

“เกิดอะไรขึ้น” หูไป๋หงเอ่ยถาม นางจูงมือหลานชายเดินเข้าไปหา เมื่อเห็นว่าชาวบ้านกำลังโบกไม้โบกมือเหมือนเรียก

“สะใภ้จางน่ะสิ คงเป็นลมแดด” ชาวบ้านคนหนึ่งตอบ ก่อนคนที่เหลือจะเดินแยกย้ายกันไปพักผ่อนและแกะห่อข้าวออกมากิน เหลือเพียงครอบครัวจางเท่านั้น นางหูรีบเดินเข้าไปหา วางห่อข้าวที่ต้องนำมาส่งไว้บนแคร่ไม้ไผ่

“อาเทา สะใภ้เป็นเช่นใดบ้าง”

“ท่านแม่ น้องหญิงเป็นลมแดดไปกว่าสองเค่อแล้วขอรับ ทำยังไงก็ไม่ฟื้น ข้าว่าเราไปตามหมอผิงมาดูอาการดีหรือไม่ขอรับ” 

“อย่าเพิ่ง ขอแม่ดูอาการนางก่อน” นางหูลงมือบีบนวดและใช้ใบไม้แถวนั้นมาพัด ผ่านไปชั่วอึดใจ สะใภ้จางจึงเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา

“ฟื้นแล้ว ท่านแม่ฟื้นแล้วขอรับ” เป็นจางอี้หมิงที่นั่งใกล้มารดาของตนเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ เด็กชายรีบร้องเรียกมารดา

“หมิงเอ๋อร์ ท่านแม่ ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าคะ” หลี่อ้ายคว้าตัวบุตรชายมาสวมกอดไว้หลวม ๆ ก่อนจะคลายวงแขน นางหันไปมองสมาชิกในครอบครัวที่เหลือแล้วถามออกมา

“น้องหญิง เจ้าเป็นลมแดด ตอนนี้เรายังอยู่ที่ไร่ของหัวหน้าหมู่บ้าน”

“ท่านพี่ ข้าเป็นลมเช่นนี้คงทำงานต่อไปไม่ได้ เราจะได้ส่วนแบ่งอาหารหรือไม่เจ้าคะ”

ในฐานะที่เป็นสะใภ้ หลี่อ้ายมีความกังวลขึ้นมาทันทีเมื่อได้รับคำตอบ ถ้าไม่ได้ส่วนแบ่งอาหารแล้วตนเองยังมาล้มป่วย คาดว่าครอบครัวคงแย่ยิ่งกว่านี้

“สะใภ้จาง ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะให้ส่วนแบ่งธัญพืชกับเจ้าเหมือนเดิม ป่วยก็กลับไปพักให้หายก่อน ถ้าดันทุรังทำงานต่อไป ข้าเกรงว่าร่างกายเจ้าคงย่ำแย่จนลุกไม่ขึ้นเป็นแน่” ซุนซูเย่ ลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขึ้น เขายิ้มปลอบใจและเดินกลับไปกินข้าวกับครอบครัวตนเองอีกมุมหนึ่ง

“ขอบคุณพี่ซูเย่ พวกข้าเกรงใจพี่ซูเย่ยิ่งนัก” จางอี้เทาเอ่ยด้วยความเกรงใจ ครอบครัวเขาทำงานก็ไม่ใช่จะได้เต็มที่ เนื่องจากไม่เคยมีใครต้องทำงานหนักมาก่อน งานอันใดที่ได้รับมอบหมายมา ก็ช้ากว่าชาวบ้านคนอื่น แต่ซุนซูเย่ก็ไม่เคยเอ่ยตำหนิ ทั้งยังคอยให้กำลังใจรวมถึงสอนงานต่าง ๆ มากมาย

“อาเทา เจ้ามากินข้าวก่อนเถอะ ตอนบ่ายจะได้ไปทำงานได้ตามปกติ ยิ่งอาเย่ไม่ตำหนิเรา ยิ่งต้องเกรงใจ” นางหูเอ่ย 

“หลี่อ้าย เจ้าลุกขึ้นไหวหรือไม่ ลุกมากินข้าวก่อน เสร็จแล้วข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน คงต้องให้พักตามที่อาเย่บอก ไม่เช่นนั้นเกิดเจ้าล้มป่วยไปมากกว่านี้ คงไม่ดีเป็นแน่”

“ท่านแม่ หมิงเอ๋อร์ ท่านกินข้าวหรือยังขอรับ”

“แม่กับอาหมิงก็ยังไม่ได้กินเช่นกัน แม่รีบเอาข้าวมาส่งให้ลูกก่อน”

“เช่นนั้น พวกเรามากินด้วยกันเถอะขอรับ” 

จางอี้เทาเสนอ เขาชวนให้ทุกคนกินข้าวด้วยกันพร้อมหน้า ถึงแม้ว่าอาหารที่มีจะเป็นแค่โจ๊กธัญพืชผักป่า แต่เมื่อทำงานหนักและความหิวมาเยือน ทันทีที่ได้ลิ้มรสคำแรก ก็ชวนให้รู้สึกดีขึ้นมาไม่น้อย

ขอบคุณท่านเทพทั้งหลายที่ยังให้พวกข้ามีข้าวกินในวันนี้

จางอี้เทากล่าวขอบคุณสวรรค์ในใจเงียบ  ๆ

แต่ไม่ใช่กับจางอี้หมิง เขาจะไม่ยอมทนกินอาหารหมูแบบนี้แน่

คิดสิคิด ในการหาข้อมูลต่าง ๆ ที่เราเคยทำมาก่อน ต้องเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์

สิ่งแรกคือต้องไปหาของกินในป่า นิยายเรื่องไหน ๆ ของกินหรือสมุนไพรล้ำค่ามักอยู่บนเขาทั้งนั้น

เห็นทีเขาต้องขึ้นเขาโดยเร็วซะแล้ว

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 210

    เหตุการณ์เช่นนี้เป็นไปตามการคาดการณ์ของจางอี้หมิงทุกอย่าง กลยุทธ์นี้จางอี้หมิงอ่านเจอในนิทานพื้นบ้านท้องถิ่นของภาคอีสาน เขาจึงนำมาปรับใช้ในการแข่งขันในครั้งนี้ ด้วยลักษณะนิสัยของพ่อครัวหลวงนั้นเย่อหยิ่งและเขาจะต้องเร่งทำอาหารให้เสร็จโดยไว แล้วก็เป็นไปตามที่จางอี้ หมิงคาดไว้ เหลาอาหารเฟิงฟู่ทำปักษาล่องลมเสร็จตั้งแต่ต้นยามอู่ (11.00 – 12.59) ซึ่งคณะผู้ตัดสินต่างก็อิ่มอาหารจากที่บ้านมาก่อนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงชิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจางอี้หมิงจึงให้พ่อครัวเหลาอาหารซิ่งฝูเตรียมวัตถุดิบทุกอย่างให้พร้อมในช่วงเวลานั้น คล้ายกับการขยับเวลาออกไป เมื่อเหลือเวลาหนึ่งชั่วยามสุดท้าย พวกเขาจึงเริ่มลงมือทำอาหาร ในชาติก่อนแค่เพียงไข่เจียวธรรมดา ถ้าต้องมาได้กลิ่นในยามที่หิวจัด กลิ่นของไข่เจียวก็หอม กระตุ้นต่อมอยากอาหารได้มากโข จางอี้หมิงจึงใช้ความจริงข้อนี้มาทำให้เกิดข้อได้เปรียบของเหลาซิ่งฝูแม้แต่แขกผู้สูงศักดิ์ที่ไม่เคยได้ลิ้มลองกับความอดอยาก พวกเขากินข้าววันละสามมื้อ แต่เมื่อเวลาล่วงเลยมานานเสียจนเลยเวลามื้ออาหารกลางวันมาถึงยามเว่ยแล้ว ความหิวจึงมาเยือนได้ง่าย พอถูกกระตุ้นด้วยกลิ่นไข่เจียวร้อ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 209

    เมื่อเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม จางอี้หมิงจึงพยักหน้าส่งสัญญาณให้ท่านลุงอู๋เจ๋อเริ่มทำการปรุงอาหารของเหลาอาหารซิ่งฝูทันที โดยรายการอาหารที่จางอี้หมิงเลือกใช้ในการแข่งขันนี้คือไข่ม้วนข้าวผัดกุ้ง เนื่องจากอู๋เจ๋อฝึกการทำไข่ม้วนข้าวผัดกุ้งมาตลอดหนึ่งเดือนนี้จึงมั่นใจว่าตนทำได้ดี แต่เมื่อต้องมาทำต่อหน้าเหล่าชาวบ้านชาวเมือง เขาก็ได้แต่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกกำลังใจให้กับตนเอง จางอี้หมิงเห็นดังนั้นจึงเอ่ยให้กำลังใจท่านลุงอู๋อีกที“ท่านลุงอู๋ ไม่ต้องตื่นเต้นนะขอรับ ทำตามที่เราฝึกกันมา ท่านลุงอู๋เก่งอยู่แล้ว ท่านทำได้แน่นอน”“หมิงหมิงน้อย การทำอาหารชนิดนี้มันยังไม่เคยมีมาก่อนนะ ข้ากลัวว่ามันจะสู้รายการอาหารของเหลาเฟิงฟู่ไม่ได้ ฝ่ายนั้นทำปักษาล่องลมเชียวนะ แล้วไข่ม้วนของเราจะสู้ได้หรือไม่”อู๋เจ๋อเปรยออกมาเบา ๆ หากเขาเป็นกรรมการก็คงให้รายการอาหารของเหลาเฟิงฟู่ชนะเช่นกัน“ท่านลุงอู๋มิเชื่อฝีมือข้าหรือขอรับ พวกเราต้องชนะแน่นอนขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยทั้งปลอบใจและให้กำลังใจไปด้วยในคราเดียวในการทำไข่ม้วนสิ่งสำคัญคือการม้วนไข่ไม่ให้ขาดและไม่ติดหม้อ หากเป็นในยุคปัจจุบันอี้หมิงจะไม่มีความกังวลเ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 208

    ผ่านไปครึ่งชั่วยามไก่นึ่งของทางเหลาอาหารเฟิ่งฟูก็สุกได้ที่ เล่อหยุนจึงทำการรมชาเป็นขั้นตอนสุดท้าย เมื่อคำนวณเวลาโดยประมาณแล้ว ฝั่งของเขาจะเสร็จก่อนเวลาที่กำหนดถึงหนึ่งชั่วยามการรมชาทำได้ไม่ยาก เพียงแต่ก่อนทำการรมชา เล่อหยุนนำน้ำผึ้งผสมด้วยซีอิ๊วมาทาลงไปบนตัวไก่ที่นึ่งสุกแล้วเพื่อให้ตัวไก่มีสีสันสวยงาม หลังจากนั้นจึงนำข้าวสาร น้ำตาล และใบชาชั้นดีลงไปคั่วในหม้อจนน้ำตาลเริ่มละลาย เมื่อควันเริ่มลอยออกมาจึงนำหม้อนึ่งไก่ลงไปอบด้วย เขาใช้เวลาประมาณ 60 ลมหายใจ ก่อนจะยกหม้อลงจากเตาและทำการรมควันแบบนั้นไปอีกหนึ่งเค่อ เพียงเท่านี้ก็จะได้ปักษาล่องลมที่มีสีสันน่ากินและรสชาติล้ำเลิศแล้วเล่อหยุนตกแต่งอีกเพียงเล็กน้อย เขาทำการตัดชิ้นส่วนของปักษาล่องลมให้พอดีคำ ง่ายต่อการชิมของคณะผู้ตัดสิน นอกจากนำไปส่งให้กับคณะผู้ตัดสินแล้ว อาหารอีกหนึ่งชุดถูกนำไปขึ้นโต๊ะให้กับแขกผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายได้ทดลองชิมเช่นกัน“ไก่ชิ้นนี้อร่อย นุ่ม หอมกลิ่นชาเมื่อกินกับข้าวร้อน ๆ เข้ากันได้อย่างลงตัว”“ในเมืองหน้าด่านเช่นนี้ เพียงอาหารที่อร่อยและใช้วัตถุดิบน้อย ก็เป็นสิ่งที่พ่อครัวต้องคิดถึงเช่นกัน ปักษาล่องลม ถือว่าได้คุ

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 207

    การแข่งขันเริ่มต้นขึ้นทันทีที่เสียงประกาศจบลง บรรดาชาวบ้านที่มามุงดูการแข่งขันของสองเหลาอาหารชื่อดังต่างพากันเงียบเสียงเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนการปรุงอาหารของผู้แข่งขัน หนิงอ๋องแย้มรอยยิ้มให้กำลังใจจางอี้หมิงเมื่อเด็กน้อยเพียงหนึ่งเดียวก้มศีรษะคารวะทำความเคารพไปยังที่นั่งของแขกผู้สูงศักดิ์ทั้งหลายอดีตพ่อครัวหลวงอย่างเล่อหยุนเองก็ยิ้มย่อง รายการอาหารที่เขาเลือกนำมาปรุงในวันนี้คือ ปักษาล่องลม หรือ ไก่รมชา นั่นเอง ขั้นตอนการปรุงปักษาล่องลมนั้นก็ไม่ยุ่งยากวัตถุดิบน้อยอย่างแต่กลับมีรสชาติที่น่าทึ่ง เล่อหยุนใช้ไก่ทั้งตัว ล้างทำความสะอาดและใช้ผ้าขาวซับน้ำให้ตัวไก่แห้งสนิท ตามด้วยสมุนไพรฮวาเจียว ขิง ต้นหอม ใส่ลงไปในตัวไก่เสร็จแล้วจึงกลัดด้วยไม้เสี้ยนเพื่อให้เครื่องเทศอยู่ในตัวไก่ไม่หลุดออกมาหลังจากนั้นใช้เกลือเม็ดมาทาทั่วทั้งตัวไก่แล้วตามด้วยพริกหอมฮวาเจียวอีกครั้ง ก่อนนำไปพักไว้ให้ตัวไก่ได้ดูดซับเอาเครื่องเทศเข้าไป ทางเหลาอาหารเฟิงฟู่ทำปักษาล่องลมทั้งหมด 5 ตัว ในระหว่างที่รอหมักไก่ให้เข้าที่ พ่อครัวหลายคนของเหลาเฟิงฟู่ก็เดินมายืนชมพ่อครัวเหลาอาหารซิ่งฝูพลางส่งเสียงเยาะเย้ยถากถางไม่หยุด“อา

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 206

    ดั่งสายลมพัดผ่าน สายน้ำมิเคยไหลกลับ กาลเวลาเคลื่อนคล้อยตามที่ควรจะเป็น เช้าวันนี้ในเมืองไห่ถังต่างคราคร่ำไปด้วยผู้คนทั้งชาวบ้าน คหบดี หรือข้าราชสำนัก ไม่ว่าจะเป็นชาวเมืองไห่ถังเองหรือชาวเมืองใกล้เคียงบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน สมกับเป็นงานรื่นเริงประจำเมืองที่จะจัดขึ้นในทุกๆ ปีมีกลุ่มคนบางคนรับทายผลการพนันว่าเหลาอาหารไหนจะได้ตำแหน่งไปครอบครอง ถึงแม้ว่าจะมีการรับพนันแบบลับๆ ก็ตาม โดยเหลาอาหารเฟิงฟู่ยังคงเป็นที่นิยมของชาวเมือง เนื่องจากข่าวที่เหลาอาหารเฟิงฟู่ได้อดีตพ่อครัวหลวงมาเป็นพ่อครัวในการลงแข่งขันนั้นถูกกระพือออกไปให้รู้กันถ้วนหน้า ในส่วนของเหลาอาหารซิ่งฝูถึงแม้ว่าระยะเวลาหนึ่งปีมานี้จะมีลูกค้าหนาแน่น อาหารน่ากินและแปลกใหม่ก็ตาม แต่ก็เหมือนการแบ่งแยกชนชั้นว่าเป็นเหลาอาหารของชาวบ้านมากกว่า จึงยังคงเป็นรองเหลาอาหารเฟิงฟู่อยู่ขั้นหนึ่งณ ลานกลางเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ในการจัดการแข่งขันการทำอาหาร บัดนี้ถูกแบ่งพื้นที่เป็นสองฝั่ง เจ้าเมืองได้เดินทางมาเป็นประจักษ์พยาน นอกจากนั้นยังมีหนิงอ๋อง อ๋องน้อยหนิงเทียน อาจารย์เทียน และพ่อครัวหลวงบางคนที่ท่านเจ้าเมืองได้เชิญมาเพื่อเป็นเกียรติแก่

  • บุตรชายตัวน้อยของบัณฑิตจาง   ตอนที่ 205

    วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็วสำหรับครอบครัวจางที่มีงานรัดตัว อีกเพียงสามวันก็จะถึงวันแข่งขันทำอาหารเพื่อชิงตำแหน่งเหลาอาหารอันดับหนึ่ง บรรดาเหลาอาหารเล็กๆต่างพากันถอนตัวออกไปมาก ด้วยพวกเขาทราบกันว่าพ่อครัวของเหลาอาหารเฟิงฟู่เป็นถึงอดีตพ่อครัวหลวง ผู้ซึ่งเคยประกอบสำรับถวายฮ่องเต้แคว้นฉินมาแล้ว หากดึงดันลงแข่งไปก็หาทางเอาชนะได้ยาก ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงเหลาอาหารเฟิงฟู่และเหลาอาหารซิ่งฝูเท่านั้นในการจับไม้สั้นไม้ยาว เหลาอาหารเฟิงฟู่จะได้ทำอาหารก่อนและตามด้วยเหลาอาหารซิ่งฝู ผลการแข่งขันจะมาจากการให้คะแนนของชาวเมืองไห่ถังหนึ่งส่วน โดยให้ชาวเมืองนำเงินไปหย่อนลงในกล่อง หนึ่งอีแปะเท่ากับหนึ่งคะแนน เมื่อสิ้นสุดการแข่งขันแล้ว เงินจำนวนนี้จะนำไปช่วยเหลือชาวบ้านที่เจ็บป่วยไม่มีเงินหาหมอต่อไปและอีกหนึ่งส่วนเป็นการให้คะแนนจากพ่อครัวจากเหลาอาหารในเมืองหลวง จำนวน 5 ท่าน เมื่อนำคะแนนมารวมกันแล้วเหลาอาหารใดได้คะแนนมากที่สุด จะได้ขึ้นป้ายเป็นเหลาอาหารอันดับหนึ่งของเมืองไห่ถังต่อไปเกณฑ์การนับคะแนน สถานที่แข่งขัน และวันเวลาในการแข่งขัน ล้วนถูกประกาศออกไปทั้งหมดแล้ว ชาวเมืองต่างพากันอดใจรอไม่ไหวที่

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status