หน้าหลัก / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่​14 อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราช

แชร์

บทที่​14 อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราช

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-07 16:29:37

การเสาะหากระดูกวิญญาณได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งในช่วงบ่ายของวันนี้ คณะเดินทางของหนิงอ้ายทั้งสี่คนต่างเดินทางกันไปเรื่อย ๆ ไม่รีบเร่ง แม้ว่าระหว่างทางจะพบเจอสัตว์อสูรจำนวนไม่น้อย แต่เพราะกลิ่นอายของผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นสูงที่หวังฮุ่ยปลดปล่อยออกมาในระยะสองลี้ย่อมไม่ต่างไปจากคำเตือนให้เหล่าสัตว์อสูรระดับต่ำจงหลบหลีกไปเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจึงถือว่าการเสาะหาสัตว์อสูรที่เหมาะสมจึงเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่ง

ก่อนหน้านี้หนิงอ้ายได้ประสานร่างกายเข้ากับกระดูกวิญญาณล้านปีของอสรพิษเหมันต์บรรพกาล นอกจากกระดูกวิญญาณชิ้นนี้จะแปรเปลี่ยนเป็นทักษะวิญญาณยุทธ์ที่สามให้แก่เขาแล้ว ยังคงมีเงื่อนไขสำคัญคือการเสาะหากระดูกวิญญาณจากสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพิษดูดซับประสานเข้ากับร่างกายเพื่อให้กระดูกวิญญาณชิ้นแรกนี้มีความสมบูรณ์พร้อมด้วยทักษะตามที่ควรจะเป็น

หนิงอ้ายตั้งใจดูดซับกระดูกวิญญาณให้กับวิญญาณยุทธ์ที่สองอันเป็นปราณธาตุน้ำนี้เสียก่อน สำหรับวิญญาณยุทธ์ปราณธาตุไฟรวมไปถึงวิญญาณยุทธ์ที่สามเขาไม่จำเป็นต้องสังหารสัตว์อสูรเป็นจำนวนมากเพื่อเติมเต็มให้กระดูกวิญญาณของทั้งสามวิญญาณยุทธ์ในตอนนี้ เพราะนอกจากกระดูกวิญญาณล้านปีจะช่วยพัฒนาอายุของกระดูกให้เพิ่มขึ้นตามระดับพลังแล้ว ในการดูดซับกระดูกวิญญาณในแต่ละครั้งทั้งสามวิญญาณยุทธ์ต่างมีการประสานเข้าด้วยกันกับความสามารถที่ได้รับมาโดยไร้ซึ่งอุปสรรคใดทั้งสิ้น

มากไปกว่านั้นวิญญาณยุทธ์ของผู้ฝึกตนล้วนมีขีดจำกัดที่ไม่สามารถดูดซับกระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรจากทุกเผ่าพันธ์ได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วผู้ฝึกตนจะต้องเลือกดูดซับกระดูกวิญญาณที่เหมาะสมและสนับสนุนวิญญาณยุทธ์ต้นกำเนิดของตนเท่านั้น เพราะหากพลั้งเผลอดูดซับกระดูกวิญญาณที่เป็นอริกับวิญญาณยุทธ์แล้วคงยากที่จะคาดเดาได้ถึงผลเสียที่เกิดขึ้น ในทางกลับกันหากผู้ฝึกตนได้ทำการดูดซับกระดูกวิญญาณที่มีพลังตบะน้อยกว่าระดับพลังวิญญาณของตนก็จะไม่เกิดผลประโยชน์ใดทั้งสิ้น ดังนั้นแล้วจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเสาะหากระดูกวิญญาณที่เหมาะสมนั่นเอง

สำหรับผู้ฝึกตนทั่วไปสามารถครอบครองกระดูกวิญญาณได้สูงสุดเจ็ดชิ้นส่วนและมีทักษะวิญญาณเจ็ดรูปแบบเช่นกัน แต่กับหนิงอ้ายที่ได้รับความพิเศษพิศดารจากกระดูกวิญญาณล้านปีจึงส่งผลให้เด็กหนุ่มสามารถมีได้มากถึงยี่สิบเอ็ดชิ้นส่วน และสามารถครอบครองทักษะวิญญาณยุทธ์ได้สูงสุดหกสิบสามรูปแบบเลยทีเดียว แน่นอนว่าชื่อเสียงของหนิงอ้ายในอีกหลายสิบปีหลังจากนี้ เขาได้ถูกขนามนามว่าเป็นผู้ฝึกตนที่ครอบครองกระดูกวิญญาณและทักษะวิญญาณยุทธ์มากที่สุดไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้...

“คุณชายต้องการกระดูกวิญญาณจากสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุใดขอรับ?” หวังฮุ่ยเอ่ยถามขึ้น

“เดิมทีข้าตั้งใจว่ากระดูกวิญญาณแรกที่ข้าจะดูดซับเป็นอสูรเต่ามังกรวารีที่มีความสามารถป้องกันอันแข็งแกร่ง เพราะบทเวทย์ที่ข้าถือครองอยู่ตอนนี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นบทเวทย์โจมตีทั้งสิ้น แม้จะมีบทเวทย์ป้องกันที่ถูกปรับขึ้นเป็นระดับเทวะก็จริง แต่หากข้ามีทักษะวิญญาณยุทธ์ที่มีความสามารถป้องกันอันโดดเด่นได้คงดีไม่น้อย…” หนิงอ้ายตอบกลับไป

“อสูรเต่ามังกรวารีเป็นสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุน้ำ มีถิ่นอาศัยอยู่ตรงบึงน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตป่าชั้นใน อีกทั้งยังเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่หาได้ยากยิ่ง ในตอนนี้ข้าว่ายังไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่นัก แล้วคุณชายยังมีทักษะความสามารถใดอยู่ในใจอีกหรือไม่?”

“ความจริงแล้วจากที่ผู้อาวุโสซีซวนได้แนะนำตั้งแต่แรก ข้าสมควรเสาะหากระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรที่มีปราณธาตุพิษ เพื่อให้กระดูกวิญญาณแรกของข้าสมบูรณ์มากที่สุด…”

“เช่นนั้นเป็นอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชดีหรือไม่ขอรับ? จะได้ช่วยให้พิษไร้ลักษณ์ของคุณชายแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย” หวังฮุ่ยแนะนำไป

“เช่นนั้นข้ารบกวนท่านลุงฮุ่ยด้วยขอรับ…” หนิงอ้ายตอบกลับพร้อมพยักหน้าเห็นด้วย

คณะเดินทางทั้งสี่คนของหนิงอ้ายยังคงเดินทางต่อไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่หวังฮุ่ยทราบข้อมูลว่าอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชอาศัยอยู่ซึ่งเป็นเขตรอยต่อเขตป่าชั้นในกับป่าชั้นกลาง พวกเขาได้ลัดเลาะไปตามแนวป่าไม้ที่ดูว่าจะมีความหนาแน่นที่เพิ่มขึ้น โดยรอบเต็มไปด้วยกลิ่นคาวพิษอ่อน ๆ ล่องลอยมาตามลม ดังนั้นหวังฮุ่ยไม่รอช้าแจ้งเตือนให้ทุกคนรับโคจรพลังลมปราณในร่างกายเพื่อต่อต้านการแทรกซึมของพิษนี้ในทันที

“ผู้อาวุโสพอรู้หรือไม่ขอรับว่าอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชเป็นสัตว์อสูรระดับใดกัน?” ลู่ซีเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“จากข้อมูลที่เคยได้รับมาหลายปี ฟังว่าเป็นสัตว์อสูรนภาขั้นสูงที่มีอายุตบะประมาณสองพันปีเห็นจะได้ขอรับ...” หวังฮุ่ยเองก็ไม่ได้แน่ใจสักเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ว่าในช่วงสิบปีมานี้อาจเกิดความเปลี่ยนแปลงไปได้เช่นกัน

"พิษของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชมีพิษที่มีความรุนแรงเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะทำให้อัมพาตเท่านั้นยังยังทำลายประสาทสัมผัสอีกด้วย ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพิษอันดับต้น ๆ อีกทั้งความรวดเร็วในการโจมตีไม่อาจดูเบาได้เช่นกัน เปลือกแข็งที่ห่อหุ้มร่างกายมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้นที่เป็นจุดอ่อนสำคัญ..."

“เข้าใจแล้วขอรับ…” ลู่ซีพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเข้าใจ

สิ่งที่เห็นได้ชัดหลังจากเริ่มเข้าสู่อาณาเขตของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราช นั่นคือจำนวนของโครงกระดูกขนาดต่าง ๆ มากมายที่เรียงรายกระตัดกระจายไปทั่ว ส่วนใหญ่ล้วนเป็นของสัตว์อสูรด้วยกันเอง แต่โครงกระดูกของมนุษย์ก็มีให้พบเห็น

“อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความร้ายกาจของพิษ ทว่าดวงตาทั้งสองของมันไม่อาจมองเห็นสิ่งใดได้ ฟังดูแล้วอาจจะเป็นข้อด้อยหรือสิ่งจำกัดแต่หาใช่เป็นอย่างนั้น เพราะประสาทสัมผัสการรับรู้ที่ตื่นขึ้นตามสายโลหิตรวมไปถึงความว่องไวอันเด็ดขาดของส่วนหางที่มีเหล็กใน จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะมีผู้พลาดท่าได้อย่างง่ายดาย!!” หวังฮุ่ยอธิบายให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น

“ประสาทสัมผัสทั้งห้ายอดเยี่ยมอย่างนั้นรึ?” หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ ก่อนที่จะหยิบเข็มเงินที่ซ่อนไว้แทงเข้าที่นิ้วมือและควบคุมหยดโลหิตเหล่านี้ด้วยปราณธาตุน้ำด้วยความเชี่ยวชาญ

การกระทำของหนิงอ้ายได้สร้างความตกใจเล็กน้อยกับทุกคนในที่นี้ แต่ก็สามารถเข้าใจได้เพราะกลิ่นคาวเลือดโดยเฉพาะจากผู้ฝึกตนที่มีปราณธาตุน้ำย่อมมีความพิเศษไม่ธรรมดามากกว่าผู้ฝึกตนปราณธาตุอื่น

กรี๊ช!

เสียงของฝีเท้าขนาดใหญ่ที่ไม่อาจระบุจำนวนได้ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งบริเวณนี้ เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นเข้าใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็ว

“มันมาแล้ว!” หวังฮุ่ยร้องดังขึ้นก่อนที่จะชักกระบี่ประจำตัวของตนออกมา

พรึบ!

ตู้ม!

อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชตัวใหญ่ได้ปรากฎตัวขึ้นในระยะห่างไปไม่ถึงหนึ่งลี้ รูปลักษณ์ภายนอกของสัตว์อสูรนี้ไม่ต่างไปจากแมงป่องทั่วไปเพียงแต่มีขนาดที่ใหญ่โตผิดปกติ ผิวโดยรอบตัวเป็นสีเขียวดำที่สะท้อนแสงระยิบระยับ ลวดลายตามลำตัวเป็นสีแดงที่สามารถคาดเดาได้ถึงความรุนแรงของพิษว่าร้ายแรงมากเพียงใด ส่วนขาที่โผล่พ้นจากส่วนข้างของลำตัวนั้นเรียวยาวและมีแหลมคมเป็นอย่างมาก ส่วนหางที่มีเหล็กในพิษนั้นเป็นสีเขียวเข้มอีกทั้งยังส่ายไปมาชวนน่าหวาดเสียวยิ่ง

“ไม่คาดคิดว่าแท้ที่จริงแล้วจะเป็นถึงสัตว์อสูรอายุสามพันปีด้วยระยะเวลาไม่ถึงสิบปี แต่กลับถึงพร้อมด้วยคุณสมบัติปานนี้ ไม่แน่ว่ามันอาจจะได้พบเจอวาสนาสวรรค์จนสามารถเพิ่มพลังตบะก็เป็นไปได้...”

“สัตว์อสูรมายาขั้นต่ำเช่นนี้ไม่ต่างไปจากผู้ฝึกตนระดับเทวะวิญญาณเสียด้วยซ้ำ คุณชายกับลู่ซีโปรดระวังตัวด้วย!!” หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นด้วยความกังวลเล็กน้อย เพราะสัตว์อสูรย่อมมีความแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกตนในระดับเทียบเคียงกันหลายเท่า

“รบกวนพวกท่านช่วยเบี่ยงเบนความสนใจของมัน แล้วข้าจะหาโอกาสใช้อาวุธลับโจมตีจากระยะไกลขอรับ!”

“ขอรับคุณชาย!!” เสียงของหวังฮุ่ย ลู่ซี และองครักษ์ชุดดำดังขึ้นรับคำของหนิงอ้าย ก่อนที่จะแยกย้ายเข้าโจมตีในทันที

“ศาสตร์ลับกายาผสานอสูร วิญญาณยุทธ์จอมราชันย์หมาป่าเดียวดาย รวมร่าง!” สิ้นเสียงของหวังฮุ่ย ร่างกายของชายวัยกลางคนได้มีรูปร่างคล้ายคลึงกับหมาป่าสีเทาเงินขนาดใหญ่ ไม่รอช้าร่างประสานนี้ได้พุ่งเข้าโจมตีอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชนี้ด้วยความรวดเร็ว

พรึบ!

ในขณะเดียวกัน องครักษ์ชุดดำอีกคนไม่รอช้า พุ่งทะยานตัวเข้าช่วยเหลือหวังฮุ่ยในทันที สิ่งที่ผู้ฝึกคนส่วนใหญ่ต่างรับรู้กัน คือหากต้องปะทะรับมือกับสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุพิษ ควรที่จะจัดการอีกฝ่ายให้รวดเร็วที่สุด เพราะหากไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่มีปราณธาตุพิษแต่กำเนิดแล้วย่อมยากที่จะต้านทานพิษเหล่านี้ได้ แม้จะมีโอสถแก้พิษก็ตาม

พรึบ!

ตู้ม!

อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชที่ถูกรุมอยู่ไม่ได้เสียท่าทีเลยแม้แต่น้อย การโจมตีของผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้นสูงทั้งสองแม้จะรวดเร็วเพียงใด แต่ด้วยความพิเศษในประสาทสัมผัสมันจึงสามารถหลบหลีกได้อย่างไม่ยากนัก ก่อนที่จะส่งการโจมตีเป็นลิ่มเหล็กในสีดำที่แฝงไปด้วยปราณพิษโต้กลับมา

“ต้องหาจังหวะโจมตีจุดอ่อนตรงบริเวณส่วนใต้ท้องของมันให้ได้!!” เสียงของหวังฮุ่ยร้องดังขึ้นบอกกับทุกคน

“ทักษะวิญญาณยุทธ์ราชากระบี่กลืนโลหิต ทักษะวิญญาณที่หนึ่งมหาวังวนราชสีห์คลั่ง โจมตี!” ลู่ซีไม่รอช้าเรียกใช้ทักษะวิญญาณโต้กลับไป พายุกระบี่ขนาดย่อมปรากฎขึ้นตั้งรับการโจมตีดังกล่าวก่อนที่จะพัดพาพิษเหล่านี้บางส่วนให้ไปยังบริเวณอื่น

กรี๊ช!

ตู้ม!

อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชร้องดังขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว การโจมตีของหวังฮุ่ยครั้งล่าสุดโดนบริเวณส่วนรอยต่อของส่วนขาเต็ม ๆ แม้ไม่ใช่จุดอ่อนมากที่สุดแต่นั่นก็ทำให้เสียจังหวะได้เช่นกัน

กรี๊ช!

ตู้ม!

คล้ายกับว่ามันรับรู้ได้ถึงความอ่อนด้อยในระดับพลังที่น้อยกว่าของลู่ซี ดังนั้นมันจึงเปลี่ยนเป้าหมายพุ่งเข้าโจมตีเด็กหนุ่มในที่สุด กลิ่นของพิษคาวเลี่ยนที่ถูกส่งออกมาแม้ว่าลู่ซีจะหลบหลีกได้อย่างหวุดหวิด แต่พื้นที่บริเวณส่วนนั้นต่างถูกพิษดังกล่าวกัดกร่อนด้วยความรวดเร็ว

ตู้ม!

พรึบ!

การสอดประสานการโจมตีของหวังฮุ่ยพร้อมกับองครักษ์ชุดดำได้ส่งผลให้แรงปะทะนี้อสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชกระเด็นออกไปไกล แรงโจมตีของผู้ฝึกตนระดับเทวะทั้งสองไม่อาจดูเบาได้ เพราะในตอนนี้ส่วนข้างลำตัวที่เคยมีเกล็ดหนาป้องกันนั้นได้ปรากฎเป็นรอยแผลใหญ่ที่ส่งผลให้มันยิ่งโกรธและทวีความดุร้ายมากยิ่งขึ้น

ตั้งแต่เริ่มต้นการปะทะกับอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราช หนิงอ้ายได้อยู่นอกขอบเขตรัศมีการรับรู้พร้อมกับเรียกใช้เนตรแห่งสวรรค์ให้กลบกลิ่นอายของตน จริงอยู่ที่อสูรเผ่าพันธ์นี้จะสังกัดปราณธาตุพิษแต่ส่วนเกราะที่ห่อหุ้มตัวต่างมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก จุดอ่อนของมันมีเพียงไม่กี่จุดเท่านั้น แน่นอนว่าในตอนนี้หนิงย่อมรับรู้แล้วทั้งสิ้น

เข็มเงินมัจจุราชไร้เงาทั้งเก้าเล่มได้ปรากฎขึ้นตรงด้านหน้าของหนิงอ้าย ก่อนที่จะถูกบัญชาการด้วยพลังลมปราณที่แฝงไปด้วยพิษถึงสิบส่วน หนิงอ้ายกระจ่างในใจดีกว่าพิษอันเล็กน้อยของเขาในตอนนี้ไม่อาจเอาชนะสัตว์อสูรปราณธาตุพิษที่มีความพิเศษทางสายเลือดเช่นนี้ได้ พิษของเขาจะค่อย ๆ แทรกซึมแต่ก็ไม่ได้มีเวลามากถึงเพียงนั้น การชะล่าใจเพียงชั่วครู่ย่อมส่งผลร้ายเกินกว่าที่จะคาดเดาได้

ไม่รอช้าหนิงอ้ายบัญชาการเข็มเงินมัจจุราชไร้เงาทั้งเก้าพุ่งเข้าโจมตีทะลุส่วนเปลือกนอกที่มีบาดแผลในทันท เข็มเงินสังหารบางเล่มได้ครูดไปกับเกล็ดอันทดทานของมันก่อนจะกระเด็นปักที่ต้นไม้ การตอบรับการโจมตีของสัตว์อสูรนี้เร็วกว่าที่เขาคาดคิดไว้มาก ด้วยเข็มเงินทั้งเก้าเล่มนี้ของหนิงอ้ายได้มุ่งเน้นไปตามลำตัวส่วนที่มีบาดแผลเพื่อจะเข้าฝั่งพิษ

พรึบ!

ฟิ้ว!

“เข็มพิษของข้าใช้ได้ผลไม่มากนัก โจมตีส่วนหางที่เป็นเหล็กในของมันเร็วเข้า!” หนิงอ้ายร้องตะโกนดังขึ้น ก่อนที่จะเป็นหวังฮุ่ยที่ใช้กระบี่เข้าตัดส่วนนั้นพอดี

กรี๊ช!

เสียงกรีดร้องทรมานดังขึ้นโหยหวนไปทั่ว ส่วนหางที่เป็นเหล็กในนั้นไม่ต่างไปจากจุดศูนย์กลางประสาทการรับรู้ เมื่อสูญเสียส่วนนั้นไปแล้วจึงกล่าวได้ว่าตอนนี้มันไร้ซึ่งดวงตาอย่างสมบูรณ์

เคล็ดวิชาหัตถ์หยกบุษกรพุทธอัคคีพิโรธ!

ตู้ม!

เสียงของฝ่ามืออหังการที่เปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้างได้เข้าปะทะส่วนหัวของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชอย่างไม่ทันตั้งตัว วิชาฝ่ามือของตระกูลจางที่หนิงอ้ายปรับเข้ากับวิชาโจมตีบุปผาเพลิงของตระกูลหวังได้เกิดเป็นวิชาฝ่ามือพิฆาตบทหนึ่ง อาณุภาพทำลายล้างนี้ไม่อาจดูเบาได้เพียงนิด เพียงการโจมตีครั้งเดียวไปยังจุดอ่อนที่แม่นยำนี้ได้ปลิดชีวิตของอีกฝ่ายไปในทันที

วูบ!

"เป็นกระดูกวิญญาณที่สมบูรณ์ยิ่ง ไม่คาดคิดว่าอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชตัวนี้จะเต็มไปด้วยพลังตบะที่แข็งแกร่ง..." หวังฮุ่ยเอ่ยขึ้นหลังจากพิจารณาถึงรัศมีแสงของกระดูกวิญญาณที่ปรากฎ

เหนือร่างไร้วิญญาณของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชได้ปรากฎเป็นกระดูกวิญญาณรัศมีแสงสีเหลืองบริสุทธิ์ที่แสดงให้เห็นถึงอายุของวงแหวนไม่เกินสี่พันปี หนิงอ้ายไม่รอช้าเข้าเก็บร่างไร้วิญญาณพร้อมกับกระดูกวิญญาณนี้ด้วยความรวดเร็ว แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสี่คนไม่รอช้ารีบปลีกตัวจากบริเวณนี้ในทันที

“คุณชายจะดูดซับกระดูกวิญญาณของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชนี้เลยหรือไม่ขอรับ?” เช่นเดิมเมื่อถึงระยะห่างที่คาดว่าปลอดภัยแล้ว พวกเขาทั้งสี่คนจึงเลือกที่จะหยุดพักเพื่อรักษาบาดแผลและนั่งดูดซับลมปราณฟ้าดินเพื่อเติมเต็มในส่วนที่หายไปก่อนหน้า

“เป็นเช่นนั้นท่านลุงฮุ่ย” หนิงอ้ายระบายยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะปลีกตัวแยกไปด้วยระยะที่ห่างพอสมควร เนื่องจากการดูดซับกระดูกวิญญาณจากสัตว์อสูรปราณธาตุพิษอาจเกิดผลเสียต่อผู้ที่อยู่โดยรอบได้

กระดูกวิญญาณชิ้นแรกนี้ เจ้าจะเป็นตัวตัดสินว่าเส้นทางของผู้ฝึกตนของข้าหลังจากนี้จะรุ่งโรจน์มากเพียงใด…

“กระดูกวิญญาณของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชเข้มข้นไปด้วยพิษ ในการดูดซับคุณชายต้องระวังให้มากนะขอรับ”

“ขอรับท่านลุงฮุ่ย...”

หนิงอ้ายนึกถึงขั้นตอนการดูดซับกระดูกวิญญาณที่ตนเคยได้ศึกษามาก่อนหน้า พร้อมกับคำแนะนำอีกเล็กน้อยที่หวังฮุ่ยได้บอกให้รับรู้ ก่อนที่เขาจะหลับตาลงพร้อมกับเรียกกระดูกวิญญาณอายุสามพันปีนี้ออกมา

“ดูดซับ!!”

กระดูกวิญญาณสีเหลืองบริสุทธ์ได้ปรากฎขึ้นเป็นรัศมีแสงสวยงามอยู่เหนือศรีษะของหนิงอ้าย ทั่วทั้งร่างกายราวกับว่ากำลังถูกรุกล้ำด้วยพลังบริสุทธิ์บางอย่างที่ไม่อาจต้านทานได้ คล้ายกับว่าพลังวิญญาณที่ติดอยู่คอขวดของระดับขุนนางวิญญาณขั้นสูงที่ติดอยู่คอขวดได้ถูกกระตุ้น เสียงปะทุดังในห้วงจิตได้เรียกรอยยิ้มตรงมุมปากให้ปรากฎขึ้น นอกจากที่เขาจะสามารถดูดซับกระดูกวิญญาณข้ามขั้นได้อย่างปลอดภัยแล้ว ดูเหมือนว่าในตอนนี้เขาได้กลายเป็นผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิวิญญาณขั้นสามัญแล้วอย่างสมบูรณ์

ขณะที่หนิงอ้ายกำลังนั่งดูดซับประสานร่างกายเข้ากับกระดูกวิญญาณ ได้ปรากฎเงาร่างวิญญาณของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชสีเขียวดำเข้มครอบทับเด็กหนุ่ม ใบหน้างามของหนิงอ้ายนั้นบิดเบี้ยวราวกับว่าได้รับความทรมานที่เกินจะทนไหว ชั่วพริบตากลิ่นอายอันอหังการบริสุทธิ์ได้ก่อเงาร่างขึ้นเป็นอสรพิษเกล็ดสีขาวเงินเลื้อยพันรอบสะกดข่มเงาร่างอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราชตัวนั้น เพียงชั่วครู่กลิ่นอายพิษคาวเลี่ยนได้สูญสลายหายไปพร้อมกับที่เงาร่างของอสรพิษสีขาวเงินได้พุ่งเข้ากลับในหน้าผากของหนิงอ้ายเช่นเดิม

“ดีใจด้วยขอรับคุณชาย!!” เสียงของหวังฮุ่ยและลู่ซีเอ่ยขึ้นพร้อมกันด้วยความยินดี ไม่คาดคิดว่าเพียงหนึ่งชั่วยามเท่านั้นอีกฝ่ายก็สามารถดูดซับวงแหวนวิญญาณข้ามขั้นได้สำเร็จอย่างง่ายดาย

“ด้วยแรงหนุนและแรงสะกดข่มของกระดูกวิญญาณล้านปีที่แปรเปลี่ยนกระดูกวิญญาณแรกให้แก่ข้าจึงช่วยให้เป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งยังช่วยทะลวงคอขวดที่ติดขัดก่อนหน้า ตอนนี้ข้าเป็นราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณอย่างเต็มตัวแล้วขอรับ...” หนิงอ้ายเอ่ยขึ้นด้วยความยินดี

“ทักษะวิญญาณของกระดูกวิญญาณชิ้นแรกนี้เป็นอย่างไรขอรับ??” ลู่ซีเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้

ทักษะวิญญาณยุทธ์พัดหยกห้าเซียนวิถีเร้นลับได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ความแตกต่างนั่นคือในครั้งก่อนมีดบินสีน้ำเงินครามที่ประกอบส่วนเป็นพัดหยกมีเพียงห้าเล่มเท่านั้น ได้แปรเปลี่ยนไปมีลักษณะคล้ายคลึงกับลิ่มเหล็กในของอสูรราชินีแมงป่องแปดขามัจจุราช เป็นลิ่มเหล็กในแหลมคมสีเขียวดำลึกลับแปลกตา แฝงไปด้วยการจู่โจมที่รุนแรงและรวดเร็วเป็นอย่างมาก พร้อมกลิ่นอายของพิษร้ายที่มีความคล้ายคลึงกับแมงป่องแปดขามัจจุราชทว่าความรุนแรงมากกว่าไม่รู้กี่เท่า

“ทักษะวิญญาณยุทธ์พัดหยกห้าเซียนวิถีเร้นลับ ทักษะวิญญาณที่หนึ่งข้าเรียกมันว่า ลิ่มหยกห้ามัจจุราชเงามรณะ...” หนิงอ้ายยกยิ้มออกมาเล็กน้อย ด้วยเพราะรากฐานของวิญญาณยุทธ์ของเขาคือปราณธาตุน้ำที่มีความบริสุทธิ์ถึงสิบส่วน ดังนั้นจึงสามารถหลอมรวมเข้ากับกระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรได้ทุกปราณธาตุ ทุกเผ่าพันธ์อีกด้วย

“ช่างยอดเยี่ยมยิ่ง…”

“หากพวกเราใช้วิธีเดียวกันในขากลับ ไม่ถึงสองถึงสามชั่วยามคงถึงเรือนเล็กที่จวนตระกูลจางแล้ว คุณชายกับลู่ซีไหวใช่หรือไม่?” หวังฮุ่ยถามขึ้น

“ไหวขอรับ...” หนิงอ้ายกับลู่ซีตอบตกลงทันที แน่นอนว่าหลังจากการดูดซับกระดูกวิญญาณไป ลู่ซีถือได้ว่าเป็นราชทินนามขุนนางวิญญาณขั้นกลางแล้ว สำหรับหนิงอ้ายย่อมเป็นราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นสามัญแล้ว ร่างกายย่อมมีความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นวิธีการเดินทางดังกล่าวนี้ย่อมไม่เกิดผลกระทบใดทั้งสิ้น

พรึบ!

พวกเขาทั้งสี่คนต่างใช้เคล็ดวิชาตัวเบาได้อย่างไม่ขัดข้อง ไม่ถึงครึ่งชั่วยามพวกเขาก็ออกจากเขตป่าชั้นกลางแล้ว จากนั้นอีกครึ่งชั่วยามให้หลังก็ถึงพื้นที่ของเขตป่าชั้นนอกในที่สุด ระยะห่างของเทือกเขาหมื่นอสูรวิญญาณนี้ห่างจากใจกลางเมืองแคว้นหงส์แดงไม่เท่าไหร่ คาดว่าด้วยระยะเวลาหนึ่งถึงสองชั่วยามพวกเขาทุกคนคงถึงเรือนเล็กท้ายจวนแล้ว

พวกเขาทั้งสี่คนกลับมาถึงด้วยระยะที่ใกล้เคียงตามที่คาดการณ์ไว้ ด้วยเวลายามห้ายที่ไม่นับว่ายังไม่ดึกจนเกินไปจึงทำให้เยว่ซิน จางปินและหรันหรูที่ยังคงนั่งพูดคุยนั้นสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่คุ้นเคยใกล้เข้ามาด้วยความรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเป็นคณะเดินทางที่ไปเสาะหาวงแหวนวิญญาณเมื่อสองสามวันก่อนได้กลับมาแล้วพวกเขาจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ทางฝั่งของเยว่ซินนางก็รู้สึกโล่งใจเช่นกันที่หนิงอ้ายบุตรชายของนางกลับด้วยอย่างไร้รอยขีดข่วน อีกสามคนที่เหลือก็ไม่ได้มีอาการบาดเจ็บที่ดูร้ายแรงเช่นกัน หลังจากนั่งพูดคุยกันอีกเล็กน้อยจึงเห็นควรว่าควรที่จะแยกย้ายกันพักผ่อนได้เสียที...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status