เขาตงซาน สำนัก “ไป๋ซาน”
“ศิษย์พี่! นางวิ่งไปทางหน้าผา”
“ตามไป”
""ขอรับ""
ฝีเท้าที่เร่งก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งพร้อมกับบาดแผลที่แขนด้านขวาซึ่งถูกชายที่เป็นทั้งศิษย์พี่ที่เคารพ และเป็นชายในดวงใจแทงเป็นบาดแผลลึก บาดแผลนั้นแม้จะไม่ได้อันตรายถึงชีวิตแต่ก็ลึกมากพอที่จะทำให้หัวใจของผู้ที่ถูกแทงแทบแตกสลาย
“ชิงชิง!! เจ้าหยุดนะ!!”
ตรงหน้าคือหน้าผา อีกฝั่งคือศิษย์ร่วมสำนักนับสิบที่รายล้อมเข้ามาเพื่อจัดการนางคนเดียว ปลายดาบของศิษย์น้องและศิษย์ร่วมสำนักหันมาหานางที่ยืนอยู่ปลายหน้าผา
“แค่ต้องการจะจับข้าเพียงคนเดียว ถึงกับต้องรวบรวมคนมามากถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“ชิงชิง เจ้ายอมแพ้แล้วกลับไปกับข้าเถอะ”
“ข้ามิได้สังหารอาจารย์!!”
“มาพูดตอนนี้จะมีผู้ใดเชื่อ! เจ้าเป็นคนที่อยู่กับอาจารย์ “ลั่วเฉิง” เป็นคนสุดท้าย เจ้าฆ่าอาจารย์เพราะไม่พอใจที่อาจารย์ยกตำแหน่งเจ้าสำนักให้ศิษย์พี่ “เฉินกวน” ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก”
“ศิษย์น้อง พอเถอะ”
“แต่ว่า!!”
“ข้าบอกให้พอได้แล้ว!”
“ศิษย์พี่ จนป่านนี้ท่านก็ยัง…”
“พี่ลี่เจินอย่าพึ่งพูดอันใดเลยเจ้าค่ะ เรื่องในห้องของอาจารย์เป็นเช่นไรยังไม่มีผู้ใดรู้แน่ ตอนนี้ศิษย์พี่ชิงชิงก็ยังบาดเจ็บถ้าอย่างไร…”
“เจ้าหุบปากไป “นิ่งเสี่ยวเหยา” อย่ามาทำเสแสร้งอยู่แถวนี้ เจ้าก็เป็นน้องรักของนางย่อมเข้าข้างนาง”
“พอที!! หยุดเถียงกันได้แล้ว”
ปลายดาบของบุรุษหนุ่มรูปงามดุจเซียนปั้นของ “เฉินกวน” ศิษย์พี่ใหญ่ที่พึ่งได้รับตำแหน่งเจ้าสำนัก “ไป๋ซาน” ไปหมาด ๆ หันมาที่ “เยว่ชิงชิง” สตรีคนเดียวที่เขารัก
นางเป็นทั้งหัวใจและครึ่งหนึ่งของชีวิตของเขาแต่คิดไม่ถึงว่าจะพบนางในห้องที่มีอาจารย์ถูกฆ่าตาย ยังไม่ทันสอบถามดีนางก็รีบหนีออกมา เขาจึงจำเป็นจะต้องต่อสู้จนเผลอแทงไปที่ไหล่ขวาของนางเข้า
“พวกเจ้าจะเถียงกันอีกนานหรือไม่ เฉินกวนท่านก็รู้ว่าข้าไม่เคยต้องการตำแหน่งเจ้าสำนักนั่น เหตุใดข้าต้องฆ่าอาจารย์”
“ชิงชิง ตอนนี้หลักฐานทุกอย่างชี้มาที่เจ้า หากว่าเจ้าอธิบายได้ว่าเหตุใดเจ้าถึงได้อยู่ที่นั่นข้าก็จะ….”
“ฮ่า ๆ ๆ …”
เสียงหัวเราะราวกับเยาะเย้ยฟ้าดินดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง นี่หรือบุรุษเพียงหนึ่งเดียวที่นางไว้วางใจมอบหัวใจให้เขา อีกทั้งยังยอมฝึกวิชา “กระบี่คู่สยบปฐพี” เพียงแต่ยังไม่สำเร็จในขั้นสุดท้าย จนกำลังภายในนางย้อนกลับและบาดเจ็บอยู่หลายวัน
“เฉินกวน ข้าคิดว่าท่านจะเป็นเพียงคนเดียวที่เชื่อใจข้า ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ท่านก็ยัง… คิดว่าข้าเป็นคนที่ฆ่าอาจารย์ที่เป็นดุจบิดาผู้ให้กำเนิด เป็นผู้เลี้ยงดูข้ามาตั้งแต่อายุห้าขวบและยังสั่งสอนถ่ายทอดวิชาให้งั้นหรือ ท่านใช้อะไรคิด!!”
“พี่ชิงชิง ท่านกลับไปกับพวกเราเถอะเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าท่าน… ไม่ได้ทำร้ายอาจารย์”
“นิ่งเสี่ยวเหยา” ศิษย์น้องเพียงคนเดียวที่ชิงชิงสนิทมากที่สุด ทุกเรื่องแม้แต่เรื่องของเฉินกวนนางก็เล่าให้นิ่งเสี่ยวเหยาฟัง พวกนางมักจะมานั่งดื่มชาใต้ต้นท้อเมื่อฝึกวิชาเสร็จ เฉินกวนก็ยังชมนางบ่อย ๆ ถึงรสมือในการทำขนมที่นางมักจะทำมาให้ทั้งสองได้กินระหว่างพักฝึกวิชาลับสุดยอดของสำนัก
“ชิงชิง ข้ามิได้….”
หยดน้ำตาที่ร้อนผ่าวไหลอาบใบหน้า นางคงไม่รอดแล้วเพราะนางรู้ดีว่าแม้นบาดแผลนั้นจะไม่ลึก แต่บัดนี้ทั้งอาจารย์ที่เป็นดุจบิดา ศิษย์ร่วมสำนักและบุรุษที่นางเชื่อใจมากที่สุด กลับหันปลายดาบมาเพียงเพื่อต้องการสังหารนาง
“ข้ามิได้ฆ่าอาจารย์ ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์ตั้งแต่ต้นจนจบ เรื่องนี้…”
“ฉึก!!”
“อย่านะ!!…. ลี่เจินนี่เจ้าทำอะไร!”
“ศิษย์น้องทั้งหลาย จับนางไว้เร็วเข้า!!”
“เฟิงลี่เจิน” ศิษย์ร่วมสำนักที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับเยว่ชิงชิงมานานพุ่งดาบมาแทงโดยที่นางไม่ทันได้ตั้งตัว เพียงดาบเดียวที่ทะลุช่วงชายโครงด้านซ้ายเยว่ชิงชิงเริ่มตาพร่ามัว นางยังมิทันได้สืบเลยว่าผู้ใดกันแน่ที่ฆ่าอาจารย์ของนางแต่กลับต้องมาถูกคนฆ่าตาย
“เฉินกวน… ข้าจะไม่มีทางลืมแค้นครั้งนี้”
“ชิงชิง!! ไม่นะ!!!”
ร่างบางทิ้งตัวลงไปที่หน้าผาพร้อมกับดึงดาบของเฟิงลี่เจินออกมา ดาบสกปรกของนางจะต้องไม่ติดตัวนางไปถึงแม่น้ำวั่งชวน (แม่น้ำลืมเลือน) หากจะตายนางก็ขอไปเพียงแต่ตัวและหัวใจที่เป็นผู้บริสุทธิ์ ไร้ซึ่งข้อกล่าวหาที่ตัวเองมิได้ทำ
“ข้าจะไม่มีทางให้ดาบโสมมของเจ้าติดกายไปกับข้า!!”
“กรี๊ด!!!”
เสียงนั้นเป็นเพียงเสียงเดียวที่เยว่ชิงชิงได้ยินก่อนที่ทุกอย่างตรงหน้าของนางจะดับสูญลงไปพร้อมกับสติและร่างที่ค่อย ๆ ดิ่งลงไปเหวลึกของหุบเขาสูงในเมืองฉีอันที่ยิ่งใหญ่
เมืองซานโจว / วังหลวง
“ช่วยด้วย!! เร็ว ๆ เข้าคุณหนูซ่งตกน้ำ เร็ว ๆ เข้า”
“ช่วยด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูของข้าตกน้ำ…คุณชายรอง!!”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ น้องสามของข้าตกน้ำงั้นหรือ”
“คุณชายช่วยคุณหนูด้วยเจ้าค่ะ”
“ตูม!!”
บุรุษหนุ่มซึ่งเป็นขุนนางกรมพระคลัง “กงอวี้หาน” พี่ชายของสตรีที่เย่อหยิ่งและเอาแต่ใจที่สุดในบรรดาบุตรีของขุนนางระดับสูง ทั้งคู่เป็นบุตรภรรยาเอกของท่านแม่ทัพใหญ่ “กงฮั่ว” ซึ่งบัดนี้ประจำการอยู่ที่กองทัพชายแดนซานโจว
“เหรินซิน!! เจ้าอยู่ที่ไหน”
ร่างของสตรีที่ตกน้ำในสระท้ายวังในงานชมโบตั๋นที่พระสนมอวนตู๋จัดขึ้นกลายเป็นเรื่องวุ่นวาย ผู้คนในงานเริ่มแตกตื่นและวิ่งมาด้านหลัง ไม่นานกงอวี้หานก็คว้าร่างของน้องสาวขึ้นมาจากสระได้สำเร็จ
“น้องสาม!!”
“แคก แคก…เฮือก!!!”
สตรีในวัยสิบเจ็ดปีพ่นน้ำที่กลืนไปออกมาจนหมดพร้อมกับหายใจอีกครั้ง อีกด้านหนึ่งก็มีสตรีอีกคนที่ถูกนำขึ้นมาจากสระพร้อม ๆ กับนางเช่นกัน ผู้ที่พึ่งถูกช่วยขึ้นมาจากสระลึกไม่รู้เลยว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่ และตอนนี้นางอยู่ที่ใด ได้ยินเพียงเสียงของใครคนหนึ่ง เสียงที่ทรงพลังและผู้คนโดยรอบที่เริ่มเงียบเพราะเสียงที่ดุดันนั้น
“ถึงกลับกล้าผลักน้องสาวข้าตกลงไปในสระเชียวหรือ “กงเหรินซิน” ครั้งนี้เจ้าทำเรื่องที่เกินจะให้อภัย”
“ท่านอ๋องโปรดทรงอภัย กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้อาจจะมิใช่อย่างที่เห็น อย่างไรก็รอน้องสาวกระหม่อมฟื้นแล้วค่อยไต่สวนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงนั้นดุจลอยอยู่ในอากาศ ที่นี่คือที่ใดกันแน่และคนเหล่านี้กำลังพูดสิ่งใด เหตุใดนางจึงฟังไม่เข้าใจเลยสักคำ ทั้งชื่อเรียกและมือหนาที่พยายามจับตัวนางเขย่าเพื่อให้นางฟื้น เสียงของบุรุษที่ทั้งกลัวและตื่นตระหนกข้าง ๆ กลิ่นไม้หอมกฤษณาที่เริ่มลอยมาติดจมูก
“นี่ข้า… ยังมิได้ข้ามไปแม่น้ำวั่งชวนอีกหรือ”
“นางพูดเพ้อเจ้ออะไร!!”
“ท่านอ๋องโปรดทรงอภัย กระหม่อม….”
“สกุลกงเลี้ยงดูบุตรีเช่นไรถึงได้ให้นางก่อเรื่องได้ไม่สิ้นสุด ครั้งก่อนนางขังสาวใช้เอาไว้ตำหนักร้าง หลอกน้องสาวข้าให้หลงทางไปตำหนักเย็น ครั้งนี้ถึงกับจะเอาชีวิตนาง ข้าไม่มีทางปล่อยนางไปได้ ทหาร!!”
“ท่านอ๋องกระหม่อมขอร้องพระองค์ บัดนี้น้องสาวกระหม่อมเป็นตายเท่ากัน ขอให้กระหม่อมพานางกลับจวนไปรักษาให้หายดีก่อน แล้วกระหม่อมจะส่งตัวนางกลับมาให้พระองค์ไต่สวนด้วยตัวเอง ขอได้ทรงโปรด...”
เสียงของบุรุษหนุ่มที่สั่นไปด้วยความโกรธและโมโห กล่าวกลับมากับบุรุษอีกคนด้วยน้ำเสียงที่พยายามสั่งให้เรียบที่สุด
“ได้ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะให้เจ้าพาตัวนางกลับไป สามวันหลังจากนี้ข้าจะไปสอบสวนนางด้วยตัวเอง!!”
สามวันถัดมา“เสด็จแม่ ยังอีกไกลหรือไม่เพคะ”“ไหนว่าเจ้าจะไม่บ่นอย่างไรเล่าเซียนเอ๋อร์ นี่แค่ทางขึ้นเขาเองเจ้าก็บ่นเสียแล้ว”“ข้าแค่รู้สึกเวียนหัวเพราะรถม้ามันโยกนี่เพคะ”“มานั่งตักพ่อเถอะจะได้นิ่มหน่อย มาสิ”หมิงชิงเซียนขยับไปนั่งตักบิดาซึ่งทั้งกว้างและนิ่มเมื่อท่านอ๋องวางตำราลงและหันมามองหน้าพระชายาที่แง้มหน้าต่างและเริ่มมองออกไปข้างนอก“เจ้าคงไม่คิดที่จะอยู่ที่สำนักไป๋ซานนานนักหรอกนะ ถึงอย่างไรตอนนี้เจ้าก็เป็นพระชายาหมิงชินอ๋อง หาใช่สตรีอันดับหนึ่งในยุทธภพไม่”“ท่านกังวลเกินไปแล้ว ข้าแค่อยากจะมองดูรอบ ๆ เท่านั้นว่าต่างไปจากเดิมหรือไม่”“เสด็จพ่อ ลูกจะต้องมาฝึกที่นี่จริง ๆ หรือเพคะ”“เจ้าอยากจะมาหรือไม่เล่าเซียนเอ๋อร์”“ลูกเองก็ไม่รู้ แต่ลูกอยากจะเก่งเหมือนเสด็จแม่เพคะ”“เจ้าเป็นลูกของแม่ก็ต้องเก่งและยอดเยี่ยมเหมือนแม่เจ้าอยู่แล้ว ยอดหญิงอันดับหนึ่งในใต้หล้ามีเพียงเสด็จแม่ของเจ้าเท่านั้น”“แต่เหตุใดบางคืนข้าถึงได้ยินเสียงท่านแม่ร้องแปลก ๆ เล่าเพคะ”เหรินซินหันมามองพักตร์ท่านอ๋องในทันทีเมื่อได้ยินเสียงบุตรสาวกล่าวขึ้นมา ท่านอ๋องนึกขำเมื่อเห็นใบหน้าของพระชายาที่เริ่มแดงจัดจนถึงใบหู“เซ
แปดปีต่อมา“ชิงเซียน ได้เวลาอาบน้ำแล้ว”“เพคะเสด็จแม่ แต่ว่าข้ายังอยากฝึกดาบอยู่”“วันนี้พอแค่นี้ก่อนเถอะ น้าอันเมี่ยนของเจ้าเหนื่อยแล้วอีกเดี๋ยวเสด็จพ่อเจ้าก็จะกลับมาจากในวัง จะถูกตำหนิเอาได้นะ”“ก็ได้เพคะ”“ข้าพานางไปเองเพคะ”“ฝากเจ้าด้วยนะอาเจิง”“เพคะพระชายา”อาเจิงพา “หมิงชิงเซียน” บุตรสาวของท่านอ๋องในวัยสี่ขวบครึ่งไปอาบน้ำตามคำสั่งของพระชายากงเหรินซิน ไม่นานเมื่อทั้งคู่เดินไปท่านอ๋องก็กลับเข้ามาในตำหนัก พระองค์เดินตรงมาหานางที่นั่งรออยู่ศาลาริมสวนซึ่งชิงเซียนใช้ฝึกดาบกับอันเมี่ยน“ท่านพี่”“เหตุใดเจ้าถึงได้มานั่งที่นี่คนเดียว เซียนเอ๋อร์เล่าไปไหนแล้ว”“ข้าให้อาเจิงพานางไปอาบน้ำแล้วเพคะ เหตุใดวันนี้ท่านพี่จึงกลับเร็วนักเล่าเพคะ”“รีบกลับมาหาเจ้าน่ะสิ เตรียมของทุกอย่างแล้วหรือ”“เสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ อากาศเริ่มเย็นลงอีกแล้วคิดว่าครั้งนี้คงไม่หนาวเท่าปีก่อน หยางเอ๋อร์จะได้ไม่ลำบากมาก”“เจ้าก็เอาแต่เป็นห่วงบุตรชายของเจ้า เขาไปฝึกที่สำนักไป๋ซานร่วมปีแล้วน่าจะชินกับอากาศแล้วกระมัง อีกอย่างยังมีอาจารย์อย่างเฉินกวนคอยส่งข่าวมาให้ไม่ขาด ยังเป็นห่วงอีกหรือ”“แต่หยางเอ๋อร์ยังเด็กนะเพคะ เส
“อ๊าา…. อ๊าา ไม่ไหวแล้ว มันจุกมาก อื้อ….”เหรินซินทั้งกัดฟัน ทั้งอ้าปากระบายความเสียวออกมาเมื่อท่านอ๋องจับบั้นท้ายนางกระแทกลงมาถี่ ๆ เพื่อรับมังกรยักษ์ที่สอดอยู่ด้านใน ไม่นานร่างเล็กก็ถูกเขาจับพลิกให้นอนตะแคง ขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นมา อ้อมกอดของพระสวามีกระชับเข้ามาจนชิดและถูกเขากระแทกอีกครั้ง พร้อมกับหน้าอกที่ถูกนิ้วสากหนานั้นบดขยี้ที่ยอดจนแตะทางสวรรค์ไปอีกครั้ง“อ๊าา….”ครึ่งชั่วยามถัดมา“ท่านพี่เพคะ พอแล้วได้หรือไม่ข้าขอพัก อ๊าา!!”หน้าต่างทุกบาน รวมถึงประตูถูกลงกลอนจนหมดสิ้น บัดนี้เหรินซินได้หลงกลท่านอ๋องเพราะคำพูดหวาน ๆ นั่นเสียแล้ว ใครจะคิดว่าหลังจากที่เปิดประตูให้พระสวามีเข้ามา นางจะไม่ได้พักและแทบจะหายใจไม่ทันอยู่แล้วกับศึกรักที่โหมกระหน่ำ จนเผาไหม้ทุกอย่างที่ขวางหน้าเช่นนี้“อ๊าา ท่านพี่ อย่าเลียนะ! เราพึ่งจะ อ๊าา….”แต่ท่านอ๋องมิได้ใส่ใจ ลิ้นของเขายังคงซอกซอนเข้าไปยังร่องรักที่เปียกชื้นทั้งน้ำของเขาและนาง เหรินซินเหงื่อไหลท่วมและแทบจะสิ้นเรี่ยวแรงแต่ก็มิอาจทัดทานความปรารถนาของท่านอ๋องที่มีต่อนางได้“อ๊าา….”เป็นอีกครั้งที่นางถึงฝั่งสวรรค์ แต่ท่านอ๋องก็มิได้เว้นช่วงให้นางพักเลยจร
ท่านอ๋องเดินไปยังเรือนหลังที่ตอนนี้เริ่มเงียบลงแล้วหลังจากที่รอสาวใช้ของเหรินซินเดินออกมา เว่ยเซียวที่หลบอยู่ด้านหลังก็ค่อย ๆ ไปที่ประตูแต่ปรากฏว่าประตูถูกลงกลอนเอาไว้“อะไรเนี่ย ปิดประตูงั้นหรือ”“ท่านคิดว่าจะเข้ามาในห้องข้าได้ง่าย ๆ งั้นหรือ”“เจ้า! ร้ายนักนะอาซิน”เสียงของเหรินซินดังออกมาจากด้านในเขาจึงรู้ว่าติดกับเข้าแล้ว พระชายาของเขามิใช่คนโง่ที่จะไม่รู้แผนการตื้นเขินเช่นนี้ แต่ในเมื่อพ่อตาสอนมาแล้วทุกอย่าง เช่นนั้นคืนนี้เขาจะไม่มีทางยอมแพ้เป็นอันขาด“อาซิน… เปิดประตูให้ข้าเข้าไปหน่อยสิ ข้าอยากจะคุยกับเจ้าจริง ๆ นะ อีกอย่าง…”“ท่านกลับไปดื่มสุรากับพี่ใหญ่และท่านพ่อจะดีกว่า มายืนอยู่ตรงนี้ก็ไม่มีความหมาย หม่อมฉันไม่มีทางเปิดประตูให้พระองค์”“เจ้ากลายเป็นคนใจร้ายเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน เจ้าจะยอมให้สามีของตัวเองถูกยุงกัดตายอยู่ตรงนี้งั้นหรือ หากเจ้าไม่เปิดข้าก็จะยืนเฝ้าอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนทั้งนั้น คอยดูสิว่าข้าจะตายก่อนหรือว่าเจ้าจะใจอ่อนก่อน”“เช่นนั้นก็เชิญท่านอ๋องยืนเฝ้ายามหน้าประตูต่อไปนะเพคะ จะได้รู้ว่าเหล่าองครักษ์ต้องลำบากเพียงใด”“เดี๋ยวสิ! นี่กงเหรินซินมันจะเกินไปแล้ว อย่าใ
สองเดือนถัดมา“ยอดไปเลย ข้าพึ่งจะเคยเห็นกระบวนท่าของ “กระบี่วารีพิสุทธิ์” เต็มตาก็วันนี้เอง เว่ยเซียวท่านเริ่มสงสัยตั้งแต่เมื่อใดว่านางมิใช่ซินเอ๋อร์แต่เป็นเยว่ชิงชิง"“ครั้งแรกที่ข้าเห็นนางแอบฝึกที่โรงฝึกของพวกเจ้าข้าก็เริ่มสงสัยว่านางมิใช่กงเหรินซิน ยอดไปเลยใช่ไหมเล่า”“เรื่องอัศจรรย์เช่นนี้ ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะเกิดขึ้นจริง ๆ”“นั่นสิ ว่าแต่เจ้าเถอะตอนที่ไปสำนักไป๋ซาน ไม่เห็นเคยบอกข้าเลยว่านางคือใคร”“ตอนนั้นข้ารับปากท่านพ่อแล้วว่าจะไม่เปิดเผยฐานะของนาง และจะไม่บอกว่าตัวเองเป็นใคร ได้แต่เฝ้ามองนางห่าง ๆ และคอยช่วยเหลือในสิ่งที่ข้าพอจะช่วยได้ ทั้งกระบี่ที่ท่านพ่อสั่งทำแล้วมอบให้และเงินที่ฝากเอาไว้กับอาจารย์โดยไม่บอกให้นางรู้”“ข้านับถือเจ้านะที่ปกปิดความลับมาได้นานขนาดนี้ หากเป็นข้าก็คงอยากจะเผยตัวตนตั้งแต่แรก”“ใช่ว่าข้าไม่อยาก เพียงแต่ว่า…”“เพราะกงเหรินซินสินะ ปากเจ้าพร่ำบ่นนางและด่านางเป็นประจำแต่ก็รักนางมากไม่ต่างกังกงอวี้หาน”“นั่นเป็นสิ่งที่ข้าเสียใจมากที่สุดในฐานะพี่ชาย ข้าควรจะดีกับนางเหมือนที่อวี้หานทำ”ท่านอ๋องตบไหล่ของจ้าวหนาน สหายและเพื่อนร่วมสำนักของเขา ท่านอ๋องพอจะรู้
สามวันถัดมา / สุสานสกุลกง “ซินเอ๋อร์ เนี่ยเอ๋อร์ พวกเจ้าคงจะได้พบกันแล้วสินะ ฝากดูแลนางด้วยนะ”“ซินเอ๋อร์ พี่ใหญ่ไม่เคยอยากจะทะเลาะกับเจ้าเลยสักครั้ง พี่ทำผิดต่อเจ้าที่คอยเปรียบเทียบเจ้ากับคนอื่น ชาติหน้าหากมีจริงขอให้พี่ได้มีโอกาสเป็นพี่ชายที่ดีของเจ้าอีกสักครั้งเถอะนะ”ตุ๊กตาไม้ที่แกะด้วยมือของกงจ้าวหนานวางลงที่หน้าป้ายวิญญาณน้องสาวผู้ล่วงลับ เขาทำมันขึ้นมาระหว่างออกศึกและเก็บเอาไว้นานกว่าสิบปีแต่ไม่มีโอกาสได้ให้กงเหรินซิน เพียงเพราะนางเอาแต่โวยวายและโมโหทุกคนที่ไม่เข้าข้างนาง เขาจึงเก็บตุ๊กตาไม้นี้เอาไว้ตลอด กงอวี้หานเดินมาตบไหล่ของพี่ใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าป้ายวิญญาณของน้องสาวที่ทำขึ้นมาในสุสานของสกุลกง“พี่ใหญ่ท่านอย่าคิดมากเลย ซินเอ๋อร์เองก็มิได้โกรธท่านจริง ๆ หรอก ที่นางเอาแต่ใจก็แค่อยากให้ท่านหันไปสนใจนางเท่านั้นเอง”“ข้าไม่เคยได้มีโอกาสขอโทษ หรือทำดีกับซินเอ๋อร์เลยสักครั้ง จนกระทั่ง…”“พี่ใหญ่ ตอนนี้คนร้ายก็ได้ชดใช้ให้กับน้องเล็กแล้ว ท่านอย่าได้โทษตัวเองอีกเลยนะเจ้าคะ”“เจ้าพูดถูก แม้ว่านางจะไม่อยู่แล้วแต่ตอนนี้เจ้าเองก็อยู่ในร่างของนาง ทำดีกับเจ้าก็ไม่ต่างกับทำดีกับนาง”“ใช่แล้ว