บริเวณพื้นที่โล่งตรงข้ามกับโต๊ะทรงงาน จู่ๆ ก็เกิดกลุ่มควันขาวล่องลอยปกคลุมไปทั่วคล้ายสายหมอกจางๆ อยู่ทางเบื้องหลังของพระสหายสนิทในขณะที่พระองค์ทรงยืนอยู่ไม่ไกลจากบริเวณดังกล่าว
พรึ่บ!!! ร่างระหงของมาเฟียสาวไป๋หลันฮวาจากยุคอนาคตปรากฏกายขึ้นมาโดยพลันต่อหน้าแม่ทัพไร้พ่ายในอดีตกาล ซึ่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเต็มสองตา ในขณะที่อีกฝ่ายมัวแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านอักษรจากกระดองเต่าที่อยู่ในมือของเธอโดยมิเงยหน้าขึ้นมามองเหตุการณ์ตรงหน้าแม้แต่น้อย “เฮ้ย!ยังมีจารึกด้านหลังอีกด้วยวุ้ย”หญิงสาวกล่าวพร้อมพลิกกระดองเต่าดังกล่าวกลับด้านที่มีรูปร่างคล้ายพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวทันทีพร้อมอ่านอักษรโบราณที่จารึกออกมาทันใด หากแม้นดวงชีพในอดีตมีภัยจงกลับคืนสู่แผ่นดินที่จากมา และชีวิตอันไกลโพ้นให้ห้วนคืนสู่ดินแดนก่อนกาลเมื่อร่ายคาถาบดบัง สิ้นเสียงของหญิงสาว กระดองเต่าซีกที่ประกบอยู่ด้านหลังจู่ๆ ก็กระเด็นออกจากมือของเธอทันที ฟิ้ววววว!!!! กระดองเต่าซีกด้านหลังกระเด็นออกจากมือของหญิงสาวลอยเคว้งคว้างไปมาอยู่กลางอากาศ พร้อมเสียงของไป๋หลันฮวาดังทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนจะเลือนหายไปชั่วพริบตาท่ามกลางสายตาของแม่ทัพไร้พ่ายในยุคอดีตซึ่งเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ “เฮ้ยหล่น!!!” เสียงของแม่สาวน้อยคนงามดังก้องได้ยินอย่างชัดเจน และเนี่ยนเจินก็ได้ยินเช่นกัน “ฮือ!...เสียงอิสตรีที่ไหนกันเหตุไฉนจึงมาอยู่ในบริเวณนี้”กล่าวพร้อมหันกลับมามองทางด้านหลังทันใด กระดองเต่าซึ่งจารึกคาถาศักดิ์สิทธิ์โบราณตั้งแต่แผ่นดินในยุคสมัยสามราชาห้าจักรพรรดิในอดีตกาล ซึ่งเป็นตำนานโบราณมากกว่าเรื่องจริงและมาก่อนยุคของราชวงศ์เซี่ย ทว่ากลับมีบันทึกตำนานเหล่านั้นเอาไว้ว่ายุคดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องจริงซึ่งถูกบันทึกขึ้นในภายหลังจากชนเผ่าโบราณกลุ่มหนึ่ง และกระดองเต่าดังกล่าวคือคาถาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถูกสร้างขึ้นในยุคนั้นอันเป็นสมบัติล้ำค่าของสามราชาในยุคอดีตเมื่อหนึ่งพันปีก่อน ตุบ!!! กระดองเต่าชิ้นด้านหลังลอยละลิ่วตกลงบนพื้นภายในกระโจมของแม่ทัพไร้พ่าย ราวกับว่าได้เลือกเฟ้นแม่ทัพหนุ่มรูปงามให้ครอบครองสิ่งล้ำค่านี้เอาไว้นั้นเอง “อะไรกันนี่!”แม่ทัพไร้พ่ายรำพึงออกมาทันทีครั้นเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ที่ผ่านมาเต็มสองตา วรองค์ใหญ่รีบพระดำเนินไปยังตำแหน่งที่พระองค์ทอดพระเนตรสตรีสวมชุดแปลกประหลาดสีดำทะมึน ดวงตาถูกปกปิดด้วยหน้ากากสีดำซึ่งก็คือแว่นกันแดดในยุคปัจจุบันนั้นเอง ท่ามกลางเสียงร้องเรียกของพระสหาย “อะ..อ้าว..นี่ท่านจะรีบเดินไปไหน”เนี่ยนเจินถามไล่หลังตามมาติดๆ พระเนตรสีนิลกาฬจับจ้องอยู่ที่กระดองเต่าสีดำแกมน้ำตาลกำลังส่องแสงเงาสะท้อนวาววับซึ่งตกอยู่บนพื้นตรงพระพักตร์ พระองค์ก้มลงหยิบขึ้นมาทอดพระเนตร ด้วยความรู้สึกที่ยากเกินกว่าจะรับสั่งอธิบายให้ผู้ใดล่วงรู้ได้ว่าเมื่อครู่มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น “นี่ข้าเห็นอะไรกันนี่! ใยจึงปรากฏสตรีแต่งกายประหลาดอีกทั้งมีดวงตาดำใหญ่ที่มืดบอดเช่นนั้น นางเป็นคนหรือปีศาจกันแน่ปรากฏกายและเลือนหายไปเพียงชั่วพริบตา ข้ากำลังฝันไปหรือไร” รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรอักษรโบราณที่จารึกอยู่บนกระดองเต่าดังกล่าวไม่กะพริบ ก่อนจะได้ยินเสียงของพระสหายดังแทรกขึ้นครั้นเดินมาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ “นี่ท่านเก็บอะไรได้อย่างนั้นเหรอ”กล่าวพร้อมมองกระดองเต่าที่อยู่ในพระหัตถ์ของพระสหาย “กระดองเต่าไม่ใช่เหรอ..จารึกอักษรโบราณตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดินเสียด้วย..แล้วนี่ท่านอ่านออกรึ”กล่าวพร้อมทำท่าจะเอื้อมมือไปหยิบกระดองเต่าดังกล่าวเอามาดูใกล้ๆ เพียะ!!! พระหัตถ์ใหญ่ตีเข้าที่มือของพระสหายทันใด “อุ้ย!!! ข้าเจ็บนะตีซะแรงเลย หวงของก็ไม่บอก!”องค์ชายเนี่ยนเจินกล่าวพร้อมสะบัดมือไปมาเร่าๆ “เจ้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม สิ่งที่อยู่ในมือข้าในขณะนี้คือกระดองเต่าที่จารึกอักษรตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดิน เห็นเช่นเดียวกับข้าใช่หรือไม่”รับสั่งถามเพื่อความแน่พระทัย ในขณะที่พระสหายสนิทยกมือขึ้นเกาศีรษะของตนไปมาด้วยความแปลกใจครั้นถูกถามกลับมาเช่นนั้น “เอ้า! ข้าก็เห็นเหมือนกับท่านนั้นแหละ ว่าสิ่งที่อยู่ในมือของท่านคือกระดองเต่าที่จารึกอักษรยุคสร้างแผ่นดินใครจะไปอ่านออกได้เล่า นานเป็นพันๆ ปีซะขนาดนั้น ท่าทางจารึกอักษรโบราณนี้หามีผู้ใดอ่านออกแม้แต่น้อย “เช่นนั้นรึ! เจ้าเห็นว่ามีอยู่จริงแต่อ่านไม่ออกกระนั้นสิ”รับสั่งถามกลับไป องค์ชายเนี่ยนเจินพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกัน “ก็ใช่สิ...ว่าแต่ท่านถามแบบนี้มีเหตุใดเกิดขึ้นกระนั้นรึ”พระสหายถามกลับไปด้วยความสงสัย ครั้นแม่ทัพรูปงามได้คำตอบดังกล่าวกลับมาเช่นนั้น พระองค์ก้มลงทอดพระเนตรกระดองเต่าซึ่งจารึกคาถาศักดิ์สิทธิ์ในอดีตกาลด้วยความแปลกพระทัยอย่างยิ่งยวด เมื่ออักษรยุคสร้างแผ่นดินที่มิสามารถมีผู้ใดอ่านออกได้แต่พระองค์กลับอ่านออกได้อย่างง่ายดาย สร้างความงุนงงระคนสงสัยให้กับพระองค์เป็นยิ่งนัก “สิ่งนี้คืออะไรกันแน่! เหตุใดข้าจึงอ่านจารึกบนกระดองเต่านี้ได้เล่า ทั้งๆที่เป็นตัวอักษรตั้งแต่ยุคสร้างแผ่นดินหามีผู้ใดที่จะอ่านออกได้แม้แต่น้อย”รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัยพลางทอดพระเนตรกระดองเต่าในพระหัตถ์เขม็ง “จริงสิแม่หญิงดวงตามืดบอดผู้นั้นเป็นอีกผู้หนึ่งที่อ่านจารึกโบราณนี้ได้ หรือว่านี่จะเป็นคาถาทำให้ล่องหนไปสถานที่แห่งหนใดก็ได้กระนั้นสิ”รับสั่งตามความคาดเดาด้วยสติปัญญาอันปราดเปรื่องของพระองค์ ที่เริ่มจะปะติดปะต่อเหตุการณ์ที่ทรงทอดพระเนตรเมื่อครู่ที่ผ่านมาณ.ชายแดนเมืองลู่มาน ต้นสนพันปีรายล้อมไปทั่วบริเวณของชายป่าก่อนจะถึงเขตเมืองหลวงตันหยางของแคว้นฉู่ บริเวณนอกกำแพงเมืองของแคว้นเต็มไปด้วยผืนป่าขึ้นรกครึ้มปกคลุมจนวังเวงจนทำให้ขนทั่วกายลุกตั้งชัน สนพันปีเติบโตจนมีขนาดใหญ่รายล้อมจนน่าหวั่นเกรง และจุดนี้เองเป็นที่อาศัยชุกชุมของพวกโจรป่ารวมไปถึงปีศาจที่แฝงกายในร่างของมนุษย์ และบริเวณลานกว้างซึ่งรายล้อมไปด้วยสนพันปี เต็มไปด้วยของเซ่นไหว้ที่นำมาวางกองไว้ดาษดื่นจนเต็มไปหมด ชาวเมืองแคว้นฉู่กำลังมีพิธีบูชายัญโดยใช้ชีวิตมนุษย์เป็นเครื่องสังเวยให้แก่เทพเจ้าต้นไม้เมืองลู่มานเป็นชายแดนหน้าด่านของแคว้นฉู่ ชาวเมืองต่างมีความเชื่อในเทพเจ้า ปีศาจและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกอย่างที่จะให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ แคว้นฉู่ในเวลานี้ปกครองโดยจีปาอ๋อง ซึ่งเป็นระดับเชื้อพระวงศ์จากราชวงศ์โจวตะวันตกที่เข้าร่วมก่อกบฏกับไค๋หยวนฮ่องเต้ ช่วงชิงราชบัลลังก์มาจากไท่เจิ้งอดีตฮ่องเต้ซึ่งเป็นพระเชษฐาเมื่อแผนการก่อกบฏสำเร็จสิ
พร้อมหันกลับไปจ้องเด็กหญิงตัวน้อยเขม็ง เมื่อกระดองเต่าศักดิ์สิทธิ์ทำให้หญิงสาวล่วงรู้ว่าเด็กๆ ตัวเล็กที่มีใบหน้าน่ารักน่าชังมิใช่มนุษย์แต่เป็นปีศาจนั่นเอง“เจ้าเด็กน้อยธิดาเทพ อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ แต่จิตใจกลับเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและอำมหิตแบบนี้มันไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิดของเด็กในวัยเช่นนี้ของเจ้าหรอกนะ”หญิงสาวเอ่ยถามกลับไปพร้อมเห็นความเปลี่ยนแปลงของธิดาเทพกำลังคืนร่างอย่างช้าๆในขณะที่สมุนของปีศาจต้นไม้แสยะยิ้มเหยียดเมื่อได้ยินถ้อยเจรจาของสตรีสาวนิรนามตรงหน้า โดยมิล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเห็นร่างอันแท้จริงของตนซึ่งกำลังคืนร่างกลายเป็นปีศาจตัวชะมดหาใช่มนุษย์“จะตายอยู่แล้วยังหาญกล้ามาเจรจาตีฝีปากกล้ากับข้าผู้ซึ่งเป็นธิดาเทพ คิดหรือว่าชาวเมืองจะไม่กล้าทำอะไรเจ้าในเมื่อข้าสั่งผู้คนเหล่านั้นก็ต้องทำ!”ปีศาจชะมดในร่างเด็กน้อยหันกลับไปจ้องเขม็งชายฉกรรจ์สามคนพร้อมดวงตาสีเขียวลุกวาววับขึ้นมาทันใดพร้อมยกมือที่บัดนี้มีไอสีดำทะมึนพวยพุ่งออกมาจากร่างก่อนจะเข้าทาบทับ หากแต่ยังมิทันที่ไอดำจะเข้าทาบทับกลุ่มชายฉกรรจ
“เจ้านะรึคือไป๋หลันฮวา ธิดาคนโตของแม่ทัพไป๋อี้”รับสั่งถามย้ำกลับไปด้วยความแปลกพระทัย“เป็นข้าเองมิผิด”หญิงสาวกล่าวพลางพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นองค์ชายเนี่ยนเจินได้ยินเช่นนั้น ทรงยืนทอดพระเนตรสตรีสาวตรงพระพักตร์ให้ชัดเจนอีกครั้งเพื่อความแน่พระทัย ก่อนจะมีสุรเสียงรับสั่งออกมา“เท่าที่ข้าล่วงรู้มา แม่ทัพไป๋อวี้ผู้กล้ามีธิดาสองนางคือแม่นางไป๋หลันฮวาและแม่นางไป๋จู ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วว่าธิดาคนโตของแม่ทัพไป๋ เกิดมาพร้อมกับความอัปลักษณ์มีใบหน้าเต็มไปด้วยปานแดงเต็มไปทั่วผิวหน้า แทบจะไม่เห็นผิวเนื้อเดิม”รับสั่งพร้อมเพ่งพิศสตรีตรงพระพักตร์อีกครั้งพลางครุ่นคิดตาม“ในขณะที่ธิดาคนรองงดงามเย้ายวนใจ จนทำให้บุรุษทั่วหล้าเดินทางเพื่อมายลโฉมของนาง ข่าวการชนะศึกในครั้งนี้จะดึงดูดบุรุษทั่วทุกสารทิศมาเยือนจวนของแม่ทัพไป๋กันอย่างเนืองแน่นเลยทีเดียว ดังนั้นหากเจ้าบอกว่าแท้จริงแล้วคือไป๋หลันฮวา ถ้าเช่นนั้นสิ่งที่ข้าล่วงรู้มาก็มิใช่เรื่องจริงกระนั้นสิ” “เออ...”แม่มาเฟียคนงามส่งเสียงต่ำๆ
มือเรียวรีบคว้าม้วนไม่ไผ่ขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว พลางรีบคลี่ออกเพื่อดูตัวหนังสือด้านในซึ่งแลดูคล้ายจดหมายเขียนข้อความทิ้งไว้ถึงใครบางคน ดวงตาคู่สวยกวาดสายตาไปตามตัวอักษรแต่ละตัวพร้อมเริ่มอ่านอักษรจีนโบราณออกมา ถึงตัวข้า!ไป๋หลันฮวา ในขณะที่เจ้ากำลังอ่านจดหมายอยู่ในขณะนี้ ข้าซึ่งเป็นตัวของเจ้าในเวลานี้ได้สิ้นลมหายใจไปแล้ว เจ้าอ่านต้องงุนงงเป็นแน่แท้ว่าเพราะเหตุใด ดังนั้นข้าจะอธิบายเพื่อให้เจ้าเข้าใจง่ายๆ นั่นก็คือ ข้าคือชีวิตในชาตินี้ของเจ้า ส่วนตัวเจ้าที่กำลังอ่านจดหมายอยู่ในเวลานี้คือชีวิตใหม่ของข้าในชาติหน้า พรึ่บ! ม้วนไม้ไผ่ถูกปิดเข้าหากันทันใดด้วยความตกใจอย่างยิ่งยวด ครั้นได้อ่านประโยคดังกล่าว “เป็นไปไม่ได้! นี่ฉันกำลังอ่านจดหมายของตัวเองในชาติอดีตอย่างนั้นเหรอ อย่าบอกนะว่าเราย้อนเวลากลับมาในอดีตชาติของตัวเอง!เฮ้ย!เป็นไปไม่ได้!เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”มาเฟียสาวคนงามกล่าวพร้อมส่ายหน้าไปมาด้วยไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ แต่แล้วเพียงครู่ ภาพความทรงจำกับเหตุการณ์นับตั้งแต่ได้พานพบซากโครงกระดูกกลางทะเลทรายผุดพรายขึ้นมาทันใด เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปจนถึงปาฏิหาร
ทางด้านไป๋หลันฮวาบริเวณชายป่าเขตชายแดนแคว้นฉู่ พรึ่บ!!!! แสงสว่างเจิดจ้าปรากฏขึ้นแถบบริเวณชายป่า ซึ่งเต็มไปด้วยทิวเขาและป่าดงดิบตลอดจนเหวลึก ท้องฟ้าเบื้องบนเต็มไปด้วยแสงสว่างมิสามารถมองด้วยตาเปล่าได้ ก่อนจะปรากฏร่างหญิงสาวนางหนึ่งลอยละลิ่วตกลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบนร่วงหล่นลงมากระแทกพื้นที่เต็มไปด้วยต้นหญ้าเขียวขจี พลั่ก!!! แรงกระแทกที่ตกกระทบลงพื้นเล่นเอาสตรีสาวนางนั่นเกิดอาการจุกเข้าให้อย่างจัง ร่างอรชรเอวบางร่างน้อยถึงกับบิดไปมาด้วยความเจ็บและจุกจนพูดไม่ออก โอ้ยยย!!! หญิงสาวส่งเสียงโอดครวญพลางส่ายกายไปมาพยายามที่จะลุกจากพื้น แต่กลับต้องหยุดชะงักเมื่อดวงตามองขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วพบว่า มีดวงดาวมากมายส่องประกายระยิบระยับสวยงามตื่นตะลึงอย่างยิ่งยวด และท่ามกลางดวงดาวมากมายปรากฏดวงจันทร์สีเหลืองนวลกลมโต มีขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนลอยเด่นอยู่ตรงหน้าไป๋หลันฮวาอยู่ในขณะนี้ “โอโห่!สวยจัง”หญิงสาวรำพึงออกมาเบาๆ เมื่อได้เห็นพระจันทร์เต็มดวงท่ามกลางดวงดาวนับหมื่นล้านดวง ในขณะเดียวกัน หญิงสาวมิล่วงรู้เลยว่าในยามนี้ร่างของเธอกำลังนอนอยู่ปากเหวหากพลิกกายกลับไปเพียงเสี้ยว ร่างร่วงหล่นล
ฉาด!!! จิ๋นฟานยกฝ่ามือใหญ่ตีเข้าที่หน้าขาของตนทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น“กระหม่อมคาดเอาไว้ไม่มีผิด นึกแล้วเชียวว่าจะต้องเป็นการกระทำของปีศาจและจื่อโหย่วก็คือปีศาจตนนั้น หากแม้นคนผู้นี้ได้ขึ้นครองแผ่นดินแล้วไซร้ ภัยพิบัติจะยิ่งทวีมากขึ้นไปอีกทุกวันนี้ชีวิตของผู้คนต่างสูญหายอย่างไร้ร่องรอยไปนับไม่ถ้วนเลยพ่ะย่ะค่ะ”จิ๋นฟานกราบทูลกลับไปเต็มไปด้วยน้ำเสียงแฝงเร้นความกังวลได้อย่างชัดเจน“สิ่งที่เจ้ากล่าวมามันก็ถูกแต่จะพลีพลามอีกไม่ได้ เพราะสาเหตุที่ข้าต้องจบชีวิตลงเมื่อคราก่อนก็เพราะว่าชะล่าใจจนเกินไปจะต้องวางแผนให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องค้นหาผู้ครอบครองเจี่ยกู่เหวินอีกครึ่งซีกให้พบและนำมาอยู่รวมด้วยกันกับข้าในสถานที่อันปลอดภัยที่สุด”“เรื่องนั้นพระองค์มิต้องเป็นห่วง เผ่าจินเจียงมิได้มีกระหม่อมและบุตรชายเพียงสองชีวิตเสียที่ไหนกันเล่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพระองค์มีชนเผ่าของกระหม่อมอยู่เคียงข้างมาโดยตลอดทรงมิล่วงรู้เท่านั้น และคาดว่าอีกไม่นานน่าจะได้พานพบผู้ครอบครองเจี่ยกู่เหวินในเร็ววันนี้ บันทึกของจอมเวทย์มิเคยผิดพลาดแม้แต่ครั้ง