ตอนที่21
ความลับในกระเป๋าตุ๊กตาแมว
นิ้วเรียวค่อย ๆ ดึงสมุดจิ๋วนั้นออกมา แล้วเปิดหน้าแรก เป็นรูปการ์ตูนเด็กผู้หญิงและผู้ชาย ที่วาดด้วยดินสอดูตลก และมีข้อความเขียนไว้ว่า ‘สวัสดีค่ะพี่ชาย’ พร้อมระบุวันที่ เขาจำได้ดีว่าเป็นวันแรกที่ได้เจอกับวุ้นเย็น
รูปนี้ไม่ได้สวยงามหรือมีศิลปะที่โดดเด่นใด ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจแปลก ๆ
เขาเปิดผ่านไปที่กระดาษแผ่นที่สอง เป็นรูปการ์ตูนเหมือนเดิม แต่เป็นรูปที่เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงโอบเอว จับมือกันคล้ายกำลังเต้นรำ พร้อมข้อความเศร้า ๆ ว่า ‘อยากเต้นรำกับพี่ชายแทนพี่ดาวแต่เต้นไม่เป็น’มาถึงหน้านี้หัวใจของเขาก็เริ่มเต้นแรง เขาไม่รอช้าที่จะเปิดดูหน้าต่อไป และหน้าต่อไป ส่วนใหญ่จะเป็นเหตุการณ์ที่เขากับวุ้นเย็นเคยทำด้วยกัน เช่นเล่นน้ำฝน สอนตีเทนนิส แต่รูปสุดท้ายนั้น ทำให้เขารู้สึกราวกับหัวใจกำลังบีบรัดจนรู้สึกเจ็บ เพราะเป็นภาพที่เด็กผู้หญิงนอนอยู่บนพื้นมองเด็กผู้ชายที่หันหลังให้ พร้อมกับข้อความ ‘หนูขอโทษค่ะพี่ชาย’
เมธัชรู้สึกว่าข้อความนั้นเริ่มพร่ามัว เพราะน้ำใสที่ปริ่มดวงตาคม จึงรีบกระพริบไล่ให้หายไปอย่างรวดเร็ว
เขาค่อย ๆ เปิดหน้าต่อไปด้วยปลายนิ้วที่สั่นระริก ไม่มีรูปของเด็กผู้ชายอีกแล้ว จะมีก็แต่รูปเด็กผู้หญิงที่นั่งกอดเข่าร้องไห้ และข้อความซ้ำ ๆ ว่า ‘พี่ชายหนูขอโทษ’ จนมาถึงหน้าล่าสุด
วุ้นเย็นได้วาดรูปเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายอีกครั้ง เป็นรูปที่ทั้งสองคนกอดกันด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับข้อความความ ‘พี่ชายหนูขอโทษ หนูรู้แล้วว่าทำไมถึงพูดไปแบบนั้น นั่นเป็นเพราะหนูรักพี่ชาย จึงไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนเข้าใกล้ หนูรักแบบที่หญิงชายรักกัน ไม่ได้รักแบบพี่ชายน้องสาว แต่หนูจะเก็บเรื่องนี้ไว้ ไม่ให้ใครรู้ หนูกลัวพี่ชายจะหายไปอีก หนูขอแค่พี่ชายให้อภัยและอยู่ใกล้ ๆ หนูก็พอค่ะ รักค่ะพี่ชายสุดที่รัก’
วันที่ระบุไว้เป็นวันเดียวกับวันที่เขากลับมาจากอเมริกาพอดี และหน้านี้ก็เป็นหน้าสุดท้าย ที่วุ้นเย็นบันทึกไว้
ชายหนุ่มรู้สึกชาไปหมดทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า สมุดเล่มน้อยตกลงบนหน้าขาแข็งแรง เขารีบเก็บมันขึ้นมาแล้วกำไว้ในมือแน่น ก่อนจะจัดวางตุ๊กตาแมว แล้วปิดไฟ กลับเข้าไปในห้องของตัวเอง ด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
...........................................................................
“อ้าว หรือคะ โอเคค่ะธัช งั้นเดี๋ยวดาวไป คนเดียวก็แล้วกันค่ะ ค่ะบาย” ดุจดาวกดวางสาย สีหน้าแสดงความผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน จนญาดาสังเกตเห็น
“เป็นอะไรไปลูก ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ทะเลาะกันหรือ” ญาดาเอ่ยถามด้วยความไม่สบายใจ
ดุจดาวส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะเริ่มอธิบายตามความเป็นจริง
“เปล่าค่ะ เราไม่ได้ทะเลาะอะไรกันเลย คืออย่างนี้ค่ะเมื่อคืนน้องวุ้นเสียใจที่ธัชไม่ยอมกลับบ้านไม่ยอมเจอหน้า เลยไปแอบกินเหล้า จนโรคหัวใจกำเริบและอาการทรุดหนัก ตอนนี้ก็ยังไม่มีผู้บริจาคหัวใจด้วย ทางเดียวที่จะให้น้องมีกำลังใจที่จะอยู่ต่อ ก็คงจะต้องให้ธัช หายโกรธและให้อภัย ไม่ให้น้องเครียดหรือคิดมากจนกว่าหมอจะแจ้งว่ามีผู้บริจาคหัวใจแล้วน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ แล้วคุณธัชว่าไง” ญาดาถามต่อ
“ตอนแรกธัชก็เงียบค่ะ แต่หนูก็พูดจนสุดท้ายธัชก็ใจอ่อนและเป็นคนชวนหนูไปเยี่ยมน้องวันนี้ค่ะ แต่เมื่อกี้...กลับโทรมาบอกว่าติดธุระ ไม่ได้ไปแล้ว หนูคงต้องไปเยี่ยมน้องคนเดียวแล้วล่ะค่ะ” ดุจดาวมีสีหน้าผิดหวัง
ญาดามองลูกสาวอย่างเข้าใจ เพราะรู้ว่าดุจดาวรักและเอ็นดูวุ้นเย็นมาก อะไรที่ช่วยวุ้นเย็นได้ ก็อยากจะช่วย
“ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวแม่ไปด้วย เสร็จแล้วจะได้ไปหาหลวงพ่อดูฤกษ์ยามดูยามวันแต่งงานของหนูด้วยเลยดีไหมลูก”
ดุจดาวพยักหน้าแต่สายตาไม่มีความยินดีเหมือนเช่นเคย เธอถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ก่อนจะพูดกับผู้เป็นแม่ด้วยน้ำเสียงที่มีความกังวลมากมายอยู่ในนั้น
“ดาวเห็นน้องอาการหนักขนาดนี้ ก็เริ่มไม่อยากแต่งงานแล้วล่ะค่ะ”
“ยายดาว!” ญาดารู้สึกกังวลใจกับคำพูดของลูกสาวไม่น้อย ทั้งที่เมื่อวานก็ยังยินดีอยู่เลย
เมื่อดุจดาวเห็นสีหน้าของผู้เป็นแม่ ดุจดาวก็ถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อ
“ไม่ใช่ว่าหนูไม่รักธัชนะคะ เพียงแต่ว่าหนูยังไม่อยากแต่งในตอนที่น้องยังป่วยอยู่แบบนี้ หนูไม่สบายใจน่ะค่ะ”
ญาดาได้ยินดังนั้นก็ยกมือขึ้นลูบผมนุ่มสลวยของลูกสาวเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ดาวฟังแม่นะลูก แม่รู้ว่าดาวรักและเอ็นดูหนูวุ้นมาก แต่เราจะเอามาเกี่ยวพันธ์กับชีวิตของเรามากเกินไป ก็จะทำให้ทุกข์ใจเสียเปล่า ๆ และตอนนี้คนที่หนูควรแคร์ความรู้สึกที่สุดก็คือคุณธัช แม่ไม่ได้หมายความว่าให้เลิกสนใจหนูวุ้น แต่ว่าปล่อยให้เป็นเรื่องภายในครอบครัวเขาดีกว่า แม่เชื่อว่าคุณลุงวิชัยกับคุณน้าโสภาจะต้องแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างแน่นอน ถ้าวุ่นวายเกินไปก็จะกลายเป็นก้าวก่ายเรื่องภายในครอบครัวของเขาได้เหมือนกัน ปล่อยให้เป็นไปตามกรรมตามวาระของใครของมันเถอะลูก หนูทำดีที่สุดแล้ว”
ตอนที่30 ดูแลกันถึงบนเตียงเมธัชกลับมาถึงคอนโดก็อาบน้ำแล้วสวมเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ กับเสื้อกล้ามสีขาว อวดกล้ามแขนที่เรียงเป็นมัดสวยแบบพอดี ไม่เหมือนกับคนที่เพาะกล้ามหรือนักยกน้ำหนักอะไรแบบนั้น แต่มัดกล้ามที่อยู่บนเรือร่างของเมธัชนั้นดูละมุน มีเสน่ห์แบบพอดิบพอดีชายหนุ่มสวมเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินเข้าไปในครัว จัดการต้มบะหมี่ใส่หมูสับอย่างง่าย ๆ เสร็จแล้วก็กำลังจะกิน แต่ยังไม่ทันได้คีบบะหมี่เข้าปาก เสียงกริ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ตาคมก็หรี่ลงด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อเสียงกริ่งดังขึ้นซ้ำ ๆ เขาจึงเดินไปดูที่ตาแมวเมื่อเห็นร่างที่อยู่ตรงประตู รูม่านตาของเขาก็หดเล็กลง ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในครัว พร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงชายหนุ่มคีบบะหมี่เข้าปาก ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงกริ่งที่ดังมาเป็นระยะ สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว คว้าแก้วน้ำขึ้นดื่ม แล้วลุกขึ้นเดินเร็ว ๆ ไปกระชากประตูออกด้วยความหงุดหงิด โดยลืมไปว่ากำลังอยู่ที่ชุดที่หมิ่นเหม่แค่ไหน “มาทำไ
ตอนที่29 รอผลตรวจ “คุณธัช ยายดาวล่ะคะ ยายดาวเป็นอย่างไรบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า โถ่เอ๊ย! แม่บอกว่าไม่ให้พูดอะไรที่ไม่เป็นมงคลก่อนแต่งงานก็ไม่ฟัง เกิดเรื่องจนได้ ฮือ..”ญาดาร้องถามทันทีที่เห็นเมธัชยืนอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน พร้อมทั้งโวยวายตีโพยตีพายด้วยความเป็นห่วงลูก สีหน้าก็ซีดขาวราวกระดาษ เนื้อตัวอ่อนปวกเปียกคล้ายจะเป็นลม จนภากรต้องเข้ามาพยุงไว้เมธัชขยับจะพูดแต่ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออกมาเสียก่อน ดุจดาวเดินออกมา เมื่อเห็นว่าแม่กำลังร้องไห้และมีท่าทีคล้ายจะเป็นลมเธอก็ถลาเข้าไปหาทันที “คุณแม่” “ยายดาว ฮือ...เจ็บตรงไหนไหมลูก แม่แทบจะช็อคตายเมื่อรู้ว่าเกิดอุบติเหตุขึ้นกับลูก ฮือ..” ญาดาพูดพลางสังเกตุไปตามเนื้อตัวของลูกสาวไปด้วยดุจดาวจับมือของแม่ไว้ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวานและอ่อนโยน&nb
ตอนที่28 หากต้องจากกันชั่วนิรันดร์ “ทำไมดาวถึงอนุญาตให้เจ้าของร้านเอารูปไปทำโปสเตอร์ติดหน้าร้านละครับ” เมธัชเอ่ยถาม ระหว่างการเดินทางกลับบ้านดุจดาวแหงนมองเขา ด้วยสีหน้าที่กังวลเล็กน้อย “ทำไมคะธัชไม่ชอบหรือ งั้นดาวโทรไปยกเลิกไม่ให้เขาเอารูปไปใช้นะ” พูดพลางล้วงหยิบมือถือขึ้นมา เพื่อที่จะโทรหาเจ้าของร้าน เพราะเข้าใจผิดคิดว่าเมธัชจะไม่โอเค แต่ข้อมือบางก็ถูกคว้าไว้ด้วยฝ่ามือหนาเสียก่อน “เปล่า ๆ ผมโอเค แต่อยากฟังความคิดของดาวแค่นั้นเอง ผมรู้ว่าทุกอย่างที่ดาวทำจะต้องมีเหตุผล แค่อยากรู้เหตุผลนั้นเองครับ” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนและจริงใจ ดุจดาวจึงยิ้มหวานออกมา “ธัชแน่ใจนะว่า จะฟังความคิดและเหตุผลของดาวได้ โดยที่ไม่ตกใจ”ถามหยั่งเชิงดูก่อน เพราะความคิดบางอย่างของเธออาจทำให้คนฟังตื่นตกใจได้ ต
ตอนที่27เลือนรางราวหมอกควันเรือนร่างบอบบางที่อยู่ในชุดแต่งงานสีขาว ค่อย ๆ ก้าวออกมาจากห้อง ผ่านผ้าม่านบาง ๆ ชายหนุ่มมองไล่ขึ้นไปจากเท้าเล็ก ๆ ที่อยู่ในรองเท้าส้นสูงสีเดียวกับชุดผ่านช่วงเอวที่คอดกิ่ว ไปจนถึงผิวเนื้อเหนือเนินอกที่ขาวนวลเนียน ลำคอที่บางระหง แต่พอถึงใบหน้าเรียวเล็ก เขาก็ต้องผงะ นิ่งงันไปชั่วคราวเพราะนั่นไม่ใช่ดุจดาว แต่เป็นใบหน้าของวุ้นเย็นน้องสาวของเขานั่นเอง “ธัชคะ ธัช” ดุจดาวเห็นเมธัชเอาแต่จ้องมอง ด้วยสีหน้าที่แปลก ๆ จึงร้องเรียกขึ้นเบา ๆเสียงหวานทำให้เขาได้สติ ที่แท้ก็แค่เกิดภาพหลอน มองเห็นดุจดาวเป็นวุ้นเย็นไปได้ “เจ้าสาวสวยมากจนเจ้าบ่าวตกตลึง พูดไม่ออกเลยเชียวค่ะ” เจ้าของร้านดีไซเนอร์ชื่อดัง เอ่ยแซวพร้อมกับขยิบตาให้ดุจดาวอย่างมีจริตดุจดาวก้มหน้าลงเล็กน้อย หลบตาคมด้วยความเอียงอาย ถึงแม้เธอกับเขาจะสนิทกันมาก และรู้จักกันมานานแต่เธอก็ไม่เคยกล้าสบตาคม
ตอนที่26 หนูก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นโสภากอดลูกสาว พยายามฝืนกลั้นน้ำตาไว้ภายในอย่างเข้มแข็ง เพราะรู้ว่าลูกกำลังอ่อนแอ เธอจะต้องเป็นหลักให้ลูก “มันก็อยู่ที่ว่าหนูจะรอให้ใครมาปลดปล่อยความรู้สึกนั้น หรือหนูจะปลดปล่อยด้วยตัวเอง มันก็อยู่ที่หนูจะเลือก หัวใจเป็นของหนู หนูจะยอมให้ใครหรืออะไรมากักขังมันไว้ทำไมล่ะ” “แต่หัวใจของหนูมันไม่ดีนี่คะ ทั้งอ่อนแอทั้งขี้เกียจ พร้อมที่จะหยุดทำงานได้ทุกเมื่อ หนูเกลียดหัวใจดวงนี้เหลือเกินค่ะ ทำไมละคะแม่ ในเมื่อให้หนูเกิดมาแล้ว ทำไมถึงไม่ให้หนูเอาหัวใจที่แข็งแรงเหมือนคนอื่นมาด้วย มันอ่อนแอกับทุกความรู้สึกของหนูเลยค่ะ”เธอรำพึงรำพันด้วยความทุกข์ที่อัดอั้นอยู่ในใจ พร้อมกับซุกใบหน้าเล็กเข้าหาความอบอุ่นจากอกของผู้เป็นแม่ “แม่ถึงบอกให้หนูอยู่กับความเป็นจริงอย่างไรล่ะลูก หากเลือกได้แม่ก็จะเลือกเอาหัวใจของแม่ ให้กับลูก
ตอนที่25ความรู้สึกผิดกักขังหัวใจคนวุ้นเย็นพยักหน้าอย่างดีใจ เพราะเธอเป็นคนที่ชอบกินน้ำส้มคั้นสดมาก ๆ โสภารีบเทน้ำส้มใส่แก้ว แล้วเอาไปส่งให้ลูกสาว วุ้นเย็นรับมาก่อนจะดื่มอึก ๆ ไปครึ่งแก้ว “ค่อย ๆ ดื่มซิลูก เดี๋ยวก็สำลักเอาหรอก” โสภาพูดไม่ทันขาดคำ วุ้นเย็นก็สำลักจนน้ำตาไหล “เห็นไหม แม่บอกแล้วว่าให้ค่อย ๆ ดื่ม สำลักจนหน้าแดงแล้ว แม่ออกไปเรียกหมอดีกว่า”โสภาพูดขึ้นด้วยความกังวล พลางหมุนตัวจะออกไปเรียกหมอ แต่วุ้นเย็นคว้าข้อมือของผู้เป็นแม่ไว้เสียก่อน “แค่ก ไม่ต้อง ๆ หนูไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” “แน่ใจนะว่าไม่เป็นไรแล้ว ถ้าเหนื่อยก็รีบบอกนะลูก” โสภายังไม่คลายกังวล “หนูหายแล้วจริง ๆ ค่ะ นี่ไงไม่สำลักแล้ว เขาว่ากันว่า เวลาที่จู่ ๆ เราจามหรือว่าสำลักแสดงว่ามีคนคิดถึง นี่ก็แสดงว่ามีคนคิดถึงหนูแน่ ๆ เลยค่ะ” วุ้นเย็นพูดติดตลกเพียงเพื่อไม่ให้แม่กังวลมากเกินไปโสภาส่ายหน้าก่อนจะบีบที่ปลายจมูกโด่งรั้นของลูกสาวเบา ๆ “คิดถึงจนทำให้ เกือบเอาชีวิตไม่รอดแบบนี้แม่ว่าอย่าคิดถึงเลยดีกว่า” โสภาพูดกลั้วหัวเราะวุ้นเย็นยิ้มบาง ๆ ตากลมหรุบมองแก้วน้ำส้มในมือ