แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ขนตาเจียงเฟิ่งหัวไหวระริก ใบหน้าเล็กๆ นั้นอดกลั้นจนแดงก่ำ นิ้วมือเรียวกระชับชุดชั้นนอกที่เดิมก็บางเบาอยู่แล้ว ยิ่งปกปิดยิ่งเผยให้เห็นเรือนร่างกลมกลึงของนาง เท้าเปลือยเปล่าคู่นั้นเปิดเผยอยู่เบื้องหน้าเขา ชวนให้คนเอ็นดูเหมือนภูตน้อยไม่มีผิด

เซี่ยซางรีบเสสายตาหนี เอ่ยเสียงเย็นชา “แต่งตัวให้เรียบร้อย”

เจียงเฟิ่งหัวก้มหน้ามอง พบว่าเท้าของตนเองเปลือยเปล่า นางบิดเอวคอดเดินผ่านหน้าเขาไป ด้านหนึ่งดึงอาภรณ์ลงปกปิดอย่างร้อนรน ด้านหนึ่งก็อธิบายเสียงเบา “หม่อมฉันไม่ได้ไม่รู้กฎระเบียบนะเพคะ ท่านอ๋องโปรดฟังหม่อมฉันอธิบายก่อน ตอนกลางวันชุดชั้นนอกของหม่อมฉันถูกไฟเผา หม่อมฉันเกรงว่าจะแลดูไม่เหมาะสม ครั้นกลับห้องหม่อมฉันจึงให้คนไปเตรียมน้ำอาบน้ำ เดิมคิดว่าจะแต่งตัวใหม่ แต่อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไปจึงเผลอหลับไปโดยไม่ทันระวัง หม่อมฉันจึงลืมเวลาไปชั่วขณะ”

“ข้าไม่ได้ถือสา” น้ำเสียงของเขาห่างเหินเย็นชา แววตามืดครึ้มเผยให้เห็นความไม่พอใจ

นางคิด สำหรับคนที่ไม่สนใจแล้ว ต่อให้เปลือยทั้งตัว เขาก็ไม่สนใจหรอก

เจียงเฟิ่งหัวดวงตาเป็นประกาย นางหลบไปข้างๆ อย่างอ่อนแอขวัญอ่อน ดวงตาฉายแววลังเล กัดริมฝีปากสีแดงฉ่ำพึมพำว่า “พิธีในวันมงคลสมรสที่วังหมัวมัวสอนไว้...”

มองสาวน้อยท่าทางอ่อนแอขลาดเขลาตรงหน้า เห็นทีตนเองคงทำให้นางหวาดกลัวเสียแล้ว ความเย็นชาในแววตาของเขาสลายไปเล็กน้อย ปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบลง “เจ้านั่งลง”

“เชิญท่านอ๋องนั่งลงก่อนเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวยิ้มบาง

รอยยิ้มบนใบหน้านางราวกับสามารถติดต่อถึงผู้อื่นได้ ทำให้หัวใจเขาพลันสั่นสะท้าน

เซี่ยซางตีหน้าขรึมนั่งลงบนขอบเตียง เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่มองนาง รักษาความเย็นชาแข็งกระด้างบนใบหน้าไว้ตั้งแต่ต้นจนจบ

เจียงเฟิ่งหัวแสร้งเป็นมองไม่เห็นความห่างเหินของเขา นั่งลงข้างกายเขาอย่างไร้ข้อกริ่งเกรงใดๆ ใบหน้าซับสีเลือดฝาด “วังหมัวมัวบอกว่า...”

“ไม่ต้องฟังตามที่วังหมัวมัวพูด ตอนนี้ข้ามีเรื่องจะพูดกับเจ้า” เซี่ยซางตัดบทนาง ประกายคมกริบวาบผ่านดวงตา วังหมัวมัวก็คือสายตาของเสด็จแม่ที่คอยสอดแนมเขาอยู่ทุกขณะ

“เชิญท่านอ๋องพูดเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวหยุดพูดทันที ดวงตาเป็นประกายมองไปทางบุรุษข้างกายอย่างไร้เดียงสา

เซี่ยซางมีรูปโฉมหล่อเหลาโดยแท้ บนศีรษะครอบมงกุฎฝังหยกหรูหราสูงศักดิ์ คิ้วกระบี่นัยน์ตาพราว หางตาเรียวยาว แลดูองอาจเหนือคนทั่วไป จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบางเม้มน้อยๆ แผ่ซ่านความห่างเหินเย็นชาออกมา

เครื่องหน้าที่ราวกับแกะสลักออกมามีเหลี่ยมมุมชัดเจน หล่อเหลาคมคายเหนือสามัญ ไม่แปลกที่ชาติก่อนนางรักเขาดุจชีวิต น่าเสียดายที่ในใจเขามีคนอื่นไปนานแล้ว จึงไม่อาจรองรับคนอื่นได้อีก

ตอนนี้สำหรับนางแล้ว เซี่ยซางเป็นได้เพียงหินรองเท้าในการไขว่คว้าอำนาจของนางเท่านั้น นางไม่มีทางมีความรู้สึกใด ๆ ให้เขาอีกแล้ว

ทว่าบุรุษรูปงามก็มีแรงดึงดูดมากจริงๆ นางเข้าใกล้เขาโดยไม่ทันระวัง

เซี่ยซางสัมผัสได้ทันทีว่าเจียงเฟิ่งหัวขยับเข้ามาใกล้ เสื้อคลุมชั้นนอกของนางพลันคลายออก ข้างในสวมเพียงชุดผ้าเนื้อบางสีแดงชุดเดียว เรือนกายอรชรปรากฏให้เห็นวับๆ แวมๆ เขาผุดลุกขึ้นมา ยึดถือหนักแน่นว่าคนที่ตนเองรักคือซูถิงหว่าน

สีหน้าของเขาเย็นชาขึ้นมาในบัดดล น้ำเสียงไร้ความรู้สึกและไม่แยแส “ข้ามีคนที่ชอบแล้ว ทั้งยังสัญญาไว้ว่าชั่วชีวิตนี้จะชอบนางเพียงคนเดียว นอกจากนาง หัวใจข้าก็ไม่อาจรองรับสตรีคนที่สองได้อีก ดังนั้นข้าไม่มีทางร่วมหอกับเจ้า สิ่งที่วังหมัวมัวบอกเจ้าล้วนแต่เป็นเรื่องผิดพลาด มีเพียงคนที่รักใคร่กันจากใจจริงเท่านั้นจึงจะสามารถเปิดใจไปทำเรื่องแบบนั้นได้”

เจียงเฟิ่งหัวเบิกตาโพลง สีหน้าสงบนิ่งไร้ระลอก นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ที่แท้ท่านอ๋องก็มีคนที่ชอบแล้วนี่เอง!”

ลมปากของผู้ชายเชื่อถือไม่ได้ที่สุดแล้ว หลังจากเซี่ยซางขึ้นครองบัลลังก์ก็เติมเต็มวังหลัง ราชวงศ์ไม่อนุญาตให้เขาโปรดปรานคนเพียงคนเดียว วันหน้าเขาจะรู้เองว่าความจริงโหดร้ายแค่ไหน ความรักของเขากับซูถิงหว่านเล็กจ้อยเพียงใด

ดวงตาของนางสะท้อนความสับสนงงงวย บริสุทธิ์ไร้เดียงสา เอ่ยเนิบช้าว่า “ตั้งแต่ราชโองการประทานสมรสส่งมาถึงจวนสกุลเจียง ท่านแม่ก็บอกข้าว่าข้าสามารถชอบท่านอ๋องได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ทว่าก่อนนี้ข้าไม่เคยเห็นท่านอ๋องแล้วจะชอบท่านอ๋องได้อย่างไร ในเมื่อท่านอ๋องมีนางในดวงใจแล้วก็ควรไปสู่ขอนางมาสิเพคะ!”

ความหมายของนางก็คือ ท่านมีคนที่ชอบอยู่แล้ว แต่ไม่มีความสามารถไปสู่ขอ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าไม่ได้ชอบท่านสักหน่อย แต่ที่แต่งงานกับท่านก็เพราะไม่อาจปฏิเสธราชโองการได้ก็เท่านั้นแหละ

นางต้องการบอกเขาว่า นางไม่ได้เจตนาเข้าไปแทรกกลางระหว่างพวกเขาสองคน นางได้รับราชโองการประทานสมรสให้แต่งงานเข้ามาเป็นพระชายาในจวนเหิงอ๋อง

นางรู้จักเซี่ยซางดี ต่อหน้าเขา ทางที่ดีตนเองควรเป็นกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง ความอยากเอาชนะของบุรุษรุนแรงกว่าที่คาดคิดกันมากนัก

เซี่ยซางตกตะลึงต่อปฏิกิริยาตอบสนองของนาง ในแววตาเต็มไปด้วยความค้นหา ที่นางเข้าใกล้โดยไร้สาเหตุเมื่อครู่ ไม่ใช่เพราะว่าต้องการหรอกหรือ?

ทว่าดวงตาของนางแจ่มกระจ่างเปิดเผย สีหน้าปราศจากความผิดปกติใดใด กลับเป็นตนเองเสียอีกที่จิตใจว้าวุ่นเพราะการประชิดเข้ามาของนาง

ครั้นคิดว่าเจียงเฟิ่งหัวเป็นชายาของเขาแล้ว ได้ยินว่าสามีชอบสตรีอื่น นางกลับไม่ถือสาแม้แต่น้อย หรือจะเป็นดังที่นางว่า นางไม่ชอบเขา ดังนั้นจึงไม่ถือสา

เขายืนยันอีกครั้ง “เจ้าไม่ถือสาที่นางจะเข้าจวนมาจริงๆ?”

“สามารถทำให้ท่านอ๋องหลงรักได้จะต้องเป็นสตรีที่ดีมากแน่นอน เหตุใดหม่อมฉันต้องถือสาด้วยเพคะ วังหมัวมัวบอกว่าในเมื่อเป็นชายาของท่านอ๋องแล้วก็ต้องเอาใส่ใจเรื่องทายาทของจวนอ๋องเข้าไว้ หน้าที่ของชายาเอกยังรวมถึงการคัดเลือกสตรีที่เหมาะสมเข้าจวนมาปรนนิบัติท่านอ๋อง ต่อไปหม่อมฉันจะต้องใส่ใจให้มากแน่นอนเพคะ” ไม่เห็นด้วยแล้วอย่างไรเล่า ร้องไห้ไปได้ประโยชน์อันใดขึ้นมา สามวันหลังจากนี้ท่านก็ยังจะแต่งนางเข้าจวนมาอยู่ดี ข้าปล่อยตามน้ำผูกน้ำใจไว้เสียมิดีกว่าหรือ ชาตินี้ข้าก็อยากเห็นกับตาตัวเองเหมือนกันว่าระหว่างท่านกับซูถิงหว่านมีความรักหนักแน่นมั่นคงเพียงไร

เซี่ยซางเห็นคิ้วนางเข้มดุจภาพวาด น้ำเสียงอ่อนหวานนุ่มนวล ใบหน้าสงบไร้ระลอก แววตาจริงใจ สีหน้าไร้ความผิดปกติ ราวกับว่าไม่ถือสาที่สามีของตนเองมีหญิงอื่นในใจสักนิดเลยจริงๆ

แต่ได้รู้ว่าเขามีสตรีที่ชอบอยู่แล้ว ไฉนนางจึงมีท่าทางเหมือนโล่งอกเช่นนั้นเล่า

เซี่ยซางเห็นหญิงสาวสงบนิ่งปานนี้ เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ นางใจกว้างขนาดนี้จริงงั้นหรือ?

“ท่านอ๋องจะนอนแล้วใช่ไหมเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวเป็นฝ่ายถามขึ้นมา

จิตใจเซี่ยซางพลันสั่นสะท้าน “ในเมื่อคุยกันชัดเจนแล้ว ข้าก็จะไปนอนที่ห้องหนังสือ”

“ท่านอ๋องอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่มีทางทำอันใดท่านอ๋อง พวกเราเพียงแค่เข้านอนกันเท่านั้น ต่างคนต่างนอนดีไหมเพคะ?” นางเสริมมาอีกอย่างอาจหาญ “คิดว่าท่านอ๋องก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วเหมือนกัน ไยจะต้องไปทำรบกวนข้ารับใช้ให้ตกอกตกใจกันด้วย มิสู้นอนเสียที่นี่ อีกอย่าง ดึกดื่นป่านนี้แล้ว หากท่านอ๋องออกจากห้องหอในคืนแต่งงานไปนอนในห้องหนังสือตามลำพัง เกรงว่าวันรุ่งขึ้นหม่อมฉันคงต้องได้ฟังวังหมัวมัวเทศนากิจของภรรยาไม่จบไม่สิ้นแน่นอนเพคะ”

เซี่ยซางฟังแล้วความนึกคิดก็รอบคอบกว่าเดิม ถึงอย่างไรเจียงเฟิ่งหัวก็เป็นคนที่ฝ่าบาทพระราชทานสมรสเข้ามา ไม่อาจดูดายนางเกินไป ในเมื่อนางยินดีให้แต่งหว่านเอ๋อร์เข้าจวน ทั้งยังยินดีไม่ร่วมหอ เขาก็ไม่มีเหตุผลให้ไปนอนที่ห้องหนังสือ

นอกจากนี้ หากคืนนี้เขาไปแล้ว บุตรีราชครูเจียงถูกสามีหมางเมินตั้งแต่คืนวันแต่งงาน หากร่ำลือออกไป เขาเองก็ยากจะอธิบายเหมือนกัน

ขอเพียงเจียงเฟิ่งหัวรู้กาลเทศะ เขาก็จะไม่ทำให้นางลำบากใจ

“หม่อมฉันปรนนิบัติท่านอ๋องผลัดอาภรณ์นะเพคะ” นางกล่าว

“ไม่ต้อง” เซี่ยซางเบี่ยงร่างหลีกเลี่ยงนางแล้วตรงไปหลังฉากกันลม ตอนกลางวันยุ่งมาทั้งวัน ตอนเย็นยังดื่มสุราไปมากขนาดนั้น เขาเหนื่อยล้ามาแต่แรกแล้ว จำเป็นต้องไปอาบน้ำสักรอบ

เจียงเฟิ่งหัวแววตาราบเรียบ ไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อย อย่างไรเสียนางก็อาบน้ำแล้ว นางไม่สนใจเซี่ยซาง ปีนขึ้นเตียง จัดท่านอนที่สบายตัวแล้วนอนหลับไปคนเดียว
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 495

    “ใช่แล้ว อีกหลายปีข้างหน้า ข้าก็อยากยกตำแหน่งนี้ให้เจ้า” ซูเต๋อไห่กล่าว “เซี่ยซางเป็นกษัตริย์องค์ถัดไป แม้แต่จุดนี้เราก็เดาไม่ผิด ก็แค่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาจึงไม่เชื่อใจพวกเราสกุลซูแล้ว อันที่จริงหากเซี่ยซางเป็นคนฉลาด เขาเพิ่งขึ้นครองตำแหน่งองค์รัชทายาท คิดอยากนั่งตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างมั่นคง หรือแม้กระทั่งอนาคตขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคง เขาก็ไม่ควรทอดทิ้งพวกเราสกุลซู”“ท่านพ่อ หวานหว่านบอกว่าเจียงเฟิ่งหัวไม่มีทางได้เป็นฮองเฮาของเซี่ยซางเด็ดขาด ตำแหน่งฮองเฮาของเซี่ยซางเป็นของสกุลซู แต่ดูสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ลูกรู้สึกว่าต้องมีจุดไหนที่เกิดปัญหาแน่ สิ่งดี ๆ ถูกคนสกุลเจียงยึดครองไปหมดแล้ว หวานหว่านกลายเป็นคนคนนั้นที่ถูกเซี่ยซางละเลย”“หวานหว่านหมดประโยชน์แล้ว” ซูเต๋อไห่ได้แต่รู้สึกอับโชค “เลือกคนที่สวยที่สุดมา หัวสมองกลับโง่ที่สุด แค่มัดใจผู้ชายคนหนึ่งยังทำไม่ได้ นางยังมีประโยชน์อะไรอีก ข้าบอกหลิ่วเอ๋อร์แล้วว่า ให้รับลูกสาวของนางมา ใช้สถานะของสกุลซูเรา หากรัชทายาทจะเลือกพระชายารอง ก็ส่งลูกสาวสกุลซูเข้าไปให้เขาอีกคน ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสเสมอ”ซูเซวี่ยนกลับไม่มีความหวังนี้แล้ว เซี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 494

    ตกกลางคืน ทั้งถนนเงียบงันปราศจากเสียง มืดมิดไปหมด ที่หน้าประตูจวนสกุลเจียง สิงโตหินสองตัวจ้องมองอย่างองอาจ แสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามและสูงศักดิ์ของจวนแม่ทัพดึกสงัดไร้ผู้คน ทุกคนหลับใหลหมดแล้ว ทันใดนั้นที่หน้าประตูจวนสกุลซูก็มีคนแบกโลงศพโลงหนึ่งมาวางขวางหน้าประตูจากนั้นก็มีเสียงทุบประตูตึง ๆ ดังขึ้นติดต่อกันยามเฝ้าประตูได้ยินเสียงเคาะประตูติด ๆ กันก็เปิดประตู พอเห็นก็ตกใจถอยกรูดจนล้มไปกองที่พื้น “โลงศพ?”เพียงไม่นาน คนสกุลซูก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวแล้ววิ่งออกมาดู ก็เห็นโลงศพโลงหนึ่งขวางอยู่ตรงกลางทางเวลานี้เอง ซูเต๋อไห่กับซูเซวี่ยนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็เร่งรุดมา ทุกคนต่างไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า ซูเต๋อไห่กล่าวเสียงเย็นชา “แค่โลงศพโลงหนึ่งก็กลัวจนเป็นเช่นนี้ รีบไปเปิดสิ”ซูเซวี่ยนก็รู้สึกว่าแปลกเขาก็กลัวว่ามีอะไรน่าตกใจจึงไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า เลยให้ทหารจวนสกุลซูออกไป “เปิดมันเสีย ข้าก็อยากเห็นหน่อยเหมือนกันว่าในนั้นมีอะไรอยู่”ทหารรวบรวมความกล้าเปิดโลงศพออก ก็เห็นว่าข้างในมีชายคนหนึ่งที่ถูกโบยทั้งตัวจนร่างเละไปหมด ชายคนนั้นน่าจะขาดใจแล้วด้วย ทำให้ทหารตกใจจนฉี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 493

    “แม้แต่หรวนหร่วนกับจิ่นเหยียนก็ยังรู้ ท่านยังปิดบังข้าอีก” เฝิงจิ้งย่วนไม่เคยรู้สึกเสียใจขนาดนี้มาก่อน น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า อ่อนไหวไปหมดเดิมทีเจียงจิ่นเหยียนอยากอธิบายแทนพ่อ แต่ถูกเจียงเฟิ่งหัวลากออกไปนอกประตู แถมยังปิดประตูให้พวกเขาอีกด้วย“ท่านพ่อแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้วจริงๆ” เจียงจิ่นเหยียนกล่าว“ท่านพ่อก็ไม่ได้มีหญิงอื่นเสียหน่อย มีอะไรให้ต้องแก้ตัวกัน” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว “วางใจเถิด ไม่มีอะไรหรอก เรื่องแค่นี้ท่านพ่อยังจัดการไม่ได้อีกหรือ ท่านก็ดูถูกท่านพ่อเกินไปแล้ว พวกท่านอยู่กันมาจะสามสิบปีแล้ว มีเรื่องโกรธโมโหอะไรกันพวกท่านก็เข้าใจกันได้”“หรวนหร่วน คำพูดเจ้านี่ไม่เหมือนอายุสิบหกเลยนะ กลับเหมือนสามสิบหกเสียอย่างนั้น” เจียงจิ่นเหยียนกล่าวเจียงเฟิ่งหัวตะลึงงัน “ข้าแค่ตั้งครรภ์ก็ดูแก่ขนาดนี้เลยหรือ? พวกท่านผู้ชายเหมือนกันหมดหรืออย่างไร ผู้หญิงพอมีครรภ์ก็ไม่สวยแล้ว จากนั้นก็เริ่มรังเกียจ รอพี่สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์แล้ว ท่านก็จะพูดกับนางเช่นนี้ใช่ไหม?”พูดจบเจียงเฟิ่งหัวก็ยกกระโปรงเดินจากไป นางทำตัวสุขุมเกินวัยขนาดนั้นเลยหรือ?ภรรยาสงสัยว่าสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกก็คว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 492

    “สกุล…สกุลซูของซูเต๋อไห่นั่นน่ะหรือ?” เจียงหวยเพิ่งรู้ตัวทีหลัง “มิน่าเล่า เขาคอยเล่นงานข้าทุกจุดในท้องพระโรง”เจียงเฟิ่งหัวนึกถึงท่าทางที่พ่อโจมตีซูเต๋อไห่กลับ จงใจกล่าวว่า “เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เชียวนะ ท่านพ่อไม่กลัวเขาเลยหรือเจ้าคะ”“กลัวสิ…กลัวอยู่แล้ว แต่พอข้าคิดว่าถ้าเขายืนยันได้จริงว่าข้ารับสินบน ไม่เพียงแค่การสอบของจิ่นเหยียนจะเป็นโมฆะ ศิษย์เหล่านั้นของข้าก็จะไม่รอดสักคน แล้วก็เจ้า หรวนหร่วน จะพลอยเดือดร้อนไปเพราะพ่อด้วย ต่อให้ตอนนั้นฝ่าบาทจะตัดหัวข้า ข้าก็ต้องพูดออกมา”“หลักแหลมนัก จุดนี้ท่านพ่อทำถูกเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ตอนนั้นท่านโต้แย้งด้วยเหตุผล จึงทำให้ฝ่าบาททรงเชื่อท่านได้ หากท่านกลัวหัวหด เกิดความเกรงกลัวเขาในใจ พลาดโอกาสไป ถึงเวลาไม่ว่าท่านพูดอะไร คนเขาก็ต่างคิดว่าท่านกำลังแก้ตัว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ท่านก็จะแพ้ นี่ก็คือโอกาสทองในการโจมตีกลับ ท่านทำได้แล้วเจ้าค่ะ”“อีกอย่างก็คือ จริง ๆ แล้วในใจฝ่าบาททรงลำเอียงเข้าข้างท่าน เพราะฉะนั้นพระองค์จะทรงอยากให้โอกาสท่านได้พูดเยอะ ๆ หน่อยโดยไม่รู้ตัว”เจียงหวยถูกลูกสาวชม ในใจเขาก็เกิดความรู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที เขาจ้องเจียงเฟ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 491

    จางอวี่มั่วก็ยังหวาดกลัวอยู่ โชคดีที่นางเตรียมใจไว้นานแล้ว แต่นางก็นึกไม่ถึงว่าคนที่ต้องการทำร้ายพวกนางจะคิดวิธีแบบนี้ได้ ที่เอาเงินสกปรกไปยัดไว้ในคลังของสกุลเจียง ศัตรูจ้องเล่นงานเรา จะป้องกันอย่างไรก็ป้องกันไม่ได้จริง ๆเจียงเฟิ่งหัวถาม “พี่หญิงรองมาแล้วใช่ไหม?”จางอวี่มั่วตอบ “มาแล้ว ที่บ้านยังมีลูกอยู่ นางไม่วางใจก็เลยกลับไปแล้ว แต่น้องหญิงสามไม่ต้องเป็นห่วง พวกเรากำชับเป็นอย่างดีแล้ว พี่หญิงรองบอกว่านางกลับไปแล้วก็จะเสริมการคุ้มกันในจวน”เจียงเฟิ่งหัวคิด ผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีความระแวดระวัง ดีเหมือนกัน ไม่เหมือนชาติที่แล้วที่พวกเขาไม่ได้เตรียมการไว้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่ถูกกระทำฝ่ายเดียว ท้ายที่สุดแล้วทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสกุลเจียงก็ล้วนถูกสกุลซูเล่นงานจนพังพินาศทั้งสิ้นนางยังคิดไว้ว่ารอคลอดลูกก่อนแล้วค่อย ๆ ขุดคุ้ยหาข้อผิดพลาดของสกุลซู ดูแล้วตอนนี้ก็ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานั้นแล้ว สกุลซูก็ไม่ได้ย้ายไปชายแดนหมดทั้งบ้าน บ้านเดิมของสกุลซูก็ยังอยู่ที่เมืองเซิ่งจิง ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ไม่ได้มีซูเต๋อไห่เป็นลูกชายคนเดียวเสียหน่อยเวลานี้เจียงหวยก็ไม่กล้ากอดเฝิงจิ้งหยวนไว้เพื่อปล

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 490

    หลินเฟิงนำทหารไปส่งเจียงเฟิ่งหัวถึงหน้าประตูจวนสกุลเจียง จากนั้นก็ดึงเย่อิ่งไปอีกด้าน “องค์รัชทายาทให้ข้ากำชับเจ้า ว่าต้องปกป้องความปลอดภัยของพระชายารัชทายาทให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องลอบสังหารแบบครั้งก่อนเป็นอีกอันขาด หากพระนางเป็นอะไรไป ให้เจ้าหิ้วหัวมาพบ เจ้าเองก็ระวังสักหน่อย ระวังหัวจะไม่ปลอดภัยเข้าล่ะ”ดวงตาของหลินเฟิงมีประกายอำมหิตสายหนึ่งวาบผ่าน มือทำสัญลักษณ์ปาดคอขึ้นมา เย่อิ่งรู้สึกเพียงว่าศีรษะเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน นับตั้งแต่องครักษ์หลินเปลี่ยนจากองครักษ์ของท่านอ๋องกลายเป็นองครักษ์ของรัชทายาท คนก็เปี่ยมไปด้วยพลังเสียเหลือเกิน!สีหน้าของเย่อิ่งไม่เปลี่ยนแปลง และดูเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ในอ้อมอกกอดกระบี่ไว้เล่มหนึ่ง “ได้ยินว่าในวังมีนางกำนัลหลายคนชอบเจ้า พวกนางล้วนอยากแต่งงานกับเจ้า”หลินเฟิงประหลาดใจ “หน้าน้ำแข็งก็ชอบพูดล้อเล่นแล้วหรือนี่ พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง”“ข้าไม่ได้ล้อเล่น” สีหน้าของเย่อิ่งดูทื่อๆ ทว่าจริงจังยิ่งหลินเฟิงตะลึงไป รีบหันไปดูที่หน้าประตูใหญ่ของจวนสกุลเจียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเหลียนเย่กับพระชายารัชทายาทเข้าไปแล้ว ก็กระซิบเสียงเบา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status