แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
วันนี้เซี่ยซางสวมชุดแพรทรงตรงสีม่วง ตรงเอวรัดด้วยแถบผ้าแพรปักดิ้นทองลายเมฆสีเดียวกันเส้นหนึ่ง ผมสีดำสนิทรวบไว้ครอบด้วยมงกุฎทองคำประดับหยก รูปร่างสูงโปร่งยืนแผ่นหลังตั้งตรง ทั้งตัวคนแลดูหล่อเหลาสง่างาม กอปรด้วยราศีสูงศักดิ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด

ส่วนเจียงเฟิ่งหัววันนี้สวมเสื้อคลุมเนื้อบางสีม่วงอ่อน ข้างในสวมเกาะอกและกระโปรงร้อยจีบสีฟ้าเทา ไหล่กลึงเกลาดุจแกะสลัก เอวอ้อนแอ้นอรชร ลำคอของนางเรียวยาว ผิวพรรณขาวพิสุทธิ์เกลี้ยงเกลา บุคลิกภาพดุจกล้วยไม้ในหุบเขา การแต่งกายแต่ละแบบสามารถขับเน้นเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำกันของนาง ผมทรงมวยเมฆาในวันนี้ยิ่งขับเน้นความสุภาพเรียบร้อย แลดูทั้งสง่างามและหรูหรา นางแต่งหน้าอย่างประณีตงดงาม เดินตรงมาทางเขาด้วยฝีเท้าแช่มช้า

“หม่อมฉันคารวะท่านอ๋อง” น้ำเสียงของนางอ่อนหวาน ต่างจากท่าทางปล่อยตัวตามสบายเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนเมื่อคืนนี้ลิบลับ กิริยาที่นางแสดงออกก็คือมาดของชายาอ๋อง

เซี่ยซางใจสั่นระรัว หันหน้ามากล่าวเสียงเย็นชา “ตามธรรมเนียมแล้ว วันนี้ข้าจะต้องพาเจ้าเข้าวังไปคารวะขอบพระทัย ถ้าเจ้าเตรียมตัวเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ!”

“เพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างไม่แข็งกร้าวไม่ต่ำต้อย

เดิมเซี่ยซางคิดจะกำชับนางสักหลายประโยค เห็นนางแต่งกายเหมาะสม กิริยาสง่างามก็ไม่พูดมาก คิดว่าวังหมัวมัวคงสั่งสอนนางมาหมดแล้ว

คนทั้งสองนั่งรถม้าคันเดียวกันเข้าวัง เพิ่งมาถึงประตูเฉิงเทียนรถม้าก็หยุดลง ถึงจะเป็นรถม้าของท่านอ๋องก็ต้องเปลี่ยนไปนั่งรถม้าของวังหลวงที่ประตูเฉิงเทียนก่อนจึงจะสามารถเข้าไปในวังได้ เซี่ยซางมุดออกไปเป็นคนแรกแล้วก้าวลงจากรถม้าอย่างคล่องแคล่ว

เจียงเฟิ่งหัวตามหลังมาติดๆ แต่นางพลันหยุดลงกะทันหัน ดวงตาแวววามคู่นั้นของนางจ้องมองเซี่ยซางอย่างกระอักกระอ่วน น้ำเสียงหวานซึ้งเบาหวิว “ท่านอ๋องช่วยประคองหม่อมฉันได้ไหมเพคะ สาวใช้ของหม่อมฉันไม่อยู่ข้างกาย คานรถม้าของจวนอ๋องสูงกว่าคานรถม้าของที่บ้านหม่อมฉันมากนัก”

เซี่ยซางเห็นนางยืนอยู่บนรถม้าสูงๆ อย่างอ่อนแอ ดวงตาฉายแววขลาดๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดบุตรีของราชครูเจียงจึงอ่อนแอเช่นนี้ นางลงมาเองไม่ได้หรือไร?

เขาไม่อยากรอนานกว่านี้จึงก้าวเข้ามายื่นแขนให้นาง ทำทีให้นางจับแขนลงมา นิ้วเรียวงามของเจียงเฟิ่งหัววางลงบนฝ่ามือของเขาแล้วลงมาจากรถม้าอย่างสง่างาม แย้มยิ้มอ่อนหวาน “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”

เด็กน้อยที่ร้องไห้เป็นมีลูกอมให้กิน สตรีขี้อ้อนมีคนเอ็นดู สตรีรู้ความชวนให้คนสงสาร หลักการที่นางใช้เวลาชั่วชีวิตก็ยังไม่เข้าใจ กลับได้เรียนรู้มาจากในหออี๋ชุน

สัมผัสนุ่มนิ่มอบอุ่นทำให้เซี่ยซางเหมือนจะนึกถึงภาพอันงดงามอันใดขึ้นมา เขาเพียงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

ต่อจากนั้น ตอนจะขึ้นรถม้า เขาเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “จับแขนเอาไว้”

นางตวัดสายตาขึ้นจับแขนเซี่ยซางตามที่เขาบอก หลีกเลี่ยงสัมผัสทางผิวหนัง? ความถือสาเช่นนี้ช่างน่าขันเสียจริง

เจียงเฟิ่งหัวดื่มด่ำกับขั้นตอนเหล่านั้น เซี่ยซางกลับไม่อาจไม่คอยดูแลแม้ไม่เต็มใจ ทั้งสองดูแล้วเหมือนคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันที่รักใคร่กันดีคู่หนึ่ง บุรุษหล่อเหลาสตรีงดงาม กลายเป็นทิวทัศน์ที่งดงามฉากหนึ่งในวังหลวง

ในโถงทางเดินไกลออกไป สาวน้อยสวมชุดทะมัดทะแมงสีแดงเข้มมองดูภาพนี้อย่างอึ้งๆ ในใจรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก

สาวใช้อิ๋นซิ่งตัดพ้ออยู่ข้างๆ “เหิงอ๋องลั่นคำสาบานชั่วฟ้าดินสลายกับคุณหนู บอกว่าชาตินี้จะไม่แต่งงานกับใครนอกจากคุณหนู ยามนี้ไม่เพียงแต่งผู้อื่นเป็นพระชายา แต่ยังเอาใจใส่หญิงอื่นไปเสียทุกเรื่อง บ่าวรู้สึกไม่คู่ควรแทนคุณหนูจริงๆ เจ้าค่ะ”

“อาซางอธิบายแล้ว การแต่งงานกับนางไม่ใช่ความต้องการของเขา ราชโองการยากจะขัดขืน เขารับปากข้าแล้วว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่ปันใจให้หญิงอื่น” เมื่อวานตอนที่อาซางแต่งงาน นางก็ซ่อนอยู่ในฝูงชน นางเห็นสายตาตกตะลึงในความงามยามอาซางมองเจียงเฟิ่งหัวอย่างชัดเจน นางรู้สึกทรมานใจมาก รอเขาที่หอวั่งเยว่ทั้งคืน นางนึกว่าเขาจะมา หากสุดท้ายเขาก็ไม่มา

เมื่อคืนพวกเขาคงเข้าหอกันแล้วสินะ! นางยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ หากมิใช่เพราะรักเขา นางคงจากไปแล้ว แต่ก็เหมือนที่ท่านป้าพูด การถอยทางมอบคนรักให้ผู้อื่นเช่นนั้นจะยินยอมพร้อมใจได้อย่างไรเล่า

ซูถิงหว่านกำหมัดแน่น คิดในใจว่า “ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด อาซางเป็นของข้า”

ยามนั้น องค์หญิงเก้าพลันกระโดดเข้ามา “ที่แท้พี่หญิงหว่านก็แอบวิ่งออกมาดูพระชายาคนใหม่ของพี่ห้านี่เอง”

“ข้าไม่ได้มาดูนางสักหน่อย ข้าจะไปขี่ม้าต่างหาก” ซูถิงหว่านมั่นใจในตัวเองเต็มเปี่ยม นางเชื่อว่าอาซางไม่มีทางชอบคนอื่น อาซางยิ่งไม่ใช่บุรุษที่หลงใหลได้ปลื้มกับหญิงงามจนหน้ามืดตามัว

เมื่อวานเนื่องจากอยู่ห่างเกินไป นางยังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน นางจึงเห็นไม่ชัดว่าเจียงเฟิ่งหัวมีหน้าตาอย่างไร ความจริงนางก็อยากไปดูเหมือนกันว่าเจียงเฟิ่งหัวมีรูปโฉมอย่างไรกันแน่ เมื่อครู่นางยืนอยู่บนกำแพงวัง มองจากไกลๆ รู้สึกว่าเงาร่างของอีกฝ่ายสูงเพรียว กิริยาชดช้อย ทว่าเห็นหน้าตาได้ไม่ชัดนัก

“ข้ากลับอยากเห็นนักว่าสตรีแบบไหนที่กล้าแย่งคนในดวงใจพี่หญิงหว่านไป” เซี่ยหลิงเอ๋อร์กล่าวมาอีกว่า “พี่หญิงหว่านอย่าได้เศร้าใจไป ท่านคอยดูข้าเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้นางมีช่วงเวลาดีๆ แน่”

“หลิงเอ๋อร์...” ซูถิงหว่านอยากขัดขวาง เซี่ยหลิงเอ๋อร์กลับนำคนตรงไปทางนั้นด้วยท่าทางดุดันเสียแล้ว

ทางด้านนี้ รถม้าเพิ่งหยุดลงหน้าประตูตำหนักคุนหนิง เจียงเฟิ่งหัวมุดออกไปจากรถม้าด้วยอากัปกิริยาสง่างาม คราวนี้ไม่จำเป็นต้องให้นางบอก เซี่ยซางก็เป็นฝ่ายยื่นแขนออกมาให้นางเกาะลงจากรถม้า

มุมปากเจียงเฟิ่งหัวแย้มขึ้นเป็นรอยยิ้ม เห็นว่ารอบตัวเขาเต็มไปด้วยความห่างเหิน อยู่ห่างออกไปเสียไกล นิ้วมือเรียวของนางเพิ่งแตะลงไปก็ถูกเรี่ยวแรงขุมหนึ่งผลักออกไป

“ท่านอ๋อง...” นางอุทานอย่างตกใจ เท้ายืนไม่มั่นเซล้มลงไปจากรถม้า

เซี่ยซางรวบเอวนางไว้ได้อย่างตาไวมือเร็ว ดวงตานางฉายแววตกใจ ดวงหน้าน้อยๆ เผือดขาว ร่างกายสั่นเทิ้ม สองแขนของนางโอบรอบลำคอเซี่ยซาง น้ำเสียงนุ่มนวลยวนใจ “ท่านอ๋องช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้อีกแล้ว บุญคุณช่วยชีวิต มิมีสิ่งใดจะตอบแทน...”

เซี่ยซางปล่อยนางลงบนพื้น จ้องเซี่ยหลิงเอ๋อร์พลางเอ่ยเสียงลุ่มลึก “น้องหญิงเก้า ไยเจ้าทำตัวเหลวไหลเช่นนี้”

เซี่ยหลิงเอ๋อร์ไม่ได้คิดจะผลักนางลงจากรถม้า เพียงต้องการปัดมือที่กุมกันของทั้งสองออกจากกันเท่านั้น เห็นแล้วขัดหูขัดตานัก คิดไม่ถึงว่าจะทำให้อีกฝ่ายตกจากรถม้า ถึงขั้นมอบโอกาสที่พี่ห้าช่วยเหลือนางให้กับนาง

เซี่ยหลิงเอ๋อร์อายุเพียงสิบสามปี นางยู่ริมฝีปากสีชมพู สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่นางอยากเห็น ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่พี่หญิงหว่านอยากเห็น นางไม่เพียงไม่ขอโทษ แต่กลับจงใจเอ่ยว่า “พี่ห้า ท่านลืมไปแล้วหรือว่าพี่หญิงหว่านยังรอท่านอยู่? ถ้าปล่อยให้นางเห็นท่านทำตัวสนิทสนมกับหญิงอื่น นางจะเศร้าใจมากแค่ไหนกัน!”

เอ่ยถึงซูถิงหว่าน เซี่ยซางก็ร้อนใจขึ้นมา “หวานหว่านอยู่ที่ไหน?”

“รู้ว่าท่านพาพระชายาคนใหม่เข้าวัง นางไปขี่ม้าที่สนามม้าแล้ว” เซี่ยหลิงเอ๋อร์ขึ้นเสียงเอ่ย

ได้ยินถึงตรงนี้ เซี่ยซางก็หันหลังทำท่าจะจากไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

เจียงเฟิ่งหัวคว้าแขนเขาไว้ได้อย่างตาไวมือเร็ว ก้มหน้าใช้เสียงที่ได้ยินเพียงพวกเขาสองคนเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง หากท่านอยากแต่งแม่นางหว่านเข้าจวน ยามนี้ท่านไม่อาจไป ฮองเฮารออยู่ที่ตำหนักคุนหนิง ถ้าแม่นางหว่านอยากเข้าจวนมีแต่ต้องให้ฮองเฮาพยักหน้าก่อนเท่านั้น มิฉะนั้น นางจะต้องแบกรับคำครหาว่ามีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับบุรุษโดยไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี”

ดวงตาเซี่ยซางฉายแววตกตะลึง สายตาเขาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เหมือนต้องการจะจ้องเจียงเฟิ่งหัวให้เป็นรูกระนั้น วาจาที่เอ่ยออกมายิ่งทำร้ายจิตใจคน “หากไม่ใช่เพราะเจ้า หวานหว่านก็คงเป็นชายาเอกของข้าแล้ว”

เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านอ๋องลองสงบสติตรองดูเถอะ หากไม่มีข้าก็ยังมีสตรีอื่นมาแต่งงานกับท่านอ๋องอยู่ดี ข้าเดาว่าแม่นางหว่านไม่มีวันได้เป็นชายาเหิงอ๋องของท่าน ดังนั้นท่านอ๋องจึงจำต้องแต่งงานกับหม่อมฉันอย่างไรเล่า!”

“เจ้า...” ดวงตาของเซี่ยซางเต็มไปด้วยความตกตะลึง เจียงเฟิ่งหัวตรงหน้าหาได้อ่อนแอเหมือนที่เขาคิด

“ท่านอ๋องยอมอดทนไปก่อนจะดีกว่า หม่อมฉันจะต้องทำให้แม่นางหว่านได้แต่งเข้าจวนมาให้ได้เพคะ” เจียงเฟิ่งหัวไร้เล่ห์มารยา ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ท่าทางไร้เล่ห์เพทุบาย นางเอ่ยมาอีกว่า “ประเดี๋ยวข้าจะไปหาแม่นางหว่านกับท่าน ข้าจะอธิบายกับนางแทนท่านเองว่า คืนวานระหว่างพวกเราไม่มีอันใดเกิดขึ้นทั้งนั้น วันหน้าข้าก็ไม่มีทางแย่งชิงอันใดกับนาง พวกท่านรักใคร่ชอบพอกัน ข้าจะไม่เข้าไปแทรกกลางแน่นอน ท่านอ๋องเพียงแค่ให้เกียรติจวนสกุลเจียงของข้าบ้าง ทำให้ข้าไม่ถึงกับถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ก็พอแล้ว”

ดวงตาของนางสีดำสีขาวตัดกันชัดเจน ใสสะอาดดุจสายน้ำ สีหน้าเปี่ยมความจริงใจ เซี่ยซางคิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเฟิ่งหัวจะใคร่ครวญเพื่อเขากับหวานหว่านถึงเพียงนี้

นางเป็นชายาเหิงอ๋องแท้ๆ แต่กลับได้รับความไม่เป็นธรรมถึงเพียงนี้ ความละอายใจวาบผ่านดวงตาเซี่ยซาง ทั้งที่เป็นความแค้นระหว่างเสด็จแม่กับซูกุ้ยเฟย ไม่ควรพัวพันไปถึงพวกนาง เจียงเฟิ่งหัวแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบคนหนึ่ง นางก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกัน

เซี่ยซางครุ่นคิดจนเข้าใจแล้วจึงกล่าวกับเซี่ยหลิงเอ๋อร์ว่า “น้องหญิงเก้า เจ้าไปบอกหวานหว่านให้ไปรอข้าที่เดิม”

เซี่ยหลิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าทั้งคู่กระซิบกระซาบอะไรกันบ้าง นางนึกว่าพี่ห้าจะทิ้งเจียงเฟิ่งหัวเพื่อพี่หญิงหว่านเสียอีก

เห็นเพียงเจียงเฟิ่งหัวยืนอย่างอ่อนโยนอยู่ตรงนั้น พยักหน้าให้เซี่ยหลิงเอ๋อร์ “องค์หญิงเก้าจะไปคารวะเสด็จแม่ด้วยกันกับพวกเราไหมเพคะ?”

เซี่ยหลิงเอ๋อร์เบะปากถลึงตาใส่เจียงเฟิ่งหัว “ข้าจะไปหาพี่หญิงหว่าน ในใจข้ามีเพียงพี่หญิงหว่านที่เป็นพี่สะใภ้ห้าของข้า คนอื่นอย่าฝันเลย”

นางพูดจบก็เชิดหน้าเดินจากไปอย่างเย่อหยิ่ง

เจียงเฟิ่งหัวแค่นหัวเราะในใจ วันนี้หากปล่อยให้เจ้าพาเซี่ยซางจากไป คนที่เสียหน้าก็คือข้าน่ะสิ

หากเป็นชาติก่อน นางคงร้องห่มร้องไห้ไปแล้ว แต่ตอนนี้...
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 495

    “ใช่แล้ว อีกหลายปีข้างหน้า ข้าก็อยากยกตำแหน่งนี้ให้เจ้า” ซูเต๋อไห่กล่าว “เซี่ยซางเป็นกษัตริย์องค์ถัดไป แม้แต่จุดนี้เราก็เดาไม่ผิด ก็แค่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เขาจึงไม่เชื่อใจพวกเราสกุลซูแล้ว อันที่จริงหากเซี่ยซางเป็นคนฉลาด เขาเพิ่งขึ้นครองตำแหน่งองค์รัชทายาท คิดอยากนั่งตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างมั่นคง หรือแม้กระทั่งอนาคตขึ้นครองบัลลังก์อย่างมั่นคง เขาก็ไม่ควรทอดทิ้งพวกเราสกุลซู”“ท่านพ่อ หวานหว่านบอกว่าเจียงเฟิ่งหัวไม่มีทางได้เป็นฮองเฮาของเซี่ยซางเด็ดขาด ตำแหน่งฮองเฮาของเซี่ยซางเป็นของสกุลซู แต่ดูสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ลูกรู้สึกว่าต้องมีจุดไหนที่เกิดปัญหาแน่ สิ่งดี ๆ ถูกคนสกุลเจียงยึดครองไปหมดแล้ว หวานหว่านกลายเป็นคนคนนั้นที่ถูกเซี่ยซางละเลย”“หวานหว่านหมดประโยชน์แล้ว” ซูเต๋อไห่ได้แต่รู้สึกอับโชค “เลือกคนที่สวยที่สุดมา หัวสมองกลับโง่ที่สุด แค่มัดใจผู้ชายคนหนึ่งยังทำไม่ได้ นางยังมีประโยชน์อะไรอีก ข้าบอกหลิ่วเอ๋อร์แล้วว่า ให้รับลูกสาวของนางมา ใช้สถานะของสกุลซูเรา หากรัชทายาทจะเลือกพระชายารอง ก็ส่งลูกสาวสกุลซูเข้าไปให้เขาอีกคน ถึงอย่างไรก็ยังมีโอกาสเสมอ”ซูเซวี่ยนกลับไม่มีความหวังนี้แล้ว เซี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 494

    ตกกลางคืน ทั้งถนนเงียบงันปราศจากเสียง มืดมิดไปหมด ที่หน้าประตูจวนสกุลเจียง สิงโตหินสองตัวจ้องมองอย่างองอาจ แสดงให้เห็นถึงความน่าเกรงขามและสูงศักดิ์ของจวนแม่ทัพดึกสงัดไร้ผู้คน ทุกคนหลับใหลหมดแล้ว ทันใดนั้นที่หน้าประตูจวนสกุลซูก็มีคนแบกโลงศพโลงหนึ่งมาวางขวางหน้าประตูจากนั้นก็มีเสียงทุบประตูตึง ๆ ดังขึ้นติดต่อกันยามเฝ้าประตูได้ยินเสียงเคาะประตูติด ๆ กันก็เปิดประตู พอเห็นก็ตกใจถอยกรูดจนล้มไปกองที่พื้น “โลงศพ?”เพียงไม่นาน คนสกุลซูก็ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวแล้ววิ่งออกมาดู ก็เห็นโลงศพโลงหนึ่งขวางอยู่ตรงกลางทางเวลานี้เอง ซูเต๋อไห่กับซูเซวี่ยนได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็เร่งรุดมา ทุกคนต่างไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า ซูเต๋อไห่กล่าวเสียงเย็นชา “แค่โลงศพโลงหนึ่งก็กลัวจนเป็นเช่นนี้ รีบไปเปิดสิ”ซูเซวี่ยนก็รู้สึกว่าแปลกเขาก็กลัวว่ามีอะไรน่าตกใจจึงไม่กล้าก้าวออกไปข้างหน้า เลยให้ทหารจวนสกุลซูออกไป “เปิดมันเสีย ข้าก็อยากเห็นหน่อยเหมือนกันว่าในนั้นมีอะไรอยู่”ทหารรวบรวมความกล้าเปิดโลงศพออก ก็เห็นว่าข้างในมีชายคนหนึ่งที่ถูกโบยทั้งตัวจนร่างเละไปหมด ชายคนนั้นน่าจะขาดใจแล้วด้วย ทำให้ทหารตกใจจนฉี่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 493

    “แม้แต่หรวนหร่วนกับจิ่นเหยียนก็ยังรู้ ท่านยังปิดบังข้าอีก” เฝิงจิ้งย่วนไม่เคยรู้สึกเสียใจขนาดนี้มาก่อน น้ำตาไหลพรากเต็มหน้า อ่อนไหวไปหมดเดิมทีเจียงจิ่นเหยียนอยากอธิบายแทนพ่อ แต่ถูกเจียงเฟิ่งหัวลากออกไปนอกประตู แถมยังปิดประตูให้พวกเขาอีกด้วย“ท่านพ่อแก้ตัวอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้วจริงๆ” เจียงจิ่นเหยียนกล่าว“ท่านพ่อก็ไม่ได้มีหญิงอื่นเสียหน่อย มีอะไรให้ต้องแก้ตัวกัน” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว “วางใจเถิด ไม่มีอะไรหรอก เรื่องแค่นี้ท่านพ่อยังจัดการไม่ได้อีกหรือ ท่านก็ดูถูกท่านพ่อเกินไปแล้ว พวกท่านอยู่กันมาจะสามสิบปีแล้ว มีเรื่องโกรธโมโหอะไรกันพวกท่านก็เข้าใจกันได้”“หรวนหร่วน คำพูดเจ้านี่ไม่เหมือนอายุสิบหกเลยนะ กลับเหมือนสามสิบหกเสียอย่างนั้น” เจียงจิ่นเหยียนกล่าวเจียงเฟิ่งหัวตะลึงงัน “ข้าแค่ตั้งครรภ์ก็ดูแก่ขนาดนี้เลยหรือ? พวกท่านผู้ชายเหมือนกันหมดหรืออย่างไร ผู้หญิงพอมีครรภ์ก็ไม่สวยแล้ว จากนั้นก็เริ่มรังเกียจ รอพี่สะใภ้ใหญ่ตั้งครรภ์แล้ว ท่านก็จะพูดกับนางเช่นนี้ใช่ไหม?”พูดจบเจียงเฟิ่งหัวก็ยกกระโปรงเดินจากไป นางทำตัวสุขุมเกินวัยขนาดนั้นเลยหรือ?ภรรยาสงสัยว่าสามีมีบ้านเล็กบ้านน้อยข้างนอกก็คว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 492

    “สกุล…สกุลซูของซูเต๋อไห่นั่นน่ะหรือ?” เจียงหวยเพิ่งรู้ตัวทีหลัง “มิน่าเล่า เขาคอยเล่นงานข้าทุกจุดในท้องพระโรง”เจียงเฟิ่งหัวนึกถึงท่าทางที่พ่อโจมตีซูเต๋อไห่กลับ จงใจกล่าวว่า “เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่เชียวนะ ท่านพ่อไม่กลัวเขาเลยหรือเจ้าคะ”“กลัวสิ…กลัวอยู่แล้ว แต่พอข้าคิดว่าถ้าเขายืนยันได้จริงว่าข้ารับสินบน ไม่เพียงแค่การสอบของจิ่นเหยียนจะเป็นโมฆะ ศิษย์เหล่านั้นของข้าก็จะไม่รอดสักคน แล้วก็เจ้า หรวนหร่วน จะพลอยเดือดร้อนไปเพราะพ่อด้วย ต่อให้ตอนนั้นฝ่าบาทจะตัดหัวข้า ข้าก็ต้องพูดออกมา”“หลักแหลมนัก จุดนี้ท่านพ่อทำถูกเป็นอย่างยิ่ง โชคดีที่ตอนนั้นท่านโต้แย้งด้วยเหตุผล จึงทำให้ฝ่าบาททรงเชื่อท่านได้ หากท่านกลัวหัวหด เกิดความเกรงกลัวเขาในใจ พลาดโอกาสไป ถึงเวลาไม่ว่าท่านพูดอะไร คนเขาก็ต่างคิดว่าท่านกำลังแก้ตัว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ท่านก็จะแพ้ นี่ก็คือโอกาสทองในการโจมตีกลับ ท่านทำได้แล้วเจ้าค่ะ”“อีกอย่างก็คือ จริง ๆ แล้วในใจฝ่าบาททรงลำเอียงเข้าข้างท่าน เพราะฉะนั้นพระองค์จะทรงอยากให้โอกาสท่านได้พูดเยอะ ๆ หน่อยโดยไม่รู้ตัว”เจียงหวยถูกลูกสาวชม ในใจเขาก็เกิดความรู้สึกภูมิใจขึ้นมาทันที เขาจ้องเจียงเฟ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 491

    จางอวี่มั่วก็ยังหวาดกลัวอยู่ โชคดีที่นางเตรียมใจไว้นานแล้ว แต่นางก็นึกไม่ถึงว่าคนที่ต้องการทำร้ายพวกนางจะคิดวิธีแบบนี้ได้ ที่เอาเงินสกปรกไปยัดไว้ในคลังของสกุลเจียง ศัตรูจ้องเล่นงานเรา จะป้องกันอย่างไรก็ป้องกันไม่ได้จริง ๆเจียงเฟิ่งหัวถาม “พี่หญิงรองมาแล้วใช่ไหม?”จางอวี่มั่วตอบ “มาแล้ว ที่บ้านยังมีลูกอยู่ นางไม่วางใจก็เลยกลับไปแล้ว แต่น้องหญิงสามไม่ต้องเป็นห่วง พวกเรากำชับเป็นอย่างดีแล้ว พี่หญิงรองบอกว่านางกลับไปแล้วก็จะเสริมการคุ้มกันในจวน”เจียงเฟิ่งหัวคิด ผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ทุกคนต่างก็มีความระแวดระวัง ดีเหมือนกัน ไม่เหมือนชาติที่แล้วที่พวกเขาไม่ได้เตรียมการไว้เลยแม้แต่น้อย ได้แต่ถูกกระทำฝ่ายเดียว ท้ายที่สุดแล้วทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสกุลเจียงก็ล้วนถูกสกุลซูเล่นงานจนพังพินาศทั้งสิ้นนางยังคิดไว้ว่ารอคลอดลูกก่อนแล้วค่อย ๆ ขุดคุ้ยหาข้อผิดพลาดของสกุลซู ดูแล้วตอนนี้ก็ไม่ต้องรอให้ถึงเวลานั้นแล้ว สกุลซูก็ไม่ได้ย้ายไปชายแดนหมดทั้งบ้าน บ้านเดิมของสกุลซูก็ยังอยู่ที่เมืองเซิ่งจิง ฮูหยินผู้เฒ่าซูก็ไม่ได้มีซูเต๋อไห่เป็นลูกชายคนเดียวเสียหน่อยเวลานี้เจียงหวยก็ไม่กล้ากอดเฝิงจิ้งหยวนไว้เพื่อปล

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 490

    หลินเฟิงนำทหารไปส่งเจียงเฟิ่งหัวถึงหน้าประตูจวนสกุลเจียง จากนั้นก็ดึงเย่อิ่งไปอีกด้าน “องค์รัชทายาทให้ข้ากำชับเจ้า ว่าต้องปกป้องความปลอดภัยของพระชายารัชทายาทให้ดี อย่าให้เกิดเรื่องลอบสังหารแบบครั้งก่อนเป็นอีกอันขาด หากพระนางเป็นอะไรไป ให้เจ้าหิ้วหัวมาพบ เจ้าเองก็ระวังสักหน่อย ระวังหัวจะไม่ปลอดภัยเข้าล่ะ”ดวงตาของหลินเฟิงมีประกายอำมหิตสายหนึ่งวาบผ่าน มือทำสัญลักษณ์ปาดคอขึ้นมา เย่อิ่งรู้สึกเพียงว่าศีรษะเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน นับตั้งแต่องครักษ์หลินเปลี่ยนจากองครักษ์ของท่านอ๋องกลายเป็นองครักษ์ของรัชทายาท คนก็เปี่ยมไปด้วยพลังเสียเหลือเกิน!สีหน้าของเย่อิ่งไม่เปลี่ยนแปลง และดูเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ในอ้อมอกกอดกระบี่ไว้เล่มหนึ่ง “ได้ยินว่าในวังมีนางกำนัลหลายคนชอบเจ้า พวกนางล้วนอยากแต่งงานกับเจ้า”หลินเฟิงประหลาดใจ “หน้าน้ำแข็งก็ชอบพูดล้อเล่นแล้วหรือนี่ พระอาทิตย์คงขึ้นทางทิศตะวันตกแล้วกระมัง”“ข้าไม่ได้ล้อเล่น” สีหน้าของเย่อิ่งดูทื่อๆ ทว่าจริงจังยิ่งหลินเฟิงตะลึงไป รีบหันไปดูที่หน้าประตูใหญ่ของจวนสกุลเจียงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าเหลียนเย่กับพระชายารัชทายาทเข้าไปแล้ว ก็กระซิบเสียงเบา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status