วันที่สอง
วันนี้เธอต้องเข้าไปเอาเอกสารรับรองการผ่านงานที่บริษัทเดียวกับโซ่ ....นั้นหมายความว่าเธอกับเขาจะต้องเจอหน้ากันอีกครั้ง เพราะพี่แผนกบุคคลนัดนักศึกษาทุกคนมาเวลาเดียวกัน ทำให้หญิงสาวค่อนข้างจะรู้สึกกังวลนิดหน่อย ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นการเผชิญหน้ากันสองต่อสองแต่เธออดรู้สึกกลัวไม่ได้เลย “คุณมิ้นครับ ถึงแล้วครับ” “อะ อ่อ ขอบคุณค่ะที่มาส่ง” “ผมจะรออยู่ด้านล่างนะครับ” “กลับเลยก็ได้ค่ะ” “กลับเลยเท่ากับตายครับ อย่าไล่ผมเลย” พี่คนขับพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง คงเป็นเพราะยูร์สั่งเขาเอาไว้เธออดคิดไม่ได้ว่าทำไมลูกน้องของเขาถึงได้กลัวเขากันขนาดนี้นะ “โอเคค่ะ หนูเข้าใจแล้ว” “ขอบคุณครับ” มิ้นเดินตรงเข้ามาในส่วนของแผนกบุคคล เพื่อนคนอื่นๆ ที่กำลังนั่งรออยู่ทักทายเธอตามภาษาคนรู้จัก เธอพยายามกวาดสายตามองหาโซ่เพื่อที่จะอยู่ให้ห่างจากเขาให้ไกลที่สุด แต่ระหว่างนั้นอยู่ๆ ก็มีมือหนามาวางบนไหล่ทำให้เธอสะดุ้งจนต้องรีบหันไปมอง “ไฮ ....มิ้น” “ซะ โซ่” “ขอคุยด้วยหน่อยสิ” “ฉันไม่มีอะไรจะคุย” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งก่อนจะแกะมือหนาออกแล้วปัดเสื้อตัวเองด้วยท่าทีรังเกียจ ชายตรงหน้าได้แต่หัวเราะออกมาเบาๆ ด้วยอารมณ์หงุดหงิด “เล่นตัวมากกว่าเดิมเสียอีกนะ ทำตัวอย่างกับตัวเองมีค่านัก ทั้งที่....แค่เด็กเสี่ย” คนตัวสูงก้มลงมากระซิบข้างใบหูเพื่อกวนประสาทจนเธอเกือบจะอดทนเก็บอารมณ์ไม่ไหว ถึงอย่างนั้นกลับไม่มีใครสนใจเพราะทุกคนที่นี่รู้ว่าเธอกับเขาคบกัน แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าคนตรงหน้านี้ทำเรื่องระยำอะไรไว้ “นายก็คงไม่ต้องแอ๊บทำเป็นสุภาพบุรุษแล้วละ สันดาน....ยังไงก็เป็นสันดานนะ” มิ้นพูดแล้วฉีกยิ้มหวานกลบไฟแค้นในใจ คนตรงหน้ากัดฟันแน่นก่อนที่เขาจะจับเข้าที่แขนของเธออย่างแรงแล้วกระชากให้เธอเดินตามเขาไปท่ามกลางสายตาของคนมากมาย เขาลากเธอมายังสวนหน้าบริษัทก่อนจะปล่อยเธอเป็นอิสระแล้วใช้สายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าด้วยสายตาท่าทีรังเกียจ “อะไรของแก ลากฉันออกมาทำไม”เธอพูดด้วยความโมโห “หึ! แค่ไม่น่าเชื่อ ว่าผู้หญิงนิ่งเงียบแบบเธอจะเป็นเด็กเสี่ยมาตั้งแต่ต้น กล้ามากนะที่หลอกฉัน!” อยู่ๆ เขาก็ตะโกนใส่หน้าเธอเสียงดังจนเธอสะดุ้ง “ฉันไม่เคยหลอกอะไรแก แกต่างหากที่ทำร้ายฉันทั้งที่ฉันไว้ใจมาก ทำลงได้ยังไงหะ!” “ฉันไม่ได้คิดอะไรกับเธออยู่แล้ว ฉันก็แค่เอาชนะความเฉยเมยของเธอ แต่ที่ไหนได้แรดเงียบ!” เขาพูดอย่างนิ่งเฉยก่อนจะหัวเราะอย่างขบขัน เพี้ยะ! มิ้นตบเข้าที่แก้มคนตรงหน้าอย่างแรงจนหน้าหัน ใจเธอตอนนี้ก็พร้อมสู้เต็มที่เหมือนกันถ้าจะไม่คิดสำนึกขนาดนี้มันเกินที่เธอจะใช้คำพูดดีๆ ด้วย คนโดนตบค่อยๆ หันกลับมามองเธอด้วยความแค้นก่อนที่จะจับเข้าที่แขนทั้งสองข้างของเธออีกครั้งแล้วบีบมันแน่จนคนตัวเล็กเผลอร้องออกมา “ยังทำเหมือนตัวเองมีค่าเหรอ วันนั้นเสี่ยของเธอถีบฉันจนล้มเธอรู้ไหม วันต่อมาข่าวลือเรื่องคนที่ไปส่งเธอก็ดังทั่วมหาวิทยาลัย เนี่ยนะคนใสซื่อ รู้ไหมว่าเธอทำฉันอับอายขนาดไหนที่ต้องเป็นไอ้โง่ เธอมันมีเสี่ยเลี้ยงมาตั้งแต่ต้นไม่อย่างนั้นเธอคงรับเงินจากฉันบ้างแล้ว เธอก็ทุเรศพอๆ กับฉันนั่นแหละ” เพี้ยะ!! หญิงสาวสะบัดแขนออกแล้วจัดการตบเข้าที่หน้าผู้ชายคนนั้นอีกฉากตอบแทนคำพูดหยาบคายที่เขาพูดออกมา และเธอไม่คิดจะอธิบายอะไรให้มากความอีกต่อไปเพราะสวะอย่างเขาคงไม่จำเป็น “จะเดินหนีไปไหนหะ!” “เสียงดังอะไรกัน” เสียงพี่ฝ่ายบุคคลเดินเข้ามาถามอย่างงุนงง โซ่ที่เมื่อสักครู่ใบหน้าเติมไปด้วยความโกรธเมื่อเห็นคนอื่นเดินเข้ามาก็รีบตีหน้าเป็นชายหน้าเปื้อนยิ้ม นั้นทำให้มิ้นรู้สึกรังเกียจในความจอมปลอมของเขาเข้าไปอีก ถึงอย่างนั้นเธอก็รู้สึกดีใจที่มีคนเข้ามาช่วยชีวิตหญิงสาวเสียก่อนที่อะไรรุนแรงจะเกิดขึ้นมากไปกว่านี้ เมื่อเหตุการณ์ดีขึ้นหญิงสาวเองได้ทีรีบเดินเข้าไปใกล้พี่ฝ่ายบุคคลทันทีเพื่อรักษาระยะห่าง “ขอโทษด้วยครับ พอดีผมมีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย” “งั้นก็แล้วไปนึกว่าเกิดอะไรกันขึ้น” “ไม่มีครับ ผมรับรอง” “พี่ไม่เห็นเราเลยเดินเอาเอกสารมาให้ เซ็นรับตรงนี้แล้วกลับได้เลย” พี่ฝ่ายบุคคลเห็นถึงความไม่ปกติเลยยื่นเอกสารให้มิ้นก่อนเพื่อจะบอกเป็นนัยว่าให้เธอรีบหนีออกไปจากตรงนี้ก่อน หญิงสาวเลยรีบรับของแล้วกล่าวขอบคุณก่อนจะมองไปที่ตัวปัญหาอย่างรังเกียจเป็นการส่งท้าย “อย่าได้พบกันอีกเลย!” มิ้นรีบเดินตรงมาที่รถแล้วให้พี่คนขับรับออกรถทันทีโดยไม่สนใจคนที่วิ่งตามหลังมา"มิ้นไม่ต้องห่วงนะ เรารักษาตัวก่อนเชื่อพี่"พี่ริลบอกขณะที่ฉันกำลังถูกพาออกจากห้องผ่าตัดเนื่องจากกระสุนปืนตัดผ่านเนื้อเยื่อจนได้รับความเสียหาย แต่โชคดีที่ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นน่าเป็นห่วง ถึงพี่ริลจะพูดออกมาแบบนั้นฉันก็ยังทำได้แค่ร้องไห้ออกมามันทั้งตกใจกับภาพและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งเป็นห่วงความรู้สึกของคุณยูร์....ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคนที่พร้อมไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่างทั้งลูกน้องและเงินทองแบบเขาจะต้องก้าวผ่านความเจ็บปวดพวกนั้น เขาผ่านมันมาได้ยังไงนะ...."คุณยูร์เป็นยังไงบ้างพี่""เฟร์สบอกว่ากำลังพาเขามาหามิ้นที่นี่ ไม่ต้องห่วงนะทุกอย่างจะโอเค""พี่ริล....""ว่าไง?""เรื่องที่คุณยูร์พูดมันจริงเหรอคะ....""เรื่องของพ่อเขา....มันเป็นเรื่องจริงพ่อของเขาทำร้ายคนไว้มากมายรวมถึงแม่ของยูร์ด้วย วันที่พ่อเขาตายก็เป็นวันเดียวกับที่เขารู้เรื่องเลวๆ ของพ่อตัวเอง ถ้าพี่เป็นเขามันก็คงลำบากจริงๆ ที่จะตัดสินใจ เพราะยังไงสะพ่อของเขาก็เข้าออกคุกเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เขาเลือกแบบนั้นคงคิดแล้วว่าพ่อตัวเองคงไม่มีวันกลับตัวได้ หลังจากวันนั้นเขาก็ปฏิญาณตนว่าจะไม่ทำแบบที่พ่อเขาทำและจะไม่ทำร้ายใครถ้าไม่จำเป็น""ค
"ยามะ...."เจพึมพำออกมาด้วยสีหน้าหวาดกลัวก่อนที่เขาจะดึงตัวฉันให้ไปหลบด้านหลัง ท่าทีนั้นทำให้ฉันรับรู้ได้เลยว่าผู้ชายคนนี้เป็นบุคคลอันตรายสำหรับเรา "พี่แกนี่ เหมือนจะฉลาดแต่ก็ยังโง่! การที่มันพลาดปล่อยฉันหนีได้ก็เท่ากับว่ามันพร้อมตายเท่านั้นแหละ""คุณยูร์ไม่มีท่าพลาด""โอ! แม่สาวนี้ใครกัน? สอดเรื่องของผู้ใหญ่หรือว่าเมียไอ้ยูร์?"ยามะเดินตรงเข้ามาหาฉันพร้อมยกปืนขึ้นจ่อหัวเจให้หยุดอยู่กับที่ เจมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดไม่ต่างไปจากฉัน ให้ตายเถอะ!"อย่ายุ่งกับผู้หญิง""คุ้นๆ เหมือนฉันเคยเห็นอยู่กับไอ้บ้านั้น เมียไอ้ยูร์สินะ""ใช่...."ปัง! "มิ้น!"กรี๊ด! ปวด....ปัง!ทันทีที่ฉันบอกสถานะตัวเองออกไปลูกกระสุนเหล็กก็ถูกยิงเข้าที่ต้นขาของฉันทันทีความเจ็บปวดมากมายนี่ทำให้ฉันต้องทรุดตัวล้มลง เจพยายามจะวิ่งตรงเข้ามาช่วยกลับถูกยามะยิงเข้าที่ขาอีกคนจนทรุดตัวล้มลงข้างๆ ความปวดที่แสนทรมานนี่ทำให้ฉันไม่มีแม้แต่แรงจะพูดอะไรออกไปทำได้แค่เพียงมองยามะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความแค้น"มะ มิ้น""เจ อย่าขยับมากสิ"ฉันพยายามหันไปบอกเจที่กำลังลากขาที่บาดเจ็บมาหาฉัน ตอนนี้ยิ่งเห็นเลือดที่ไหลออกมาจนเต็มขา
: ยูร์ ปวดหัวชะมัด.... ไม่น่ากินเยอะขนาดนั้นเลยวันนี้ทำให้ผมต้องลางานเพื่อพักฟื้นร่างกายสักหน่อย พอลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกับเจนอนสลบไสลกันอยู่ที่พื้นอย่างน่าอนาถ พอมองสำรวจไปรอบห้องก็กลับไม่เห็นร่างเล็กของเมียสาวแต่ผมจำได้นะว่าเมื่อคืนมิ้นไปตามผมกับเจถึงร้านแถมกระชากหัวผมอีกคงจะโกรธมากแน่ๆ แต่นี่พระอาทิตย์ก็จะตกอยู่แล้วทำไมยังไม่ยอมกลับห้องอีกตืด! ไม่รับสาย....นี่กล้าตัดสายเลยเหรอ โกรธขนาดนั้นเลยงั้นเหรอเนี่ย....ก็แค่กลับบ้านช้าไปไม่กี่ชั่วโมงเองผมลองกดโทรศัพท์โทรออกไปหามิ้นอีกครั้งก็ยังพบว่าเธอตัดสายผมอีกแล้ว ชักจะเป็นห่วงขึ้นมาแล้วสิ"นายครับ นายครับ""ว่าไง"ผมหันไปถามลูกน้องที่วิ่งเข้ามาหน้าตื่นด้วยน้ำเสียงขุ่น"ยามะ ยามะหนีไปได้ครับ""หึ....": มิ้นณ สนามยิงปืนฉันมองสำรวจไปทั่วสนามบินกว้างที่เงียบเฉียบ....นี่มันน่ากลัวสุดไปเลย พี่ริลพาฉันเดินเข้าไปอีกด้านในจะมีเป็นล็อกของใครของมันและเป็นลานกว้างยาวที่มีเป้ากระดาษอยู่ไกลๆ ฉันหันไปมองพี่ริลที่หยิบปืนออกมาจากกระเป๋าพกของตัวเองและเริ่มเช็คมันอย่างเป็นงาน ....ท่าทางที่พี่ริลสำรวจปืนนี่มันช่างจริงจังจนน่ากลัวถึงว่าทำไมคนเจ้าชู
ฉันนั่งเฝ้าสองร่างที่ยังคงนอนสลบไสลอยู่บนพื้น เมื่อคืนกว่าจะยอมกลับกันมาได้ก็ต้องใช้เด็กตั้งหลายคนแบกมาแล้วนี่ก็จะตะวันตกดินอีกรอบแล้วเจกับคุณยูร์ยังไม่มีทีท่าจะตื่นเลย"ให้ตาย โมโหชะมัด!""คุณมิ้นครับ""ว่าไง! อุ้ย ขอโทษค่ะ"ฉันที่กำลังโมโหเผลอตะโกนใส่คนที่เข้ามาเรียก พอนึกได้ก็รีบยกมือไหว้ใหญ่เพราะเขาแก่กว่าฉันอยู่หลายปี"ไม่เป็นไรครับ มีคนมารออยู่ด้านล่างครับ""ใครคะ?""เขาแจ้งว่าชื่อริล""....ขอบคุณมากค่ะ ยังไงฝากดูสองคนนี้ด้วยนะคะ""ครับ"ฉันยิ้มให้ก่อนจะรีบลงมายังห้องรับรองชั้นหนึ่งของโรงแรม ถ้าให้ฉันเดาพี่ริลคงรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วตอนนี้คงกำลังโกรธฉันไปมากกว่าเดิมอีก นี่ตั้งแต่วันนั้นที่คุยกันพี่ริลก็ไม่เคยรับโทรศัพท์ฉันเลย.... "พี่ริล"เมื่อเห็นพี่สาวฉันก็ตรงเข้าไปกระโดดกอดอย่างไม่อาย พี่ริลยอมมาคุยกับฉันแล้ว "นั่งคุยกันดีๆ ก่อน โตแล้วนะ""หนูคิดถึงพี่ พี่ไม่รับโทรศัพท์มิ้นเลย"พี่ริลดึงฉันให้ไปนั่งลงข้างๆ ก่อนจะยื่นโทรศัพท์ที่ปรากฏเป็นภาพข่าวก่อนหน้านี้"นี่มันอะไรมิ้น""มันเป็นการโปรโมตของคุณยูร์เขาน่ะค่ะ ไม่มีอะไร""พี่รู้ว่ามันไม่ใช่แค่นี้ ยูร์โดนขู่ใช่ไหม?""เ
: มิ้นฉันเดินกระวนกระวายทั่วห้องตั้งแต่ช่วงบ่ายที่คุณยูร์ออกไปจัดการเรื่องคุณแฟรงค์ จนตอนนี้ปาเข้าไปเที่ยงคืนแล้วคุณยูร์ยังไม่โผล่หัวกลับมาเลยทั้งๆ ที่ลูกน้องก็บอกฉันว่าเคลียร์จบแล้ว.... หรืออันที่จริงพวกนั้นจะโกหกฉันเพราะกลัวฉันเสียใจ ไม่นะคุณยูร์คงไม่เป็นอะไรหรอกเพราะเขาเก่งนี่เขาเก่งมากแล้วทำไมตอนนี้ยังไงกลับมาอีกละ"ฉันต้องไปถามให้รู้เรื่อง"ฉันเปิดประตูออกมาแล้วเดินตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อชายชุดดำที่ยื่นเฝ้าหน้าประตูอยู่ให้ก้มลงมาสบตาฉัน ตอนนี้แม้แต่ปืนที่เหน็บอยู่ฉันก็ไม่กลัวแล้วฉันจะต้องรู้ให้ได้ว่าคุณยูร์หายไปไหน"คุณมิ้นครับ ทำอะไรครับ!""คูณยูร์อยู่ไหน!""กำลังไปจัดการเรื่องพี่แฟรงค์ไงครับ""จัดการอะไรนานขนาดนี้ไปตามเจ้านายกลับมาเลยนะ! มันกี่โมงแล้วเนี่ยไม่รู้เวลาล่ำเวลาเลย หรือจริงๆ แล้วเจ้านายพวกนายบาดเจ็บแล้วไม่ยอมบอกฉัน พูดความจริงมาเลยนะ""คุณมิ้นครับ อย่าทำแบบนี้ ย๊ากกก!"ด้วยความโกรธทำให้ฉันดึงเนกไทคนตรงหน้าให้ต่ำลงเรื่อยๆ จนคนตัวสูงร้องโวยวาย ตอนนี้ชายชุดดำหลายคนเข้ามามุ่งเราไว้แต่ไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามฉัน ทุกคนเอาแต่ส่งเสียงร้องห้ามกันระงมแต่ฉันก็ยังคงดึงมันให้แน่นขึ
: เจ หลังจากพวกเราจัดการส่งพี่แฟรงค์เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลในเครือของพี่ยูร์เสร็จ เขาก็พาผมมาบาร์ลับแห่งหนึ่งใกล้กับคอนโดโดยให้เหตุผลว่าอยากคุยเรื่องสำคัญ....ระหว่างทางเข้ามามันทั้งเงียบและเปลี่ยวจนผมแอบคิดว่าพี่อาจจะยังสงสัยในตัวผมจนต้องพามาซ้อมหรือเปล่าแต่พอมาถึงหน้าร้านกลับว่ามันเป็นบาร์เหล้าจริงๆ ....ฮูววว... ใจหายหมดผมแอบมองพี่ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกันอย่างกล้าๆ กลัวๆ ตอนนี้เขามีท่าทีนิ่งเงียบและเคร่งขรึมจนผมไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เขายังคงกระดกเหล้าเข้าปากเรื่อยๆ อย่างเงียบเชียบราวกับว่าไม่มีผมอยู่ตรงนี้ผมมองเขาเป็นเหมือนที่พึ่งพาเดียวในตอนนี้ผมไม่อยากจะทำให้เขาหงุดหงิดใจจึงได้แต่นั่งดื่มไปเงียบๆ เช่นกัน"เล่ามา....""ครับ?""เล่าเรื่องของนายมา....ทำไมถึงมาที่นี่"ผมก้มหน้านิ่งแล้วยกเหล้าตรงหน้าขึ้นกระดกจนหมดแก้ว ถึงมันจะขมแต่มันคงช่วยให้ผมมีความกล้า นี่ถือว่าเป็นโอกาสที่พี่จะได้รู้จักผมมากขึ้น"ผมเกิดมาเพราะความผิดพลาด....ผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น แต่เมื่อผมเกิดมาพ่อก็พยายามจะฆ่าผมจนแม่กับผมไปซ่อนตัวไว้หลายปี แต่ในที่สุดเขาก็หาผมเจอจนได้เขาทำข้อ