แชร์

ตอนที่ 2 เริ่มต้นอีกครั้ง

ผู้เขียน: MoonDust
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-16 20:29:39

ฉันหลบโดยสัญชาตญาณ ร่างกายใหม่อาจไม่แข็งแรง แต่ความว่องไวยังอยู่ครบ ฉันก้มหลบและหมุนตัวกลับในจังหวะเดียว ก่อนจะคว้าข้อมือเล็กเอาไว้

"กรี๊ด!" เสียงกรีดร้องดังขึ้น หญิงสาวในชุดนอนผ้าไหมสีครีมเซถลาเพราะถูกฉันคว้าข้อมือไว้อย่างแรง

"แก! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!"

"เฮ้ย...นี่มันใครกันล่ะเนี่ย?" ฉันยืนนิ่ง ประเมินสถานการณ์อย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันไปมองรูปครอบครัวและหันกลับมามองใบหน้าของเด็กสาวที่กำลังโกรธจัด

"อ้อ...คงจะเป็นคุณลูกสาว" ฉันปล่อยให้เธอเป็นอิสระ

"หุบปาก!" เธอตวาด ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ "แกคิดว่าแกเป็นใคร!? ถึงได้ทำท่าทีจองหอง!"

"ฟังให้ดีนะ อีลูกเมียน้อย" หญิงสาวขู่ เสียงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง

'ใจเย็น อลิสา ใจเย็น' ฉันบอกตัวเอง

ฉันเห็นช่องทางโจมตีมากมาย จุดอ่อนที่สามารถจู่โจมได้... แค่สองก้าวฉันก็จะถึงตัว แค่หมัดเดียวก็จะทำให้คนตรงหน้าสลบ...

'ไม่ได้!' ฉันสะบัดหัวไล่ความคิดนั้น

"อย่าคิดว่าแกจะได้อะไรมากไปกว่านี้" เธอยังคงพ่นคำพูดใส่หน้าฉัน

"แกเป็นแค่ลูกคนใช้ที่พ่อเผลอพลาด แกไม่มีสิทธิ์ในตระกูลนี้!"

ฉันกัดฟันกรอด เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบ ๆ ฉันเคยซ้อมนักเลงทั้งแก๊งมาแล้ว แค่เด็กสปอยล์คนเดียวจะเป็นอะไรไป...

"ฉันแค่กำลังทำความสะอาดค่ะ" ฉันก้มหน้า พยายามข่มอารมณ์ แม้ว่าอยากจะกระแทกหน้าสวย ๆ นั่นเข้ากับผนัง

"ตอแหล!" เธอขยับเข้ามาใกล้ "แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือไง ว่าแกแอบช่วยพ่อทำบัญชี แอบให้คำปรึกษาเรื่องโรงสี แกคิดว่าแกฉลาดนักใช่ไหม!?"

นี่คือสาเหตุที่มีคนพยายามฆ่าวราลีหรือเปล่า? ฉันคิด ไม่ได้ตอบโต้อะไร

"คุณหนูพลอยไพลิน!" เสียงเรียกดังมาจากในห้องทานอาหาร 

"อาหารเช้าเสร็จแล้วค่ะ" พลอยไพลิน...นั่นคงเป็นชื่อของเธอ หญิงสาวเชิดหน้า

"แกโชคดีที่ฉันยังไม่ว่างจัดการแก" เธอหมุนตัวเดินจากไป ส้นรองเท้าแตะกระทบพื้นหินอ่อนดังกึก ๆ

ฉันยืนนิ่ง มือกำแน่น พยายามสูดหายใจเข้าออกเพื่อให้ใจเย็นลง ฉันเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมมีคนต้องการกำจัดวราลี... แต่คำถามคือ ใครกัน และทำไปด้วยเหตุผลอะไร?

ฉันมองตามร่างของพลอยไพลินที่เดินจากไป สมองเริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็ว

เด็กสาวที่ถูกตามใจมาตลอดชีวิต ไม่เคยถูกปฏิเสธ คาดว่าอายุราว ๆ 25 ปี การเดินบ่งบอกว่าเคยเรียนบัลเลต์ แต่ท่าทางระหว่างตบมีจังหวะที่ไม่มั่นคง แสดงว่าไม่เคยต่อสู้จริงจัง เป็นแค่การระบายอารมณ์... อันตราย แต่ไม่ถึงตาย

ทันใดนั้น ภาพความทรงจำก็ถาโถมเข้ามา...

หนึ่งปีก่อน

"อีกาลกิณี!" เสียงพลอยไพลินดังก้องในห้องครัว มือเรียวจิกผมวราลีอย่างแรง "แกกล้าดียังไงถึงได้ไปนั่งที่โต๊ะอาหารของพวกเรา!?"

"ฉัน... ฉันแค่เก็บจาน..." วราลีพยายามอธิบาย น้ำตาคลอ

"แกคิดว่าแกเป็นใคร!?" พลอยไพลินกระชากร่างบางลงกับพื้น เสียงหัวกระแทกพื้นดังตุบ "คนอย่างแกไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะจับจานที่พวกเรากิน!"

คนรับใช้คนอื่น ๆ ยืนก้มหน้า ไม่กล้าแม้แต่จะมอง บางคนรีบเดินหนีออกไป แม้จะอยากช่วยแต่ก็ทำไม่ได้ ไม่มีใครกล้าขัดใจลูกสาวเจ้าของบ้าน

"ขอโทษค่ะ... ขอโทษ..." วราลีพูดเสียงสั่น เลือดเริ่มซึมที่มุมปาก

"ขอโทษ?" พลอยไพลินหัวเราะเยาะ "แกคิดว่าแค่ขอโทษแล้วจะลบล้างความผิดที่แกเกิดมาได้หรือไง"

เธอคว้าแจกันดอกไม้บนโต๊ะ สาดน้ำใส่หน้าวราลี

"นี่แหละที่ที่เหมาะกับแก... พื้น! อย่าให้ฉันเห็นแกทำตัวลืมตัวอีก"

วราลีนอนคุดคู้บนพื้นเปียก ไม่กล้าขยับ ไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้เสียงดัง ได้แต่กัดริมฝีปากจนเลือดซึม

"คุณหนูคะ" เสียงนางแพรววิ่งเข้ามา "ไปทานของหวานเถอะค่ะ"

พลอยไพลินเชิดหน้า เตะน้ำที่พื้นใส่วราลีอีกครั้งก่อนเดินจากไป

นางแพรวรีบเข้ามากอดลูกสาว น้ำตาไหลอาบแก้ม 

"ลูกแม่... ขอโทษนะที่แม่ช่วยอะไรไม่ได้เลย"

"ไม่เป็นไรค่ะแม่" วราลีกระซิบ พยายามฝืนยิ้ม "หนูชิน... ชินแล้วค่ะ"

แต่ในใจลึก ๆ เธอไม่เคยชิน... ไม่มีวันชินกับการถูกทำร้ายเพียงเพราะการเกิดมา

ภาพตัดไปอีกครั้ง กลายเป็นฉากใหม่

วราลีกำลังถูพื้นหน้าทางขึ้นชั้นสอง พลอยไพลินกลับบ้านมาในสภาพเมามายทั้ง ๆ ที่เพิ่งหัวค่ำ

“ฮึก...พี่แบงค์ทำแบบนี้กับพลอยได้ยังไง” เธอร้องไห้คร่ำครวญราวกับคนอกหัก เมื่อสายตาเจอเข้ากับวราลี สีหน้าพลันเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยว พุ่งเข้ามากระชากผมเธออย่างแรง

“โอ๊ย! คุณหนู อะไรกันคะ!?” วราลีร้องอย่างเจ็บปวด ทว่ากลับถูกกระชากแรงขึ้น ก่อนจะเหวี่ยงเธอลงกับพื้น และตามลงไปตบตี

“แกมองอะไรอีลูกเมียน้อย!? แกมองอะไร!? แกสมเพชฉันใช่ไหมที่เห็นฉันเป็นสภาพแบบนี้! แกสมเพชฉันใช่ไหม!?” ฝ่ามือของพลอยไพลินยังคงกระแทกหน้าหญิงสาวใต้ร่างซ้ำ ๆ วราลีพยายามยกมือขึ้นป้องกันแต่ไม่สามารถตอบโต้ได้

“แกไม่มีสิทธิ์มองฉันแบบนั้น! คนแบบแก! คนแบบแก!”

ปึง!

ภาพความทรงจำจางหาย ฉันเผลอชกกำแพงโดยไม่รู้ตัว ฉันยืนนิ่ง มือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความเจ็บปวดของวราลีกลายเป็นความโกรธที่พลุ่งพล่านในตัวฉัน

ความเกลียดชังที่ฝังรากลึก... เพียงเพราะเธอเลือกเกิดไม่ได้

ฉันมองภาพครอบครัวบนผนังอีกครั้ง รอยยิ้มสวยงามของพลอยไพลินในภาพช่างดูเสแสร้ง

"เธอจะไม่มีวันได้ทำแบบนั้นกับวราลีอีก" ฉันพูดเบา ๆ

เมื่อตัดสินใจจะอยู่ต่อเพื่อทวงความยุติธรรมให้วราลีแล้ว…ฉันก็ต้องยอมรับความจริงอย่างหนึ่ง

‘การทำงานบ้าน ‘คืองานประจำของวราลีคนเก่า และถ้าฉันจะรับบทบาทของเธอต่อให้แนบเนียนที่สุด ฉันก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงมันได้

สำหรับคนอื่นอาจเป็นเรื่องธรรมดา แค่กวาด ถู ซัก ล้าง ใคร ๆ ก็ทำได้

แต่สำหรับฉัน…ที่เคยฝึกยิงปืนแทนการจับไม้กวาด เคยซ้อมหลบระเบิดแทนการซักผ้าด้วยมือ

มันคือการฝึกใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ศูนย์

และที่แย่กว่านั้นคือ...ต้องเรียนรู้ทั้งหมดนี้ภายใต้สายตาจับผิดของ ‘ป้าแป้น’ หนึ่งในแม่บ้านรุ่นเก๋าของบ้านที่เปรียบเสมือนเป็นแม่บ้านผสมครูฝึกหน่วยคอมมานโด

“ถังน้ำนี้มันหนักผิดมนุษย์ไปแล้วแน่ ๆ”

ฉันพึมพำกับตัวเองขณะพยายามยกถังน้ำจากครัวไปยังมุมหนึ่งของบ้าน ข้อมือแทบหลุด บ่าแทบหลุดตามไปด้วย และเพียงแค่เดินไปไม่กี่ก้าว...ฉันก็สะดุดขาตัวเอง ทำน้ำหกกระจายเต็มพื้นเหมือนฉันกำลังราดน้ำมนต์ล้างซวยกลางบ้าน

“แม่คุณเอ๊ย! ให้ถูบ้านโว้ย ไม่ใช่ล้างบ้าน!”

เสียงป้าแป้นดังขึ้นจากมุมห้อง เธอเดินกะเผลกมาอย่างแคล่วคล่อง พร้อมถือไม้ถูพื้นในมือตบพื้นเปียกเบา ๆ

“ไอ้หนูวีเอ๊ย ตั้งแต่ฟื้นมาก็ขยันจังเลยนะ...แต่ทำไมทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง!”

ฉันยิ้มเจื่อน “ก็หนูความจำเสื่อมไงคะป้า...”

“ความจำเสื่อมแล้วสกิลงานบ้านมันเสื่อมด้วยเรอะ!?” ป้าแป้นเท้าเอวมองฉันเหมือนจะกินหัว

“เมื่อก่อนถูบ้านลื่นไหลอย่างกับแม่บ้านมือโปร เดี๋ยวนี้...เช็ดโต๊ะยังงก ๆ เงิ่น ๆ เหมือนเด็กหัดจับไม้กวาด”

ฉันก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะด้วยท่าทางระมัดระวัง หัวเราะแห้ง ๆ แบบเถียงไม่ได้

ฉันสูดลมหายใจลึกอีกครั้ง แล้วตั้งหน้าตั้งตาใช้ไม้ถูพื้น...ซึ่งเปียกชุ่มเกินปกติจนน้ำยาแทบนองพื้น

“เออ! เอา! วันนี้มันต้องมีคนลื่นหัวแตกจนได้ข้าว่า!” ป้าแป้นตีไม้ถูพื้นกับพื้นเสียงดังจนฉันสะดุ้ง

“หนูจะพยายามให้เต็มที่ค่ะป้า...”

หลังจากที่ฉันทำงานบ้านตั้งแต่เช้า จนเข้าสู่ช่วงบ่าย รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัวเหมือนได้กลับไปฝึกอีกครั้ง ป้าแป้นบ่นน้อยลงนิดหน่อย แต่ฉันก็ดันทำเธอโมโหขึ้นอีกเพราะเผลอใส่ผงซักฟอกลงในเครื่องเยอะไปจนฟองฟอดเต็มพื้นหลังบ้าน ทำเอาป้าแป้นถอนหายใจแบบปลงตก ก่อนจะไล่ให้ฉันออกไปซื้อของที่ตลาดแทน ฉันรับรายการของจากป้าแป้นแล้วรีบออกไป อย่างน้อยคงทำให้เธออารมณ์ดีขึ้นบ้าง....

เย็นวันนั้น ฉันกลับถึงบ้านในช่วงเย็น มือหอบข้าวของพะรุงพะรัง ขณะที่ฉันกำลังเดินไปยังห้องครัว ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง

"เดี๋ยวก่อน" เป็นหญิงวัยกลางคนในชุดหรูหรายืนอยู่บนขั้นบันได ใบหน้าแม้มีริ้วรอยตามกาลเวลาแต่ยังมีเค้าความงาม ดวงตาและริมฝีปากเชิดหยิ่งนั้นกำลังมองตรงมาที่ฉัน นี่คงจะเป็นคุณทับทิมภรรยาของนายพิชิต คุณนายใหญ่ของบ้านนี้

ฉันไม่ได้พูดอะไร อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็ตวาดขึ้นด้วยความโมโห

"แกคิดว่าแกกำลังทำอะไร!"

"ดิฉันออกไปซื้อของมาค่ะ"

“แล้วกลับมาเอาป่านนี้เนี่ย! นี่แกแอบไปเที่ยวเล่นที่ไหนมาใช่ไหมฮะ!”

โอ้โห อย่างกับตัวร้ายในละครเลย แม่ลูกถอดแบบกันมาเป๊ะๆ

“ดิฉันออกไปซื้อของแค่ประมาณหนึ่งชั่วโมงรวมเวลาเดินทาง รถเมล์สาย 34 ใช้เวลาเดินทางไปถึงหน้าตลาดประมาณ 20 นาที เดินซื้อของอีกประมาณ 15 นาทีเพราะซื้อไม่กี่อย่าง จากนั้นก็รอขึ้นรถเมล์หน้าตลาดประมาณ 5 นาที นั่งรถกลับมาใช้เวลา 15 นาทีเพราะรถไม่ติด ตอนดิฉันออกไปเป็นเวลา 4 โมงเย็น ตอนนี้ 5 โมงเย็น ไม่น่าจะมีเวลาว่างไปเที่ยวเล่นนะคะ จะเช็กกล้องดูก็ได้ค่ะถ้าไม่เชื่อ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวไปช่วยแม่เตรียมมื้อเย็นนะคะ" 

ฉันหมุนตัวกลับไปจะเดินต่อ ทำให้หญิงวัยกลางคนรีบรุดเดินลงบันไดมา

“มันพล่ามอะไรของมัน? เดี๋ยว! ใครอนุญาตให้แกเดินหนีฉันฮะ! ฉันยังพูดไม่จบ....." เธอคงหมายจะจิกหัวฉัน แต่สิ่งที่คว้าได้คือความว่างเปล่า เมื่อเสียหลัก ทำให้เธอล้มลงไปที่พื้นทันที

"คนบ้านนี้...พูดกันดี ๆ ไม่เป็นสินะ" ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนมีไฟลุกในอก ในหัวคิดวิธีทรมานได้ 108 วิธี แต่ต้องสงบใจไว้

ฉันนั่งลงตรงหน้าคุณนายและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายอย่างดุดัน

เมื่อมองเห็นความหวาดหวั่นที่เริ่มก่อตัวขึ้น ฉันแสร้งยกมือขึ้น ทำให้เธอกรีดร้องลั่น

"คุณแม่! เกิดอะไรขึ้นคะ แก! อีลูกเมียน้อย แกทำอะไรคุณแม่ฮะ!" พลอยไพลินทิ้งถุงชอปปิ้งมากมายและวิ่งถลาเข้ามาจากหน้าบ้าน ประคองร่างสั่นเทามารดาให้ลุกขึ้น

"ฉันถามว่าแกทำอะไรคุณแม่ไง!" เธอตะโกนซ้ำ

"ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ ใช่ไหมคะ....คุณนาย" ฉันหันกลับไปมองคุณนายที่ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาฉัน

‘อะไรกัน...ดูท่าจะเก่งแต่ปาก' ฉันยิ้มมุมปาก ก่อนจะเอี้ยวหลบฝ่ามือของพลอยไพลินที่พุ่งเข้ามา

"เห็นๆ อยู่ว่าแกจะตบคุณแม่ แล้วแกจะหลบทำไมนักหนาฮะ!" หญิงสาวตะโกนด้วยความโมโห ที่เธอไม่สามารถเข้าใกล้ฉันได้เลย

"ตบมั่วซั่วแบบนี้มันจะไปโดนได้ยังไงกันคะ" ฉันคว้าข้อมืออีกฝ่ายบิดไพล่หลังก่อนจะผลักเธอไปทางคุณนาย ทำให้สองคนแม่ลูกล้มลงไปกับพื้น

"กรี๊ด! แกทำบ้าอะไรฮะ!" พลอยไพลินตะโกนอย่างเดือดดาล

"ป้องกันตัวไงคะ" ฉันปรายตาไปยังสองแม่ลูก “แล้วก็จะสู้กลับด้วย ถ้าพวกคุณยังคิดจะรังแกฉันกับแม่อีก”

ฉันหมุนตัวกลับ หยิบถุงใส่ของ

“เฮอะ! เพ้อเจ้ออะไร มันก็สมควรแล้วที่แกจะโดน อีลูกเมียน้อย!”

ฉันถือว่าเตือนแล้วนะ...

หันกลับไปหมายจะสั่งสอน แต่เสียงหนึ่งที่ทรงอำนาจก็ดังขึ้นก่อน

“หยุดเดี๋ยวนี้!” เป็นพิชิต ประมุขของบ้านพาณิชย์วงศ์ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสอง สายตาของเขาจ้องเขม็งมายังฉันราวกับคาดโทษ

“วราลี...แกไปพบฉันที่ห้องทำงาน เดี๋ยวนี้!”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนพิเศษ 2 ครั้งหนึ่งเคยเจอกัน

    เลือดอุ่น ๆ ไหลผ่านแผลที่หน้าท้อง เปื้อนเสื้อพรางจนไม่รู้ว่าสีจริงของมันเป็นสีอะไรกันแน่อลิสากัดฟันแน่น พิงตัวกับโขดหินในป่ารก หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ“บ้าเอ๊ย…ล่อพวกเราเข้าไปตายชัด ๆ”เสียงปืนที่เคยดังสนั่นเมื่อชั่วโมงก่อนยังดังก้องอยู่ในหัวเธอจำภาพตอนที่ลูกทีมคนหนึ่งล้มทั้งยืนได้ชัด คำสั่งล่าถอยถูกขัดจังหวะด้วยระเบิดแรงสูง และหลังจากนั้น...ก็ไม่มีเสียงของใครอีกเลย นอกจากลมหายใจตัวเอง ตอนนี้เธอหนีมาไกลหลายกิโลเมตรจากจุดที่ปะทะครั้งสุดท้ายอลิสาขยับตัวอีกนิด ร่างกายประท้วงทันทีด้วยความเจ็บและเหนื่อยล้าเธอแตะวิทยุสื่อสารที่อยู่ด้านในเสื้อ...ไร้สัญญาณไม่มีเสียงตอบ ไม่มีอะไรนอกจากเสียงของลมกับนก“ฉันต้องไม่ตายที่นี่…ฉันจะไม่ตายในป่าเงียบ ๆ แบบนี้แน่”เธอเริ่มคลานต่อ มือจับปืนไว้แน่นข้างตัว ทุกย่างก้าวคือการต่อรองกับความอดทน ภาพรอบตัวเริ่มเบลอจากเลือดที่เสียไป แต่สัญชาตญาณยังผลักให้เธอไปข้างหน้าจนกระทั่ง...เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นกร๊อบ...กร๊อบ...เสียงกิ่งไม้หัก เสียงเท้าเดินบนพื้นใบไม้ชื้น เสียงนั้นเบา แต่ไม่เบาพอจะรอดหูของเธอไปได้ อลิสากระชับปืน ปรับทิศสายตาดึงพลังเฮือกสุดท้ายให้

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนพิเศษ 1 ความอดทนของสามี

    ช่วงนี้ภูริรู้ตัวว่า…เขากำลังเข้าสู่โหมด ‘กลั้นใจ’ เต็มรูปแบบเพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา พูดกันตรง ๆ เลยว่าเขาก็หื่น แต่หื่นแบบ รักมาก หลงมาก มองเมียทีไรก็อยากกระโจนใส่ทุกครั้งแต่ใช่ว่าวราลีจะไม่รู้ เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอหันมามองเขาตอนเช้าแล้วพูดเสียงอ่อนว่า“พี่ภูคนดีคนเดิมหายไปไหน…”พร้อมทำตาแป๋ว ๆ นอนกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง ในขณะที่เขายืนใส่กางเกงนอนอยู่ข้างหน้า…“ทำไมเหลือแต่คนหื่น…”แค่คำนั้นคำเดียว ทำเอาเขารู้สึกเหมือนหมาตัวโต ๆ ที่โดนตีหัวเบา ๆ ด้วยไม้เรียวเมียตั้งแต่นั้นมา เขาก็พยายาม ‘เป็นคนดีคนเดิม’ ไม่รุก ไม่ปล้ำ ไม่ซุกซนยามดึกแม้จะนอนเตียงเดียวกันทุกคืน…แม้จะได้เห็นเธอใส่ชุดนอนสายเดี่ยวตัวหลวมที่ชอบหล่นจากไหล่ แม้จะมีบางคืนที่เธอเอาขามากอดเขาทั้งตัว…แต่เขาก็อดทนคืนแรก…เขาหันหลังให้คืนที่สอง…เขาเปิดพอดแคสต์วิธีฝึกสมาธิก่อนนอนคืนที่สาม…เขาสวดบทภาวนาขอพรจากจักรวาลให้เขาผ่านคืนนี้ไปได้แต่แล้วก็…คืนนี้...เขาเห็นวราลีก้มลงหยิบของจากพื้น โดยที่เสื้อยืดคอกว้างเผยให้เห็นเนินอกอิ่มเต็มตา เสี้ยววินาทีนั้นเขาเหมือนโดนตบหน้าโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งขอพรไป“อดทนไว้ภูริ…อดทนเพื

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   บทส่งท้าย

    เสียงเพลงบรรเลงแผ่วเบาดังคลอภายในโบสถ์หินอ่อนที่ประดับด้วยดอกไม้โทนขาวครีมและเขียวอ่อน สะอาดตาและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แสงแดดจากหน้าต่างกระจกสีที่สูงจรดเพดานสาดลงมาอย่างอ่อนโยนราวกับพระเจ้ากำลังอวยพรฉันยืนอยู่หลังประตูไม้ของโบสถ์ ลมหายใจตื่นเต้นจนต้องกลั้นเอาไว้ มือแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของคุณพิชิตผู้เป็นบิดา ที่วันนี้มารับหน้าที่จูงฉันเข้าไปในโบสถ์“พร้อมไหม” เขาถามเสียงเบาฉันพยักหน้า กลั้นยิ้มอย่างเกร็งนิด ๆ“พร้อมค่ะ”ประตูโบสถ์เปิดออก เสียงเปียโนท่อนแรกของ Canon in D ดังขึ้นทุกสายตาหันมามองฉันในชุดเจ้าสาวสีงาช้างที่ตัดเข้ารูปอย่างสง่างาม ผ้าคลุมยาวลากพื้นพลิ้วไหวตามจังหวะก้าวเดินคุณหญิงสมศรียิ้มกว้างสุดหัวใจ น้ำตาคลอจนต้องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดบ่อยครั้ง แต่ไม่วายหันไปกระซิบกับนาลันว่า“สวยเหมือนย่าตอนสาว ๆ เลยใช่ไหมล่ะ”นาลันหัวเราะเบา ๆ ยกนิ้วโป้งให้ฉันแทนคำชม ข้าง ๆ เธอ ภาวินท์และชนกันต์ยกกล้องขึ้นถ่ายช็อตสำคัญไม่หยุด ส่วนพลอยไพลินที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างแม่ฉัน ก็ยิ้มบา

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 46 ฤกษ์ดี

    แสงเจิดจ้าระยิบระยับจากแชนเดอเลียร์หรูหราขนาดใหญ่ภายห้องโถงใหญ่ในโรงแรมระดับห้าดาวกลางใจเมืองดูจะแพ้แสงแฟลชจากเหล่ากล้องสื่อมวลชนที่เข้าประจำการตั้งแต่เช้า ด้านหน้าตึกแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ทั้งสื่อ นักข่าว แขกผู้มีเกียรติ และหุ้นส่วนธุรกิจจากทั่วเอเชียที่ต่างเดินทางมาเพื่อร่วมเป็นพยานในวันสำคัญของ ‘ภูริ ทรัพย์ไพศาลอนันต์’ข่าวการขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของ TP กรุ๊ป ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผ่านภายในตระกูล แต่คือ ‘เหตุการณ์ระดับชาติ’ สำหรับวงการธุรกิจสื่อทุกแขนงถ่ายทอดสด บรรยายตื่นเต้นราวกับกำลังดูฟุตบอลนัดชิง พาดหัวข่าวเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วทั้งคำว่า‘ทายาทหมื่นล้านเปิดตัวอย่างสง่างาม’‘ภูริ ผู้นำอาณาจักรทรัพย์ไพศาลอนันต์สู่อนาคตใหม่’หรือแม้แต่ ‘จับตา! ยุคใหม่ของ TP กรุ๊ปจะไปทางไหนเมื่ออยู่ภายใต้ผู้นำคนใหม่’แต่ในห้องรับรองชั้นบนสุดของตึก…โลกทั้งใบของภูริกลับเงียบงัน มีเพียงเสียงสูดหายใจลึก ๆ ของเขา กับมือเล็ก ๆ ที่กำลังช่วยจัดปกสูทให้เข้าที่“แน่ใจเหรอครับว่าพี่ไม่ดูต

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 45 ยิ้มกว้าง

    เสียงเครื่องวัดชีพจรเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอในห้องสีขาวสะอาดตาฉันรู้สึกถึงความเย็นของผ้าปูเตียง และกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ลอยเข้าจมูกเมื่อค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือเพดานโรงพยาบาล และแสงแดดอ่อนยามเช้าส่องลอดผ้าม่าน“ฟื้นแล้วเหรอครับ ลูกพี่”เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างเตียง ก่อนที่ใบหน้าของชนกันต์จะโผล่เข้ามาในสายตาฉันพยายามยันตัวขึ้น เขารีบช่วยประคองทันที“ใจเย็นครับ เพิ่งได้สติไม่ถึงชั่วโมงเอง”ฉันยิ้มบาง พลางหลุบตาลง“…เรา…ชนะแล้วเหรอ?”ชนกันต์พยักหน้า“ครับ พวกผมเข้าเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดหลังเสียงปืนนัดสุดท้าย ฝ่ายเราเข้าควบคุมโกดังได้หมดแล้ว พวกของจงเหวินที่เหลือถูกจับเรียบ พร้อมของกลางเป็นอาวุธเถื่อนล็อตใหญ่…ตอนนี้เป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศเลยล่ะครับ”ฉันถอนหายใจยาว ความโล่งอกแล่นวาบไปทั่วร่างแม้จะยังอ่อนแรง“แล้ว…ภูริล่ะ?”ชนกันต์ยิ้ม“ห้องตรงข้ามนี้เองครับ พักฟื้นอยู่เหมือนกัน ผมว่าจะไปเยี่ย

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 44 ปิดฉาก

    สายตาฉันเหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซค์อีกคันนอนตะแคงอยู่ข้างถนน ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร...คันนั้นยังดูใช้งานได้ฉันกัดฟันแน่น ฝืนพาร่างตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยถลอกลุกขึ้นยืน มือขวากำปืนไว้แน่น ส่วนมือซ้ายลากขาเปื้อนเลือดค่อย ๆ พาตัวเองไปยังมอเตอร์ไซค์“ฟื้นตัวให้ไวนะ…ฉันยังต้องลุยต่อ” ฉันบ่นกับตัวเอง ขณะยกรถขึ้นและลองบิดเครื่อง เสียงเครื่องยนต์คำรามเบา ๆ ขึ้นมาทันทีราวกับตอบรับฉันคว้าหมวกกันน็อกเก่า ๆ ใบหนึ่งที่แขวนอยู่ข้างเบาะ สวมมันอย่างรวดเร็ว แล้วบิดคันเร่งออกตัว บนถนนที่เริ่มว่างเปล่า เป้าหมายของฉันคือ...ลินามือข้างหนึ่งของฉันล้วงเครื่องมือสื่อสาร พยายามติดต่อหาชนกันต์ด้วยเสียงหอบแฮก[ลูกพี่!?] ในที่สุดชนกันต์ก็ตอบกลับมาเสียที ฉันถอนหายใจโล่ง“กันต์…พวกมันได้ตัวพี่ภูไปแล้ว!” ฉันเร่งเสียง “ฉันติดเครื่องติดตามไว้ในเสื้อเขา ส่งพิกัดที่ได้มาให้ฉันด่วน!”[เวรเอ๊ย! พวกมันรู้ได้ยังไง!?] เขาสบถ [เดี๋ยวส่งพิกัดให้ภายในสิบวินาที]ฉันตัดสายไป แล้วเร่งเครื่องอย่างเต็มแรงฝ่าเส้นทางสลับซ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status