เมื่อได้อาบน้ำแล้วภาคินก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง เขานั่งทำงานต่ออีกนิดเพราะอยากจะเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จก่อนหยุดยาวแต่ทำงานได้ไม่ถึง 10 นาทีเสียงโทรศัพท์ก็ดึงสมาธิเขาออกจากงานตรงหน้า
“สวัสดีค่ะคุณภาคิน แก้วโทรมารบกวนหรือเปล่าคะ”
“ไม่เลยครับคุณแก้วมีอะไรหรือเปล่า”
“คือแค่จะโทรมาถามว่าคุณภาคินถึงบ้านปลอดภัยดีแล้วใช่ไหมคะ”
“ผมถึงบ้านเรียบร้อยแล้วครับ”
“คุณภาคินทำอะไรอยู่คะมีเวลาพอจะคุยกับแก้วได้ไหม”
“แก้วเรียกผมว่าคินเฉยๆ ก็ได้นะครับ”
“ถ้างั้นคุณภาคินก็ต้องเรียกแก้วว่าแกเฉยๆ เหมือนกันค่ะ จะได้ฟังดูสนิทสนมกันหน่อย”
“ก็ได้ครับ ตกลงแล้วแก้วมีอะไรจะคุยกับผม”
“คือแก้วลองมาคิดดูดีๆ แล้วแก้วว่าเรื่องไปทำงานกับคุณแก้วขอพักไว้ก่อนดีกว่าค่ะ”
“ทำไมล่ะครับ” เขาดีใจที่ได้ยินแต่ก็ถามตามมารยาท
“พอดีเพื่อนแก้วชวนให้แก้วเปิดคาเฟ่ด้วยกันค่ะ แก้วก็เลยว่าอยากจะลองทำกับเพื่อนดูก่อนค่ะ”
“ฟังดูน่าสนใจนะดีครับ”
“ค่ะ แก้วอยากลองทำในสิ่งที่ชอบก่อน แก้วชอบทำขนมมากค่ะ ตอนที่เรียนอยู่ฝรั่งเศสแก้วก็ไปเรียนอยู่หลายคอร์ส พอเพื่อนชวนก็เลยอยากจะลองดูค่ะ เพื่อนแก้วเก่งเรื่องเครื่องดื่มส่วนแก้วถนัดทำขนม เราสองคนน่าจะช่วยกันทำร้านได้”
“ผมดีใจด้วยนะที่คุณจะได้ทำในสิ่งที่ชอบ แล้วถ้าถึงวันที่เปิดร้านอย่าลืมชวนผมไปด้วยนะครับ”
“แน่นอนสิคะ ยังไงแก้วก็ต้องชวนคุณอยู่แล้ว คุณคินคะคือแก้วมีเรื่องจะปรึกษานิดหน่อย”
“เรื่องอะไรครับ ถ้าเป็นเรื่องทำขนมล่ะก็ผมตอบได้เลยว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“ไม่ใช่เรื่องทำขนมหรอกค่ะ คือแก้วอยากจะถามคุณคินว่าพอจะรู้จักทำเลดีๆ ไหมพอดีว่าแก้วกับเพื่อนยังหาที่เปิดร้านไม่ได้เลยค่ะ”
“ผมไม่รู้ว่าร้านที่อยากได้เป็นแบบไหน แต่แถวๆ บริษัทของผมก็ชั้นล่างของอาคารเปิดให้เช่าอยู่หลายที่เหมือนกันนะครับ”
“คุณพาแก้วกับเพื่อนไปดูหน่อยได้ไหม”
“ได้สิ” เขารีบรับปากเพราะถ้าอัจจิมาจะเปิดคาเฟ่กับเพื่อนก็หมายความว่าเธอจะไม่มาทำงานกับเขา
“วันหยุดนี้เราไปดูร้านด้วยกันดีไหมคะ”
“เกรงว่าจะไม่สะดวกครับพอดีผมมีธุระต้องไปทำที่อื่นเอาไว้กลับมาก่อนได้ไหม”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“แก้วไม่รบกวนคุณแล้วนะคะ”
เมื่ออัจจิมาวางสายไปแล้วภาคินรู้สึกโล่งใจที่เธอเปลี่ยนใจไม่อยากมาทำงานกับเขา ชายหนุ่มกำลังจะเริ่มทำงานต่อเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“คุณคินขา วันมะรืนอย่าลืมนัดของเรานะคะ”
“ไม่ลืมหรอกครับ มัดหมี่ส่งรายละเอียดให้คุณแล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะเลขาของคุณนี่ก็เก่งเหมือนกันนะคะ เธอจองโรงแรมที่มีออนเซ็นส่วนตัวมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิด้วยค่ะ” วาริสาดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่และต้องโทรศัพท์มาหาภาคินเมื่อเห็นรูปห้องพักที่พลอยลลินณ์ส่งให้
“มัดหมี่เธอชอบประเทศนี้เป็นพิเศษนะครับ”
“เหรอคะน่าเสียดายนะคะที่ครั้งนี้เราไปกันสองคน เอาไว้ครั้งหน้าเราชวนมัดหมี่กับแฟนไปเที่ยวด้วยดีไหมคะ”
“ครับ” เขาแค่รับคำสั้นๆ ชายหนุ่มไม่อยากให้วาริสารู้ว่าตอนนี้พลอยลลินณ์เลิกกับแฟนแล้วเพราะครั้งหนึ่งวาริสาเคยหึงเขากับเลขาจนเกือบจะมีเรื่อง
แต่โชคยังดีที่วันนั้นแฟนของพลอยลลินณ์มารับที่บริษัทพอดีวาริสาเลยไม่หึงเขากับเลขาอีก
“คุณจัดกระเป๋าหรือยังคะให้ว่านช่วยจัดให้ไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกว่าน ผมไม่เอาอะไรไปมากแล้วว่านล่ะเตรียมชุดสวยๆ ไปถ่ายรูปหรือยัง”
“เรียบร้อยแล้วค่ะว่าเตรียมทั้งชุดสวยๆ ไปใส่ถ่ายรูปแล้วก็เตรียมชุดนอนไม่ได้นอนด้วยสำหรับคุณด้วยนะคะ” หญิงสาวพูดอย่างยั่วยวนเพราะนานแล้วที่เธอกับเขาไม่ได้ทำกิจกรรมบนเตียงด้วยกัน
“อือ ผมชักอยากเห็นแล้วสิ” เขาพูดเอาใจเพราะอย่างน้อยเธอคนนี้ก็รู้ใจเขาเวลาอยู่บนเตียงมากที่สุด
“รับรองว่าคุณเห็นแล้วจะต้องชอบค่ะ”
“ผมก็คิดว่าอย่างนั้น ว่าแต่ตอนนี้ดึกแล้วว่านมีอะไรอีกหรือเปล่าพอดีผมต้องทำงานต่ออีกหน่อย”
“ไม่มีค่ะวันแค่จะโทรมาเตือนให้คุณจัดของค่ะ ว่านรักคุณนะคะ วันมะรืนเจอกันค่ะ”
ภาคินลืมไปเสียสนิทว่าตนเองยังไม่ได้จัดกระเป๋า ชายหนุ่มจึงพับแฟ้มเอกสารในมือแล้วเดินไปยังตู้เสื้อผ้าจากนั้นหยิบชุดที่คิดว่าเหมาะสมกับสภาพอากาศของญี่ปุ่นมากองรวมกันเพื่อบอกให้แม่บ้านมาจัดลงกระเป๋าพรุ่งนี้เช้า
ขณะที่เขากำลังจะล้มตัวลงนอนโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“สวัสดีค่ะบอส”
“มีอะไรหรือเปล่ามัดหมี่ทำไมโทรมาดึกล่ะ”
“คือเมื่อกี้พี่รปภ.ที่โครงการบ้านจัดสรรโทรมาบอกว่าโครงการบ้านจัดสรรตรงชานเมืองมีปัญหานิดหน่อยค่ะบอส”
“ปัญหายังไงแล้วทำไมคนที่โทรมาถึงเป็นรปภ.ล่ะ”
“เรื่องมันเกิดตั้งแต่ตอนกลางวันแล้วค่ะ แต่หัวหน้าโครงการไม่ให้บอกใคร แต่รปภ.เขากลัวว่าจะมีปัญหาตามมาทีหลัง พอดีแกมีเบอร์ของมัดหมี่เลยแอบโทรบอก เขาว่าพื้นกระเบื้องที่ปูไว้มันระเบิดออกเป็นแนวยาวเลยค่ะ”
“เป็นแบบนั้นทุกหลังไหม”
“ไม่ค่ะเป็นเฉพาะหลังที่แถวอยู่ริมสี่หลังค่ะ”
“พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปดูคุณไปด้วยกันนะ ผมจะไปรับที่คอนโด”
“บอสจะไปเองเลยเหรอคะ งานนี้คุณสุวิจักขณ์เป็นครับผิดชอบนะคะ”
“ผมว่าไปเองดีกว่า ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ ตั้งแต่เรื่องที่ดินแล้ว เราออกแต่เช้าเลยนะ”
“ได้ค่ะ แล้วมัดหมี่ต้องเตรียมข้อมูลอะไรไปไหมคะ”
“คุณดึงข้อมูลสเปกวัสดุต่างๆ ที่หัวหน้าวิศวกรเสนอแล้วก็ภาพตัวอย่างด้วยนะผมอยากรู้ว่าของที่เอามาใช้ผิดสเปกบ้างหรือเปล่า”
“ได้ค่ะบอส”
“ทำคนเดียวไหวไหม”
“ไหวค่ะแค่นี้สบายมาก พรุ่งนี้เจอกันนะคะ บอสอย่านอนดึกนะคะพรุ่งนี้เราต้องรีบเคลียร์ทุกอย่างให้เสร็จ”
เมื่อเลขาสาววางสายไปแล้วภาคินก็นึกเปรียบเทียบผู้หญิงทั้งสามคนที่โทรหาเขา คุณแรกโทรมาเป็นห่วงและคุยเรื่องของตัวเอง คนที่สองโทรมาเพื่อเตือนให้เขาไปเที่ยว ส่วนคนที่สามแม้จะดึกดื่นแค่ไหนเธอก็ยังโทรมาคุยเรื่องงานและไม่ลืมที่จะบอกให้เขาพักผ่อน
ถ้าจะให้เลือกผู้หญิงทั้งสามคนนี้มาเป็นคู่ชีวิตคนที่มีคะแนนนำที่สุดก็น่าจะเป็นพลอยลลินณ์ ภาคินนึกแปลกใจที่จู่ๆ ตนเองก็นำเลขาสาวมาเปรียบเทียบกับผู้หญิงของเขา
แต่เมื่อคิดว่ามันไม่มีอะไรเสียหายเพราะพลอยลลินณ์ก็เลิกกับแฟนแล้วเขาก็ยิ้มออก บางทีผู้หญิงที่จะเหมาะสมอยู่เคียงข้างเขาอาจจะเป็นเลขาที่ทำงานกับเขามานานถึงสามปีอย่างพลอยลลินณ์ก็เป็นได้
งานแต่งงานของพลอยลลินณ์และภาคินผ่านไปได้ด้วยดีตอนนี้หญิงสาวย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังใหญ่ของภาคินเนื่องจากเรือนหอยังสร้างไม่เสร็จ แต่พลอยลลินณ์ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรเลยเพราะบิดามารดาของเขาก็ดีกับเธอทุกอย่างเธอคิดเคยว่าการแต่งงานกับเขามันคือการแต่งงานเพื่อขัดดอกแต่พอถึงเวลาจริงๆ แล้วมันกลับเต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อนภาคินบอกให้หญิงสาวอย่าคิดมากเรื่องที่เธอเป็นหนี้เขาเพราะชายหนุ่มตั้งใจแล้วว่าจะให้พลอยลลินณ์ขัดดอกไปจนกว่าจะไม่มีลมหายใจ“ไม่มีวิธีไหนที่จะทำให้มัดหมี่ขัดดอกหมดเลยเหรอคะพี่คิน” สรรพนามที่หญิงสาวใช้เรียกชายหนุ่มเปลี่ยนไปหลังจากแต่งงานเพราะขอร้องแหละเธอก็รู้สึกว่าการเรียกแบบนี้มันดูเป็นครอบครัวมากกว่าเรียกว่าบอสอย่างเคย“ไม่มีทางหรอกยังไงมัดหมี่ก็ต้องอยู่กับพี่แบบนี้ไปตลอด”“แล้วถ้าสมมุติว่าวันหนึ่งมัดหมี่ถูกล็อตเตอร์รี่แล้วเอาเงินมาใช้หนี้พี่คินได้หมดล่ะคะ”“เงินที่เอามาใช้กับเงินที่เอาไปมันคนละส่วนกัน”“พี่คินขี้โกงแบบนี้มัดหมี่ฟ้องเอาได้นะคะ”“จะไปฟ้องที่ไหนล่ะ เราเป็นสามีภรรยากันแบบนี้พี่ว่าศาลก็ต้องยกฟ้อง”“แบบนี้มัดหมี่คงต้องขัดดอกไ
เมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วภาคินและพลอยลลินณ์ก็ไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็นและเสื้อผ้าอีกคนละนิดหน่อยจากนั้นก็เข้าพักที่วิลลาที่แห่งหนึ่ง ก่อนที่จะพากันออกไปไหว้พระและนั่งชมวิวทะเลระหว่างทานอาหารที่ร้านริมทะเล “มัดหมี่เป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงเงียบไป” “เปล่าค่ะ มัดหมี่แค่คิดอะไรเพลินๆ” “ยังคิดมากเรื่องเมื่อวานอีกเหรอ” “ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอกค่ะ มัดหมี่แค่กำลังคิดว่าเรามากินข้าวร้านนี้หลายครั้งแล้วแต่ไม่เคยได้นั่งมองทะเลแบบนี้เลย” “นั่นสินะ แต่ก่อนเราสองคนแต่ทำงานจนลืมมองสิ่งรอบตัวว่ามันสวยงามมากแค่ไหน แล้วมัดหมี่ชอบที่นี่ไหม” “ชอบค่ะ” พลอยลลินณ์ชอบทะเลมากแต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้นั่งมองแบบนี้บ่อยนัก “เราไปเที่ยวมัลดีฟส์กันดีไหม” “มัดหมี่ก็อยากไปนะคะ แต่ตอนนี้ตารางงานของบอสแน่นมากจนถึงวันแต่งงานเลยค่ะ” “เราไปฮันนีมูนที่มัลดีฟส์กันไหมส่วนญี่ปุ่นก็ค่อยไปช่วงที่หิมะตก” เดิมทีทั้งสองคนวางแผนกันเอาไว้แล้วว่าจะไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแต่พอเขารู้ว่าพลอยลลินณ์ชอบทะเลก็เลยลองถามเธอดูเผื่อว่าหญิงสาวจะเปลี
ภาคินขับรถไปส่งเพื่อนที่ผับแห่งหนึ่งจากนั้นเขารีบมาที่โรงพยาบาลซึ่งตอนนี้พลอยลลินณ์ยังนอนหลับอยู่บนเตียง “ขอบคุณมากครับคุณพยาบาล” ภาคินกล่าวขอบคุณพยาบาลที่อยู่เป็นเพื่อนพลอยลลินณ์ขณะที่เขาออกไปจัดการกับคนที่ทำร้ายเธอ “ไม่เป็นไรค่ะเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้วล่ะค่ะ เดี๋ยวฉันจะออกไปรอข้างนอกถ้าคนไข้ตื่นหรือคุณต้องการความช่วยเหลือก็กดปุ่มฉุกเฉินตรงนี้นะคะ”“ได้ครับขอบคุณครับ”เมื่อพยาบาลเดินออกจากห้องไปแล้วภาคินก็ขยับเก้าอี้มานั่งข้างๆ พลอยลลินณ์“มัดหมี่ผมขอโทษนะ ถ้าวันนี้ผมอยู่กับคุณเรื่องก็คงไม่เกิด”เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าคุณสุวิจักขณ์ร่วมมือกับวาริสาแล้ววางแผนทำร้ายพลอยลลินณ์แบบนี้ แต่ก็นับว่าโชคดีที่ที่เขาตามมาช่วยได้ทันภาคินรู้ดีว่าสาเหตุมันน่าจะมาจากที่เขาและพลอยลลินณ์จับได้ว่าคุณสุวิจักขณ์ลักลอบเปลี่ยนสเปกสินค้าและต้องหาเงินมาชดใช้บริษัทหลายล้าน แต่ภาคินไม่คิดเลยว่าวาริสาจะร่วมมือกับเขาด้วยชายหนุ่มจับมือหญิงสาวแน่นและสัญญากับตัวเองว่าจากนี้จะไม่ยอมปล่อยให้พลอยลลินณ์คลาดสายตาอีกเป็นอันขาด เขารู้แล้วว่าตัวเองรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน รักจนยอมแลกได้ทุกอย่า
ขับรถมาได้สักระยะภาคินก็ได้รับสายจากตำรวจท้องที่ซึ่งแจ้งว่าตอนนี้พวกเขามารออยู่บ้านพักของคุณสุวิจักขณ์แล้วแต่รถตู้สีดำที่ชายหนุ่มแจ้งยังมาไม่ถึงเมื่อได้ยินแบบนั้นภาคินก็อุ่นใจขึ้นแต่เขาก็ยังรีบร้อนที่จะไปที่นั่นอยู่ดี ระยะเวลาชั่วโมงกว่าบนรถเป็นช่วงเวลาที่อึดอัดและทรมานใจเป็นอย่างมากภาคินไม่รู้เลยว่าพลอยลลินณ์จะเป็นยังไงบ้างและคนร้ายจะพาเธอไปยังบ้านพักที่ตามตนเองคิดไว้หรือเปล่าแต่เท่าที่เคยรู้มาคุณสุวิจักขณ์มีบ้านพักอยู่ที่หัวหินเพียงแค่หลังเดียวเท่านั้นเมื่อไปถึงบ้านพักของคุณสุวิจักขณ์ภาคินก็ต้องแปลกใจเพราะรถของคนร้ายน่าจะมาถึงที่นี่แล้วแต่ทั้งบ้านกับว่างเปล่ามีเพียงรถของตำรวจที่จอดซุ่มอยู่ไกลๆ เท่านั้น“คุณภาคินใช่ไหมครับ” ตำรวจรายหนึ่งเดินมาถามเมื่อเห็นเขาจอดรถลงที่หน้าบ้าน“ใช่ครับคุณตำรวจ นี่พวกมันยังมาไม่ถึงอีกเหรอ”“ผมว่าไม่น่าจะใช่ที่นี่แล้วนะ คุณลองดูพิกัดในมือถืออีกทีสิ”ภาคินรีบร้อนและคิดว่าจะต้องเป็นบ้านหลังนี้เขาจึงลืมเรื่องพิกัดมือถือไปจนสนิท และตอนนี้พิกัดหายไปแล้วแต่จุดสุดท้ายที่จับสัญญาณได้ก็ไม่ห่างจากที่นี่เท่าไหร่“สัญญาณหายไปแล้วหรือพวกมันจะรู้แล้วว่าพ
“แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีล่ะปราง” น้ำฝนถามหลังจากที่ได้ฟังมะปรางเล่าเรื่องของพลอยลลินณ์“นั่นสิฝน นิวว่าเราไปขอดูกล้องจากร้านดีไหม”“หรือเราจะแจ้งตำรวจ” เพื่อนอีกคนก็เสนอขึ้น“ปรางสับสนไปหมดแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงก่อนดี”“แต่เราว่าต้องบอกแฟนของมัดหมี่ก่อนดีไหม มีใครในนี้ติดต่อแฟนของมันมีบ้างได้ไหมเราต้องบอกเขาให้รู้เรื่อง”“เดี๋ยวปรางจะไปขอดูกล้องวงจรปิดนะ คนที่เหลือลองหาทางติดต่อคุณภาคินดูนะ เขาเป็นคนมีชื่อเสียงแบบนั้นน่าจะติดต่อได้ไม่ยาก”“เดี๋ยวนิวจะลองถามเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานเป็นเลขาผู้บริหารดูเผื่อเขาจะมีคอนแทคของคุณภาคินบ้างมะปรางรีบไปดูกล้องวงจรปิดเถอะ” นิวรีบบอกจากนั้นตัวเองก็พยายามติดต่อกับเพื่อนอีกคนที่ทำงานเป็นเลขาเหมือนกับพลอยลลินณ์มะปรางกับน้ำฝนไปขอทางร้านดูกล้องวงจรแต่โดยให้เหตุผลที่ว่าเพื่อนของเธอถูกจับตัวไป ทางร้านก็รีบอำนวยความสะดวกเพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแล้วทางร้านจะมีความผิดไปด้วยภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นชัดว่าพลอยลลินณ์เดินไปกับวาริสาและเธอก็ขึ้นไปบนรถตู้จากนั้นวาริสาก็ปิดประตูรถก่อนที่รถจะถูกขับออกไปจากบริเวณลานจอดรถ มะปรางถ่ายรูปทะเบียนรถพร้อมทั้งข
ภาคินและพลอยลลินณ์กลับมาถึงเมืองไทยได้หนึ่งสัปดาห์แล้ว ทั้งสองคนยังทำตัวเป็นเจ้านายและลูกน้องที่ดีเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นแต่พอได้อยู่กันตามลำพังแล้วภาคินก็จะกลายร่างเป็นผู้ชายอบอุ่นขณะที่พลอยลลินณ์ก็จะกลายเป็นคนช่างอ้อน “อีกตั้งสองเดือนเลยนะมัดหมี่ที่เราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมว่าเราไม่ต้องรอฤกษ์ดีไหม” ภาคินบ่นหลังจากที่มารดาของเขาเป็นคนไปหาฤกษ์แต่งงานมาให้ “มัดหมี่ว่าเร็วไปด้วยซ้ำนะคะ เรายังไม่รู้จักกันดีเลย” “เรารู้จักกันมาสามปีกว่าแล้วนะมัดหมี่ ผมว่าเวลามันนานมาก” “บอสจะนับตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันไม่ได้นะคะ เราต้องนับวันที่เราตกลงคบกันสิคะถึงจะถูก” “ก็ผมจะนับแบบนี้” “เฮ้อ...มัดหมี่อยากให้ลูกน้องในบริษัทเห็นบอสเวลาที่งอแงเป็นเด็กแบบนี้จัง” “อยู่ต่อหน้าลูกน้องผมต้องวางมาดกันหน่อยสิ แต่เวลาอยู่กับมัดหมี่ผมเป็นตัวของตัวเองมากที่สุด” ภาคินพูดขณะที่กอดเธอไว้อย่างหลวมๆ แล้วเกยปลายคงบนไหล่มน “แล้วจะกอดแบบนี้อีกนานไหมคะ” “ก็กอดจนกว่าจะหมดเวลาพัก” ตั้งแต่ประกาศเรื่องแต่งงานออกไปเวลาทานอาหารกลางวันพล