เอริคยกปืนขึ้นจ่อหัวของเฟยด้วยความโกรธจัด แต่ร่างกายที่เริ่มอ่อนแรงเพราะฤทธิ์ยา เลยถูกอีกฝ่ายแย่งปืนในมือไปได้แบบง่ายดาย เฟยจับมือทั้งสองข้างของเอริคชูขึ้นสูงติดกับผนังลิฟท์ ลำตัวแนบชิดกับอีกฝ่ายเอาไว้
“ไอ้เวร!...กูจะ ฆ่ามึง” เอริคตะโกนขู่ใส่หน้าเฟยด้วยความโมโหและเจ็บใจ ทำไมเขาต้องลงเป็นรองไอ้จีนบ้านี่ทุกครั้งเลยนะ
“เอากระบอกปืนจ่อหัวผัวตัวเองแบบนี้ ไม่น่ารักเลยนะครับคุณเอริค” เฟยกระตุกยิ้มร้ายขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ เอ่ยพูดหยอกอีกฝ่ายออกไป หึหึ คิดว่าในมือมีปืนแล้วเขาจะกลัวหรือไง
ในอดีตเฟยถูกฝึกให้ใช้ปืน และแย่งปืนจากคู่ต่อสู้ มาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เพราะฉะนั้นถ้าอยู่หนึ่งต่อหนึ่งเขาไม่กลัวอยู่แล้ว แถมอีกฝ่ายยังอยู่ในสภาพไม่เต็มร้อยแบบนี้ เฟยไม่มีทางแพ้อย่างแน่นอน
“โธ่โว้ย! ปล่อยกูเดี๋ยวนี้นะไอ้เฟย กูบอกให้ปล่อยไงวะ” เอริคร้องโวยวายอย่างหัวเสีย
ร่างกายพยายามดิ้นรนขัดขืนไปมาสุดชีวิต แต่มันก็แทบไร้ประโยค เพราะเขาสู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้เลยสักนิด
“จำได้ใช่ไหมครับ...ว่าคนพูดไม่เพราะจะต้องโดนลงโทษยังไง” เฟยก้มกระซิบที่ข้างหูเสียงเบา
ก่อนจะค่อย ๆ ใช้ลิ้นร้อนของตัวเอง ไล่เลียซอกคอของเอริคอย่างช้า ๆ แล้วอ้าปากขบกัดลงไปหนึ่งที เพื่อเป็นการทบทวนความจำของคนชอบพูดไม่เพราะ
“มึง!” เอริคสะดุ้งกับสัมผัสร้อนที่คอ
ร่างกายขนลุกซู่สั่นสะท้านขึ้นมาทันที เมื่อรับรู้ถึงสัมผัสร้อนที่คอของตัวเอง อยู่ ๆ ภาพในคืนที่เขาต้องการจะลืมเลือน มันก็วนเวียนกลับมาชัดขึ้นมาอีกครั้ง ท้องน้อยก็รู้สึกวาบหวิวขึ้นมาแปลก ๆ
“ผมว่าคุณเลิกดิ้นดีกว่านะครับ สภาพของคุณตอนนี้มันเริ่มแย่ลงทุกทีแล้วไม่ใช่เหรอครับ” เฟยจ้องมองใบหน้าแดงก่ำของเอริค ก่อนจะพูดเตรียมออกไป อยู่ในสภาพนี้แล้วยังจะมาอวดเก่งกับเขาอีกนะ
“กู จะ ฆ่า มึง” เอริคถลึงตาดุใส่เฟยด้วยความเคียดแค้น เสียงเย็นยะเยือกพูดขู่ขึ้นอย่างโกรธจัด
“ผมว่าพวกเรามาทบทวนความจำกันหน่อยดีไหมครับ” เฟยไม่สนใจคำขู่ ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้น
ก่อนจะโน้มใบหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้หน้าของเอริค จนริมฝีปากของทั้งคู่แทบจะแตะติดกัน เฟยค่อย ๆ ขยับริมฝีปากบางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง สายตาหื่นกระหายมองลึกเข้าไปในดวงตาคมของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
“ฝัน ไป เถอะ” เอริคปฏิเสธกลับเสียงสั่น เขาไม่มีวันกลับไปทำเรื่องบ้า ๆ แบบนั้นอีกแน่นอน
“หึหึ คิดดี ๆ ก่อนจะพูดดีกว่านะครับ เพราะถ้าปล่อยไว้แบบนี้ คุณอาจจะตายก่อนผมก็ได้นะครับ” เฟยพูดเตือนสติเอริคอีกครั้ง เพื่อให้คนหัวดื้อยอมอ่อนให้ตัวเองสักที
“...” เอริคเบือนหน้าหนีไปด้านข้างอย่างดื้อรั้น พยายามรวบรวมสติอันน้อยนิดของตัวเอง เพื่อจะได้คิดหาทางออกของเรื่องนี้
“อีกอย่างผมว่าบนเรือลำนี้ ก็น่าจะมีแต่ผมนะครับ ที่จะช่วยคุณได้ จริงไหมครับ” เฟยเห็นเอริคทำเป็นไม่สนใจตัวเอง ก็พูดเสริมขึ้นอีก
บนเรือลำนี้ถึงจะมีคนอยู่มากมาย ทั้งเพื่อนทั้งลูกน้องคนสนิท
...แต่แล้วยังไง ในเมื่อเรื่องที่เจ้าของคาสิโนพลาด โดนบาร์เทนเดอร์ข่มขืน แล้วรอบนี้ก็ยังพลาดถูกวางยาอีก มีแต่เขาที่เป็นคนทำกับเอริคที่เป็นฝ่ายถูกกระทำเท่านั้นที่รู้ เฟยมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเอริคไม่มีวันไปร้องขอให้คนอื่นช่วยแน่ ๆ เพราะฉะนั้นยังไงสุดท้าย คืนนี้เอริคก็ต้องยอมให้เขาช่วยอย่างแน่นอน
“ไอ้หื่น!! ไอ้ชั่ว!” เอริคด่าออกมาเสียงดังอย่างเจ็บใจ เพราะในใจลึก ๆ เขารู้ดี ว่าที่เฟยพูดมานั้นถูกทุกอย่าง เวลานี้นอกจากเฟย ก็คงจะไม่มีใครช่วยเขาได้อีกแล้ว
...แต่เอริคไม่อยากยอมรับเรื่องนี้เลย เขาไม่อยากกลับไปอยู่สภาพนั้นอีกแล้ว ทำไมเรื่องพวกนี้จะต้องมาเกิดขึ้นกับเขาด้วยนะ...
“ขอบคุณครับ ที่ชม” เฟยยิ้มรับคำชมอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ไอ้...อื้อออ”
เอริคที่กำลังจะอ้าปากตะโกนด่าคนตรงหน้าต่อ ก็ต้องกลืนคำพวกนั้นกลับลงท้อง เมื่ออยู่ ๆ ริมฝีปากบางของเฟยประกบปิดริมฝีปากของเอริคลงมาแบบไม่ให้ได้ตั้งตัวซะก่อน
พอได้เห็นริมฝีปากของเอริคขยับไปมาอยู่ตรงหน้า เฟยก็อดใจไม่ไหว กดจูบปิดเสียงด่าทอไปด้วยความมันเขี้ยว เขาอยากจูบริมฝีปากนี้อีกครั้ง ตั้งแต่ตอนอยู่ที่บาร์แล้ว เฟยพยายามอดกลั้นมันมาตลอด แล้วในที่สุดเขาก็ได้สมหวังสักที
เอริคถูกเฟยบดจูบริมฝีปากอย่างรุนแรงอยู่พักใหญ่ จนร่างกายอ่อนระทวยไปหมด จากตอนแรกที่พยายามดิ้นขัดขืน ก็ค่อย ๆ แปลงเปลี่ยนเป็นรับจูบของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว ร่างกายที่ถูกยาปลุกอารมณ์อยู่แล้ว มันก็ยิ่งตอบสนองความต้องการของอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย ทำให้เอริครู้สึกหงุดหงิดกับร่างกายของตัวเองตอนนี้มาก
“แต่ถ้าคุณคิดว่ามีคนอื่นที่ช่วยคุณได้ งั้นก็จัดการฆ่าผมตอนนี้ได้เลยครับ”
พอกดจูบอีกฝ่ายจนสมใจอยาก เฟยก็ถอนริมฝีปากออกอย่างช้า ๆ แล้วพูดท้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเอริคไม่มีทีท่าจะยอมเขาสักที
“อย่ามาท้าทายกูนะ ไอ้เฟย” เอริคพูดว่าเฟยกลับเสียงดัง เมื่อถูกคนตรงหน้าพูดท้า มันคิดว่าเขาไม่กล้าทำจริง ๆ หรือไง
เอริคจ้องหน้าเฟยอย่างเดือดดาล เขาอยากฆ่ามันให้ตายคามือซะตอนนี้เลยด้วยซ้ำ
...แต่มันติดที่เวลานี้อาการของเอริค ดูแย่ลงจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้ว เพราะเมื่อครู่พอถูกเฟยจูบ ร่างกายของเขามันก็ยิ่งร้อนขึ้นเรื่อย ๆ และรู้สึกต้องการให้อีกฝ่ายทำมากกว่านี้ เอริคไม่รู้จะทำยังไงกับร่างกายของตัวเองแล้ว
“ผมไม่ได้ท้า ผมพูดจริง” เฟยพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะยัดปืนใส่มือของเอริคคืนไป เพื่อให้รู้ว่าเขาพูดจริง
เอริคจับปืนแน่นแล้วยกขึ้นจ่อที่หัวของเฟย หวังจะฆ่าตามที่ถูกท้าแต่อยู่ ๆ ในหัวของเขามันกลับตีกันไปหมด เขาจะฆ่าไอ้จีนหื่นตรงนี้เพื่อระบายความโกรธของตัวเองเลยดีไหม หรือว่าจะทำตามที่มันบอกดี เพราะร่างกายของเขาตอนนี้ มันก็เริ่มจะทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน โธ่โว้ย!! เอางั้นดีวะ
เอริคยืนกัดฟันกรอดนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะลดปืนลงแล้วหันไปกดลิฟท์ ให้ขึ้นไปที่ชั้นของตัวเองแทน ตอนนี้เรื่องสำคัญสุด คือทำให้ยาบ้านี่มันหมดฤทธิ์ก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยจัดการไอ้จีนหื่นอีกทีก็ยังไม่สาย
“ยาหมดฤทธิ์เมื่อไหร่ ตอนนั้นคือเวลาตายของมึง จำเอาไว้” เอริคพูดขู่ทิ้งท้าย
“ครับบบ...ได้ตายคาอกของคุณ ผมก็นอนตายตาหลับแล้วครับ” เฟยพูดตอบกลับพร้อมรอยยิ้มระรื่น หึหึ ในที่สุดก็สำเร็จ
...อนาคตจะเป็นหรือตายเขาไม่รู้ แต่ตอนนี้ขอเขากินให้อิ่มก่อนก็แล้วกัน...
ห้องพักหรู
แสงจันทร์อ่อน ๆ ลอดผ่านผ้าม่านหน้าต่าง สาดส่องลงบนพื้นห้อง บวกกับแสงจากโคมไฟหัวเตียง ทำให้เห็นเงาของคนสองคนกำลังโยนขยับอยู่บนผนังห้องไปมาอย่างชัดเจน พอเข้ามาถึงห้องนอนได้ เฟยกับเอริคก็ไม่รอช้า พากันบรรเลงบทรักที่เร่งร้อนกันทันที เอริคที่ถูกฤทธิ์ยาควบคุมสติไปเกือบหมด รอบนี้เลยยอมเฟยอย่างว่าง่าย บวกกับที่ตัวเองไม่ได้ปลดปล่อยมาหลายเดือน ร่างกายของเขาเลยตอบสนองอีกฝ่ายดีกว่าปกติ
ตับ! ตับ! ตับ!!
“อื้ออ..อ๊าาส์”
เสียงเนื้อกระทบเนื้อประสานกับเสียงร้องควรญครางของทั้งคู่ ดังก้องไปทั่วห้อง ร่างกายของทั้งสองเปียกชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อ เวลาได้ผ่านไปหลายชั่วโมง แต่เอริคกับเฟยก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกันเลยสักนิด
“อ่าาส์...ตอดแน่นเหมือนเดิมเลยนะครับ” น้ำเสียงแหบพร่าพูดกระซิบหยอกดังอยู่ที่ข้างหู ของอีกฝ่ายอย่างถูกใจ
เฟยรอเวลาที่จะได้สอดกระแทกรูรักนี้มานานหลายเดือนแล้ว หลังจากที่เขามีอะไรกับเอริคในครั้งนั้น เฟยก็รู้สึกหลงใหลและติดใจร่างกายนี้มาก เขาพยายามลองหลับนอนกับคนอื่นอยู่หลายครั้ง แต่อารมณ์มันก็ไม่สุดเหมือนตอนที่ทำกับเอริคเลยสักคน
“อ๊าาส์...มีแรงแค่นี้เหรอวะ” เอริคพูดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เมื่ออารมณ์ของเอริคพลุ่งพล่านเพราะฤทธิ์ยา เวลานี้เขารู้แค่อย่างเดียว คือต้องการให้เฟยสอดกระแทกแท่งเนื้อเข้ามาแรง ๆ เพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากความทรมานสักที
“พรุ่งนี้ตื่นมาแล้วเดินไม่ไหว อย่ามาโทษผมนะครับ” เฟยกระตุกยิ้มร้ายขึ้นอย่างถูกใจ เมื่อได้ยินคำร้องขอออกจากปากของคนใต้ร่าง
“เรื่อง ขอ..งกูอื้อออ...จุกกก อ๊ะ อ่าา อ่าาส์” เอริคกำลังจะพูดว่าเฟยอยู่ ก็ต้องเปลี่ยนเป็นเสียงร้องครางขึ้นมาแทน เมื่อคนด้านบนกระแทกแท่งเนื้อร้อนเข้ามาจนสุดตามคำขอ
“จัดให้ตามคำขอครับ”
เฟยพูดจบก็จับขาข้างหนึ่งของเอริคพาดขึ้นบนบ่า แล้วโน้มตัวแนบชิดคนด้านล่าง แล้วเริ่มกระหน่ำกระแทกใส่ร่องรักรัว ๆ อย่างบ้าคลั่ง สายตาก็มองจ้องใบหน้าสีแดงก่ำ ส่ายไปมาเพราะความเสียวซ่านที่ตัวเองมอบให้ไปด้วย
เฟยรู้สึกลุ่มหลงภาพตรงหน้าตอนนี้เหลือเกิน เพราะมันทำให้เขายิ่งอยากจะกัดกินเอริคมากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ และอยู่ ๆ เขาก็มีความคิดเห็นแก่ตัวผุดเข้ามาในหัว เฟยอยากเก็บภาพตรงหน้าตอนนี้ เอาไว้ดูเพียงคนเดียว ไม่ให้ใครได้เห็นมันอีกแม้แต่คนเดียว
ร้านอาหารจีนร้านอาหารจีนชื่อดังกลางใจเมือง ที่ถูกตกแต่งเต็มไปด้วยสีแดงอย่างหรูหราสะดุดตา เป็นเสมือนศูนย์รวมผู้คนที่มีเชื้อสายจีน หรือบางคนที่รู้สึกเบื่ออาหารรสชาติจัดจ้าน ก็หันมานั่งกินเปลี่ยนรสชาติและบรรยากาศกัน โต๊ะอาหารมุมหนึ่งของร้านมีหนุ่มจีนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว นั่งอยู่เพียงลำพัง บนโต๊ะมีแก้วน้ำเปล่าวางอยู่ข้าง ๆ นาฬิกาข้อมือเรือนหรูถูกยกขึ้นมาดูหลายครั้งติดต่อกัน ใบหน้าขาวซีดหันมองทางเข้าร้านเป็นระยะราวกับว่าเขากำลังนั่งรอใครบางคนอยู่และแล้วใบหน้าขาวซีดของหนุ่มจีนก็ค่อย ๆ ฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นคนที่ตัวเองรอคอยมานาน กำลังก้าวเดินเข้ามาในร้าน แต่รอยยิ้มก็อยู่บนใบหน้าของหนุ่มจีนได้เพียงครู่เดียว ก็ต้องละลายหายไปในที่สุด เมื่อสายตาของเขามองเห็นว่าคนที่ตัวเองกำลังนั่งรออยู่นั้น ไม่ได้เดินมาเพียงคนเดียวอย่างที่เขาคิดไว้“อ้าวเฟยมาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ” ชุนหนุ่มจีนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันไปเอ่ยทักทายอดีตบอดี้การ์ดหนุ่ม ของตัวเองออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ครับ” เสียงนุ่มทุ้มตอบ
ท้องทะเลสีคราม หาดทรายสีขาวสะอาดตา สายลมทะเลพัดเอื่อย ๆ พาเอาความสดชื่นเข้ามาปะทะใบหน้า บวกกับเสียงคลื่นกระทบเข้าฝั่ง ที่ไพเราะราวกับบทเพลงกล่อมให้ชวนหลับ ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลังจากจบศึกระลึกความหลังที่ยาวนานติดต่อกันเกือบสามวัน ในที่สุดเฟยก็ยอมปล่อยให้เอริค ได้พักผ่อนแบบจริงจังตามที่หวังเอริคนั่งจ้องมองวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา เบื้องหน้าอย่างเคลิบเคลิ้มและหลงใหล นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขามัวแต่หมกมุ่นทำแต่งาน จนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อนจริง ๆ จัง ๆ แบบนี้ เอริคนั่งคิดย้อนอดีตถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเอง ถ้าคืนนั้นเขาไม่ได้เจอกับเฟย เวลานี้ชีวิตของเขาจะเป็นยังไง มันจะดีขึ้นหรือจะแย่ลงกันนะเอริคที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดอยู่นั้น ก็ต้องถูกเสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรูตัวเอง ปลุกให้ตื่นกลับมาสู่โลกแห่งความจริง เอริคหันมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าชื่อที่ขึ้นโชว์อยู่นั้นเป็นเบอร์ของเซ็นลูกน้องของตัวเองครืน ครืน ครืน!!“อืม มีอะไร&rd
รีสอร์ตติดทะเลสุดหรูรีสอร์ตสุดหรูที่เป็นห้องพักติดทะเล มีดีไซน์สวยงามทุกมุมเหมาะสมกับคู่รักที่พากันมาสวีท เพื่อเพิ่มความหวานให้แก่กันเป็นอย่างมาก ส่วนด้านหลังก็สามารถนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน สุดแสนโรแมนติกได้แบบใกล้ชิดหาดทรายสีขาวท้องทะเลสีคราม กับท้องฟ้าสีสดใสไร้เมฆ มองไปสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้ผ่อนคลาย รู้สึกมีความสุขและจิตใจสงบอย่างบอกไม่ถูกแต่!!สองหนุ่มในห้องนอนรีสอร์ตสุดหรูห้องหนึ่ง ตอนนี้กับอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุด ๆ“คุณเอริคจะอยู่ท่านั่นอีกนานไหมครับ”“หนวกหู ขอทำใจหน่อยไม่ได้หรือไง”เสียงพูดของสองหนุ่มโต้เถียงกันดังอยู่บนที่นอน คนหนึ่งนั่งหลังพิงหัวเตียง ส่วนอีกคนก็กำลังนั่งคร่อมอยู่บนตัก ร่างกายของทั้งคู่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าสวมใส่หลังจากที่พูดเคลียร์เรื่องของเรนจบลงในคืนนั้น เอริคกลัวว่าเด็กหนุ่มยังจะมาวุ่นวายกับคนของตัวเองไม่เลิกอีก เขาเลยลากเฟยหนีออกมาเที่ยวไกลกันสองคน และถือโอกาสมาเปลี่ยนบรรยากาศ มานั่งรับลมทะเล ดื่มด่ำกับธรรมชาติ
“ฮัลโหล”(เฮียเฟย)“เรน!”พอโทรศัพท์เครื่องหรูถูกกดรับ เสียงที่คุ้นเคยจากปลายสาย ก็ร้องเรียกชื่อเจ้าของโทรศัพท์ดังลอดออกมาเฟยที่ได้ยินน้ำเสียงหวานหยดย้อยนั้นเรียกชื่อตัวเอง ก็รู้ได้ทันทีว่าใครกำลังอยู่ในสาย เลยพูดชื่อของอีกฝ่ายออกไปด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าคนในสายจะมีเบอร์ติดต่อของตัวเองด้วยตั้งแต่ที่เฟยเลิกเป็นบอดี้การ์ด เขาก็ได้ตัดสินใจทิ้งอดีตไว้ด้านหลัง รวมถึงได้เปลี่ยนเบอร์ติดต่อทุกอย่างด้วย เพื่อที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เบอร์โทรที่เฟยใช้อยู่ตอนนี้เลยมีแต่เพื่อนสนิท กับเพื่อนที่เป็นบาร์เทนเดอร์ด้วยกันเท่านั้นที่รู้ พอเฟยได้ยินเสียงของเรนในสายเลยตกใจมาก เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะรู้เบอร์ของตัวเองได้(เรนไม่สบาย เฮียมาหาเรนหน่อยได้ไหม เรนลุกไม่ไหว) เสียงแหบแห้งราวกับคนไร้เรี่ยวแรง ดังลอดออกมาจากปลายสายอีกครั้งเรนที่ยังไม่ยอมตัดใจเรื่องของเฟยง่าย ๆ เลยโทรมาเพื่อเรียกร้องความสงสารจากอีกฝ่าย เพราะเขารู้จักนิสัยของอดีตแฟนหนุ่มดี ว่าเป็นคนขี้สงสารและเอ็นดูตัวเองมาก ถ้าเฟยรู้ว่าเขานอนโทรมไม่สบายอยู่บนเตียงค
“โอ๊ย! มันเจ็บนะ”เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อร่างเล็กถูกเหวี่ยงติดผนังอย่างแรง จนล้มพับไปกองอยู่กับพื้น เรนชักสีหน้าไม่พอใจใส่เอริคที่ยืนกอดอกมองตัวเองอยู่อย่างไม่เกร็งกลัว“แค่นี้มันยังน้อยไป ถ้ามึงยังไม่เลิกมาตอแยเมียกูอีก มึงได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่” เอริคยืนกอดอกดูผลงานตัวเองอย่างชอบใจ ก่อนจะพูดขู่ออกไปอีกครั้ง ทำแค่นี้ทำมาเป็นร้องโวยวายสำออยจริง ๆ“อย่ามาโกหกซะให้ยากเลย ผมไม่เชื่อหลอกว่าเฮียเฟยเป็นเมียของคุณจริง ๆ” เรนยันตัวเองลุกขึ้นยืนประจันหน้า แล้วพูดเถียงกลับอย่างไม่ยอมเรนรู้จักนิสัยของเฟยดีว่าเป็นคนยังไง ในอดีตเพราะหน้าตาสวยราวกับผู้หญิง เลยทำให้มีผู้ชายมากมายมาสนใจในตัวของเฟย แต่ไม่ว่าคนพวกนั้นจะเอาเงินหรือของมาให้มากเท่าไหร่ เฟยก็ไม่เคยสนใจและมีความคิดเปลี่ยนมาเป็นรับ เพื่อสนองอารมณ์ของผู้ชายพวกนั้นเลยสักครั้ง แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าเฟยเป็นเมีย ใครมันจะเชื่อลง“แล้วทำไมกูจะต้องโกหกมึงด้วย” เอริคชักสีหน้าใส่คนเถียง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะเชื่อคำพูดของตัวเองเลยสักนิด“คนอย่างเฮียเฟย ให้ตายก็ไม่มีทางจะเปลี่ยนใจมาเป็นรับหลอก” เรนพูดขึ้นอย่างมั่นใจ เขารู้จ
ตุบ!เสียงกำปั้นทุบลงโต๊ะทำงานด้วยความโกรธเกรี้ยว จนคนที่ยืนพูดรายงานอยู่ สะดุ้งตกใจรีบก้าวถอยหนีคนโมโหอย่างงง ๆ แซมไม่เข้าใจว่าเอริคโกรธตัวเองเรื่องอะไร เขาแค่มารายงานตามปกติเองนี่นา“ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวมึงได้เจอดีแน่” เอริคสถบด่าออกอย่างไม่พอใจ กล้ามาหาผู้ชายของเขาถึงที่นี่เลยเหรอ“เออ…” แซมยืนนิ่งค้างทำตัวไม่ถูก เมื่ออยู่ ๆ เจ้านายตัวเองก็แสดงท่าทีฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ“แล้วเฟยล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน” เอริคถามขึ้นเสียงแข็ง เมื่อนึกถึงตัวต้นเหตุของเรื่องขึ้นมาได้“อ๋อ พึ่งเดินลงไปหาเด็กคนนั้นเมื่อกี้เองครับ” แซมตอบกลับไปตรง ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ได้คิดอะไร“ใครบอกมัน”เอริคถามต่ออย่างสงสัย เพราะตามปกติแล้วเฟยจะอยู่แต่ชั้นบน ไม่ห้องพักก็จะมาช่วยงานเขาที่ห้องนี้เท่านั้น เฟยไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีคนมาหา ถ้าไม่มีใครขึ้นมาบอก“ผมบอกเองครับ”แซมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แล้วพูดบอกเอริคออกไปตรง ๆ พร้อมปั้นหน้ายิ้มแป้นรอรับคำชมจากอีกฝ่าย เมื่อคิดว่าตัวเองพึ่งทำเรื่องดี ๆ ไปแต่…สิ่งที่ได้มากับไม่ใช่คำชมเชย แต่กลับเป็นแฟ้มเอกสารเล่มหนา ปามาทางเขาแทน“ไอ้แซม มึงนี่มัน” เอริคตะคอกว่าลูกน้อ