“อะ แฮ่ม!”
เสียงกระแอมดังขึ้นขัดจังหวะ ทำให้ชายหนุ่มสองคนที่กำลังยืนคุยกันอยู่ต้องหยุดชะงัก แล้วหันมาดูต้นเสียงอย่างช่วยไม่ได้ เอริคกับลูกน้องอีกสองคนเดินมาตามทาง ก็เห็นบาร์เทนเดอร์หนุ่มที่เคยปฏิเสธตัวเองกำลังยืนคุยกับสจ๊วตของเรืออยู่ เขาก็เลยแกล้งส่งเสียงขัดจังหวะออกไป หึหึ นี่คงมาหาเหยื่อลากไปกินที่ห้องคืนนี้สินะ
“เออ...ผมขอตัวก่อนนะครับ”
สจ๊วตหนุ่มที่หันมาเห็นเอริคก็ตกใจ เลยรีบก้มหน้าเดินหนีไปด้วยความกลัว เพราะเขารู้ดีว่าเอริคเป็นใครและมีอิทธิพลมากขนาดไหน เลยทิ้งให้เฟยยืนรับหน้ากับทั้งสามคนเพียงลำพัง
“อุ๊ย! นี่ผมมาขัดจังหวะหรือเปล่าครับ คุณเฟย” เอริคยกยิ้มขึ้นอย่างถูกใจ ก่อนจะแสร้งพูดออกไปอย่างรู้สึกผิด เมื่อรู้ตัวว่าเป็นต้นเหตุ ที่ทำให้เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่กับเฟย เดินหนีไปเพราะรู้สึกกลัวตัวเอง
หลังจากที่เอริคถูกเฟยปฏิเสธกลับไปอีกครั้ง เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้หรือตัดใจอะไร แต่มันกับทำให้เขารู้สึกสนใจ และต้องการเฟยมากขึ้น เอริคเลยให้ลูกน้องของตัวเองคอยดูเฟยอยู่ห่าง ๆ เพื่อที่จะรอโอกาสเข้าหาอีกครั้ง
แล้วในที่สุดค่ำคืนขอการรอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อลูกน้องของเขาได้เดินมาบอกว่า เฟยกำลังเดินกลับห้องเพื่อไปพักผ่อน หลังจากที่ทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์ของคืนนี้เสร็จ เอริคที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบพาลูกน้องเดินตามหาเฟย แล้วก็มาบังเอิญเจอภาพบาดตา ที่เฟยกำลังยืนพูดหยอกล้อกับสจ๊วตหน้าใสอยู่พอดี
“ก็นิดหน่อยครับ” เฟยที่อยู่ ๆ ก็ถูกคนเข้ามาขัดจังหวะ ก็หันไปปั้นหน้ายิ้มส่งให้เอริคอย่างช่วยไม่ได้
วันนี้พอเลิกงานเฟยเลยเดินหาเหยื่อที่ตัวเองหมายตาไว้ เพื่อที่จะได้เข้าไปพูดชักชวนหาอะไรสนุก ๆ ทำกัน เพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเฟย เขาเลยไม่จำเป็นที่จะต้องรีบพักผ่อนเหมือนทุกวัน แต่เฟยพึ่งพูดคุยกับสจ๊วตหนุ่มได้ไม่กี่คำ เสียงแห่งความวุ่นวายก็ดังแทรกพวกเขาขึ้นมาซักก่อน
…หลังจากที่เฟยพูดปฏิเสธเอริคไปเมื่อสองคืนก่อน เอริคก็ไม่ได้มากวนหรือส่งลูกน้องมาหาอีก เฟยเลยคิดว่าทุกอย่างมันคงจะจบเพียงเท่านั้น แต่ดูจากที่คืนนี้เอริคมายืนอยู่ตรงหน้าเขาแบบนี้ เฟยคิดว่าตัวเองคงจะคิดน้อยไปสินะ...
เฟยรู้ดีว่าคนตรงหน้าตัวเองมีอิทธิพลมากขนาดไหน เพราะฉะนั้นเวลานี้เขาเลยไม่อยากที่จะมีเรื่องด้วยสักเท่าไหร่ แถมบริเวณรอบ ๆ ที่เขายืนอยู่ตอนนี้ก็ไม่มีคนอื่นเลยด้วย ถึงในใจของเขาจะรู้สึกขุ่นเคืองมากแค่ไหน ตอนนี้ก็คงจะต้องอดทนเก็บไว้ในใจไปก่อนเท่านั้น
“เดี๋ยวก่อนสิ จะรีบไปไหนครับ”
เอริคเห็นว่าเฟยทำท่าเหมือนกำลังจะเดินหนีตัวเองไป เลยรีบเอาตัวเข้าไปขวาง เพื่อให้เฟยอยู่พูดคุยกับตัวเองก่อน หึหึ คิดว่าจะเดินหนีเขาไปได้ง่าย ๆ อย่างงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ
“ผมคิดว่าพวกเราคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก”
เฟยพูดถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ เมื่อคนตรงหน้าทำเหมือนจะตื้อตัวเองไม่เลิก เขาก็บอกไปหลายครั้งแล้วแท้ ๆ ว่าตัวเองเป็นพวกสายรุกไม่ใช่สายรับ ทำไมถึงไม่เข้าใจกันเลยนะ
“ดูนี่ก่อนไหมครับ เผื่อคุณอาจจะรู้สึกอยากเปลี่ยนใจขึ้นมาบ้างก็ได้นะครับ”
เอริคทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดของเฟย เขาก้มหน้าหยิบอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋าตัง แล้วยื่นไปตรงหน้าของเฟย หึหึ รับรองถ้าได้เห็นตัวเลขในนี้แล้ว จะต้องยอมเปลี่ยนใจมาเป็นคู่นอนของเขาอย่างแน่นอน
“อันนี้คือ…?”
ใบหน้าขาวสวยขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ เมื่อเห็นสิ่งที่เอริคยื่นให้ตัวเองแบบชัด ๆ ‘เช็คเงินสด’ ตัวเลขเจ็ดหลักลอยอยู่ตรงหน้าของเฟย
เฟยยืนมองเช็คเงินสดสลับกับหน้าของเอริคอย่างงง ๆ ผู้ชายคนนี้คงไม่ใช่ว่าอยากให้เขานอนด้วยมาก ถึงขั้นใช้เงินเจ็ดหลักมาแลกกับเขาหรอกนะ ถ้าเป็นอย่างที่เฟยคิดละก็ เอริคคนนี้คงจะอาการหนักมากแล้วจริง ๆ
“ค่าตัวคืนนี้ของคุณไงครับ”
เอริคพูดบอกที่มาของเช็คให้เฟยได้รับรู้ ในเมื่อไม่ยอมวันไนท์กับเขาง่าย ๆ งั้นก็ต้องใช้เงินมาเป็นสื่อกลางซะเลย เอริคไม่เชื่อหรอก ว่าคนอยากเฟย พอเห็นเงินหลักล้านลอยอยู่ตรงหน้า แล้วจะไม่รู้สึกลังเลขึ้นมาบ้างเลย
“ค่าตัว!” เฟยทวนคำพูดของเอริคออกไปอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะเขาไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะยอมใช้เงินมากมายขนาดนี้ กับความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวพวกนี้จริง ๆ
“งานบาร์เทนเดอร์ที่นี่มันจะได้เงินสักเท่าไหร่กันเชียว”
“…”
“สู้คุณยอมตามใจผม เงินหลักล้านจะเข้าบัญชีของคุณทันที น่าสนใจกว่ากันเยอะเลยใช่ไหมครับ”
เอริคเห็นเฟยยืนนิ่งไม่ยอมรับเช็คของตัวเองสักที ก็พูดหว่านล้อมต่อไม่หยุด เพื่อให้เฟยได้ลองคิดตามที่ตัวเองเสนอไปอีกครั้ง บอกเลยงานนี้มีแต่ได้กับได้ทั้งนั้น ถ้าคนตรงหน้ายังคิดจะปฏิเสธเขาอยู่อีกก็โง่สุด ๆ แล้ว
“หึหึ…ไม่น่าสนใจครับ ขอตัวก่อนนะครับ”
เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังออกมาจากลำคอบาร์เทนเดอร์หนุ่ม เมื่อถูกอีกฝ่ายพูดและแสดงท่าทางดูหมิ่นตัวเอง เฟยพยายามปรับอารมณ์ให้นิ่ง แล้วพูดปฏิเสธกลับอย่างแทบไม่ต้องคิด เขาไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้น ถึงคนตรงหน้าจะให้เงินมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่มีวันเปลี่ยนความชอบของตัวเองอย่างแน่นอน
พอเฟยพูดจบเขาก็เตรียมตัวจะหันหลัง เดินหนีพวกเอริคไปอีกทาง แต่อยู่ ๆ ลูกน้องที่ตามเอริคมา เหมือนจะรู้ทันความคิดของเขา เลยรีบเดินมาปิดทางด้านหลังของเฟยเอาไว้ ทำให้เฟยตกอยู่กลางวงล้อมของพวกเอริคอย่างช่วยไม่ได้
“แค่คืนเดียวได้เงินมากกว่าคุณยืนเป็นบาร์เทนเดอร์เป็นปีเลยนะ ไม่สนใจจริง ๆ เหรอครับ คุณเฟย”
เอริคฉีกยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะพูดเปรียบเทียบให้เฟยฟังอีกครั้ง พร้อมจับมือข้างหนึ่งของเฟยขึ้นมา แล้วยัดเช็คเงินสดใส่มือไป มาถึงขั้นนี้แล้วเขาไม่ยอมให้เรื่องจบง่าย ๆ เหมือนกับทุกครั้งหรอกนะ ยังงั้นคืนนี้เขาก็จะต้องลากคนตรงหน้าขึ้นเตียงด้วยให้ได้!!
“ไม่สนใจครับ ช่วยหลีกทางให้ผมด้วย”
เฟยพูดปฏิเสธกลับไปเสียงแข็ง โดยไม่มีทีท่าจะสนใจเช็คในมือเลยสักนิด พร้อมกับยัดเช็คเงินสดใส่มือของเอริคกลับคืน คนอยากเขาพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว
...อีกอย่างถ้าเกิดเขาเป็นคนเห็นแก่เงินพวกนี้จริง ๆ ปานนี้เขาคงไปเป็นเมียของผู้ชายคนนั้นนานแล้ว ไม่มาทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่บนเรือแบบนี้หรอก...
ถึงงานบาร์เทนเดอร์จะได้เงินไม่มากเท่าที่เอริคเสนอให้ แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเสียดายเลยสักนิด เห็นเขาเป็นแบบนี้ก็ไม่ได้บ้าเงิน จนยอมทำทุกอย่างที่เสนอมาหรอกนะ
“แต่ผมสนใจคุณมากเลย ทำไงดีละครับ”
เอริคนิ่งไปครู่หนึ่ง เมื่อถูกเฟยพูดเสียงแข็งใส่ ก่อนจะกระตุกยิ้มร้ายออกมา แล้วค่อย ๆ โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้เฟย จากนั้นก็พูดกระซิบความต้องการของตัวเองออกไปด้วยน้ำเสียงยียวน พร้อมกับจับเสื้อสูทของตัวเองเปิดออก เพื่อให้เฟยได้เห็นสิ่งที่อยู่ในเสื้อของตัวเองชัด ๆ ในเมื่อพูดดีด้วยก็แล้ว เสนอเงินก้อนใหญ่ให้ก็แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังเล่นตัวไม่เลิก งั้นก็ต้องใช้วิธีนี้แทนแล้ว หึหึ
…เอริคไม่สนใจอีกแล้วว่าเฟยจะยอมนอนกับตัวเองหรือเปล่า เวลานี้เขารู้แค่ว่าคืนนี้เฟยจะต้องเป็นของเขาเท่านั้น…
ร้านอาหารจีนร้านอาหารจีนชื่อดังกลางใจเมือง ที่ถูกตกแต่งเต็มไปด้วยสีแดงอย่างหรูหราสะดุดตา เป็นเสมือนศูนย์รวมผู้คนที่มีเชื้อสายจีน หรือบางคนที่รู้สึกเบื่ออาหารรสชาติจัดจ้าน ก็หันมานั่งกินเปลี่ยนรสชาติและบรรยากาศกัน โต๊ะอาหารมุมหนึ่งของร้านมีหนุ่มจีนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว นั่งอยู่เพียงลำพัง บนโต๊ะมีแก้วน้ำเปล่าวางอยู่ข้าง ๆ นาฬิกาข้อมือเรือนหรูถูกยกขึ้นมาดูหลายครั้งติดต่อกัน ใบหน้าขาวซีดหันมองทางเข้าร้านเป็นระยะราวกับว่าเขากำลังนั่งรอใครบางคนอยู่และแล้วใบหน้าขาวซีดของหนุ่มจีนก็ค่อย ๆ ฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นคนที่ตัวเองรอคอยมานาน กำลังก้าวเดินเข้ามาในร้าน แต่รอยยิ้มก็อยู่บนใบหน้าของหนุ่มจีนได้เพียงครู่เดียว ก็ต้องละลายหายไปในที่สุด เมื่อสายตาของเขามองเห็นว่าคนที่ตัวเองกำลังนั่งรออยู่นั้น ไม่ได้เดินมาเพียงคนเดียวอย่างที่เขาคิดไว้“อ้าวเฟยมาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ” ชุนหนุ่มจีนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันไปเอ่ยทักทายอดีตบอดี้การ์ดหนุ่ม ของตัวเองออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ครับ” เสียงนุ่มทุ้มตอบ
ท้องทะเลสีคราม หาดทรายสีขาวสะอาดตา สายลมทะเลพัดเอื่อย ๆ พาเอาความสดชื่นเข้ามาปะทะใบหน้า บวกกับเสียงคลื่นกระทบเข้าฝั่ง ที่ไพเราะราวกับบทเพลงกล่อมให้ชวนหลับ ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลังจากจบศึกระลึกความหลังที่ยาวนานติดต่อกันเกือบสามวัน ในที่สุดเฟยก็ยอมปล่อยให้เอริค ได้พักผ่อนแบบจริงจังตามที่หวังเอริคนั่งจ้องมองวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา เบื้องหน้าอย่างเคลิบเคลิ้มและหลงใหล นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขามัวแต่หมกมุ่นทำแต่งาน จนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อนจริง ๆ จัง ๆ แบบนี้ เอริคนั่งคิดย้อนอดีตถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเอง ถ้าคืนนั้นเขาไม่ได้เจอกับเฟย เวลานี้ชีวิตของเขาจะเป็นยังไง มันจะดีขึ้นหรือจะแย่ลงกันนะเอริคที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดอยู่นั้น ก็ต้องถูกเสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรูตัวเอง ปลุกให้ตื่นกลับมาสู่โลกแห่งความจริง เอริคหันมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าชื่อที่ขึ้นโชว์อยู่นั้นเป็นเบอร์ของเซ็นลูกน้องของตัวเองครืน ครืน ครืน!!“อืม มีอะไร&rd
รีสอร์ตติดทะเลสุดหรูรีสอร์ตสุดหรูที่เป็นห้องพักติดทะเล มีดีไซน์สวยงามทุกมุมเหมาะสมกับคู่รักที่พากันมาสวีท เพื่อเพิ่มความหวานให้แก่กันเป็นอย่างมาก ส่วนด้านหลังก็สามารถนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน สุดแสนโรแมนติกได้แบบใกล้ชิดหาดทรายสีขาวท้องทะเลสีคราม กับท้องฟ้าสีสดใสไร้เมฆ มองไปสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้ผ่อนคลาย รู้สึกมีความสุขและจิตใจสงบอย่างบอกไม่ถูกแต่!!สองหนุ่มในห้องนอนรีสอร์ตสุดหรูห้องหนึ่ง ตอนนี้กับอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุด ๆ“คุณเอริคจะอยู่ท่านั่นอีกนานไหมครับ”“หนวกหู ขอทำใจหน่อยไม่ได้หรือไง”เสียงพูดของสองหนุ่มโต้เถียงกันดังอยู่บนที่นอน คนหนึ่งนั่งหลังพิงหัวเตียง ส่วนอีกคนก็กำลังนั่งคร่อมอยู่บนตัก ร่างกายของทั้งคู่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าสวมใส่หลังจากที่พูดเคลียร์เรื่องของเรนจบลงในคืนนั้น เอริคกลัวว่าเด็กหนุ่มยังจะมาวุ่นวายกับคนของตัวเองไม่เลิกอีก เขาเลยลากเฟยหนีออกมาเที่ยวไกลกันสองคน และถือโอกาสมาเปลี่ยนบรรยากาศ มานั่งรับลมทะเล ดื่มด่ำกับธรรมชาติ
“ฮัลโหล”(เฮียเฟย)“เรน!”พอโทรศัพท์เครื่องหรูถูกกดรับ เสียงที่คุ้นเคยจากปลายสาย ก็ร้องเรียกชื่อเจ้าของโทรศัพท์ดังลอดออกมาเฟยที่ได้ยินน้ำเสียงหวานหยดย้อยนั้นเรียกชื่อตัวเอง ก็รู้ได้ทันทีว่าใครกำลังอยู่ในสาย เลยพูดชื่อของอีกฝ่ายออกไปด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าคนในสายจะมีเบอร์ติดต่อของตัวเองด้วยตั้งแต่ที่เฟยเลิกเป็นบอดี้การ์ด เขาก็ได้ตัดสินใจทิ้งอดีตไว้ด้านหลัง รวมถึงได้เปลี่ยนเบอร์ติดต่อทุกอย่างด้วย เพื่อที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เบอร์โทรที่เฟยใช้อยู่ตอนนี้เลยมีแต่เพื่อนสนิท กับเพื่อนที่เป็นบาร์เทนเดอร์ด้วยกันเท่านั้นที่รู้ พอเฟยได้ยินเสียงของเรนในสายเลยตกใจมาก เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะรู้เบอร์ของตัวเองได้(เรนไม่สบาย เฮียมาหาเรนหน่อยได้ไหม เรนลุกไม่ไหว) เสียงแหบแห้งราวกับคนไร้เรี่ยวแรง ดังลอดออกมาจากปลายสายอีกครั้งเรนที่ยังไม่ยอมตัดใจเรื่องของเฟยง่าย ๆ เลยโทรมาเพื่อเรียกร้องความสงสารจากอีกฝ่าย เพราะเขารู้จักนิสัยของอดีตแฟนหนุ่มดี ว่าเป็นคนขี้สงสารและเอ็นดูตัวเองมาก ถ้าเฟยรู้ว่าเขานอนโทรมไม่สบายอยู่บนเตียงค
“โอ๊ย! มันเจ็บนะ”เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อร่างเล็กถูกเหวี่ยงติดผนังอย่างแรง จนล้มพับไปกองอยู่กับพื้น เรนชักสีหน้าไม่พอใจใส่เอริคที่ยืนกอดอกมองตัวเองอยู่อย่างไม่เกร็งกลัว“แค่นี้มันยังน้อยไป ถ้ามึงยังไม่เลิกมาตอแยเมียกูอีก มึงได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่” เอริคยืนกอดอกดูผลงานตัวเองอย่างชอบใจ ก่อนจะพูดขู่ออกไปอีกครั้ง ทำแค่นี้ทำมาเป็นร้องโวยวายสำออยจริง ๆ“อย่ามาโกหกซะให้ยากเลย ผมไม่เชื่อหลอกว่าเฮียเฟยเป็นเมียของคุณจริง ๆ” เรนยันตัวเองลุกขึ้นยืนประจันหน้า แล้วพูดเถียงกลับอย่างไม่ยอมเรนรู้จักนิสัยของเฟยดีว่าเป็นคนยังไง ในอดีตเพราะหน้าตาสวยราวกับผู้หญิง เลยทำให้มีผู้ชายมากมายมาสนใจในตัวของเฟย แต่ไม่ว่าคนพวกนั้นจะเอาเงินหรือของมาให้มากเท่าไหร่ เฟยก็ไม่เคยสนใจและมีความคิดเปลี่ยนมาเป็นรับ เพื่อสนองอารมณ์ของผู้ชายพวกนั้นเลยสักครั้ง แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าเฟยเป็นเมีย ใครมันจะเชื่อลง“แล้วทำไมกูจะต้องโกหกมึงด้วย” เอริคชักสีหน้าใส่คนเถียง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะเชื่อคำพูดของตัวเองเลยสักนิด“คนอย่างเฮียเฟย ให้ตายก็ไม่มีทางจะเปลี่ยนใจมาเป็นรับหลอก” เรนพูดขึ้นอย่างมั่นใจ เขารู้จ
ตุบ!เสียงกำปั้นทุบลงโต๊ะทำงานด้วยความโกรธเกรี้ยว จนคนที่ยืนพูดรายงานอยู่ สะดุ้งตกใจรีบก้าวถอยหนีคนโมโหอย่างงง ๆ แซมไม่เข้าใจว่าเอริคโกรธตัวเองเรื่องอะไร เขาแค่มารายงานตามปกติเองนี่นา“ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวมึงได้เจอดีแน่” เอริคสถบด่าออกอย่างไม่พอใจ กล้ามาหาผู้ชายของเขาถึงที่นี่เลยเหรอ“เออ…” แซมยืนนิ่งค้างทำตัวไม่ถูก เมื่ออยู่ ๆ เจ้านายตัวเองก็แสดงท่าทีฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ“แล้วเฟยล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน” เอริคถามขึ้นเสียงแข็ง เมื่อนึกถึงตัวต้นเหตุของเรื่องขึ้นมาได้“อ๋อ พึ่งเดินลงไปหาเด็กคนนั้นเมื่อกี้เองครับ” แซมตอบกลับไปตรง ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ได้คิดอะไร“ใครบอกมัน”เอริคถามต่ออย่างสงสัย เพราะตามปกติแล้วเฟยจะอยู่แต่ชั้นบน ไม่ห้องพักก็จะมาช่วยงานเขาที่ห้องนี้เท่านั้น เฟยไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีคนมาหา ถ้าไม่มีใครขึ้นมาบอก“ผมบอกเองครับ”แซมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แล้วพูดบอกเอริคออกไปตรง ๆ พร้อมปั้นหน้ายิ้มแป้นรอรับคำชมจากอีกฝ่าย เมื่อคิดว่าตัวเองพึ่งทำเรื่องดี ๆ ไปแต่…สิ่งที่ได้มากับไม่ใช่คำชมเชย แต่กลับเป็นแฟ้มเอกสารเล่มหนา ปามาทางเขาแทน“ไอ้แซม มึงนี่มัน” เอริคตะคอกว่าลูกน้อ