หน้าหลัก / วัยรุ่น / อคิราห์คนคลั่งรัก / ตอนที่ 6 ข้าวกล่อง               

แชร์

ตอนที่ 6 ข้าวกล่อง               

ผู้เขียน: เธียรนรา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-03 08:52:08

         “นี่ข้าวเช้า” ตั้งแต่วันนั้นพี่คิณก็เอาข้าวเช้ามาส่งให้ฉันทุกวันที่ฉันมีเรียนในตอนเช้า

        “ขอบคุณค่ะ” ฉันยิ้มรับพลางมองตามแผ่นหลังกว้างของหนุ่มรุ่นพี่เดินออกไป

        “พี่คิณเขาไม่ไปฝึกงานเหรอ เห็นมาที่คณะได้ทุกวัน” มนเอ่ยถามขณะนั่งดื่มกาแฟอยู่ฝั่งตรงข้ามกับฉัน

        “เห็นพี่คิณบอกว่ามาหาเพื่อนอะเลยแวะเอาข้าวเช้ามาให้” ฉันหันมายิ้มอย่างอารมณ์ดีกับเพื่อนสนิทก่อนจะเปิดกล่องข้าวดู วันนี้เป็นข้าวผัดกุ้งแบบจุก ๆ พอฉันบอกพี่คิณเมื่อคืนว่าอยากกินกุ้งพี่เขาเลยบอกว่าจะทำข้าวผัดกุ้ง อย่าเรียกว่าข้าวผัดกุ้งเลยกุ้งผัดข้าวดีกว่าแทบมองไม่เห็นเม็ดข้าวแล้วเนี่ย

        “เพื่อนพี่เขาก็น่าจะไปฝึกงานปะ พี่ปีสี่อยู่ติดมหาวิทยาลัยที่ไหน” วิว่าก่อนจะกัดแซนด์วิชที่ตัวเองเตรียมมาจากบ้านพลางไถหน้าจอโทรศัพท์ไปมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ

        “แกพูดอย่างนี้แกกำลังให้ความหวังว่าพี่เขาตั้งใจเอาข้าวมาให้ฉันอยู่นะ” ฉันหันไปทำตาประกายใส่เพื่อนรักที่หันกลับมามองฉันด้วยหางตา

        “ก็น่าจะจริงปะ ดูจากดาวอังคารผู้ชายทำแบบนี้ให้ก็น่าจะคิดว่าพี่เขาจีบแกแล้วไหม” เพิ่งเคยเห็นเทวิกาของเราพูดด้วยน้ำเสียงปนหงุดหงิดเล็กน้อยราวกับว่าหมั่นไส้ฉันอย่างนั้นแหละ

        “แกก็อย่าไปให้ความหวังมันมากดิ ต่อให้พี่คิณจะหล่อก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นคนดีปะ”

        “นี่แกว่าพี่คิณฉันเป็นคนไม่ดีเหรอ”

        “ไม่ใช่ แค่อยากให้ดูไปก่อนแต่ถ้าพี่คิณเขาเป็นผู้ชายอบอุ่นแบบนี้จริง ๆ อะ แกจะคบกับพี่เขาฉันก็ไม่ขัดหรอก ใช่ไหมวิ” วิพยักหน้าก่อนจะหันหน้ามาทางฉันพร้อมกับยกมือขึ้นเท้าคาง

        “ถ้าเพื่อนเราเป็นแฟนกับพี่คิณจริง ๆ ก็ดีน่ะสิ ฉันอยากเห็นพี่ชายของพี่คิณตัวเป็น ๆ อะ”

        “พี่ชายของพี่คิณเหรอ” ฉันเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัย

        “อย่าบอกนะแกคุยกับพี่เขาทุกวันแกไม่รู้ว่าพี่คิณมีพี่ชายอะ” มนเอ่ยถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

        “รู้ แต่พี่ชายพี่คิณคือใครเหรอทำไมแกถึงอยากเห็นอะวิ”

        “อ้าว ตระกูลบูรณ์พิภพมีแต่ผู้ชายหน้าตาดีแถมคุณคุณานนต์พี่ชายของพี่คิณเป็นถึงเจ้าของกิจการของตระกูลบูร์พิภพด้วยนะ หน้าตาก็คงจะหล่อพอ ๆ กับพี่คิณเนี่ยแหละ คงจะให้ความรู้สึกแบบพี่คิณในเวอร์ชันที่โตกว่าอะแก”

        “ข้อมูลแน่นเหมือนกันนะเนี่ยวิ” มนเอ่ยแซวเพื่อนสาวที่ปกติไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องผู้ชายมาก่อน พอเห็นว่าวิสนใจก็รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ

        “ข้อมูลเบสิกปะแก แต่ผู้ชายเพอร์เฟกต์เบอร์นั้นอะ คงมีแฟนแล้วแหละ”

        “ฉันก็ว่างั้นแหละ คุณสมบัติที่ผู้หญิงทั่วโลกต้องการอย่างนั้นอะ” ฉันส่ายหน้ารู้สึกเสียดายที่ผู้ชายดี ๆ แบบนี้ทำไมถึงได้มีจำนวนน้อยนิดเหมือนกับการหาข้าวในกุ้งผัดข้าวที่พี่คิณทำมาให้ในวันนี้

        เอ๊ แต่ผู้ชายที่พูดถึงนั่นมันพี่ชายของพี่คิณไม่ใช่เหรอ เชื้อต้องไม่ทิ้งแถวแน่ ๆ เพราะจะมีผู้ชายสักกี่คนนอกจากพ่อกับพ่อค้าร้านอาหารตามสั่งที่จะทำกับข้าวให้ฉันกินตอนเช้าได้แบบนี้

        ฉันอมยิ้มก่อนจะตักข้าวเข้าปากกินอย่างมีความสุขจนรู้สึกได้ถึงความอาฆาตของเพื่อนทั้งสองคน แต่ฉันไม่สนใจหรอก จะทำให้กุ้งผัดข้าว เอ๊ย ข้าวผัดกุ้งของพี่คิณหม่นหมองหมดอร่อยไม่ได้

        “แกคุยไลน์กับพี่เขาอีกแล้วเหรอ” วิเอ่ยถามขณะที่พวกเราสามคนกำลังนั่งทานชาบูในร้านอาหารร้านหนึ่ง

        “นิดหน่อยอะ” ฉันวางโทรศัพท์มือถือลงก่อนจะนั่งทานอาหารในจานของตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย

        “แกไม่กลัวผิดใจกับพี่เมนิลแล้วหรือไง” มนถามขึ้นมาทำเอาฉันหยุดชะงักแล้วเงยหน้าจากจานอาหารขึ้นมามองเพื่อนรัก

        “ไม่รู้ดิ พอพูดถึงก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเลย”

        “กลัวอะไร กลัวสู้พี่เขาไม่ได้ กลัวพี่เขาโกรธ หรือว่ากลัวคนอื่นมองแกไม่ดีอะ” วิเอียงคอพลางเอ่ยถามฉันอย่างสงสัย

        “ก็กลัวทั้งหมดอย่างที่แกว่า” อันที่จริงฉันก็กลัวทั้งหมดนั่นจริง ๆ นั่นแหละ ใครจะไปคิดว่าแฟนเก่าของพี่คิณจะเป็นคนใกล้ตัวขนาดนี้ แล้วฉันก็ไม่อยากให้ใครรู้สึกไม่ดีเพราะฉันด้วย

         “เราถามจริงเหอะ แกจะคบกับใครทีก็ต้องกลัวว่าแฟนเก่าเขาคิดยังไงด้วยเหรอ แฟนเก่า ก็ต้องแปลว่าจบกันแล้วหรือเปล่า”

         “แต่แฟนเก่าของพี่คิณคือพี่เมนิลพี่รหัสของฉันเลยนะ แถมพี่เมนิลก็เหมือนยังชอบพี่คิณอยู่ด้วย”

         “พี่เมนิลก็พี่เมนิลเหอะ แกมีอะไรสู้พี่เมนิลไม่ได้อะ” ฉันนั่งไหล่ตกอย่างห่อเหี่ยว อะไรที่ฉันสู้พี่เมนิลไม่ได้น่ะเหรอ หน้าตาพี่เขาก็มีดีกรีเป็นดาวคณะ แถมยังเป็นสาวฮอตอีก ใคร ๆ ก็ชอบพี่เขา ขนาดฉันยังชอบเลย

         “ถามจริงถ้าพี่คิณเกิดชอบแกจริง ๆ แกก็จะปล่อยพี่คิณไปน่ะเหรอ ไม่แฟร์กับพี่คิณปะ”

         “ตอนแรกแกยังบอกดู ๆ กันไปอยู่เลยทำไมคราวนี้มาเข้าข้างพี่คิณเฉย” มนถอนหายใจพลางมองมาจ้องมาทางฉันด้วยใบหน้าบึ้งตึง

         “ฉันแค่สมมติ”

         “นี่ถ้าแกชอบพี่คิณอะ แกก็จีบไปเลยอย่างน้อยก็ให้รู้ว่าพี่คิณชอบแกหรือเปล่าจะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มเรื่องที่ยังไม่เกิดไง ค่อย ๆ แก้ปัญหาไป

ทีละเรื่องเข้าใจปะ” วิกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

         “แล้วถ้าพี่คิณไม่ชอบฉันอะ”

         “ก็บอกจีบไปก่อนไง ถ้าไม่จีบจะทำให้พี่เขาชอบได้ไงล่ะนิดา” ฉันเบะริมฝีปากพลางเขี่ยหมูในจานด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง

         “คนอย่างฉันใครจะมาชอบอะ”

         “ก็บอกให้ลองก่อนไง” วิแทบจะแยกเขี้ยวใส่ฉันด้วยความหงุดหงิด

ดีที่มีมนคอยตบไหล่เบา ๆ ให้ใจเย็นลง ไม่นึกว่าพอกลายเป็นเรื่องความรักจะทำเอาสองคนนี้สลับขั้วกันขนาดนี้

         “เออลองดูก็ได้ค่ะโค้ชเทวิกา”

         “ยอมรับนะ ถึงฉันจะสวยและแซ่บมากแต่ประสบการณ์ความรัก วิมีเยอะกว่า” มนหัวเราะเจื่อน ๆ ก่อนจะดื่มน้ำอัดลมแก้เขิน

         “ก็แค่นี้แหละ” วิว่าก่อนจะใช้ตะเกียบคีบผักในหม้อชาบูมาใส่จานตัวเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันได้แต่มองเพื่อนทั้งสองสลับไปมาแล้วก็ถอนหายใจแล้วก้มหน้าก้มตาทานต่อ

         หลังจากแยกทางกับเพื่อนสนิททั้งสองฉันก็เดินมาที่ร้านหนังสือตามลำพังเพื่อหาอะไรอ่านเล่นเสียหน่อย ไม่ได้เข้าร้านหนังสือนานแล้วไปเดินเล่นแก้เบื่อหน่อยแล้วกัน

         “อ้าวนิดา” ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกระหว่างที่กำลังหยิบหนังสือมาดูอย่างสนใจ

        “พี่เมนิล” สาวรุ่นพี่เดินมาหาฉันพร้อมส่งยิ้มให้

         “มาหาหนังสืออ่านเหรอ”

         “ค่ะ เบื่อ ๆ ก็เลยมาหาอ่านเล่นพี่ล่ะคะมาหาหนังสือเหมือนกันเหรอ”

         “เปล่าหรอกพี่มาเดินเล่นแถวนี้เลยแวะมาทักอะ”

         “งั้นเหรอคะ” ฉันยิ้มอ่อนก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับหนังสือต่อ

         “ช่วงนี้สนิทกับพี่คิณเหรอ” คำถามของพี่เมนิลทำเอาหัวใจของฉันหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มก่อนจะตีหน้ายิ้มหันกลับมาหาสาวรุ่นพี่ที่ยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้ม

         “ก็เฉย ๆ นะคะ”

         “เห็นพี่คิณเอาข้าวกล่องมาให้ทุกวันเลยนี่”

         “พี่คิณเขามาหาเพื่อนน่ะค่ะ เลยแวะมาให้”

         “ช่วงนี้ปีสี่เขาฝึกงานกันหมด ใครเขาจะว่างมาที่คณะกันล่ะ” น้ำเสียงของคนพี่เริ่มเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้นพลางกอดอกมองมาทางฉัน สีหน้าที่ยิ้มแย้มกลายเป็นสีหน้าที่ดูจะคาดคั้นเอาคำตอบจากฉัน

         “คือ... พี่คิณบอกหนูอย่างนั้นน่ะค่ะ หนูก็ไม่รู้เหมือนกัน” ฉันตอบตามความจริง

         “งั้นเหรอ” รุ่นพี่ตรงหน้าปรายตามองฉันตั้งแต่หัวจดเท้า ฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่านะว่ามันเป็นสายตาของความดูแคลนหรือเปล่า

         “พี่เมนิลมีอะไรหรือเปล่าคะ”

         “เปล่าหรอกจ้ะ” หญิงสาวยกยิ้มขึ้นมาจนฉันรู้สึกแปลกใจ “พี่แค่อยากรู้น่ะ ว่าพี่คิณกลายเป็นเด็กส่งอาหารตั้งแต่เมื่อไหร่”

         “ค่ะ” ฉันตอบรับเพียงสั้น ๆ

         “แปลกจังนะ ไม่คิดว่าพี่เขาจะให้ความสำคัญกับการทานอาหารของหลานรหัสขนาดนี้” ฉันยกยิ้มเจื่อน ๆ

         “พี่เมนิลก็น่าจะรู้นี่คะว่าพี่คิณเป็นคนยังไง”

         “รู้เหรอว่าพี่คิณกับพี่สนิทกัน” ฉันพยักหน้ารับ

         “พี่คิณเป็นคนบอกหนูว่าพี่สองคนเคยคบกันแต่ว่าเลิกกันไปนานมากแล้ว”

         “ก็ไม่ได้นานมากจนพี่ลืมว่าพี่คิณเป็นคนยังไงหรอกนะ”

         “ไม่ลืมก็ดีแล้วค่ะ ถึงยังไงพี่คิณก็เป็นรุ่นพี่แถมยังเป็นรุ่นพี่ในคณะด้วยมีมิตรที่ดีต่อกันก็ดีกว่ามีศัตรูใช่ไหมคะ”

         “จ้ะ พี่ไปก่อนนะ”

         “ค่ะพี่เมนิล บ๊ายบายค่ะ” ฉันโบกมือลาพี่รหัสสาวก่อนที่เธอจะเดินออกไปจากร้านหนังสือทำเอาฉันหายใจโล่งขึ้นมาเยอะเลย อะไรกันเนี่ยทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดขนาดนี้นะ

         ไม่อยากเชื่อเลยว่าพี่เมนิลจะมีรังสีที่น่ากลัวอย่างนี้

         เสียงแจ้งเตือนข้อความโทรศัพท์ดังขึ้นจนฉันต้องรีบหยิบขึ้นมาดู

         [พี่รออยู่หน้าห้างนะครับ]

         “ค่ะ” ฉันรีบตอบกลับก่อนจะรีบเดินออกจากร้านหนังสือมุ่งไปที่ลานจอดรถอย่างอารมณ์ดี

          พอมาถึงลานจอดรถหน้าห้างสรรพสินค้าฉันก็กวาดสายตามองหาร่างสูงของพี่คิณทันที รุ่นพี่หนุ่มโบกมือมาทางฉันก่อนที่ฉันจะรีบพุ่งเข้าไปหาพี่เขาทันทีอย่างกับมีปีก

          “เป็นไงอิ่มไหม”

          “หมายถึงชาบูหรือข้าวกล่องเช้านี้คะ”

          “ทั้งคู่นั่นแหละ”

          “ก็ต้องอิ่มอยู่แล้วล่ะค่ะ แทบจะกลิ้งได้อยู่แล้ว”

          “ฮ่า ๆ ๆ” พี่คิณหัวเราะร่วนก่อนจะเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับ “ขึ้นรถสิ”

          “เป็นไงมาไงถึงมารับหนูได้ล่ะคะ”

          “พี่ขับรถผ่านมาแถวนี้พอดีอ่ะ”

          “อ๋อ” ฉันพยักหน้ารับเข้าใจก่อนจะเดินขึ้นไปนั่งบนรถก่อนพี่คิณจะปิดประตูลง สายตาของฉันเหลือบไปเห็นพี่เมนิลที่เดินมาพร้อมชายหนุ่มอีกคนแต่สายตากลับจับจ้องมาทางฉันด้วยสีหน้าบึ้งตึงเหมือนจะไม่พอใจ

          “นั่นพี่เมนิลนี่คะ” ฉันบอกพี่คิณที่เพิ่งเข้ามานั่งบนรถ พี่คิณเงยหน้าขึ้นมามองตามที่ฉันบอก

          “ก็คงมาเที่ยวเหมือนเรานั่นแหละ เราอย่าลืมรัดเข็มขัดด้วยนะ”

          “ค่ะ ๆ ๆ” ฉันรีบเอื้อมมือไปดึงเข็มขัดนิรภัยแล้วคาดรัดให้เรียบร้อยก่อนที่พี่คิณจะขับรถออกไปจากห้างสรรพสินค้า พี่คิณนิ่งเงียบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ฉันก็เดาไม่ออกว่าพี่เขาคิดอะไรอยู่กันแน่

          “เป็นไงอร่อยไหม”

          “ข้าวกล่องหรือชาบูคะ”

          “ทั้งคู่เลย”

          “ก็ต้องอร่อยอยู่แล้วยิ่งข้าวกล่องยิ่งอร่อยค่ะ” ฉันฉีกยิ้มกว้าง

          “แล้วอยากทานอะไรอีกล่ะ”

          “อื้มม” ฉันเม้มริมฝีปากพลางใช้สมองครุ่นคิด “หนูไม่รู้จะทานอะไรแล้ว พี่คิณอยากทำอะไรก็ทำเลยแล้วกันค่ะ ทำแบบเป็นกล่องสุ่มไปเลย”

           “แน่ใจเหรอว่าจะทานได้”

           “พี่คิณทำอะไรก็อร่อยหมดนั่นแหละค่ะ”

           “โอเค เดี๋ยวพี่กลับไปคิดว่าจะทำอะไรให้เราทานดี”

           “เอาแบบที่ไม่รบกวนเวลาพี่มากเกินไปนะคะ เห็นช่วงนี้พี่ยุ่ง ๆ นี่นา” พี่คิณยกยิ้มทั้งที่สายตายังคงจับจ้องไปที่ท้องถนน

            “เรื่องของเราพี่มีเวลาเสมอแหละ” ใบหน้าของฉันเห่อร้อนขึ้นมาตามจังหวะหัวใจที่เต้นถี่ ๆ ขึ้นมาเสียใจต้องเสหน้าหลบไปมองถนนแทน

            บ้าเอ๊ย ทำไมมันเขินอย่างนี้เนี่ย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนพิเศษ 2  Wedding Day

    “โอ๊ย ตื่นเต้นอะแก” ฉันเดินวกไปวนมาอย่างตื่นเต้นในห้องแต่งตัวโดยมีเพื่อนสาวสองคนของฉันคอยตามประกบ “แกใจเย็น ๆ ก่อนได้ไหมเนี่ยเดี๋ยวชุดพังหมด” มนบ่นเหมือนแม่ตามเคยแถมยังคอยเดินตามจัดชุดให้ฉัน “งานแต่งงานทั้งทีเลยนะเว้ยจะไม่ตื่นเต้นได้ยังไง” “เรารู้ว่าแกอะตื่นเต้น แต่ช่วยอยู่เฉย ๆ ให้พี่ช่างแต่งหน้าซับหน้าก่อนได้ไหม” วิยื้อแขนของฉันไว้พลางพยักเพยิดหน้าไปทางพี่ช่างแต่งหน้าที่ถือแปรงรออยู่นานสองนาน “อุ๊ย ขอโทษค่ะ” ฉันรีบผงกหัวขอโทษแล้วเข้าไปนั่งที่หน้ากระจกเหมือนเดิม “ไม่เป็นไรค่ะคุณน้อง เจ้าสาวส่วนมากที่พี่เห็นก็อาการเหมือนน้องนี่แหละค่ะ เดี๋ยวพอเข้าไปเจอเจ้าบ่าวก็ดีขึ้นเอง” “พี่คิณหล่อมาก ฉันแวะไปดูมาแล้ว” มนก้มลงมากระซิบฉัน “พี่คิณก็หล่ออยู่แล้วปะ แฟนฉันทั้งคน” ฉันแอบขิงใส่เพื่อนสนิทจนเพื่อนสาวทั้งสองแอบเบะปากด้วยความหมั่นไส้ พี่ช่างแต่งหน้าเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเอือมระอา สงสัยคงเจอมาเยอะแล้วละมั้ง พอช่างแต่งหน้าซับหน้าแล้วแต่งเพิ่มใ

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนพิเศษ 1 Will you marry me?

    ห้าปีต่อมา ฉันเรียนจบจากมหาวิทยาลัยมาได้ปีกว่าแล้ว และเข้ามารับช่วงต่อในบริษัทของผู้เป็นพ่อ ยอมรับเลยว่างานค่อนข้างหนักหน่วงเสียจนฉันแทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อน หรือแม้แต่ออกไปเที่ยวเล่น ทานข้าว ดูหนังกับพี่คิณเลยสักนิด เมื่อก่อนพี่คิณแบ่งเวลาให้ฉันได้ยังไงกันนะ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าเวลาแทบจะจับโทรศัพท์ยังจะไม่มี “คุณฐานิดาคะ คุณอคิราห์ติดต่อมาว่าติดต่อคุณไม่ได้ค่ะ” เลขาฯสาวเดินเข้ามาในห้องก่อนที่ฉันจะเงยหน้าขึ้นไปมอง พอได้ยินฉันก็รีบเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะข้างกองเอกสารกองโตขึ้นมาดู ให้ตายสิ ลืมนัดพี่คิณไปได้ยังไงเนี่ย “ขอบคุณที่เข้ามาบอกนะ เดี๋ยวฉันขอโทร.หาพี่เขาก่อน” เธอพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ฉันรีบกดโทรศัพท์แล้วโทรหาแฟนหนุ่มทันทีด้วยความรู้สึกผิด ไม่นานนักพี่เขาก็รับสาย [สวัสดีครับ] “พี่คิณ วันนี้หนูคงไปทานอาหารด้วยไม่ได้แล้วนะคะ พอดีว่าหนูมีประชุมตอนเย็นอีก” [อ่า... เหรอครับ] “หนูขอโทษนะ”

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 25 The End

    “ทะเล” ฉันลากเสียงยาวพลางวิ่งลงจากรถแล้วด้าวเท้าเข้ามาเหยียบบนหาดทรายขาวละเอียดนำหน้าพี่คิณที่กำลังก้าวเท้าลงจากรถตู้ พวกเราเดินทางกันมาหลายคนเลยตัดสินใจที่จะเหมารถตู้มาสองคันเพื่อลดปริมาณรถลง ถ้าต้องขับมาเองได้มาเป็นขบวนแน่ ประหยัดน้ำมันแถมรักโลกด้วย “ยายนิดาเดินดี ๆ เดี๋ยวล้ม” มนเดินตามฉันเหมือนแม่ ในมือประคองหมวกกันแดดบนศีรษะหวั่นจะปลิวไปตามสายลมที่พัดพลิ้ว “มาทาครีมกันแดดด้วย” “ฉันไม่ชอบอะมันเหนียว” “ทา ๆ ไปเถอะ ผิวไหม้ขึ้นมาอย่ามาบ่นนะ” ฉันได้แต่เบะปากมองบนอย่างไม่พอใจในขณะที่มนบีบครีมใส่มือแล้วมาลูบทาบนแขนของฉันยกใหญ่ เหมือนแม่เลยจริง ๆ “พวกเราไปถ่ายรูปตรงนั้นกันไหม” วิชี้ไปทางโขดหินก้อนใหญ่ก่อนพวกเราจะเดินย่ำหาดทรายเพื่อไปถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน “ห้องนอนได้ห้องละสองคนนะ” พี่คุณเดินมาพร้อมกับกุญแจห้อง “ฉันนอนกับนิดานะคะ” พี่ธิดาว่าพลางเดินเข้ามากอดคอฉัน “ได้ค่ะ” ฉันส่งยิ้มรับ “แล้วพี่นอนกับใครล่ะ” พี่คุณเอ่ยทักท้วง ได้ข่าวว่าหลังจากที่พี่ธิดาเรียนจบทั้งส

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 24 เรียนจบ

    “หยุดยาวนี้ไปเที่ยวทะเลกันไหม” ฉันพลิกตัวมานอนค่ำบนเตียงนอนในขณะที่เพื่อนของฉันอีกสองคนกำลังนอนเปื่อย ๆ ในห้องนอน คอนโดฯ ของมน เจ้าของห้องนอนไถโซเชียลไปมาในขณะที่วิกำลังนอนอ่านหนังสืออย่างเบื่อหน่าย “พ่อฉันอะไม่เท่าไร แต่พ่อแกกับพ่อวิจะให้ไปเหรอ” มนเลิกคิ้วพลางเอ่ยถามทั้งฉันและวิ “หยุดยาวป๊าไปต่างประเทศ แอบไปเขาก็ไม่รู้หรอก” วิพูดพร้อมกับปิดหนังสือในมือลงเพื่อหันมาให้ความสนใจ “ใครสั่งใครสอนให้ลูกฉันเป็นเด็กใจแตกเนี่ย” มนเอ่ยแซว แต่กับเรียกสายตาของฉันและวิให้หันไปจ้องมองจนคนที่ถูกจับจ้องกระพริบตาถี่รัวอย่างประหม่า “แล้วแกล่ะนิดา พ่อแกให้ไปเหรอ” “พี่คิณบอกว่าจะไปขอพ่อให้” “แกคิดว่าพี่คิณจะขอพ่อแกได้เหรอ พ่อแกเขาก็ดูไม่ค่อยปลื้มที่แกมีแฟนสักเท่าไรนะ ถ้าไม่ติดที่เกรงใจแม่แกอะ” วิว่าอย่างขำขัน ฉันเองก็ขำพอกัน พ่อฉันหวงฉันมาก ๆ ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่พอแม่เล่าให้ฟังฉันก็กระจ่างแจ้งเลย เพราะตอนเป็นวัยรุ่นพ่อเจ้าชู้มาก ๆ พ่อเลยกลัวว่ากรรมจะตามสนองกลัวว่าฉันจะเจอผู้ชายที่ไม่ดี แต่แม่ก็ได้ล้างบาปใ

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 23 เข้าใจ

    “อยากไปเที่ยวทะเลชะมัดเลย” ฉันไถหน้าจอโทรศัพท์มือถือดูโซเชียลไปมาอย่างเบื่อหน่าย ตอนนี้ฉันสอบเสร็จหมดแล้วเตรียมที่จะขึ้นปีสองอย่างสมบูรณ์ ส่วนพี่คิณน่ะเหรอก็วุ่นอยู่กับโปรเจกต์จบจนแทบจะไม่มีเวลาแม้แต่จะนอนพักเสียด้วยซ้ำ “ไว้พี่เรียนจบแล้ว เราไปด้วยกันนะคะ” พี่คิณยกยิ้มมุมปากพลางยกมือขึ้นมาลูบหัวฉันเบา ๆ “ฉันอยากให้พี่ไปพักผ่อน ทำไมถึงได้ลากฉันมาดูหนังได้ล่ะคะเนี่ย” ฉันเลิกคิ้วขึ้นถาม ถึงแม้ในใจจะดีใจมากก็ตามที “ช่วงนี้เราไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่ด้วยกันเลย พี่เลยหาเวลามาอยู่กับหนูไงคะ” “แฟนใครเนี่ยน่ารักจัง” ฉันกอดแขนของคนพี่พลางซบใบหน้าลงกับไหล่แกร่ง ช่วงนี้พี่คิณดูผอมลงหรือเปล่านะ ต้องเป็นเพราะพักผ่อนไม่พอแน่ ๆ “ไปดูหนังกันเถอะครับ หนังจะเข้าแล้ว” “โอเคค่ะ” พี่คิณพาฉันเดินเข้ามาในโรงหนัง พวกเรานั่งดูภาพยนตร์จนจบเรื่องก่อนจะเดินออกมาจากโรงหนัง หนังเรื่องเมื่อกี้เป็นหนังที่ฉันอยากดูมากแล้วพี่คิณก็ตามใจพาฉันมาดูเพราะรู้ว่าฉันชอบดูหนังผีมากแค่ไหนถึงพี่คิณจะแอบกลัวผีอยู่หน่อย ๆ ในโรงหนังเมื

  • อคิราห์คนคลั่งรัก   ตอนที่ 22 สัญญานะคะ

    ฉันค่อย ๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมาอย่างเชื่องช้า สายตาพร่ามัวมองเพดานห้องสีขาวที่ลอยไปมาในอากาศก่อนจะกลับมารวมกันจนเห็นเป็นภาพได้ชัดเจน ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อขจัดความเมื่อยล้าแต่กับถูกแรงรัดจากวงแขนของใครบางคนดึงร่างกายเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันเข้ามาแนบชิดเนื้อหนังอุ่น เดี๋ยวนะ ที่เมื่อคืนฝันว่างูรัดไม่ใช่งูจริง ๆ หรอกเหรอ ฉันลืมตาโพลงขึ้นมาอย่างตกตะลึงสายตาก้มลงมองร่างกายของตัวเองที่ขลุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาก่อนจะบกมือขึ้นมาหยิบมันขึ้นอย่างลุ้นระทึก ร่างกายเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าปกคลุมทั้งฉันและชายหนุ่มที่นอนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งตรอกย้ำว่าเมื่อคืนนั้นเป็นเรื่องจริง บทเพลงรักอันเร่าร้อนที่ถูกบรรเลงขึ้นเมื่อคืนมันเป็นเรื่องจริง เมื่อฉันตั้งสตินึกถึงเรื่องเมื่อคืนขึ้นมาอย่างแจ่มชัด ใบหน้าของฉันก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างกับมีแสงแดดมาส่องหน้า “พี่คิณคะ” ฉันเขย่าปลุกอีกฝ่าย “อือ” พี่คิณส่งเสียงครางต่ำในลำคออย่างไม่พอใจยิ่งซุกใบหน้าเข้ากับซอกคอของฉัน ลมหายใจอุ่นรินรดต้นคอเสียจนมันจั๊กจี้ในหัวใจ “ตื่น

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status