เรื่องนี้... หย่งฟางไม่แน่ใจว่าบรรพบุรุษของเธอจะคิดอย่างไรกั การทำเทวรูปทองคำเป็นสิ่งที่ล่อลวงใจไม่น้อย
“ตามฉันมา คุณถามเอาเองแล้วกัน”
หย่งฟางพูดพร้อมกับกินแพนเค้กชิ้นสุดท้าย แล้วลุกขึ้นจากโต๊ะไม้เล็กๆ พาพวกเขาเข้าไปในวิหาร และบอกให้นำของบูชาไปวางบนโต๊ะบูชา เธอหยิบธูปขึ้นมา 3 ดอก ยื่นให้คุณนายฉู่ พร้อมกับส่งไฟแช็กจุดให้ด้วยความชำนาญ จากนั้นปักธูปลงในกระถางธูป ขณะที่ถามคำถามในใจ
ควันธูปลุกลามขึ้นพร้อมกับเสียงเปรี้ยงปร้างเพียงไม่กี่วินาที ก่อนจะอ่อนลงในอีกสามวินาทีต่อมา แต่ก็ยังมีประกายไฟพุ่งออกมาอยู่บ้าง หย่งฟางจ้องมองธูปอย่างตั้งใจ
คุณนายฉู่ถามด้วยความคาดหวัง “เทพเจ้ายินยอมหรือไม่?”
หย่งฟางแปลความหมาย “เทพเจ้ายินดีในเจตนาของคุณ แต่การทำเทวรูปทองคำมันฟุ่มเฟือยเกินไป แล้วเสี่ยงต่อการถูกขโมย ฉะนัน้ทำเป็นทองเคลือบ 18K ก็พอแล้ว”
“เจาะจงขนาดนั้นเลยเหรอ? คุณนายฉู่ถามอย่างแปลกใจ
“นอกจากนี้คุณยังเป็นคนแรกในรอบสิบปี ที่มาทำบุญให้กับเทพเจ้าองค์นี้ ท่านจำคุณได้แล้ว ต่อไปจะคอยคุ้มครองคุณให้ปล่อยภัย”
คุณนายฉู่ปล่อยวางข้อสงสัยทั้งหมด และยิ้มด้วยความยินดี จากนั้นหล่อนก็ไหว้อีกครั้งด้วยความเคารพ “ฉันจะติดต่อกับนักออกแบบทันที ทำการปรับปรุงวิหารนี้ให้เรียบร้อยทั้งภายในและภายนอก จากนั้นจะหาคนมาทำเทวรูปทองเคลือบ 18K!”
คุณนายฉู่เป็นคนที่มีความสามารถในการจัดการอย่างรวดเร็ว เธอเริ่มโทรศัพท์เพื่อเรียกคนมาดำเนินการ ฉู่เหยียนเองก็ต้องการจุดธูปเพื่อแสดงความเคารพเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน หย่งฟางจึงสอนเขาทีละขั้นตอน
“ถือธูปสามดอกไว้ด้วยมือเดียว แล้วใช้ไฟแช็กจุดไฟ”
ฉู่เหยียนทำตาม ควันที่ปลายธูปลุกลามขึ้น เขากำลังจะเป่าให้ดับ แต่หย่งฟางห้ามไว้
“แค่โบกสองครั้งก็พอแล้ว”
ฉู่เหยียนโบกธูปสองครั้ง จนไฟดับเหลือเพียงปลายธูปที่เป็นสีแดง
หย่งฟางพูดต่อ “จำไว้นะ ต่อไปไม่ว่าจะบูชาเทพองค์ใดก็ห้ามเป่าธูปให้ดับ เข้าใจไหม? ตอนนี้ให้คุณอธิษฐานเงียบๆ ในใจ”
ฉู่เหยียนหลับตาลงและอธิษฐานในใจ หย่งฟางสังเกตเห็นว่าขนตาของเขายาวและหนา นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ดวงตาของเขาดูมีความชื้น และคล้ายกับไก่ที่เธอเคยเห็นในรายการทีวี
ฉู่เหยียนลืมตาขึ้นและมองเธอ
หย่งฟางยังคงรักษาท่าทีอย่างสงบนิ่ง “ใช้มือขวาปักธูปดอกหนึ่งลงในกระถางธูปตรงกลาง”
ฉู่เหยียนทำตามอย่างเคร่งครัด ปักธูปดอกหนึ่งลงในกระถางธูป
“แล้วปักอีกดอกหนึ่งที่ด้านซ้ายของธูปดอกแรก ดอกสุดท้ายที่ด้านขวา เสร็จแล้ว” หย่งฟางสังเกตธูปอย่างตั้งใจ ไม่กี่วินาทีต่อมาเธอก็ขมวดคิ้ว “คุณอธิษฐานว่าอะไร?”
“ผมขอให้เทพเจ้ามีสุขภาพแข็งแรง”
เมื่อเห็นท่าทางของหย่งฟาง ฉู่เหยียนจึงรู้สึกไม่มั่นใจจึงพูดต่อ “หรือว่าไม่ควรอธิษฐานแบบนี้? ผมไม่รู้ว่าควรขออะไรดี”
“เทพเจ้าเป็นทิพย์ ท่านแข็งแรงอยู่แล้ว คุณห่วงตัวเองจะดีกว่า”
ฉู่เหยียนถึงกับพูดไม่ออก “...”
คุณนายฉู่ที่เพิ่งวางสายโทรศัพท์หัวเราะอย่างแห้งๆ “ฮ่าๆ เจ้าลูกคนนี้ช่างซื่อเสียจริง”
เมื่อพวกเขาเดินออกไปที่นอกวิหาร แสงแดดก็สาดส่องมาจนแสบตา คุณนายฉู่ต้องการล้างมือ เห็นมีอ่างน้ำขนาดใหญ่อยู่ในลานกลาง เธอจึงเดินเข้าไป ทันทีที่เปิดฝาไม้ออกมีบางอย่างพ่นน้ำออกมาเป็นสาย เสียงดัง "ป๊อก" น้ำก็พุ่งใส่หน้าเธอเต็มๆ
คุณนายฉู่ตกใจจนหน้าถอดสีและกรีดร้องเสียงดัง หย่งฟางรีบปิดฝาถังน้ำทันที ฉู่เหยียนเข้ามาสำรวจแม่ของเขาเพื่อดูว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ แต่ดูเหมือนว่ามีเพียงเครื่องสำอางที่เปียก คุณนายฉู่ตกใจและถามด้วยเสียงสั่นเครือ “เมื่อกี้มันคืออะไร?”
“มันเป็นของที่สืบทอดมาจากตระกูลฉู่ ฉันกำลังให้พี่สาวผีแช่น้ำอยู่เจ็ดสิบเจ็ดวันก่อนจะส่งเธอไปสู่สุขติ ดังนั้นถ้าพวกคุณต้องมาที่ศาลเจ้าในช่วงนี้ อย่าเข้าใกล้ถังน้ำนั้น หล่อนเกลียดชังทุกคนในตระกูลฉู่”
คุณนายฉู่กุมหน้าอกของตัวเองและพยักหน้าหลายครั้ง
หย่งฟางถามขึ้นอีกครั้ง “คุณเป็นคนที่มักจะตกใจง่ายใช่ไหม?”
“ใช่ๆ ฉันเป็นแบบนั้น”
หย่งฟางที่เริ่มหวังให้เชฟหลวงอยู่กับเธอนานขึ้น จึงได้บอกถึงยาสมุนไพรจีน 7 ชนิดให้กับคุณนายฉู่ “ต้มและดื่มเหมือนน้ำชามันจะช่วยให้คุณหายตกใจ ดื่มไปก่อนถ้าไม่หายยังไงก็มาหาฉัน หรือไปหาอาจารย์ด้านสมุนไพรก็ได้”
คุณนายฉู่แสดงความภักดีอย่างสุดซึ้ง “อาจารย์หย่ง! ฉันยอมรับแต่อาจารย์และบรรพบุรุษของเราเท่านั้น!!”
หย่งฟางเริ่มคิดถึงคุณนายฉู่ในตอนแรก ที่ยังเป็นหญิงสูงศักดิ์ เพราะอย่างนั้นเธอจะได้รู้สึกไม่ดีที่จะเอาเปรียบมากเกินไป คุณนายฉู่ในวันนี้มีท่าทีเปลี่ยนไปมาก เริ่มรู้สึกผิดที่คิดแผนการรั้งแม่ครัวหลวงไว้ทำอาหาร
“ถ้าคุณยอมรับแค่ฉัน ถ้าอย่างนั้นคุณทำอาหารกลางวันก่อนลงจากเขาจะได้ไหม?” เธออดไม่ได้ที่จะขอ
รู้ว่าเป็นการเอาเปรียบและทำให้หย่งฟางรู้สึกไม่ดีหน่อยๆ แต่แค่ขอให้ทำอาหารมันคงไม่ได้หนักหนาอะไรนัก
ฉู่เหยียนหมดคำพูด “...”
แต่คุณนายฉู่รู้สึกดีใจอย่างมาก ที่ได้รับการยอมรับจากอาจารย์ “ได้เลยค่ะ!”
ในที่สุดคุณนายฉู่ก็ทำอาหาร 5 อย่างและซุป 1 ถ้วยให้กับหย่งฟาง ก่อนที่จะกล่าวคำอำลาลงเขาไปพร้อมกับลูกชายสุดที่รัก หย่งฟางมองดูพวกเขาเดินหายไปจากระยะสายตา จากนั้นก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะเล็กๆ แล้วตักอาหารทั้ง 5 อย่างขึ้นมาวางบนช้อนใหญ่ๆ และกินมันเข้าปากอย่างรวดเร็ว
น้ำตาเธอไหลออกมา อาหารที่ทำโดยเชฟหลวงมันอร่อยมากจริงๆ ฮือออ เธอกินอย่างหลงใหลจนท้องอิ่ม แล้วนำอาหารที่เหลือใส่ชามเล็กๆ อุ่นเอาไว้เพื่อให้มื้อเย็นก็เป็นอันเรียบร้อย
คุณนายฉู่กับกลุ่มเพื่อนสนิทในสังคมไฮโซ มักจะมีเวลาว่างในช่วงเช้าห้าวันต่อสัปดาห์ เพื่อไปเดินออกกำลังกายที่ทะเลสาบซื่อหลี่เป็นเวลาสองชั่วโมง แต่ตอนนี้หล่อนเปลี่ยนสถานที่เดินออกกำลังกายเป็นภูเขาหลงหย่าแทน หล่อนขับรถมาถึงตอนตีห้าแล้วจึงขึ้นเขา ยังชวนเพื่อนๆ เหล่านั้นมาด้วยกัน แต่พวกเขากลับบอกว่าที่นั่นยังไม่ได้พัฒนา มันอาจจะอันตรายเกินไป
คุณนายฉู่พยายามอธิบาย แต่เพื่อนๆ ของหล่อนก็ยังไม่สนใจ จึงไม่ได้บังคับใครแต่ก็ยังคงขึ้นเขาอย่างตั้งใจ ใช้เวลาเดินประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จากนั้นก็เข้าไปในศาลเจ้า เพื่อทำอาหารให้หย่งฟาง ถ้าพบว่าในวันก่อนหน้าไม่มีวัตถุดิบพอ ก็จะไปซื้อมาเพิ่มอีกด้วย
หย่งฟางรู้สึกซาบซึ้งมาก จนเรียกเธอด้วยชื่อ ‘หยูถัง’ ทุกคำ
แปลกมากที่หลังจากที่หล่อนกับลูกชายฉู่เหยียน ไปบูชาเทพเจ้าของศาลเจ้า ในคืนนั้นฝันเห็นนายพลเฒ่าผู้หนึ่งสวมชุดเกราะ พร้อมกับผู้หญิงสองคนที่มีหน้าตาเหมือนหล่อนอย่างกับแกะมาหา จากนั้นก็ไม่พูดอะไรแล้วใช้ฝ่ามือตีผู้หญิงสองคน ที่ดูเหมือนหล่อนเข้าไปในร่างของเธอ
หลังจากที่ฝันและยังคงดื่มชาลดความตกใจที่หย่งฟางให้ ก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยตกใจง่ายอีกต่อไป ถึงแม้สถานที่เดินออกกำลังกายจะแตกต่างจากเพื่อนๆ แต่ก็ยังคงไปร่วมกิจกรรมต่างๆ กับพวกหล่อนอยู่เสมอ เช่นการดื่มชาช่วงบ่ายหรือการชมงานศิลปะ เมื่อพวกหล่อนพูดคุยเรื่องซุบซิบหรือข่าวต่างๆ ด้วยความตื่นเต้น คุณนายฉู่กลับรู้สึกสงบอย่างมากและแสดงสีหน้าที่เรียบเฉย
พวกเขาต่างบอกว่าหล่อนกำลังเสแสร้ง
คุณนายฉู่ไม่ได้อธิบาย แต่รู้สึกว่าความคิดของหล่อนไม่เหมือนกับพวกนั้นอีกต่อไป แม้ว่าจะยังไปเจอกับคนในวงสังคมเพื่อฆ่าเวลา จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำโดยต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น คุณนายฉู่เกิดเป็นตะคริวที่ขา ขณะที่โค้ชหันหลังให้ หล่อนสำลักน้ำไปหลายครั้ง และไม่สามารถร้องขอความช่วยเหลือได้ ขณะที่ความกลัวเข้ามาครอบงำจิตใจ มีพลังบางอย่างผลักหล่อนขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้สามารถส่งเสียงออกมา และได้รับการช่วยเหลือจากโค้ช
วันถัดมาเป็นคลาสขี่ม้า คุณนายฉู่และเพื่อนๆ เปลี่ยนชุดเป็นเรียบร้อย และเตรียมตัวอยู่ในพื้นที่เดียวกัน แต่แล้วม้าตัวหนึ่งเกิดตกใจและไม่สามารถควบคุมได้ มันวิ่งชนไปทั่วจนทำให้ม้าทุกตัวต่างวิ่งพล่านไปทั่วสนาม มีคนที่ตกจากม้าแล้วล้มลงไปบ้าง บางคนก็โดนกระแทก แล้วถูกลากไปกับพื้นหลายเมตร บางคนถูกเตะที่หน้าอก อุบัติเหตุนี้รุนแรงมาก และทุกคนรวมทั้งโค้ชต่างถูกส่งไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา
ยกเว้นคุณนายฉู่เพียงคนเดียว ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย
สายมูตัวจริงต้องยกให้คุณนายฉู่ แค่บอกว่าจะสร้างก็ได้รับการคุ้มครองแล้ววว
เทพเจ้าในดีกับตระกูลนี้มากกกก
หลังจากที่หย่งฟางล้างหน้าแปรงฟันเสร็จ เธอจุดโคมไฟยาวในวิหารหลักเตรียมเข้านอน แต่จู่ๆ ก็เกิดลมเย็นยะเยือกพัดเข้ามาในอาราม จากนั้นเสียงร้องโหยหวนของเหล่าภูตผีก็ดังขึ้นหลงหยวนหยวนที่กำลังขดตัวอยู่บนกิ่งไม้สะดุ้งตัว ก่อนจะกลับไปนอนขดตัวนุ่มนิ่มเหมือนเดิม หนิงหมี่ร้องขึ้นอย่างดีใจ "เสี่ยวชิว!!"ลมเย็นสงบลงพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนที่หยุดไป เสียงเล็กๆ ดังขึ้น "ว๊า ไม่มีอะไรสนุกเลย!"จากนั้นเด็กสาวในชุดกันหนาวลายดอกไม้สีแดงสด ที่มีเปียสองข้างก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า หนิงหมี่โผเข้ากอดเธอแน่น"พวกเราจำกลิ่นอายของเธอได้น่า เธอหลอกเราไม่ได้หรอก! ในที่สุดก็มาหาสักที ฮือๆ แล้วนี่เธอยังใส่ชุดที่ฉันเลือกให้อีก! อุ่นไหม?"หูอวี่จู้พยักหน้า "อุ่นมาก แต่ไม่รู้ทำไมพอใส่แล้ว รู้สึกอยากพูดสำเนียงตงเป่ยขึ้นมาซะงั้น"หย่งฟางรินนมเสริมแคลเซียมให้เธอหนึ่งแก้ว หูอวี่จู้จิบไปอึกหนึ่งก่อนพูด "คิดถึงฉันไหม? ไม่มีฉันอยู่คงเหงาน่าดูใช่ไหม?"หย่งฟางหันไปถามหนิงหมี่ "เธอเผาอะไรไปให้เธอเนี่ย?"หนิงหมี่ตอบด้วยความภาคภูมิใจ " "ฟู่เส้านักรัก: ภรรยาสุดที่รัก อย่าคิดหนี!""หยู่ถังอุทาน "นี่มันนิยายที่หนิวลี่อ่านอยู่ข้างหัวเตีย
วันปีใหม่ วันแรกของปี เป็นวันที่สำคัญที่สุด สำหรับการคุ้มครองวัดและสำนัก หย่งฟางถูกปลุกตอนตีสี่ โดยเทพบรรพชนที่ปรากฏในฝันพร้อมหอกด้ายแดง แต่เธอไม่ยอมตื่น จากนั้นหนิงหมี่และหยู่ถังที่อยู่ข้างเตียงก็เขย่าตัวปลุก“อาจารย์! ฉันฝันถึงเทพบรรพชน ท่านบอกให้พวกเรารีบตื่นไปเปิดประตู!”หยู่ถังที่ยังตกใจอยู่เอ่ยขึ้น “ฉันก็ฝันถึง! บรรพบุรุษท่าน...ดุนิดหน่อย”ใช่แล้ว เทพบรรพชนในฝัน ถือหอกด้ายแดงมาเร่งให้พวกเธอตื่น เมื่อหย่งฟางโดนเขย่าปลุก ในที่สุดก็เลิกง่วงทั้งสามคนลุกขึ้นจากเตียง หย่งฟางทำทุกอย่างอย่างเชื่องช้า แต่หนิงหมี่กับหยู่ถังกลับรีบวิ่งไปเปิดประตูอย่างรวดเร็วเสียงประตูไม้ดัง ‘เอี๊ยด’ทันใดนั้นภายใต้ท้องฟ้าที่มืดสนิท พบว่ามีแสงไฟหลายพันจุด ส่องสว่างใบหน้าของผู้คนนับพัน เหล่าผู้ศรัทธาที่เดินทางมายังวัดเสวียนเว่ย ต่างนำธูปของตนเองมาด้วย เดินขึ้นเขาหลงหย่าเพื่อมาที่นี่แต่เมื่อมาถึง กลับพบว่าประตูยังไม่เปิด พวกเขาจึงรวมตัวกันนั่งรอพลางเล่นโทรศัพท์ แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ส่องใบหน้าของพวกเขา เมื่อมองดูก็ให้ความรู้สึกวังเวงอยู่ไม่น้อย หนิงหมี่และหยู่ถังถึงกับสะดุ้งตกใจ เสียงประตูเปิดทำให้ผู้คนทั้งห
หยู่ถังชะงักไปครู่หนึ่ง หย่งฟางดึงกระดาษทิชชูออกจากหน้า สูดหายใจลึกแล้วลุกขึ้น เสียงพูดของเธอแหบพร่าเล็กน้อย “ฉันจะไปเผาของให้ลูกบอลเล็ก”หย่งฟางยืนขึ้น หยู่ถังเดินตามไป ทั้งสองมุ่งหน้าไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ ด้านในมีของสำหรับทำพิธี รวมถึงเงินกระดาษทอง หย่งฟางค้นหาของอยู่พักหนึ่ง เลือกของพื้นฐานสามอย่าง กระดาษเหลืองที่มีรู, กระดาษทอง, และตุ๊กตากระดาษคนรับใช้ แต่คิดว่ามันดูน้อยเกินไปหน่อย“บ้านกระดาษนี้ดูเล็กไป ลูกบอลเล็กอยู่กับพ่อแม่เธอ ห้องอาจจะไม่พอ ที่นี่ไม่มีรถกระดาษ ไม่มีมือถือกระดาษด้วย ลูกบอลเล็กชอบดูไลฟ์สดทุกคืน”หย่งฟางพูดไป คิ้วของเธอก็ขมวดมุ่นเข้าหากัน หยู่ถังรู้ว่าทุคนต่างมีความรู้สึกแปลกๆ แต่คนที่ดูเหมือนรับมือกับเรื่องนี้ได้ยากที่สุด นอกจากหนิงหมี่แล้วก็คือหย่งฟาง ถึงหญิงสาวจะดูเหมือนคนที่ไม่ใส่ใจสิ่งรอบตัว แต่ความจริงเธอใส่ใจคนรอบข้างมากที่สุด เมื่อเห็นเธอเป็นแบบนี้ หยู่ถังรีบพูด “งั้นเราลงเขาไปซื้อของจากร้านของเซี่ยเฟยที่บ้านเลขที่ 48 กันเถอะ จะได้เผาให้เธอ”การออกไปข้างนอก สูดอากาศที่อื่นบ้าง อาจช่วยให้รู้สึกดีขึ้น“คงต้องเป็นแบบนั้นแล้ว” หย่งฟางพยักหน้า “ชวนหนิงหมี่ไปด
มหกรรมการต่อสู้กับนักพรตชั่วจากเป็นประเทศ N ได้ปิดฉากลง ทุกคนเดินออกจากคุกใต้ดิน เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบเข้ามาปิดล้อมพื้นที่ด้วยเส้นกั้น สมาชิกครอบครัวสกุลสือทั้งหมดถูกควบคุมตัวขึ้นรถตำรวจ นำไปยังห้องสอบสวน เพื่อตรวจสอบว่าเคยคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปกี่ราย และยังเกี่ยวเนื่องกับการกบฏต่อชาติ ที่ยังต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมหัวหน้าจ้าวจากสำนักสืบสวนพิเศษ และผู้นำระดับสูงเดินทางมาถึง ส่วนหานลี่ตงจะถูกดำเนินการไต่สวนและลงโทษโดยหน่วยสืบสวนพิเศษแห่งชาติ ในสงครามครั้งนี้ นอกจากสือว่านซื่อที่ถูกพลังแห่งชาติตีกลับจนเสียชีวิตไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่ต้องสังเวยวิญญาณของเซี่ยถังอยู่ในมือของเซี่ยเฟย เขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงดูวิญญาณของน้องสาว หย่งฟางเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นด้วยความเป็นห่วงในฐานะเพื่อน "ถึงจะฟื้นฟูขึ้นมาได้ แต่พลังของเธอก็สูญสิ้นไปแล้ว เคยกินมนุษย์ เคยเป็นปีศาจจิ้งจอก ถึงเลี้ยงวิญญาณขึ้นมาได้ แต่สวรรค์ก็ไม่ยอมรับ คุณเองก็น่ารู้อยู่แล้ว" แต่เซี่ยเฟยยังคงไม่ยอมปล่อยมือ หันมองหย่งฟางพลางยิ้มอ่อน "รบกวนอาจารย์หย่งช่วยส่งวิญญาณด้วยเถอะ อาถัง!" เซี่ยเฟยร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดเซี่ยถังมองพี่ชายด้ว
ทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผ่านการเชื่อมต่อของจิ้งจอกขาวเซี่ยถัง พลังโชคชะตาแห่งชาติที่ควรจะส่งต่อให้ประเทศ N กลับไม่ได้ถูกถ่ายโอนไปทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่หานลี่ตงเก็บไว้ใช้ส่วนตัวนี่คือสาเหตุที่เขามีชีวิตยืนยาวกว่าร้อยปี หย่งฟางขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ “หึ คนประเทศของแก รู้หรือเปล่าว่าแกขโมยพลังมังกรนี้มา”หานลี่ตงเพียงยิ้ม “รู้หรือไม่รู้ แล้วจะทำไม? หากไม่มีฉัน พวกมันจะตั้งหลักในเอเชียตะวันออกได้หรือ? น่าขำจริงๆ”หย่งฟางเข้าใจชัดเจนแล้ว ว่าขโมยคนนี้เป็นพวกหยิ่งยโสและหลงตัวเอง หานลี่ตงใช้พลังโชคชะตาแห่งชาติของ ประเทศ สร้างแรงกดดันที่แพร่กระจายไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกคนรวมถึงเทพธิดาหนิงหมี่ ต่างรู้สึกหายใจยากลำบากขึ้น ต่อหน้าพลังแห่งชาติพวกเขาต้องดิ้นรนอย่างหนักเพื่อประคองตัว หย่งฟางยกมือขึ้นแสงสีแดงฉายออกมาจากฝ่ามือ ก่อตัวเป็นเขตป้องกันครึ่งวงกลม ภายในเขตนี้ทุกคนจึงพอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เจ้าหน้าที่หลี่ที่ยังเจ็บจากแรงกดดันเมื่อครู่ ยกมือกุมหน้าอกพูดขึ้น “ขโมยสิ่งที่ไม่ใช่ของแก ระวังเถอะ สวรรค์จะลงโทษเจ้า!”หานลี่ตงหัวเราะเสียงดัง “สวรรค์จะลงโทษฉัน? ฉันใช้ชีวิตแบบนี้มานานกว่าร้อยปีแ
ชายที่อยู่ข้างสือว่านซื่อเผยรอยยิ้มบางๆ หย่งฟางเห็นท่าทางของเขาแล้ว ตะโกนออกไปทันที“หานลี่ตง!”ขณะที่คนจากหน่วยงานแห่งชาติที่อยู่ใกล้ๆ เขาก็ต่างเรียกชื่อชายคนนั้นไปในแบบของตัวเอง“พี่ซู?!”“พี่ฉี?!”“พี่มู่?!”หลังจากเสียงของทั้งสามคนจบลง พวกเขาหันมามองหน้ากันเองด้วยความงุนงง “เขาไม่ใช่พี่ซู พี่ฉี พี่มู่ จากหน่วยงานแห่งชาติหรือ?!”ในที่สุดหย่งฟางก็ได้คำตอบ เมื่อหัวหน้าจ้าวตรวจสอบประวัติ ของผู้มีพลังพิเศษในระบบของหน่วยงานแห่งชาติ เพื่อที่จะอยู่ในประเทศและหลบเลี่ยงการตรวจสอบเป็นเวลาร้อยปี คนอย่าง ‘หานลี่ตง’ ย่อมต้องมีตัวตนแฝงในระบบหน่วยงาน และเชื่อมโยงกับผู้มีพลังพิเศษคนอื่นๆ อย่างแนบเนียนจากปฏิกิริยาของทั้งสามคนทำให้เห็นชัดว่า หานลี่ตงมีตัวตนในฐานะผู้มีพลังพิเศษ ที่ถูกบันทึกไว้ในระบบอย่างสมบูรณ์ คนที่อยู่ข้างหลังหย่งฟาง ต่างเผยท่าทีเป็นศัตรูอย่างชัดเจน ขณะจ้องมองสือว่านซื่อและหานลี่ตงด้วยความระแวดระวังชายผู้นั้นตั้งท่าจะทำมือในลักษณะของไต้ซือ แต่ถูกหย่งฟางหยุดไว้ทันที “เลิกแสร้งทำเสียที หานลี่ตง คุณหนีไปไหนไม่ได้แล้ว”นักพรตสาวกล่าวพร้อมกับกระชากเส้นด้ายสีแดงในมือให้กระชับ ขณะนั้นเ