ห้องนอนของธามกับไข่มุกนั้นแยกกันตั้งแต่ตอนแต่งงาน แต่จะมีประตูเชื่อมให้เดินไปมาหากันได้ ตั้งแต่ธามจับได้ว่าภรรยานอกกายไปมีความสัมพันธ์กับชายอื่น ประตูเชื่อมระหว่างสองห้องก็ปิดตาย...
คืนนี้เมื่อชายหนุ่มเปิดประตูเข้าไปหาไข่มุก หญิงสาวที่กำลังนั่งทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้ง จึงหันกลับมามองเขาอย่างแปลกใจแกมยิ้มเยาะ “ตายแล้ว สงสัยบุญของคุณแม่จะได้ผลเร็วทันใจ ถึงกับทำให้พระอภัยมณีที่แสนใจร้าย ยอมเปิดห้องมาหานางยักษ์...” “ผมมีเรื่องจะคุย...จริงจัง” ธามไม่มีแก่ใจจะล้อเล่น ไข่มุกหัวเราะเบา ๆ ก่อนหันไปสนใจกระปุกครีมตรงหน้าต่อ “ก็ว่าไปสิ” “เรื่องลูก...ผมอยากถามคุณอีกครั้ง ว่ามันจะเป็นไปได้ไหม...” “ไม่ได้! ถ้าคุณจะถามว่าฉันจะยอมตั้งท้อง หรือยอมให้ใครมาอุ้มท้องแทนหรือไม่ ฉันยืนยันคำเดิมว่าไม่ ถ้าคุณอยากมีลูกใจจะขาด ก็ต้องรอให้ฉันตายเท่านั้นแหละ” “เพิร์ล คุณทำแบบนี้ไปทำไม...” น้ำเสียงของเขาท้อแท้สิ้นหวังมากกว่าจะเย็นชาห่างเหินเหมือนอย่างเคย “ผมทำอะไรให้คุณโกรธถึงขนาดนั้นเลยหรือเพิร์ล คุณถึงได้ทำเหมือนจงใจแกล้งผมให้ไม่มีทางออกทางไหนเลย” ไข่มุกนิ่งไปนิด ก่อนหันกลับมา แววตาหยอกล้อหายไปกลายเป็นความแข็งกระด้าง “ใช่แล้ว ฉันอยากแกล้งให้คุณอกแตกตาย เพราะอะไรรู้ไหม...เพราะคุณไม่ได้รักฉันยังไงล่ะ” “เพิร์ล คุณเลิกล้อเล่นสักทีเถอะ คืนนี้ผมอยากคุยกับคุณดี ๆ แบบตรงไปตรงมา” “ฉันก็กำลังตรงไปตรงมาอยู่นี่ไง ธาม เพราะคุณไม่เคยรักฉันและไม่คิดจะรัก คุณก็แค่อยากได้ฉันเป็นแม่ของลูก ไว้ทำหน้าที่อุ้มท้อง... แต่พอคุณรู้ว่าฉันนอนกับผู้ชายคนอื่น คุณก็ขยะแขยงและไม่ยอมแตะต้องฉันอีก ทำเหมือนฉันเป็นแม่พันธุ์วัวที่ติดโรคไปแล้ว และคุณก็อยากจะกำจัดทิ้ง” “ไปกันใหญ่แล้วจะเพิร์ล คุณก็รู้ว่าผมไม่ได้...” ธามอ้าปากจะปฏิเสธ แต่แล้วเขากลับพูดไม่ออก สีหน้าของเขายามนี้ทำให้ไข่มุกยิ้มเยาะ “ฉันพูดไม่ผิดใช่ไหมล่ะ คุณมันก็แค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวที่จะเอาให้ได้ทุกอย่างในชีวิตนี้ ผู้หญิงบริสุทธิ์ก็จะเอา แม่ของลูกก็จะเอา เมียที่คอยปรนนิบัติปรนเปรอตัวเองบนเตียงก็จะเอา... เพราะงั้นฉันถึงไม่อยากให้คุณสมหวังอะไรเลยสักอย่างเดียว เพราะคุณมันน่าสมเพช!” หากไข่มุกคิดว่าเขาจะโกรธ โมโห หรือด่าเธอกลับด้วยวาจาเผ็ดร้อนพอกัน เธอก็คงจะผิดคาด เพราะธามเพียงแต่นิ่งงัน ก่อนจะเดินกลับไปยังประตูเชื่อมระหว่างสองห้อง เปิดและปิดอย่างเบามือ แม้ประตูนี้จะไม่เคยล็อก แต่ไข่มุกก็แน่ใจว่าต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย สามีตามกฎหมายของเธอก็จะไม่มีวันเปิดมันออกอีกครั้งอย่างแน่นอน * * * * * ชายหนุ่มผิวสีแทนพาร่างสูงกว่า 190 เซนติเมตรเดินเข้าในห้องอาหารของเมทราแกรนด์ โรงแรมห้าดาวเก่าแก่ใจกลางกรุงเทพมหานคร อีกฝ่ายที่รออยู่มองเห็นเขาก่อน จึงโบกมือเป็นสัญญาณ เมื่อปีขาลมองเห็นเขา ชายหนุ่มก็เดินตรงมาหาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ธามอดนึกขันไม่ได้ แขกโรงแรมทั้งคนไทยและต่างชาติต่างเหลียวมองชายหนุ่มที่เพิ่งมาถึงราวกับเห็นคนป่า ไม่ใช่แค่เพราะเพื่อนของธามตัวสูงปรี๊ดแต่เพราะหนวดเครารกครึ้มกับผมยาวที่มัดรวบ ๆ ไว้อย่างกระเซอะกระเซิงนั่นด้วย ยังนึกแปลกใจอยู่ว่าสารรูปเช่นนี้ พนักงานเปิดประตูยอมให้หมอนี่ผ่านมาถึงห้องอาหารได้อย่างไร “เข้ากรุงทั้งที ไม่คิดจะโกนหนวดโกนเคราบ้างหรือไงไอ้เสือ” ธามทักทายเป็นประโยคแรก ปีขาลหรือเสือนั่งตรงข้าม ดวงตาสีดำบ่งบอกว่าเป็นคนอารมณ์ดี ตรงข้ามกับรูปลักษณ์ชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ “ก็อยากจะโกน แต่พอดีจะมาทวงหนี้ ก็เลยต้องทำตัวให้โหด ๆ เอาไว้ก่อน” “ทวงหนี้? นี่แกกลายเป็นเจ้าพ่อเงินกู้ไปแล้วเหรอ” “ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ลูกหนี้รายนี้จับพลัดจับผลูน่ะ... ฉันขอสั่งข้าวเลยได้ไหม หิวจะตายชัก หิ้วท้องมากินข้าวที่โรงแรมแกโดยเฉพาะเลยนะนี่” “เอาเลย ขอโทษทีฉันก็ลืมถามไป” ธามเอ่ยก่อนจะยกมือเรียกพนักงานให้เข้ามารับออเดอร์ของปีขาล เรื่องลูกหนี้ที่คุยค้างไว้จึงจบเพียงแค่นั้น ธามเองก็ไม่คิดจะซักไซ้ต่อเพราะถ้ามีอะไรที่เพื่อนสนิทอยากเล่า ก็คงจะเอ่ยออกมาเอง “ที่ไร่เป็นอย่างไรบ้าง” ธามหมายถึงไร่อรุณเบิกฟ้าที่ภาคเหนือที่ปีขาลเป็นเจ้าของ ชายหนุ่มทั้งสองคนรู้จักกันตอนเรียนปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปีขาลกลับเมืองไทย ก็กลายไปเป็นชาวสวนชาวไร่แทบจะทันที เหมือนที่ธามก็เข้าไปทำงานบริษัทของตระกูลทันทีที่เรียนจบเช่นกัน “ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ไปตามประสา ขอแค่มีตังค์จ่ายเงินเดือนคนงานกับมีข้าวให้พวกสิงห์สาราสัตว์ในไร่กินอิ่ม แค่นั้นก็ถือว่าไม่แย่แล้ว” ชายหนุ่มตอบ แต่ธามรู้ดีว่าเพื่อนแค่ถ่อมตัว ปีขาลไม่ใช่คนไร้ความสามารถ ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถชำระหนี้สินของครอบครัว ไถ่ถอนไร่อรุณเบิกฟ้ากลับคืนจากธนาคาร และใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีฟื้นฟูธุรกิจครอบครัวให้กลับมามีกำไรได้ในวัยเพียงสามสิบเศษ ๆ เท่านั้น “แล้วอดีตนักบัญชีของฉันเป็นอย่างไรบ้าง มีปัญหาอะไรไหม” รองประธานฯ ธามเอนเตอร์ไพรซ์ถามถึงศักดิ์สยาม ปีขาลส่ายหน้า “ทำงานเก่ง รอบคอบ นิสัยสุภาพเรียบร้อย พูดน้อยแต่ขยัน” “ศักดิ์สยามคงยังบาดเจ็บกับเรื่องในอดีต” ธามเอ่ยเรียบ ๆ ตอนที่จะขอให้เพื่อนเจ้าของไร่รับอดีตผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีอย่างศักดิ์สยามไปทำงานด้วย ธามบอกไปตามตรงไม่มีหมกเม็ด เรื่องที่ศักดิ์สยามเคยมีประวัติยักยอกเงินบริษัท ตอนนั้นปีขาลยังงงเป็นไก่ตาแตก ถึงกับถามซ้ำว่า... ‘เดี๋ยวนะไอ้ธาม แกกำลังจะบอกฉันว่า ให้ฉันรับคนที่มีประวัติเสียเรื่องการเงิน มาทำงานแผนกการเงินเนี่ยนะ...ฉันไม่เข้าใจว่ะ ถึงจะเก่งแค่ไหน แต่มันจะไม่ทะแม่ง ๆ ไปหรือวะเพื่อน’ ‘ฉันรู้ แต่ศักดิ์สยามไม่ได้ทำไปเพราะความโลภ มีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เขาหลงผิด และฉันก็อยากให้โอกาสเขาดูสักครั้ง...’ ธามรู้ว่าปีขาลไม่ใช่คนใจดำ เขาเองก็อยากอธิบายให้มากกว่านั้นแต่ไม่อยากพาดพิงไปถึงไข่มุกหรือศีตลา จึงเอ่ยออกไปเพียงว่า ‘ถ้าฉันกับแกให้โอกาสเขาแล้ว แต่ศักดิ์สยามยังทำผิดซ้ำสอง ฉันรับรองว่าฉันจะเป็นคนส่งเขาเข้าคุกด้วยตัวเอง แล้วจะชดใช้ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดกับกิจการของแกให้ด้วย...’ ‘เฮ้อ เอาก็เอาวะ รับก็รับ ถ้าท่านรองฯ ธาม ธนกิจ รับรองถึงขนาดนั้น ฉันก็ไม่ติดใจอะไรแล้ว แล้วไม่ต้องห่วงนะเพราะฉันจะไม่พูดเรื่องในอดีตของคุณศักดิ์สยามคนนี้ให้ใครรู้เด็ดขาด เขาจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อย่างที่แกอยากให้เป็น’ “แล้วคุณเพิร์ลเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า” ปีขาลเอ่ยขึ้นอย่างคนไม่รู้ลึกตื้นหนาบาง ธามยกน้ำขึ้นจิบก่อนจะตอบ “เขาก็สบายดี” “แต่แกคงไม่สบายสินะ” หนุ่มหน้าหนวดถามยิ้ม ๆ “ทำไมแกคิดงั้นล่ะ” “ไม่รู้สิ แววตาแกมั้ง... อย่าหาว่าฉันเสียมารยาท แต่แววตาของแกตอนที่เอ่ยถึงคุณเพิร์ล มันดูห่างเหิน ติด ๆ จะหมางเมินด้วยซ้ำไป... คนที่มีความสุขกับชีวิตคู่ดีไม่น่าจะมีแววตาแบบนี้นะฉันว่า” ท่านรองฯ หนุ่มฟังแล้วกลับหัวเราะเบา ๆ “นี่แกอยู่แต่กับดินกับหญ้า เอาเวลาที่ไหนไปศึกษาจิตวิทยาภาษากายวะ” “เดาเอาล้วน ๆ” ปีขาลหัวเราะบ้าง แต่ก็เริ่มจะแน่ใจแล้วว่าคงเดาไม่ผิด เพราะไม่เห็นว่าเพื่อนรักจะปฏิเสธเลยสักคำเดียวแต่วีณายังไม่ทันได้ถาม... ก้อยก็รีบวิ่งกลับมาเคาะประตูด้วยท่าทางตื่นเต้น"คุณท่านคะ คุณท่าน!""อะไร! มีอะไร!""คุณธามกลับมาแล้วค่ะ มาถึงก็ถามหาคุณท่านทันทีเลยค่ะ!"* * * * * ตอนแรกธามคิดว่าอาจจะพักสมองอยู่ที่เชียงรายต่ออีกสองสามวันแต่ปีขาลเตือนเขาว่า เรื่องบางเรื่อง ปล่อยไว้นานก็จะยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง 'ถึงยังไงคุณน้าก็เป็นแม่ของมึงนะธาม เลี้ยงดูกันมาขนาดนั้น จะไม่มีเยื่อใยความผูกพันกันเลยก็คงไม่ใช่ มึงกลับไปคุยกับแม่ดี ๆ เถอะ อย่างน้อยก็จะได้ใช้ชีวิตต่อไปโดยไม่มีอะไรค้างคา'ขนาดคนที่หุนหันพลันแล่นอย่างปีขาลยังบอกแบบนี้ ธามจึงนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ มาทันทีเมื่อเลขาฯ บอกว่าท่านประธานฯ ไม่เข้าบริษัท เขาจึงมาที่บ้าน และก็เจอธัญญาจริง ๆ ในห้องทำงานของธัญญา มีกันเพียงสองคนแม่ลูก ชายหนุ่มใจชื้น อย่างน้อยแม่ก็ไม่ได้ไล่เขาทันทีที่เห็นหน้า"มาทำไม ต้องการอะไร""ผมอยากรู้ความจริงครับ ว่าผมเป็นลูกของ...คุณทีน่า...จริง ๆ ใช่ไหม""แกยังไม่ได้ไปถามมันอีกเหรอ""ผมยังไม่ได้ไปเจอเธอเลยครับ ผมอยากมาคุยกับแม่ก่อน เพราะสำหรับผม คุณทีน่าก็ไม่ต่างจากคนแปลกหน้า แม่ต่างหากที่ยังเป็นแม่ของผม""แต่สำ
หลังเพื่อนสนิทเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง ปีขาลถึงกับนั่งงงอยู่เป็นนานสองนานถ้าไม่ใช่เพราะคนเล่าคือ "ธาม" เพื่อนที่แสนจะสุขุม จริงจัง และไม่เคยล้ออะไรใครเล่น เขาก็คงนึกว่ากำลังฟังละครวิทยุอยู่แน่ ๆ"แล้วป่านนี้แม่มึง...ทั้งสองแม่ ไม่ตามหาตัวมึงให้วุ่นหรือวะ จู่ ๆ หลบมาแบบนี้""ไม่รู้"ธามตอบเนือย ๆ "แม่...หมายถึงแม่ตามกฎหมาย คงไม่อยากเห็นหน้ากูเท่าไหร่ แต่คุณทีน่า บอกตรง ๆ ว่ากูยังช็อก..."ชายหนุ่มนึกถึงหญิงคนนั้น คนที่ดวงตาซึ้งดูเศร้าแต่ก็จับใจเขาไว้ได้ตั้งแต่แรกเห็น"กูถูกชะตาเขามากตั้งแต่วันแรกที่เจอที่โรงแรม รู้สึกอยากเข้าใกล้ อยากรู้จัก... ไม่ใช่เชิงชู้สาว แต่เป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก...""เขาเองก็คงอึดอัดอยากบอกมึงเหมือนกันว่าเป็นแม่..."ปีขาลคาดเดาจากที่เพื่อนเล่าให้ฟังก่อนหน้า"ที่จริงมันก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ถ้าไม่เพราะคุณน้าธัญญาดันเกลียดแม่ที่ให้กำเนิดมึงน่ะไอ้ธาม..."นี่ปีขาลก็เดาอีก แต่ธามพยักหน้าเห็นด้วย"เท่าที่ได้ยิน แสดงว่าพ่อกับคุณทีน่าลักลอบมีอะไรกัน จนเกิดเป็นกูขึ้นมา กูก็คือลูกชู้ ลูกนอกสมรส ที่แม่เก็บมาเลี้ยง ไม่ใช่เพราะรัก แต่เพราะอยากทำร้าย เพื่อที่แม่แท้ ๆ จะได้เ
เวลาสองทุ่ม จังหวัดเชียงรายไร่อรุณเบิกฟ้าเปิดไฟสว่างไสวตั้งแต่ปากทางเข้าไร่มาจนถึงตัวเรือนด้านในเพราะผู้มาเยือนโทรศัพท์มาบอกล่วงหน้าหลายชั่วโมงแล้วว่ากำลังจะมา เมื่อรถเล็กซัส แอลเอ็กซ์-หกร้อย มาถึงจึงมีคนงานคอยเปิดประตูให้ และเจ้าของไร่ตัวสูงใหญ่ยืนเท้าสะเอวรอต้อนรับด้วยสีหน้าดีใจแกมโล่งใจที่เพื่อนมาถึงโดยปลอดภัย"ไงมึง"ปีขาลทักสั้น ๆ พลางเข้าไปโอบเพื่อน ตบหลังเบา ๆ หนึ่งที แล้วหันไปทักทายลุงธงคนขับรถของเพื่อนสนิท"สวัสดีครับลุง ขับมาไม่ได้พักเลยสินะครับ""ก็มีแวะปั๊มบ้างครับ"ลุงธงยิ้มเหนื่อย ๆ ไม่รู้กี่สิบปีแล้วที่ไม่ได้ขับรถออกต่างจังหวัด เพราะปกติที่ขับรถให้นาย ไกลสุดก็แค่อยุธยา"ที่จริงคุณธามแกจะขับเองครับ บอกให้ผมกลับบ้านได้เลย แต่ผมขอมาด้วย อย่างน้อยจะได้เปลี่ยนมือกัน...นี่ก็ออกมาเลย เสื้อพงเสื้อผ้าอะไรไม่มีสักตัวเลยครับ"ลุงธงบอกอย่างเป็นห่วงมากกว่าจะฟ้อง"ผมให้แม่บ้านเตรียมห้องกับพวกกับข้าวกับปลาไว้ให้ลุงแล้ว ไปกินข้าวก่อนก็แล้วกันนะลุง เดี๋ยวเสื้อผ้าสะอาด ๆ ให้แม่บ้านหาให้แป๊บเดียว...แม่ต้อย ฝากดูแลลุงเปิ้นกำเน่อ""เจ้า"แม่บ้านวัยกลางคนรับคำแล้วพาลุงธงเดินหายเข้าไปด้านหลั
ธามยังจับต้นชนปลายไม่ถูก...เขาอยากจะคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก เขากำลังถูกแกล้ง แต่สีหน้าของผู้หญิงสูงวัยสองคนที่กำลังมองมาที่เขาก็จริงจังเกินกว่าจะคิดเช่นนั้น"ทำไมแม่พูดอย่างนั้นล่ะครับ ก็แม่เป็นแม่ผม...""ใช่ แม่ควรจะเป็นแม่ของแก แม่ก็เคยเชื่อแบบนั้น"ธัญญาหันกลับไปมองทิพย์ลาวัณย์อย่างเจ็บแค้น"ฉันให้แกมาอุ้มบุญลูกของฉัน แต่แกกับทิมกลับสวมเขาให้ แอบไปมีอะไรกันตอนไหนฉันก็ไม่รู้ ไม่เคยคิดจะระแวงเลยสักครั้ง แต่ตอนแกเกิด สายตาของแกกับทิมทำให้ฉันสงสัยและตัดสินใจแอบตรวจดีเอ็นเอ จึงได้รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย... แกหลอกฉันตลอดแปดเก้าเดือนที่ท้อง แกกับทิม เลวทั้งคู่""แม่...นี่มันอะไรกัน ผมงงไปหมดแล้วนะครับ""จนป่านนี้แล้วยังไม่ชัดอีกหรือไง"ธัญญาหันมาตอบเสียงดังจนแทบเป็นตะโกน"ฉันไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของแก ฉันแค่เลี้ยงแกมา เพราะว่าแม่แท้ ๆ ของแกมันเป็นชู้ มันแค่อุ้มท้องแล้วก็คลอด แล้วก็ต้องหนีไปอยู่เมืองนอกเพราะทนขายขี้หน้าไม่ได้ที่แอบนอนกับผัวของพี่สาว..."ธามหน้าซีดเผือด ไม่กล้ามองทิพย์ลาวัณย์ให้ชัด ๆ ด้วยซ้ำ ธัญ
ธัญญาก้าวเข้าไปในห้องโดยไม่ต้องรอให้เชิญ ทิพย์ลาวัณย์เบี่ยงตัวหลบให้โดยอัตโนมัติทั้งที่ตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวคนเดิมที่ต้องฟังคำสั่งของญาติผู้พี่อยู่เสมอ...แต่เธอก็อนุญาตให้ธัญญาเข้ามาแค่คนเดียว บรรดาผู้ช่วยผู้ติดตามของเขา เธอให้รออยู่ด้านนอกธัญญามองไปรอบ ๆ ห้องพักที่มีห้องนอนย่อยสองห้อง มีชุดครัว มุมนั่งเล่นดูโทรทัศน์ และมุมอ่านหนังสือ ทุกอย่างดูสะดวกสบายครบครันสมเป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดของโรงแรม"ฉันไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว ธามเขายังดูแลได้ดีทีเดียว ดูดีกว่าตอนทิมยังอยู่เสียอีก""พี่ธัญมาทำไมคะ"ทิพย์ลาวัณย์ถามออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม ญาติผู้พี่ของเธอคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อแค่ทักทายอย่างแน่นอนธัญญาหันกลับมาทันที "แกต่างหากกลับมาทำไม 'กล้า' กลับมาทำไม หรือมันนานเกินไปจนแกลืมไปแล้วว่าแกสัญญาอะไรกับฉัน""ใช่ค่ะพี่ธัญ มันนานเกินไปแล้ว"ทิพย์ลาวัณย์ยอมรับ แววตาและน้ำเสียงอ่อนลงอย่างอ้อนวอน"มันสามสิบกว่าปีแล้วนะคะ พี่จะไม่ให้ฉันกลับมาเหยียบบ้านเกิดเมืองนอนตัวเองเลยหรือไง ฉันแค่อยากพาลูกชายฉันกลับมาเที่ยว... ไม่ได้มาเพราะต้องการจะรบกวนอะไรพี่... ขนาดงานศพพี่ทิม ฉันยังไม่มาเลย เท่านั้นยังไม่มา
เย็นนั้นลูกชายบอกว่าจะขอออกไปดินเนอร์กับเพื่อนใหม่ 'ที่อื่น'"มีบาร์ชั้นดาดฟ้าที่มองลงไปเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาครับ แวนอยากลองไปที่นั่น""ไปกับสาวก่อน แล้วค่อยพาแม่ไปวันหน้าใช่ไหม"ทิพย์ลาวัณย์แกล้งถาม แต่อีแวนยิ้มและพยักหน้าจริงจัง"แน่นอนครับ ถ้าร้านโอเคแวนจะพาแม่ไปอีกแน่นอน...""แล้วจะกลับดึกไหมลูก"อีแวนลังเลเล็กน้อย"น่าจะดึก หรืออาจจะค้างที่อื่นครับ"ทิพย์ลาวัณย์ตกใจนิด ๆ อดห่วงขึ้นมาไม่ได้ตามประสาคนเป็นแม่"ระมัดระวังตัวให้ดีนะแวน ที่นี่เมืองไทย ไม่ใช่อเมริกา""ครับ ไว้ใจได้ครับ"ชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ่ยก่อนก้มลงจูบแก้มสองข้างของมารดา แล้วขอตัวออกจากห้องไปเพื่อไปตามนัดกับเพื่อนใหม่ที่เขาว่า ทิพย์ลาวัณย์ไม่เซ้าซี้ถามว่าใคร แม้จะพอเดาได้ว่าน่าจะเป็นสาวสวยคนที่ส่งยิ้มให้ลูกชายเธอเมื่อเช้าเมื่อลูกชายไม่อยู่ ทิพย์ลาวัณย์เลยคิดว่าอาจจะโทรสั่งรูมเซอร์วิสขึ้นมาก่อนบนห้อง แต่แล้วก็เปลี่ยนใจ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้สุภาพสมวัยแล้วหยิบผ้าคลุมไหล่สีเลือดหมูลงไปที่ห้องอาหาร..."วันนี้มีดนตรีสดด้วยหรือคะ"เธอเอ่ยกับพนักงานอย่างแปลกใจตอนที่พนักงานมารับออเดอร์"ใช่ค่ะ ทุกวันศุกร์เสาร์อาทิตย์ กับวันหยุดย