ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน
ลี่ชิงตื่นมาในยามเช้า ยามเหม่าฟ้ายังไม่ทันสาง ลี่ชิงสมหญิงรู้สึกปวดระบมแผลตรงน้องโจ๊ะโม๊ะ ความปวดร้าวทั้งปวดแสบ ปวดหน่วง ปวดหนึบ ปวดตื้อ ปวดตุบๆ มันปวดผสมกันแบบรีมิกซ์เหมือนดนตรีตามผับเทค คือปวดได้โล่เบอร์นี้เลยเหรอ
ใครจะไปนึกว่าการคลอดเจ้าสองหมูตอนออกมาจะทำให้น้องสาวปวดได้ขนาดนี้ ตอนนี้ลี่ชิงรู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
"ฮือๆๆ ระบมไปหมดเลย น้องสาวจะใช้การได้อีกหรือไม่ ฮือๆ"
ลี่ชิงบ่นโอดโอยอยู่เพียงลำพัง ฟ้ายังไม่สาง แต่สาวใช้ก็เข้ามาจุดเทียนไขให้ความสว่าง คอยเติมเทียนให้ห้องนางสว่างอยู่ตลอดเวลา นางเห็นสาวใช้อายุน้อยน่าจะอายุยังไม่ถึงสิบห้าปีเดินเข้ามาพร้อมอ่างน้ำร้อนในมือ
สาวใช้ผู้นั้นมองนางอย่างหวาดกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าลี่ชิงด้วยซ้ำ
"ฮูหยินน้อยตื่นแล้วหรือเจ้าคะ เป็นอย่างไรบ้าง เจ็บแผลหรือไม่"
"ตื่นแล้ว เจ็บแผลมาก แต่ตอนนี้ข้าอยากดูหน้าของตัวเองก่อน หน้าตาข้าเป็นอย่างไรตอนนี้ข้ายังไม่รู้เลย เอากระจกมาที"
สาวใช้ทำหน้าเลิ่กลั่ก เหตุใดนางจึงพูดเหมือนเช่นไม่เคยเห็นหน้าตัวเองมาก่อน สาวใช้เดินไปหยิบกระจกมาให้ฮูหยินน้อยตามคำสั่ง ลี่ชิงรีบคว้ามาส่องดูทันที
"โห้ สวยมาก ทำไมข้าสวยขนาดนี้ โอว งาม สวรรค์สร้าง นรกเสริม เยว่เหล่าสนับสนุน"
นางอุทานออกมาอย่างดีใจ ก้มมองหน้าอกของตนเองก็ใหญ่บึ้มยิ่งกว่านางเอก AV จับเอวก็คอดกิ่ว ถึงตอนนี้เอวจะหนาไปนิด หน้าท้องจะยังป่องอยู่แต่ก็ไม่ป่องเท่าร่างสมหญิง บุญเมตตา อันนั้นไม่ได้ท้องนะ ไม่ได้คลอดด้วย แต่หน้าท้องของสมหญิงเหมือนคนท้อง 7 เดือนอยู่ตลอดเวลา ร่างนี้แม้เพิ่งคลอดยังหน้าท้องยุบกว่าร่างเก่ามาก
"ฮูหยินน้อยก็งามอยู่เสมอนี่เจ้าคะ ท่านไม่อยากตั้งครรภ์เสียด้วยซ้ำ ตลอดเก้าเดือนท่านโกรธคุณชายที่ทำท่านมีบุตร" สาวใช้กระซิบบอกนาง
ลี่ชิงหันขวับไปทันที
"ว๊าย อย่าตีข้านะเจ้าคะ ข้าเพียงพูดความจริง"
"ข้าจะตีเจ้าทำไม ข้าเพียงสงสัยว่าข้าไม่อยากท้องถึงขนาดนั้นเลยรึไง เออนี่ เจ้าชื่ออะไร ข้ามีสาวใช้ประจำตัวด้วยอย่างนั้นเหรอ"
"เสี่ยวหยุนเจ้าค่ะ ข้าเป็นสาวใช้ประจำตัวของฮูหยินน้อย" เสี่ยวหยุนมองหลบตาแบบหวาดกลัว
"ทำไมต้องมองข้าแบบนั้น"
"เอ่อ...ฮูหยินน้อยตีข้าทุกวัน ข้าเลยหวาดกลัวเจ้าค่ะ"
"ห๊า! ข้าเนี่ยนะ ตีเจ้าทุกวัน ทำไมใจร้ายจัง ไหนข้าดูซิ" ลี่ชิงดึงแขนเสี่ยวหยุนมาใกล้ ดึงแขนเสื้อสาวใช้ออกดูบนแขน เห็นรอยเขียวช้ำมากมาย
"เจ้าค่ะ ท่านชอบทุบตีข้า แต่ข้าก็ไม่เคยโกรธเคืองอันใด ข้าคิดว่าท่านโมโหง่ายช่วงตั้งครรภ์"
"ข้าขอโทษนะเสี่ยวหยุน ข้ามันแย่มาก เจ้าดูแลข้าอย่างดี ข้ายังตีเจ้าอีก ต่อไปข้าจะไม่ตีเจ้า"
"ว่าอย่างไรนะเจ้าคะ" เสี่ยวหยุนกลอกตาไปมา ทำหน้าเหมือนหลุดพ้นจากขุมนรก
"ข้าจะไม่ตีเจ้าอีกแล้ว" ลี่ชิงเอ่ยย้ำ สายตารู้สึกผิดมองเสี่ยวหยุนอย่างขอโทษ
"ขอบคุณฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ" เสี่ยวหยุนมองนางอย่างไม่เชื่อสายตา ตอนนี้เสี่ยวหยุนเองก็ไม่เชื่อหูตนเองเช่นกัน
ฮูหยินน้อยผีเข้าหรืออย่างไร หลังจากนางฟื้นจากคลอดลูกกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แววตาดุร้ายก็เปลี่ยนไปเช่นกัน กลับดูเหมือนแววตาของสตรีมีอายุผู้ผ่านโลกมามาก หรือฮูหยินน้อยถูกปีศาจอาซิ่มสิงอยู่กันแน่
"อูยข้าปวดแผลฝีเย็บปากช่องคลอด ช่องคลอดข้าคงฉีกขาดระหว่างคลอด คงรู้สึกเจ็บบริเวณช่องคลอดราว 2-3 สัปดาห์ แผลใหญ่รึเปล่าเนี่ย น้องสาวข้าแหกไปถึงไหนแล้ว เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อน ข้าอยากส่องดูเสียหน่อย"
เสี่ยวหยุนหน้าแดงแปร๊ด รีบวิ่งออกไปข้างนอก ฮูหยินน้อยพูดเรื่องนี้ได้อย่างไม่อายฟ้าดิน ในโลกที่ป้าสมหญิงจากมา เพื่อนพ้องทุกคนต่างคลอดลูก มีลูกกันคนละ 2-3 คน สมหญิงไปเยี่ยมเพื่อนคลอดบุตรที่โรงพยาบาลเป็นประจำ พูดเรื่องแผลหลังคลอดเป็นปกติ
ลี่ชิงหยิบกระจกขึ้นมาส่องดู สูดปากด้วยความเจ็บระบม
"อูยยย เจ้าก้อนซาลาเปาสองก้อน ทำจุ๋มจิ๋มแม่แหกไปรึยังหนอ"
ภาพสะท้อนบนกระจกทำให้นางหน้าแดงซ่าน อู้หูววว น้องสาวสวยมากทั้งสี ขนาดรูปทรง น่ารักเป็นบ้า ขนาดเป็นของตัวเองยังหลงรักเลย มิน่าเล่า สามีถึงรักหลงขนาดนี้ ลี่ชิงเอากระจกเคลื่อนเข้าใกล้อีกนิดเพื่อดูแผลเย็บก็เรียบร้อยดี มีเพียงรอยบวมแดงเล็กน้อยเท่านั้น เฮ้อ! โล่งอก
ฟังจากปากสาวใช้นางคงร้ายกาจมากสินะ ทะลุมิติมาทั้งทีก็มาอยู่ในร่างนางร้ายตาขวาง ทุบตีสาวใช้จนน่วมเขียวไปหมด แถมโกรธสามีที่ทำให้ตั้งท้อง คิดได้ยังไง เป็นผู้หญิงอะไรแบบนี้ ท้องกับสามีควรดีใจไม่ใช่เหรอ
หรือว่า ....นางกับสุดหล่อเฉินเซียวหลางยังไม่ได้แต่งงานกัน นี่ลี่ชิงถูกเจ้าโจรราคะกล้ามแน่นขืนใจจนตั้งครรภ์หรืออย่างไร...
แล้วทำไมต้องโกรธสามีขนาดนั้นด้วย
เรื่องนี้ป้าสมหญิงต้องหาคำตอบเสียแล้ว
เสี่ยวหยุนโผล่หน้ามาที่ประตูอีกครั้ง ลี่ชิงยิ้มให้ จนเสี่ยวหยุนมองไปด้านหลังว่าฮูหยินน้อยยิ้มให้ใคร เสี่ยวหยุนเดินเข้ามาอย่างกล้าๆ กลัว ๆ
"เสี่ยวหยุนเอาจานขนมบนโต๊ะมาให้ข้ากินที ข้าหิวมาก"
เสี่ยวหยุนเดินไปหยิบจานมาให้ ลี่ชิงกัดกินไปหลายคำ นางมองเสี่ยวหยุนแล้วเหลือขนมไว้สามชิ้น ยื่นจานให้เสี่ยวหยุน
"กินขนมช่วยข้าหน่อยเสี่ยวหยุน เจ้าดูแลข้าทั้งคืนคงเหนื่อยไม่น้อย เจ้าคงหิวเช่นกัน ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าเอง"
เสี่ยวหยุนรับจานขนมไปกัดกินพร้อมน้ำตานองหน้า
ฮูหยินน้อยต้องถูกปีศาจสิงอย่างแน่นอน เสี่ยวหยุนไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดี
เสียงฝีเท้าของผู้คนดังขึ้นหน้าห้องนอนของนาง บุรุษผู้สง่างามโผล่หน้าเข้ามาในห้อง
นั่นมันสุดหล่อเฉินเซียวหลางนี่นา อ้าวแล้วเขามากับใครมากมาย ทั้งสตรีมีอายุ สตรีอีกสามสี่นาง
สตรีมีอายุท่าทางเคร่งขรึมทำหน้าบอกบุญไม่รับมองหน้านางด้วยสายตาเย็นชา
"คารวะฮูหยินใหญ่" เสี่ยวหยุนรีบทำความเคารพฮูหยินใหญ่
"คารวะฮูหยินใหญ่เจ้าค่ะ" ลี่ชิงพยายามลงจากเตียงคารวะฮูหยินใหญ่อย่างนอบน้อม
เฉินเซียวหลางรีบวิ่งมาประคองนางไว้
"ไม่ต้องก็ได้ ท่านแม่เพียงอยากมาเยี่ยมเจ้ากับลูกของเรา เจ้ายังเจ็บแผลอยู่"
ลี่ชิงคารวะฮูหยินใหญ่อย่างนอบน้อม รู้สึกปวดแผล หญิงวัยกลางคนมองนางด้วยสายตาระคนแปลกใจ ว่าที่ลูกสะใภ้ผู้ไร้มารยาทกลับลุกจากเตียงทำความเคารพทั้งที่ยังเจ็บแผลอยู่ ช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก
"ลุกขึ้นเถิด" ฮูหยินใหญ่ปรายสายตามองด้วยสายตาเย็นชา
ร่างโปร่งของฮูหยินใหญ่เดินหน้าเชิดเข้าไปที่เตียงทารก ปรากฎรอยยิ้มละไมบนใบหน้า ผิดกับเมื่อยามมองลี่ชิงลิบลับ
บ้านนี้คงไม่มีใครรักลี่ชิงเลยสินะ ยกเว้นเฉินเซียวหลาง
ลี่ชิงได้แต่ยิ้มหน้าเจื่อนมองฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กทารกโดยไม่สนใจนางแม้แต่น้อย
งานแม่ผัวรังเกียจก็มาจ้า ลี่ชิงหนอลี่ชิง
ราชโองการสมรสพระราชทานประกาศออกไปทั่วเมืองหลวง จวนพระราชทานหลังใหญ่มีแปดห้องนอนพร้อมเรือนย่อยอีกสี่เรือน พระสนมเฟยฉางให้ชื่อจวนนี้ว่าอ้ายหนี่ แรงงานมากมายถูกเกณฑ์มาสร้างจวนอ้ายหนี่ขึ้นอย่างเร่งด่วนให้แล้วเสร็จทันงานสมรสพระราชทาน จวนขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตกแต่งด้วยคิ้วไม้หลี่สีน้ำตาลทอง เป็นจวนที่ถอดประกอบมาจากเมืองอื่นคล้ายกับเป็นการซื้อสำเร็จมาตั้งบนที่ดินที่เตรียมไว้ แล้วทาสีตกแต่งใหม่เพื่อให้ทันวันงาน ด้วยความที่ต้องสร้างจวนนี้ให้แล้วเสร็จภายในสองสัปดาห์ ช่างไม้ทั่วสารทิศรวมถึงช่างไม้หลวงรวมกับช่างไม้ที่ร้านของท่านราชครูแทบไม่ได้หลับได้นอน จวนอ้ายหนี่แล้วเสร็จในเวลาเพียงสิบวัน ใช้งบการสร้างส่วนพระองค์ประทานให้แก่แม่ทัพเหวินซูเป็นรางวัลทำศึก ส่วนเฉินเซียวหลางถูกองค์ฮ่องเต้กึ่งบังคับให้กลับไปรับตำแหน่งเดิมที่เคยสอบได้คือตำแหน่งจอหงวนหรือจ้วงหยวน รับหน้าที่ดูแลกรมการค้า ระดับขุนนางขั้นสาม บัญชีรายชื่อของเขายังอยู่ในระยะเวลาสองปีเพื่อเรียกมารายงานตัว พระสนมเฟยฉางรับเด็กฝาแฝดเป็นบุตรบุญธรรม พระสนมทูลเสนอให้เฉินเซียวหลางกลับไปรับตำแ
ลี่ชิงให้นมบุตรเรียบร้อย เด็กทั้งสองอิ่มจนหลับไป ญาติผู้ใหญ่ฝั่งแม่ทัพเหวินซูเอาเด็กน้อยทั้งสองไปอุ้มเล่น ผลัดกันอุ้มกับฮูหยินใหญ่ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาของแม่ทัพดีใจมาก อุ้มหลานชายไม่ยอมปล่อย ท่านราชครูอี้ชวนเข้ามาแย่งอุ้มพร้อมสวมกำไลข้อเท้าทำจากทองคำลายอินทรีย์ให้เด็กชายน้อย ท่านราชครูมอบกำไลข้อเท้าให้เด็กหญิงน้อยเช่นกัน เมื่อเหล่าคนแก่เห็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ของเด็ก ยิ่งหลงใหลกว่าคราวที่ตนมีลูกเสียอีก ลี่ชิงนั่งหน้ามุ่ยเป็นกังวลเรื่องของตนเอง นางกลัวว่าทุกคนจะแย่งเจ้าลูกหมูน้อยไปจากอ้อมอก ลี่ชิงทั้งหวาดกลัวทั้งกังวลกับทุกเรื่องจนร้องไห้ออกมา เหวินซูกับเฉินเซียวหลางได้แต่เข้ามาปลอบนาง ช่วยเช็ดน้ำตาให้ไม่ห่าง ฮ่องเต้เสด็จ! ขันทีกล่าวด้วยเสียงแหลมเสียดแก้วหูดังขึ้นด้านนอก องค์ฮ่องเต้เสด็จมาจากทางตำหนักใหญ่ พระองค์อยากใช้ความคิดเพียงลำพังเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม่ทัพคนโปรดคู่บัลลังก์หาเรื่องยุ่งยากซับซ้อนมาให้พระองค์ปวดหัวในรอบสิบปี ไหนจะเรื่องรางวัลทำศึกที่ขอไว้อีก มีอย่างที่ไหน อยากได้สตรีในจวนผู้อื่นเป็นรางวัลทำศึก
ทั้งแม่ทัพเหวินซูและเฉินเซียวหลางรวมถึงทุกคนทำหน้าเหมือนเห็นผี เจ้าลูกหมูก็ร้องโยเยขึ้นมา ลี่ชิงเดินไปอุ้มลูก ฮูหยินใหญ่เดินเข้ามาช่วยนางโอ๋เด็กน้อยทั้งสองให้เงียบเสียงลง เมื่อเจ้าลูกหมูถูกลี่ชิงอุ้มไว้ในอ้อมแขน เด็กน้อยซุกหน้าเข้าหาอ้อมอกมารดาอย่างคุ้นเคย ฮูหยินใหญ่อุ้มเด็กหญิงน้อยไว้ในอ้อมแขน เด็กหญิงดันกายออกจากอก ยื่นมือน้อยไปทางมารดา ลี่ชิงจำต้องนั่งลง อุ้มบุตรทั้งสองไว้ในอ้อมกอด “ข้าขออธิบายทีหลัง ที่นักพรตกล่าวเป็นความจริง ข้าไม่ใช่ลี่ชิง” คุณป้าสมหญิงถอนหายใจ กลัวอย่างเดียวว่าจะถูกแย่งลูกหมูไป แล้วคนพวกนี้ก็จับคุณป้าไปทรมานเหมือนในภาพยนตร์สยองขวัญ “พิสูจน์เลือดบุตรให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” เหวินซูกล่าวออกมา เขายังมองไปทางร่างบางกอดบุตรไว้ในอ้อมแขน นักพรตเริ่มพิธีกรรมอีกครั้ง นำจอกเลือดทั้งสองจอกมาวางตรงหน้าเหวินซู จอกเลือดอีกสองจอกมาวางตรงหน้าเฉินเซียวหลาง สองบุรุษลุ้นจนแทบขาดอากาศหายใจ เลือดของแม่ทัพเหวินซูรวมกับเลือดของเด็กชาย ส่วนเลือดของเด็กหญิงรวมกับเลือดของเฉินเซียวหลาง “เด็กชายเป็นบุตร
องค์ฮ่องเต้ประทับที่เก้าอี้ตำแหน่งประธาน ด้านข้างมีองค์สนมกุ้ยเฟยประทับเยื้องอยู่ทางด้านซ้าย ตำแหน่งรองลงมาคือราชครูอี้ชวนผู้เป็นท่านตาของแม่ทัพ เสนาบดีเหวินหลางเยี่ยบิดาแม่ทัพกับฮูหยินผู้เป็นมารดาแม่ทัพนามว่าอี้ฟางเจิน บุตรสาวราชครูอี้ชวน “ถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปีพ่ะย่ะค่ะ คารวะเสด็จอาหญิง คารวะท่านพ่อท่านแม่” แม่ทัพเหวินซูคารวะองค์ฮ่องเต้ พร้อมด้วยญาติผู้ใหญ่ทุกคน แม่ทัพเหวินซูไม่ได้คาดคิดว่าญาติผู้ใหญ่ฝ่ายตนจะแห่กันมามากมายขนาดนี้ ดูหน้าบิดามารดากับท่านตาของเขานั่นเล่า เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เขาแอบเห็นมือท่านตาถือกำไลข้อเท้าเด็กทองคำ นักพรตราชวงศ์แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวขลิบเทา กำลังนำกระดานชนวนออกมาขีดเขียนอักขระ แพทย์หลวงต่างเข้ามายืนด้านข้างเพื่อช่วยการตรวจพิสูจน์ไม่ให้บิดพลิ้วได้ “ถึงเวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ ให้ทำพิธีที่กรมพิธีการหรือทำที่นี่พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้านักพรตกล่าวกับองค์ฮ่องเต้ “ทำที่นี่ เจิ้นขี้เกียจเดิน” องค์ฮ่องเต้อยากรู้เต็มทน เช่นเดียวกับทุกคนในห้องนี้ หากจะเดินย้อนกลับไปที่กรมพิธีการก็ใช้เวลาอีกไม
รถม้าคันงามตีตราสัญลักษณ์อินทรีย์ ทำจากไม้หลี่เนื้อดีสลักลายอินทรีย์กรุด้วยทองคำแผ่นบาง รถม้าแล่นไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวง แม่ทัพเหวินซู เฉินเซียวหลางและลี่ชิงนั่งอยู่ภายในรถม้าคันเดียวกัน เฉินเซียวหลางรินชาให้ศิษย์พี่ เขารินให้ตนเองกับลี่ชิงทีหลัง “ข้าผิดเอง” เฉินเซียวหลางถอนหายใจ “เรื่องนี้คงไม่ถือว่าเจ้าเป็นคนผิด เจ้าเองก็ดูแลลี่ชิงเป็นอย่างดี ทั้งช่วงนางตั้งครรภ์จนเด็กทั้งสองคลอดออกมา” “แล้วหากเด็กทั้งสองเป็นบุตรของท่าน” เฉินเซียวหลางมองหน้าศิษย์พี่เหวินซู “ข้าต้องรับเด็กทั้งสองไปเลี้ยงดูในฐานะบุตรข้า”เหวินซูตอบ เขาลอบมองหน้าลี่ชิง อยากรู้ว่านางคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ “แล้วเจ้าเล่าลี่ชิง จะทำอย่างไรต่อ” เฉินเซียวหลางหันไปถามลี่ชิง เฉินเซียวหลางนึกถึงคราวที่เขาขอนางแต่งงาน เขามองสร้อยข้อมือที่เคยใช้ขอนางแต่งงาน นางยังสวมอยู่บนข้อมือไม่เคยถอด แต่เมื่อนึกถึงเรื่องราชโองการ เฉินเซียวหลางถึงกับถอนหายใจออกมา “ข้าตกลงแต่งให้คุณชายเฉิน” ลี่ชิงเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ทัพเหวินซู “แล้วข้าเล่า” แม่
ยามเหม่า ณ จวนสกุลเฉิน บ่าวไพร่สาวใช้ในจวนสกุลเฉินคึกคักตั้งแต่ต้นยามเหม่า ฟ้ายังไม่ทันสางดีเสียด้วยซ้ำ ทุกคนวิ่งวุ่นกันจ้าละหวั่น สาวใช้ตระเตรียมอาภรณ์งดงามและเครื่องประดับให้ฮูหยินน้อยอย่างสมฐานะ อาภรณ์ไหมตัวนอกถูกส่งมาจากจวนแม่ทัพเหวินซู พร้อมเครื่องประดับทำจากปะการังแดง ฮูหยินใหญ่เลือกเครื่องประดับผมให้ลี่ชิง ฮูหยินใหญ่หลี่เฟยปักปิ่นทำจากทับทิมบนมวยผมของลี่ชิง “เจ้างามมากลี่ชิง” “ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ” “วันนี้ผลจะเป็นอย่างไร พวกเราคงต้องยอมรับความจริง” ฮูหยินใหญ่แววตาหม่นเศร้า เมื่อนึกถึงผลตรวจพิสูจน์โลหิตเด็กน้อยทั้งสอง หากเป็นบุตรแม่ทัพเหวินซูจริง สกุลเฉินต้องคืนทั้งแม่ทั้งลูกให้กับเหวินซูตามราชโองการ เฉินเซียวหลางมองลี่ชิงแต่งกายอย่างงดงาม ผิวขาวอมชมพูตัดกับอาภรณ์ไหมสีส้มแดง เครื่องประดับเข้าชุดขับเน้นความงามของผิวพรรณสตรีตรงหน้า เฉินเซียวหลางถึงกับลืมหายใจเมื่อเห็นลี่ชิงเดินออกมาหน้าเรือน หลากหลายความรู้สึกถาโถมเข้ามาในห้วงอารมณ์ ทั้งกลัวสูญเสียนางกับลูกไป ทั้งรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้าง เมื่อนึกถึงความเป็นจริงที