공유

ผู้น่าสงสัย

작가: Yuyueyuan
last update 최신 업데이트: 2025-05-27 09:30:21

หลังจากออกว่าราชกิจที่ท้องพระโรง ฮ่องเต้และราชครูหม่าก็ไปยังห้องทรงงาน ณ ตำหนักหย่งฟู่

“เรื่องที่ฝ่าบาทให้กระหม่อมสืบได้ความว่าท่านมหาเสนาบดีเหยาอยากอุ้มหลาน เลยสั่งให้เหยาเฟยใกล้ชิดกับฝ่าบาทเพิ่มขึ้นพะย่ะค่ะ ”

“เจ้าคิดว่าสาเหตุมีเพียงเท่านี้หรือ” ฮ่องเต้ถามกลับด้วยความคลางแคลงใจ

“แค่นี้จริงๆพะย่ะค่ะ เรื่องอื่นๆ ล้วนไม่มีสิ่งใดน่าสงสัย มิต้องทรงวิตกกังวล เรื่องสำคัญสำหรับฝ่าบาทในตอนนี้คือให้กำเนิดองค์รัชทายาทได้แล้วพะย่ะค่ะ”

ราชครูหม่าทำมือประสานกันค้อมตัว หลบสายตาขณะกล่าวตอบฮ่องเต้ เขาก้มหน้าแล้วกล่าวต่อ

“กระหม่อมคิดว่า ฝ่าบาทควรต้องใช้เวลาในยามค่ำคืนกับพระสนมได้แล้วพะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นจะส่งผลต่อความมั่นคงของพระราชบัลลังก์และความสงบของรัฐต้าเซี่ยได้”

“เจ้าอย่ารวบรัดเจิ้น เจิ้นยังไม่อยากใกล้ชิดสตรี” ริมฝีปากบางของฮ่องเต้เริ่มเปล่งน้ำเสียงไม่พอใจออกมา

“หามิได้พะย่ะค่ะ แต่ฝ่าบาทควรเริ่มได้แล้ว ยิ่งเร็วยิ่งดี แม้กระหม่อมจะไม่พูดวันนี้ แต่อีกไม่กี่วันไทเฮาคงมีรับสั่งออกมาอยู่ดีพะย่ะค่ะ” คู่สนทนายังคงก้มหน้าและตอบออกไปอย่างไม่เกรงกลัว

ดวงตาหงส์ของฮ่องเต้หรี่ลง หัวคิ้วเริ่มขมวดและเม้มริมฝีปาก แขนกำยำทั้งสองข้างกอดอก เขาใช้ความคิด พลันก็หันไปสั่งเฉิงกงกงว่า

“เฉิงกงกง เจ้าจงนำป้ายชื่อพระสนมมาให้เจิ้นด้วย”

เฉิงกงกงน้อมรับพระบัญชาด้วยความตกใจ ‘สวรรค์ ฝ่าบาทจะทรงยอมใกล้ชิดกับสตรีเสียที’เขารีบตอบรับ

“พะย่ะค่ะฝ่าบาท” จากนั้นก็เดินร่างปลิวออกไปจากห้องทรงงาน

เมื่อทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ตรัสกับราชครูหม่า

“ท่านไปได้แล้ว เจิ้นก็จะกลับตำหนักล่ะ” พูดจบก็เสด็จออกจากตำหนักหย่งฟู่ตามเฉิงกงกงไป

ฮ่องเต้เสด็จถึงตำหนักเหอเซิ่งก็เริ่มเข้าสู่ยามโหย่ว (17.00 – 18.59 น.) เหล่าขันทีเริ่มนำพระกระยาหารขึ้นโต๊ะ ขันทีอันก็นำอาหารของเสี่ยวหู่มาวางเช่นกัน

‘กินดีอยู่ดีกว่าฉันตอนนี้อีกนะเจ้าการ์ฟีลด์’ เถียนจิ้งหลานในร่างขันทีอันพยายามเลียนแบบท่าทางของเจ้าของร่างตัวจริงด้วยความตั้งอกตั้งใจ จนไม่ได้สังเกตกับสถานการณ์รอบข้าง

“ฝ่าบาท ป้ายชื่อมาแล้วพะย่ะค่ะ ทรงเลือกตามที่พอพระทัยได้เลยพะย่ะค่ะ” เฉิงกงกงน้อมตัวยื่นแขนที่ถือถาดใส่ป้ายชื่อพระสนมทั้งสามให้ฮ่องเต้ได้ทรงทอดพระเนตร

“ไม่ครบทุกคนนี่” ฮ่องเต้เพียงกวาดสายตามองก็เอ่ยออกมา

“เถียนเฟยยังไม่ได้สติ กระหม่อมเลยเอาป้ายชื่อออกพะย่ะค่ะ” มือที่ถือถาดป้ายชื่อก็เริ่มสั่นขึ้นมาเล็กน้อย แม้อยู่รับใช้ฮ่องเต้ตั้งแต่ยังทรงเป็นองค์ชายน้อย แต่เรื่องเกี่ยวกับสตรีก็ไม่สามารถเดาพระทัยของฮ่องเต้ได้

“เจิ้นจะเลือกเถียนเฟย เจ้าไม่ต้องโต้แย้งไปเอาป้ายชื่อนางมา เจิ้นจะเสวยอาหารแล้ว”

ฮ่องเต้พูดตัดบทจบก็นั่งลงบนโต๊ะ ยกมือลูบหัวเสี่ยวหู่ที่กำลังจะเริ่มกินอาหาร

“กินปลาเยอะๆจะได้เฉลียวฉลาดมีสติปัญญา ขันทีอัน เจ้าก็ด้วย ช่วงนี้เจ้าควรกินปลาเยอะๆ”

ตาหงส์ของฮ่องเต้ละจากเสี่ยวหู่เงยขึ้นมองขันทีอัน สายตาแสดงออกถึงความสงสารไม่ก็สมเพช

เถียนจิ้งหลานในร่างขันทีอัน ได้ยินดังนั้นจากที่เหม่อลอยก็พลันได้สติ “พะย่ะค่ะ” ‘ฮ่องเต้มีไหมจะไม่แขวะฉัน’

“พอเจิ้นเสวยเสร็จ จะอาบน้ำก่อนไปตำหนักซินหยวน ขันทีอัน เจ้าไปดูแลเจิ้นในห้องสรงน้ำจากนั้นตามเจิ้นไปตำหนักซิน หยวนด้วย”  

ขันทีอันฟังเพลินๆก็สะดุ้งตกใจ รับคำ “เพ...”เมื่อได้สติก็รีบเอามือปิดปากตนเอง ดีที่ยังไม่หลุด “คะ”ออกจากปาก

‘ปกติฮ่องเต้จะอยู่ในห้องอาบน้ำคนเดียว แล้วทำไมรอบนี้ต้องมีขันทีคอยรับใช้ อีกทั้งขันทีหนุ่มน้อยมีตั้งหลายคน ทำไมต้องเป็นขันทีอัน โอ้ย ต้องอยู่ในห้องอาบน้ำกับฮ่องเต้อีกครั้ง ความซวยมาเยือนฉันแล้ว ล่ะ...แล้ว อะไรนะ ตำหนักซินหยวน ฝ่าบาทจะเสด็จไปทำไมกัน’  ในใจเริ่มคิดฟุ้งซ่าน แต่ต้องตอบรับ “พะย่ะค่ะ”

ภายในห้องสรงน้ำที่มีแสงสลัว ขันทีอันนำอุปกรณ์อาบน้ำและผ้าคลุมมาแขวนไว้ แล้วยืนรอฮ่องเต้อยู่ด้านข้างสระอย่างเงียบเชียบ

ครั้นฮ่องเต้เสด็จมาถึงก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ปลดฉลองพระองค์ของเจิ้นออก”

“พะ พะ พะย่ะค่ะ” ขันทีร่างน้อยเดินมาอยู่ข้างๆพระวรกายฮ่องเต้ มือบางสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ค่อยๆยื่นไปปลดฉลองพระองค์อย่างงกๆเงิ่นๆ

‘ทำไมใส่หลายชั้นอย่างนี้นะ ถอดยากชะมัด’ 

คิดไปพลางเอาแขนทั้งสองข้างโอบกายฮ่องเต้ขณะถอดฉลองพระองค์ ด้วยความที่ตั้งใจมากไปจึงไม่ได้ระวังตนเอง ‘โป๊ก’ เสียงหน้าผากของขันทีอันกระแทกเข้าไปที่คางของฮ่องเต้อย่างจัง

“โอ๊ย” ขันทีน้อยร้องออกมา พร้อมเอามือลูบศีรษะตนเองให้คลายความเจ็บ ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความเย็นเยียบกระจายอยู่ทั่วร่างกาย พลันได้สติก็รีบคุกเข่าด้วยตัวสั่นเทา ‘ข้าคงไม่ทำให้ตัวเองและขันทีอันตายไปพร้อมกันหรอกนะ’

“กระหม่อมขอประทานอภัย ฝ่าบาททรงได้รับบาดเจ็บไหมพะย่ะค่ะ”

“ลุกขึ้น แล้วมาใกล้ๆเจิ้น” เสียงรับสั่งดังขึ้นอย่างขุ่นเคือง

ขันทีอันได้ยินดังนั้นก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไปยังฮ่องเต้ ท่อนล่างของฮ่องเต้ยังสวมกางเกงอยู่ แต่ท่อนบนเปลือยเปล่าเห็นมัดกล้ามเนื้ออันสมบูรณ์

‘อูย ลีนสวยมากเลย หนึ่ง สอง สาม...แปดแพค สุดยอด’ ถึงจะอยู่ในร่างชายหนุ่ม แต่จิตวิญญาณยังเป็นสาวน้อยอยู่จึงอดมองไม่ได้

“เจิ้นบอกให้เจ้าลุกขึ้นมาหาเจิ้น”

เสียงกดต่ำของฮ่องเต้ทำให้ผู้ฟังรู้สึกหวาดกลัวอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขันทีอันรีบลุกขึ้นจึงเซถลาล้มลงไปกองข้างพระบาทฮ่องเต้

‘แง แง ตายแน่ๆ’ “หม่อมฉันขออภัย ขอประทานอภัยเพคะ”

เขาหลุดพูดหม่อมฉันและเพคะออกไปแต่เสียงยังคงเป็นชาย

ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว เขาก้มตัวแล้วก็คว้าแขนของขันทีอันกระชากขึ้นให้ลุกขึ้นยืน แล้วดึงเข้ามาใกล้กับร่างกายกำยำของเขา ก้มพระพักตร์จ้องมองหน้าขันทีอัน นิ้วมืออีกข้างค่อยๆลูบบริเวณกรามไล่ลงมาตามคางแล้ววนไปทางหลังคอ

ช่างเป็นภาพให้ผู้คนที่เห็นเคอะเขินยิ่งนัก!

สาวน้อยที่อยู่ในกายชายหนุ่ม มีหรือที่จะไม่ใจสั่น ความรู้สึกนึกคิดส่งผลต่อร่างกายขันทีอัน ใบหน้าขันทีอันค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อลามไปยังใบหูและลำคอ

มือของฮ่องเต้ที่กำลังลูบคล้ายกับกำลังค้นหาบางสิ่งก็หยุดลง

‘ไม่ได้สวมหน้ากากหนังมนุษย์ แล้วทำไมถึงเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนกัน’ ฮ่องเต้ขมวดคิ้วสงสัย

“ออกไปรอข้างนอก เจิ้นจะอาบน้ำ”

ขันทีหนุ่มเหมือนได้ยินเสียงสวรรค์รีบกระวีกระวาดออกจากห้องอาบน้ำ มายืนรอหน้าห้อง ถอนหายใจอย่างโล่งอก กล่าวพึมพำกับตนเอง

“ดีนะรอดมาได้ ถ้าต้องอยู่กับฮ่องเต้ตอนเปลือย ฉันคงเป็นลมแน่ๆ”

คิดภาพตอนถูกลูบแถวแก้มอีกรอบก็บิดตัวเขิน กรี๊ดในใจเงียบๆ

‘ทำไมยุคนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือกับอินเตอร์เน็ตเนี่ย ฉันอยากจะกรี๊ดผ่านวีแชทกับเวยป๋อให้บรรดาเพื่อนสาวอิจฉาเล่น’

ยังไม่ทันหายตื่นเต้น ฮ่องเต้ก็เสด็จออกมา ปรายตาหงส์มองไปยังขันทีหนุ่มที่ยังยืนบิดตัวอยู่ ริมฝีปากบางเปล่งเสียง

“เจ้าตามเจิ้นไปตำหนักซินหยวน” จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงเบาจนผู้อื่นแทบไม่ได้ยิน “เจ้าเสี่ยวหู่สอง”

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ฮองเฮาจอมซุ่มซ่ามของเจิ้น   เที่ยวยุคปัจจุบัน

    นางกำนัลหน้าแดงอย่างขวยเขินเพราะเข้าใจสิ่งที่องค์หญิงซิงหยวนต้องการ นางรีบวิ่งไปทำตามสั่งโดยไม่คิดชีวิตฤกษ์ดีๆ อย่าให้พลาดเรื่องดีๆหยางหย่วนเฟิงรู้สึกงุนงงหลังจากได้ดื่มน้ำแกงสร่างเมา เขาพอมีสติอยู่บ้างแต่ก็ยังอยากนอนมากกว่า“ข้าอยากพักผ่อนแล้ว เจ้าลิงน้อยก็นอนเถอะ” น้ำเสียงงัวเงียบอกกับหญิงสาวที่มีสีหน้าบอกบุญไม่รับ“ไม่ได้” นางตอบ มือเรียวทั้งสองค่อยๆปลดเสื้อผ้าของชายหนุ่มออก มือหนายกขึ้นมาปัดป้อง “บอกว่าง่วง” เสียงเขาราวกับเด็กน้อยที่เอาแต่ใจ แต่สตรีตรงหน้าไม่สนใจ นางยังคงทำตามปณิธานของตน “อย่าดื้อสิ” นางสั่งเขาพลางถอดเสื้อผ้าของพวกเขาทั้งคู่ออกจนหมด เจ้าบ่าวป้ายแดงดิ้นขัดขืนส่งเสียงงอแง กลับถูกเจ้าสาวจับคางให้นิ่งก่อนก้มลงจุมพิตเขา เมื่อถูกริมฝีปากหวานฉ่ำรุกล้ำภายในปากของตน ก็ทำให้สติสัมปชัญญะของเขาตื่นเต็มที่ มือแกร่งยกขึ้นมารั้งที่ท้ายทอยหญิงสาว อีกมือลูบบริเวณสะโพกกลมกลึง ก่อนที่จะเปลี่ยนพลิกตัวขึ้นเป็นฝ่ายที่ควบคุมนางแทน ในตำหนักเหอเซิ่ง มีเพียงแค่ชายหญิงสองคนเกี่ยวพันกันอย่างเร้าร้อน พวกเขาสั่งให้กงกง ขันทีและองครั

  • ฮองเฮาจอมซุ่มซ่ามของเจิ้น   พิธีมงคลสมรส

    ที่ประตูเมืองหลวงของรัฐต้าเซี่ย เถียนจิ้งหลานยืนอยู่ข้างกายฮ่องเต้ด้วยสีหน้าเศร้าหมอง“ซือฝุจะไปจริงๆหรือเจ้าคะ” เธอรู้ว่าซือฝุตัดสินใจแล้วยังไงก็ไม่เปลี่ยนใจ เพียงแค่ใจหายที่ต้องบอกลากันเร็วถึงเพียงนี้“อืม” เถียนเหว่ยฉีบอกกับหญิงสาว เขามองฮ่องเต้แล้วพยักหน้าให้ถือว่าเป็นอันรู้กัน“ตอนที่ข้าเดินทางไปแอบดูท่านพี่หม่า ซือฝุจะไปด้วยหรือไม่เจ้าคะ”เถียนเหว่ยฉีนิ่งไปพักหนึ่งก่อนตอบว่า “ถ้าข้าสำเร็จวิชาและมีเวลาว่างข้าจะไป” เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าสำนักที่ปรมาจารย์ไป๋แนะนำเพื่อฝึกตนเป็นเทพเซียนปฐพี การจากไปครั้งนี้ก็เพื่อแสวงหาความก้าวหน้าให้แก่ตนเอง“โชคดีนะเจ้าคะ ถ้ามีโอกาสข้าจะให้ฝ่าบาทพาไปพบซือฝุ” เธอกล่าวเช่นนั้นเพราะจำได้ว่าสามีของตนเคยอวดอ้างว่าขนาดเทพเซียนปฐพียังต้องเกรงใจเขา นั่นหมายความว่าเขารู้เรื่องราวเกี่ยวกับเทพเซียนปฐพีและน่าจะสามารถเดินทางไปได้ฮ่องเต้ไม่ได้เอ่ยปฏิเสธหรือตอบรับ เขาเอื้อมมือโอบไหล่ เถียนจิ้งหลาน ก่อนจะกล่าวกับบุรุษตรงหน้า “เดินทางปลอดภัย”เถียนเหว่ยฉีหันหลังให้พวกเขาก่อนหยิบของบางอย่างและทำตามคำแนะนำของปรมาจารย์ไป๋ก่อนที่เขาจะหายตัวไปท่ามกลางฝูงชนเถียนจิ้งห

  • ฮองเฮาจอมซุ่มซ่ามของเจิ้น   กลับต้าเซี่ย

    ด้วยความที่เสียเวลาเดินทางมานาน เมื่อพวกเขานั่งเรือกลับมาถึงฝั่งก็เปลี่ยนเป็นเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่และรับทุกคนเดินทางกลับต้าเซี่ยเลยทีเดียว เว่ยฟางหลิงยังต้องกลับไปเก็บของที่วัง เยี่ยนไป๋อวิ๋นและองค์หญิงซิงหยวนขอลงที่ท่าเรือของรัฐเฉียนเยี่ยนและอวิ๋นโจวเพื่อจัดการธุระของตน ที่ดูหงอยเหงามากที่สุดคงหนีไม่พ้นหยางเหว่ยเสียง ปกติเขาจะชอบพูดคุยกับราชครูหม่า ตอนนี้ราชครูหม่าก็ย้ายไปอยู่ในที่แสนไกลแล้ว เขาคงไม่มีคนให้ซักถามเกี่ยวกับเรื่องโหราศาสตร์และดาราศาสตร์ที่เก่งขนาดนั้นอีกแล้ว ส่วนเยี่ยนไป๋อวิ๋นนั้นถือเป็นสหายที่รู้ใจเขามากที่สุด อยู่ด้วยกันมานานพูดคุยเข้าใจกันทุกเรื่อง พอคิดว่าเยี่ยนไป๋อวิ๋นจะต้องกลับสำนักหลานถาเป็นผู้สืบทอด นานทีปีหนจะลงจากเขา ความเศร้าหดหู่ก็เข้ามาเกาะกุมหัวใจของเขาจนยากที่จะขจัดออก “เจ้าเป็นอะไรไป” เยี่ยนไป๋อวิ๋นเดินมานั่งลงข้างกายเขาหลังจากที่พูดคุยกับเถียนเหว่ยฉีเสร็จ “เดี๋ยวไม่กี่วันเจ้าก็ต้องกลับสำนักแล้ว ข้าคงเหงาน่าดู” เยี่ยนไป๋อวิ๋นเขยิบกายเอาไหล่ตนชนกับไหล่ของหยางเหว่ยเสียง “ถ้าข้ามีเวลาไปหาเจ้า เจ้าจะแต่งกายเป็น

  • ฮองเฮาจอมซุ่มซ่ามของเจิ้น   เรื่องเล่าฮ่องเต้

    เถียนจิ้งหลานนอนซุกอกกำยำของฮ่องเต้ นิ้วเรียวเขี่ยหน้าอกเขาเล่นด้วยความเพลิดเพลิน“เป่าเป้ยเล่าเรื่องท่านพี่หม่าให้หม่อมฉันฟังเลยเพคะ”“อืม เรื่องมันยาว” เขาไม่รู้จะเริ่มต้นเล่าอย่างไรดี“เจิ้นต้องเล่านิทานเรื่องหนึ่งก่อน จึงจะเล่าเรื่องของ หมิงเจ๋อต่อได้” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขากระตุ้นให้สตรีน้อยยิ่งอยากฟังมากขึ้น“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีสตรีโฉมงามปานเทพธิดานางหนึ่งครองรักอยู่กับบุรุษรูปงามดั่งเทพเซียน พวกเขาทั้งสองวางแผนไว้ว่าหากสตรีนางนั้นทำภารกิจที่อาจารย์มอบหมายไว้ให้เรียบร้อยคนทั้งคู่ก็จะแต่งงานกัน” เขาก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของหญิงสาวที่นอนฟังราวกับกระต่ายตัวน้อยก่อนจะเล่าต่อ“สตรีนางนั้นต้องต่อสู้กับศิษย์ร่วมสำนักอีกคน ตามกฎของการประลองคือห้ามผู้ใดเข้าช่วยเหลือได้ เมื่อสตรีนางนั้นเพลี่ยงพล้ำถูกกระบี่ของอีกฝ่าย เขาก็ไม่ได้นิ่งเฉยรีบเข้าไปหวังจะช่วยเหลือนาง เพียงแต่ว่าเขาไปช้าเพียงเสี้ยวเวลาเดียวเท่านั้นจึงทำให้ช่วยนางไว้ไม่ทัน นางสิ้นใจในอ้อมอกของเขา”ร่างแกร่งของชายหนุ่มที่เล่าเรื่องเริ่มสั่นไหว ความรู้สึกเศร้าจนหายใจไม่ออกทำให้หน้าอกกระเพื่อมมากขึ้น น้ำเสียงของเขาเริ่มสั่น

  • ฮองเฮาจอมซุ่มซ่ามของเจิ้น   เตรียมตัวกลับ

    ฮ่องเต้อุ้มเถียนจิ้งหลานเดินนำคนอื่นๆไปยังทางออกอีกฝั่งของถ้ำ ภายในถ้ำยังคงสว่างไสวจากประกายแสงของคริสตัลสีฟ้าน้ำทะเล พวกเขาใช้เวลาเดินประมาณสามก้านธูปก็ได้พบกับประตูหินบานใหญ่ซึ่งเป็นทางออกอีกด้านของถ้ำ เนื่องจากตอนที่พวกเขาเปิดประตูถ้ำนั้นต้องใช้แก้วมณีมังกรทำให้กลไกของประตูเปิดและตอนนี้มันก็ยังคงอยู่ในลิ้นของหินรูปร่างมังกร เมื่อสำรวจกับประตูบานตรงหน้าก็คล้ายกับว่าต้องใช้แก้วมณีมังกรเช่นกัน “เดี๋ยวกระหม่อมจะย้อนไปหยิบให้พะย่ะค่ะ” เจียงจิ้นเผิงเสนอตัวอาสา “ช้าก่อน” เถียนเหว่ยฉีรั้งเขาไว้ “ปรมาจารย์ไป๋ไม่น่าจะขยันหยิบแก้วมังกรไปมา เขาต้องมีวิธีเรียกมันมาได้แน่ๆ” “ข้าคุมน้ำให้มากับน้ำดีหรือไม่เจ้าคะ” เถียนจิ้งหลานที่กำลังอ่อนล้าก็อยากช่วยเช่นกัน “ไม่ต้องๆ ไม่รบกวนเถียนเฟยพะย่ะค่ะ” ทั้งเจียงจิ้นเผิงและเมิ่งจื่อหานกล่าวห้ามพร้อมกัน พวกเขาไม่ได้ประจบเอาใจ เพียงแต่ว่าถ้านางควบคุมน้ำได้ไม่ดี พวกเขาอาจจะต้องไหลไปตามน้ำหรือไม่ก็ตัวเปียกอีกรอบ ฮ่องเต้เพ่งมองไปรอบๆบริเวณอย่างช้าๆ ก่อนที่จะฝากให้เถียนเหว่ยฉีอุ้มเถียนจิ้งหลา

  • ฮองเฮาจอมซุ่มซ่ามของเจิ้น   ผู้ครอบครองเข็มทิศ

    เมื่อเดินใกล้ถึงด้านหัวของหินก้อนนั้นจึงมองออกว่าหินก้อนนั้นคือหินรูปมังกร ศีรษะมังกรขนาดใหญ่อ้าปากคำรามน่าเกรงขาม ข้างหลังของศีรษะมังกรเป็นถ้ำถูกปิดด้วยประตูหินที่แกะสลักลวดลายมังกรอย่างวิจิตรบรรจงเจียงจิ้นเผิงเดินเข้าไปใกล้ประตูหินนั้น เขาลองผลักประตูแต่ไม่ว่าจะใช้แรงมากเท่าไหร่ประตูก็ไม่มีทีท่าจะขยับเลยแม้แต่น้อยฮ่องเต้พินิจพิเคราะห์ในปากมังกร เขาล้วงมือเข้าไปหยิบห่อผ้าออกมาจากหน้าอกตนเอง ก่อนหยิบแก้วมณีมังกรใส่ลงไปตรงกลางลิ้นของมังกร เมื่อแก้วมณีมังกรลงช่องที่พอดีกับขนาดของมันก็ทำให้หินรูปมังกรนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงบริเวณลำตัวจากสีน้ำตาลเข้มแกมดำเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกตสดใส ดวงตาของมังกรก็เปล่งประกายสีแดงก่ำราวกับโกเมน จากนั้นประตูหินค่อยๆแง้มออกต้อนรับแขกผู้มาเยือนภายในถ้ำของเกาะแห่งนี้แตกต่างจากเกาะแรกราวฟ้ากับเหว ขนาดพื้นที่กว้างขวาง โอ่โถง พื้นและผนังถ้ำเป็นหินอ่อน ส่วนเพดานเต็มไปด้วยหินคริสตัลสีฟ้าน้ำทะเลส่องแสงระยิบระยับสะท้อนไปทั่วทั้งถ้ำ ทำให้ไม่จำเป็นต้องจุดคบไฟเพื่อให้ความสว่างก่อนที่จะเดินเข้าไปในถ้ำ ฮ่องเต้คว้าตัวเถียนจิ้งหลานไว้ มือใหญ่ทั้งสองจับที่คางของนางก่อนที่

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status