공유

บทที่ 33 งานเลี้ยงสกุลสุ่ย

작가: BigM00N
last update 최신 업데이트: 2025-05-23 21:42:50

จวนสกุลสุ่ยสมแล้วที่เป็นจวนสกุลเดิมของฮองเฮาองค์ปัจจุบัน ไม่เพียงกว้างขวางและใหญ่โตภายในจวนยังได้รับการตกแต่งอย่างดี สวนหินและสวนไม้ดอกสามารถโอ้อวดผู้คนได้อย่างภาคภูมิใจ โม่ชิงเยว่ที่ได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไปด้านในยังอดรู้สึกชื่นชมการตกแต่งจวนของจวนสกุลสุ่ยไม่ได้

ยามนี้สิ่งที่ในใจของนางกำลังคิดอยู่ก็คือนางรู้แล้วว่าเพราะเหตุใดสุ่ยอี้โหรวจึงได้คิดว่าตนเองสูงส่งถึงเพียงนั้น จวนของนางหรูหราถึงขั้นนี้แล้วจวนโหวที่ได้รับการดูแลโดยคนแกคร่ำครึอย่างแม่สามีของนางจะสามารถเทียบเคียงกับสกุลสุ่ยได้อย่างไรกันเล่า การที่บุตรสาวที่ถือกำเนิดจากภรรยาเอกเช่นสุ่ยอี้โหรวยอมลดตัวแต่งออกจากจวนไปเป็นอนุ หากไม่ใช่เพราะความรักอันโง่เขลาก็คงเป็นเพราะสกุลสุ่ยมีแผนการที่ไม่ค่อยจะดีนักต่อจวนโหวแล้ว เพราะต่อให้สุ่ยอี้โหรวมีใจต่อซ่งเหวินจิ้งจริงหากผู้อาวุโสในสกุลสุ่ยไม่พยักหน้าแล้วสุ่ยอี้โหรวจะแต่งเข้าไปเป็นแค่เพียงอนุในจวนโหวได้อย่างไร

“คารวะนิ่งอันโหวฮูหยิน เชิญท่านติดตามข้ามาทางนี้เจ้าค่ะ” เด็กสาวรูปร่างอรชร ใบหน้ามีความคล้ายคลึงกับสุ่ยอี้โหรวถึงเจ็ดแปดส่วน แต่ความอ่อนเยาว์และรอยยิ้มอันสดใสของนางทำให้ความงามของนางมีมากกว่าสุ่ยอี้โหรวหลายเท่า สาวใช้ที่เดินผ่านหลายคนต่างก็คำนับนางอย่างให้เกียรติและเรียกนางว่าคุณหนูสามทำให้สุ่ยอี้โหรวมั่นใจว่าเด็กสาวที่งดงามผู้นี้คือสุ่ยอี้เหรินผู้เป็นแม่งานในการจัดงานเลี้ยงน้ำชาในวันนี้

ยามที่โม่ชิงเยว่เดินเข้าไปในงานเลี้ยงบรรดาผู้เข้าร่วมงานที่มาถึงก่อนหน้านี้ต่างก็หันมาจ้องมองนางจนแทบจะเป็นสายตาเดียวกัน วันนี้นางแต่งกายด้วยชุดที่ตัดเย็บมาจากผ้าปักของสกุลเจียง ลายปักอันโดดเด่นนี้แค่มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นฝีมือของช่างปักอันดับหนึ่ง สิ่งที่พิเศษมากกว่านั้นก็คือไหมที่ใช้ปักลวดลายเป็นเส้นไหมที่สามารถเปลี่ยนสีได้ในยามที่ต้องแสงตะวัน ดังนั้นทุกครั้งที่โม่ชิงเยว่ขยับตัวเส้นไหมก็จะเปลี่ยนสีไปตามการขยับตัวของนางดึงดูดสายตาของบรรดาสตรีทุกคนที่อยู่ภายในงานเลี้ยงเป็นอย่างมาก

ยังไม่นับสาวใช้ที่ติดตามนางมาทางด้านหลังอีก สาวใช้ที่ติดตามมาทุกนางล้วนมีใบหน้าที่งดงามอีกทั้งยังแต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายที่ดูหรูหรากว่าสาวใช้โดยทั่วไป เครื่องแต่งกายของพวกนางมีรูปแบบเดียวกันทั้งงามสง่าและหรูหราราวกับนางสวรรค์ แม้ว่าจะตัดเย็บด้วยผ้าไหมสีเรียบแต่ลวดลายที่ถูกปักอยู่บนชายแขนเสื้อของพวกนางแค่มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นผ้าปักของสกุลเจียง แม้ว่าจะไม่ใช่ฝีมือของช่างปักอันดับหนึ่งของสกุลแต่ลวดลายที่ใช้ก็บ่งบอกได้ว่ามาจากช่างปักที่มีทักษะการปักในระดับต้นๆ ของสกุลเจียง ซึ่งแน่นอนว่าชุดเครื่องแบบสาวใช้นี้จะต้องมีราคาที่ไม่ธรรมดา ความฟุ้งเฟ้อในระดับนี้แม้แต่สาวใช้ที่ติดตามพระชายาของฉินอ๋องมาเข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยยังไม่อาจจะเทียบเคียงได้เลย

“นิ่งอันโหวฮูหยิน ข้าคิดว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว” สุ่ยฮูหยินลุกขึ้นมาจากเก้าอี้แล้วเดินมาต้อนรับนางด้วยตนเอง แม้ว่าใบหน้าของนางจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มแต่สายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่สาดประกายออกมาของนางทำให้โม่ชิงเยว่อดยิ้มออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ ‘ยิ่งขุ่นเคืองมากก็ยิ่งขาดสติได้ง่าย’ หลักการข้อนี้บิดาของนางมักจะสั่งให้นางท่องจนขึ้นใจเพื่อให้นางรู้จักระงับโทสะของตนเอง แน่นอนว่านางย่อมจะต้องจดจำเอาไว้เตือนตนเองอย่างที่บิดาของนางต้องการและนางก็มักจะชอบเอาหลักการนี้มาใช้กับศัตรูเช่นเดียวกัน

“ต้องขอโทษสุ่ยฮูหยินด้วยที่มาช้า แต่บังเอิญว่าอี๋เหนียงในจวนของข้าเกิดสร้างปัญหาขึ้นมาข้าก็เลยต้องเสียเวลาไปจัดการกับนางสักเล็กน้อย” โม่ชิงเยว่เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม คำว่า "อี๋เหนียง" ที่นางเอ่ยออกมาทำให้สายตาของสุ่ยฮูหยินพลันหวั่นไหว อนุของนายท่านผู้เฒ่าตายไปนานแล้วยามนี้ในจวนนิ่งอันโหวมีแค่เพียงอนุของท่านโหวคนปัจจุบันเพียงเท่านั้นนั่นก็คือสุ่ยอี้โหรวผู้เป็นบุตรสาวของนาง

“บุตรสาวของแม่ทัพที่ไต่เต้ามาจากชาวบ้านธรรมดาเช่นท่านย่อมยากที่จะกำราบและควบคุมดูแลจวนนิ่งอันโหวได้อยู่แล้ว ได้ยินว่ามารดาของท่านคือบุตรสาวจากสกุลเจียงมิใช่หรือ มิน่าเล่าเสื้อผ้าที่ท่านสวมใส่ในวันนี้จึงดูหรูหรายิ่งกว่าเสื้อผ้าของพระชายาของฉินอ๋องเสียอีก” สุ่ยอี้หรงบุตรสาวคนโตของสกุลสุ่ยเอ่ยออกมาท่ามกลางสายตาของผู้คน

สุ่ยอี้หรงผู้นี้โม่ชิงเยว่เคยได้พบอยู่บ่อยครั้งนางมักจะไปเยี่ยมเยียนน้องสาวของนางที่จวนนิ่งอันโหวอยู่เสมอ สามีของนางคือซื่อจื่อของจวนไหวกั๋วกงเหยียนเซียวผู้โด่งดัง เขาไม่เพียงเป็นบัณฑิตที่มีชื่อเสียงแต่ยังได้รับพระราชทานตำแหน่งอาลักษณ์หลวงตั้งแต่อายุยังน้อยและเป็นที่ไว้วางพระทัยจนได้ขึ้นเป็นราชเลขาธิการถวายการรับใช้อยู่ข้างพระวรกายของหลี่เฟยหลงฮ่องเต้ผู้คนต่างก็พากันคาดการณ์กันว่าวันหน้าเหยียนเซียวผู้นี้จะต้องได้เป็นใหญ่ยิ่งกว่าอัครเสนาบดีจากสกุลหยางอย่างแน่นอน

“ซื่อจื่อฮูหยินท่านเอ่ยหนักเกินไปแล้ว ข้าหรือจะกล้าเทียบเคียงพระชายาของฉินอ๋องได้ อย่างที่ท่านเอ่ยชาติกำเนิดของข้าต่ำต้อยยิ่งท่านเอาข้าไปเปรียบเทียบกับพระชายาของฉินอ๋องเช่นนี้ไม่เท่ากับว่าท่านกำลังคิดดูหมิ่นพระชายาอยู่หรอกหรือ” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ทุกสายตาต่างก็ย้ายไปที่พระชายาของฉินอ๋องที่ไม่ได้รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย พระชายาทอดถอนพระปัสสาสะออกมาแล้วจึงตรัสด้วยพระสุรเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่ถือสา แม้ว่าสายพระเนตรที่พระนางใช้จ้องมองสุ่ยอี้หรงจะเต็มไปด้วยความไม่พอพระทัยเป็นอย่างมากก็ตาม

“อย่าได้เอ่ยเช่นนั้นเลย ผู้ใดจะกล้าดูหมิ่นนิ่งอันโหวฮูหยินกันเล่า บิดาของเจ้าคือแม่ทัพใหญ่ของแคว้นเรายามนี้สามีของเจ้าก็ยังเป็นแม่ทัพใหญ่ของแคว้นอีก ยามนี้กองทัพของแคว้นเหลียนล้วนอยู่ในมือของสามีของเจ้าผู้ใดจะกล้าดูหมิ่นเจ้าได้อีก”

“พระชายาทรงตรัสเช่นนี้ถือว่าเป็นการให้เกียรติหม่อมฉันยิ่งนัก เพียงแต่กองทัพของแคว้นเหลียนคือกองทัพของฝ่าบาท สามีของหม่อมฉันเป็นแค่เพียงผู้ที่ถวายการรับใช้ฝ่าบาทด้วยการควบคุมดูแลกองทัพภายใต้พระดำรัสของฝ่าบาทเพียงเท่านั้น ส่วนคนที่กล้าดูหมิ่นหม่อมฉันนั้นพระยาชายาก็ทรงทอดพระเนตรเห็นแล้วนี่เพคะ แต่หม่อมฉันไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองแต่อย่างใดเพราะซื่อจื่อฮูหยินจากจวนไหวกั๋วกงก็ไม่ได้เอ่ยผิดแต่ประการใด ชาติกำเนิดของหม่อมฉันไม่อาจจะเทียบเคียงผู้อื่นในงานเลี้ยงได้จริงๆ เพียงแต่ทรงทอดพระเนตรสิเพคะว่าข้อดีของชาติกำเนิดอันต่ำต้อยของหม่อมฉันทำให้หม่อมฉันได้ของดีอะไรมาบ้าง” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยพลางเดินเข้าไปใกล้พระชายาเอกของฉินอ๋อง สาวใช้หลายคนของพระนางทำท่าว่าจะเข้ามากั้นขวางเอาไว้แต่พระชายาของฉินอ๋องกลับโบกมือห้ามคนของพระนางเอาไว้ โม่ชิงเยว่หันไปส่งสัญญาณให้สาวใช้นำกล่องไม้ที่แกะลวดลายอันวิจิตรออกมาให้พระชายาทอดพระเนตรแล้วเอ่ยออกมาเสียงเบา

“เดิมทีหม่อมฉันตั้งใจว่าจะนำมาเป็นของกำนัลให้นาง ในฐานะที่นางเคยไปเป็นแขกที่จวนนิ่งอันโหวบ่อยครั้ง แต่ยามนี้คงต้องเปลี่ยนใจแล้ว ในเมื่อซื่อจื่อฮูหยินจากจวนไหวกั๋วกงรู้สึกว่าหม่อมฉันต่ำต้อยก็คงจะไม่ยินดีที่จะรับของกำนัลจากหม่อมฉัน ดังนั้นหากพระชายาไม่ทรงรังเกียจหม่อมฉันขอถวายของกำนัลกล่องนี้ให้แก่พระชายาก็แล้วกันนะเพคะ” เมื่อโม่ชิงเยว่เอ่ยจบชุ่ยเหมยก็เปิดกล่องไม้ออก กลิ่นหอมของเครื่องหอมที่อยู่ในกล่องไม้กรุ่นกำจายออกมา ผ้าไหมที่ปักด้วยลวดลายอันงดงามก็ปรากฏเข้าสู่สายตาของทุกคน

“ผ้าไหมนี้ปักด้วยเส้นไหมประกายรุ้ง เส้นไหมนี้จะเปลี่ยนสีได้เมื่อต้องกับแสงตะวัน ส่วนผงเครื่องหอมที่อยู่ในกล่องหม่อมฉันเป็นคนคิดค้นและผสมด้วยตนเอง กลิ่นหอมของดอกไม้หลากชนิดช่วยให้จิตใจผ่อนคลายนอกจากนี้ยังมีผงแป้งประทินโฉมที่นอกจากจะช่วยให้ใบหน้านวลเนียนดูอ่อนกว่าวัยแล้วยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้ผิวเนื้อมีกลิ่นหอมตลอดทั้งวัน ผงแป้งประทินโฉมนี้หม่อมฉันคิดค้นขึ้นมาเอง หากพระชายาไม่ทรงวางพระทัยเรื่องความปลอดภัยจะให้คนตรวจสอบก่อนก็ได้นะเพคะ” โม่ชิงเยว่ฉวยโอกาสทำให้ผู้คนในงานเลี้ยงได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่นางคิดค้นขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาล้วนมีความสนใจต่อของในกล่องไม้อย่างเต็มที่

“หอมเสียจริง ผ้าปักนี้ก็งดงามมากนับว่าเป็นของที่ล้ำค่ามากทีเดียว” พระชายาเอกของฉินอ๋องตรัสออกมาพลางทอดพระเนตรมองข้าวของในกล่องด้วยสายพระเนตรที่เต็มไปด้วยความพึงพอพระทัย

“โม่ชิงเยว่ อย่าได้คิดว่าข้าไม่รู้ทันเจ้า ลูกสาวแม่ค้าเช่นเจ้าคงคิดจะใช้โอกาสนี้แนะนำสินค้าให้แก่พระชายาสินะ” คำพูดของสุ่ยอี้หรงทำให้โม่ชิงเยว่เลิกคิ้วขึ้นมาแล้วจ้องมองสุ่ยอี้หรงด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง

“ตายจริง! เหตุใดข้าจึงคิดไม่ได้เช่นนี้กันนะ ขอบคุณที่ชี้แนะข้านะฮูหยินซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกง” โม่ชิงเยว่เอ่ยพลางเน้นฐานะของสุ่ยอี้หรงด้วยน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำแล้วจึงได้เอ่ยกับพระชายาของฉินอ๋องด้วยน้ำเสียงที่นอบน้อมมากยิ่งขึ้น

“ผ้าปักนี้หากพระชายาทรงโปรดสามารถสั่งให้คนไปสั่งจองที่สกุลเจียงได้นะเพคะ แม้ว่าไหมประกายรุ้งจะหายากแต่หม่อมฉันเชื่อว่าด้วยบารมีของพระชายาสกุลเจียงจะต้องหามาปักเพื่อถวายพระชายาได้แน่นอน ส่วนเครื่องหอมและแป้งประทินโฉมนี้หากพระชายาทรงโปรดก็สามารถส่งคนไปสั่งซื้อที่ร้านฮวาเฟยที่กำลังจะเปิดในอีกไม่กี่วันของหม่อมฉันก็ได้เพคะ เฮ้อ ต้องขอบคุณฮูหยินของซื่อจื่อจวนไหวกั๋วกงจริงๆ ที่ช่วยแนะนำไม่เช่นนั้นหม่อมฉันคงจะคิดไม่ได้จริงๆ ว่าต้องเอ่ยกับพระชายาเช่นนี้” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้สุ่ยอี้หรงกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น แต่เพราะสายตาของสุ่ยฮูหยินที่กำลังจ้องมองนางอย่างตำหนิทำให้นางไม่อาจจะทำสิ่งใดได้ ทำได้แค่เพียงฟังเสียงหัวเราะจากบรรดาสตรีที่ไม่ชอบนาง

“ดูเหมือนว่าสุ่ยอี้หรงจะรู้ดีกว่าลูกสาวแม่ค้าเสียอีกนะ แถมยังชี้แนะนางเสียด้วยสิว่าควรจะขายของเช่นไร” คำพูดของท่านหญิงเจียหลีทำให้สุ่ยอี้หรงแทบจะกระอักโลหิตออกมานางหันไปมองทางกลุ่มของท่านหญิงด้วยสายตาดูแคลนแล้วจึงได้พยายามข่มอารมณ์และคิดในใจว่าวันนี้นางจะต้องเล่นงานโม่ชิงเยว่ให้ได้ และหากเป็นไปได้คนที่นางคิดอยากจะเล่นงานอีกคนหนึ่งก็คือท่านหญิงเจียหลีหลานสาวคนโปรดของหยางเต๋อเฟย หากกำจัดเด็กสาวผู้นี้ไปได้สุ่ยอี้เหรินน้องสาวของนางก็จะได้แต่งเข้าราชวงศ์ได้ดังที่พวกนางวางแผนกันเอาไว้

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 66 ความเบิกบานของท่านโหว

    ยามที่ซ่งเหวินจิ้งตื่นขึ้นมาสิ่งแรกที่เขาเห็นก็คือม่านมุ้งในห้องนอนของโม่ชิงเยว่ที่ปรากฏเข้าสู่สายตา เขากะพริบตาอีกครั้งแล้วจึงได้พยายามทบทวนว่าเรื่องเมื่อคืนนี้เป็นความฝันหรือว่าเป็นความจริงกันแน่ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นของนางแผ่กำจายไปทั่วม่านมุ้งอีกทั้งยังดูเหมือนว่าจะหอมกรุ่นติดตามร่างกายของเขาไปด้วย อีกทั้งปฏิกิริยาทางร่างกายที่ไม่เหมือนเดิมของเขาทำให้เขารู้ว่าสัมผัสอันน่าหลงใหลเมื่อคืนนี้ไม่ใช่แค่เพียงความฝัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็ทำให้มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเขาในทันที“นอนตาลอยแล้วยิ้มราวกับคนเสียสติเช่นนั้นท่านทำให้ข้าชักจะรู้สึกหวาดกลัวท่านแล้วนะ” เสียงทักของโม่ชิงเยว่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของซ่งเหวินจิ้งพลันหายไปในทันที“มีสิ่งใดให้น่ากลัวกัน” เขาเอ่ยพลางพลิกตัวแล้วดึงผ้าห่มอันหมิ่นเหม่ขึ้นมาคลุมร่างกายของตนเองเอาไว้ ด้วยไม่รู้ว่าคนที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้าเตียงนั่งจ้องมองเขานานเท่าไหร่แล้ว“แล้วเจ้ายกเก้าอี้มานั่งจ้องมองข้าเช่นนี้ทำไมกัน” เมื่อเขาถามเช่นนี้โม่ชิงเยว่ก็ยิ้มออกมา“เมื่อคืนนี้มีคนบอกกับข้าว่าอยากจะตื่นขึ้นมาพร้อมกันกับข้ามิใช่หรือ ข้าก็เลยมานั่งรอให้ท่า

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 65 ปรนนิบัติ

    หลังจากดูพลุไฟแล้วซ่งเหวินจิ้งและโม่ชิงเยว่ก็เดินไปส่งเด็กๆ กลับเรือนด้วยตนเอง แน่นอนว่าซ่งเหวินจิ้งย่อมจะต้องเดินตรวจตรารอบๆ เรือนด้วยตนเองอีกครั้งและยังกำชับให้คนของเขาคอยคุ้มกันจวนให้ดี อีกทั้งยังสั่งสาวใช้ภายในเรือนให้วันพรุ่งนี้ย้ายข้าวของเครื่องใช้ของซ่งจื่อเยว่และซ่งจื่อเหยาไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่ เมื่อสั่งการทุกคนเสร็จเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงได้เดินไปที่เรือนของโม่ชิงเยว่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง พอเห็นว่าการรักษาความปลอดภัยของเรือนนี้แน่นหนาดีแล้วเขาจึงได้เข้าไปหาโม่ชิงเยว่ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาอยู่ภายในเรือน“ในเมื่อลงนามสงบศึกแล้ว คนของแคว้นต้าเป่ยก็ไม่น่าจะสร้างความร้าวฉานด้วยการลอบโจมตีท่านและครอบครัวอย่างที่ท่านกำลังกังวลอยู่” คำพูดของโม่ชิงเยว่ทำให้ซ่งเหวินจิ้งส่ายหน้า“แคว้นต้าเป่ยแม้ว่าจะปกครองด้วยเชื้อพระวงศ์สกุลเซียว แต่สกุลที่กุมอำนาจทางกองทัพก็คือสกุลหม่า ข้าที่พึ่งจะฆ่าผู้นำสกุลและนักรบอีกหลายคนของสกุลหม่าย่อมจะต้องกลายเป็นเป้าแห่งความแค้นเคืองของพวกเขา แม้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาจะลงพระนามขอสงบศึกแล้ว แต่คนสกุลหม่าใช่ว่าจะก่อเรื่องไม่ได้ขอแค่เพียงสิ้นไร้หลักฐานก็ไ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 64 สงบศึก

    ฮ่องเต้แคว้นต้าเป่ยส่งราชสาส์นมาขอเจรจาสงบศึก อีกทั้งยังยินดีที่จะส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวายแด่ฮ่องเต้แคว้นเหลียนทุกปี เมื่อทางฝั่งแคว้นต้าเป่ยยินยอมอ่อนข้อให้จนถึงขั้นนี้มีหรือที่หลี่เฟยหลงฮ่องเต้จะปฏิเสธหลังจากนั้นจึงได้ส่งราชสาส์นตอบกลับไปด้วยความยินดี เมื่อมีสัญญาณว่าการศึกจะสงบอย่างถาวรเช่นนี้ ประชาชนในแคว้นต่างก็รู้สึกยินดีกันทั่วหน้า สงครามจบสิ้นแล้วก็หมายความว่าต่อไปพวกเขาจะได้อยู่อย่างสงบสุขไปอีกหลายปี ไม่ต้องกังวลว่าคนในครอบครัวจะต้องไปพลีชีพเพื่อปกป้องแคว้นที่ชายแดนอีกจวบจนเมื่อมีการลงนามสงบศึกอย่างเป็นทางการชาวบ้านร้านตลาดก็ต่างพร้อมใจกันจัดงานรื่นเริงเพื่อเฉลิมฉลอง พลุไฟนับหมื่นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อโอ้อวดความงดงามท่ามกลางความมืดมิดในยามราตรี ซ่งเหวินจิ้งยืนนิ่งจ้องมองพลุไฟเหล่านั้นด้วยสีหน้ากังวลใจเมื่อคิดได้ว่าท่ามกลางงานเลี้ยงเฉลิมฉลองกำลังมีคนของแคว้นต้าเป่ยเข้ามาแทรกซึมอยู่ในเมืองหลวง ยามนี้เขาทำหอดูดาวให้สูงขึ้นแล้วรื้อหลังคาของหอดูดาวออก ทำให้เขาและครอบครัวสามารถชื่นชมความงามของพลุไฟได้อย่างเต็มที่“ท่านแม่! ท่านดูสิราวกับมีดอกไม้นับหมื่นกำลังแข่งกันเบ่งบานอย

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 63 ความทะเยอทะยานของเหยียนเซียว

    ในขณะที่ทางจวนโหวมีคนกำลังพยายามเร่งสานความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ทางจวนตระกูลเหยียนหรืออดีตจวนไหวกั๋วกงก็กำลังตกอยู่ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียด เหยียนฮูหยินผู้เคยได้ดำรงตำแหน่งฮูหยินของท่านกั๋วกงก็กำลังนั่งร้องไห้อ้อนวอนขอให้บุตรชายหาหนทางช่วยสามีที่ในยามนี้ถูกขังอยู่ในคุกของกรมอาญา“เจ้าไม่คิดจะช่วยท่านพ่อของเจ้าจริงๆ หรือ เสียแรงที่พ่อของเจ้าทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า” เหยียนฮูหยินเอ่ยพลางใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาด้วยท่วงท่าที่ดูอ่อนแอและบอบบางราวกับว่าจะแตกหักได้ทุกเมื่อ“จะให้ข้าช่วยอย่างไร ให้ข้าไปคุกเข่าขอพระเมตตาแล้วทำให้ข้าและสกุลเหยียนทั้งสกุลถูกฝ่าบาทหวาดระแวงและคิดว่าพวกเราสกุลเหยียนมีความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์เช่นนั้นหรือ ท่านแม่อย่าได้ลืมสิว่าฮุ่ยเอ๋อต้องเสียสละอะไรไปบ้าง ยามนี้นางกำลังได้รับความโปรดปรานท่านอยากให้ฝ่าบาททรงตระหนักได้ว่าการกระทำของท่านพ่อล้วนเป็นเพราะความทะยานอยากที่จะยึดครองกองกำลังของจวนโหวแล้วทำให้ชีวิตของฮุ่ยเอ๋อและองค์ชายน้อยต้องตกอยู่ในอันตรายหรือ” คำพูดของเหยียนเซียวทำให้เหยียนฮูหยินส่ายหน้า“นางได้รับความโปรดปรานถึงเพียงนั้น แต่กลับไม่คิดจะทำเพื่อเจ้าแ

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 62 ความสุขของท่านโหว

    ฤดูกาลผันเปลี่ยนจากฤดูหนาวอันหนาวเหน็บเริ่มย่างเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่แสนจะงดงาม พออากาศเริ่มอุ่นขึ้นต้นทุนในการซื้อสมุนไพรก็ลดลงเมื่อต้นทุนลดลงผลกำไรก็มากขึ้น เมื่อได้ผลกำไรมากขึ้นก็ทำให้โม่ชิงเยว่เริ่มมีกำลังใจที่จะคิดค้นสินค้าชนิดใหม่ๆ เพื่อนำไปวางขายในร้านโม่เซียงของนาง“เหตุใดบรรดาถุงผ้าปักเหล่านี้จึงได้มีลวดลายแปลกตาเช่นนี้เล่า แล้วยังกล่องไม้สำหรับใส่ผงแป้งเหล่านี้อีกเจ้าไปเอาแนวทางในการคิดค้นรูปร่างและลวดลายพวกนี้มาจากไหน” คำถามของซ่งเหวินจิ้งทำให้โม่ชิงเยว่วางพู่กันที่ใช้วาดรูปลวดลายลงบนโต๊ะเขียนอักษรแล้วจึงได้สะบัดมือเพื่อคลายความเมื่อยล้า“หากข้าจะบอกว่าข้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากความฝันอันยาวนานของข้าท่านจะเชื่อหรือไม่” เมื่อนางเอ่ยเช่นนี้ซ่งเหวินจิ้งก็พยักหน้า“เหตุใดจะไม่เชื่อกันเล่า ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยฝันเสียหน่อย เพียงแต่ความฝันของข้าไม่เคยนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์เช่นนี้” ซ่งเหวินจิ้งเอ่ยพลางเดินมานวดไหล่ให้โม่ชิงเยว่ด้วยความคุ้นชินส่วนโม่ชิงเยว่ก็เอนกายพิงพนักเก้าอี้แหงนหน้าขึ้นแล้วหลับตาเพื่อรับความสบายจากอุ้งมืออันอุ่นร้อนของเขาอย่างผ่อนคลาย“มันเป็นความฝันที่ยาวนานมาก ยาม

  • ฮูหยินผู้ถูกลืมเลือน ณ. เรือนเหมันต์   บทที่ 61 ความเป็นส่วนตัว

    เมืองหลวงมีข่าวครึกโครมอีกครั้งเมื่อจวนนิ่งอันโหวถูกลอบโจมตี แม้ว่าจะสามารถจับตัวคนร้ายได้แต่นิ่งอันโหวกลับได้รับบาดเจ็บสาหัส ฝ่าบาททรงมีพระราชโองการให้เจ้ากรมอาญาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวด อีกทั้งยังทรงส่งองค์ชายรองมาควบคุมการสอบสวนด้วยพระองค์เอง ทั้งนี้คนร้ายที่ถูกจับต่างก็ซัดทอดความผิดไปที่ไหวกั๋วกง ทำให้ไหวกั๋วกงต้องรีบเข้าวังเพื่อแก้ต่างให้กับตนเองและขอให้มีการตรวจสอบนักฆ่าเหล่านั้นอีกครั้งแต่แน่นอนว่าทางซ่งเหวินจิ้งได้เตรียมการเรื่องนี้เอาไว้แล้ว เขาไม่เพียงขอพระราชโองการคุ้มครองพยานให้กับเหล่านักฆ่า ยังส่งกองกำลังของตนเองคอยคุ้มครองครอบครัวและคนใกล้ชิดของเหล่านักฆ่าอย่างแน่นหนา เหล่านักฆ่าเองก็ไม่ใช่คนโง่พวกเขาเข้าออกจวนไหวกั๋วกงเป็นว่าเล่นย่อมมีลู่ทางสำรองเอาไว้บ้าง การที่พวกเขาลักลอบตีสนิทกับคนในจวนไหวกั๋วกงก็เพื่อให้พวกเขาเป็นคนมีตัวตนภายในจวน ไม่ใช่แค่เพียงนักฆ่าเงาที่ตายไปแล้วก็ไม่หลงเหลือร่องรอยให้ผู้คนตามหา ดังนั้นทางกรมอาญาย่อมสามารถที่จะหาคนมายืนยันฐานะของพวกเขาได้ว่าพวกเขาทำงานให้ไหวกั๋วกงจริงๆ ดังนั้นครั้งนี้ไหวกั๋วกงจึงไม่อาจจะปัดป้องความผิดของตนเองได้แล้ว“ท่านเ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status