Share

เป็นเมียหมอผี บทที่ ๑ (๒)

last update Last Updated: 2025-06-02 00:01:11

แรงกระแทกกระทั้นพัดโบกรุนแรงมิต่างจากลมพายุด้านนอก ต้นไม้ที่เอนไหวลู่ตามลม สะบัดพัดไปตามแรงจนสั่นไหวหนักหน่วงนั่นมิต่างจากแพรวพราวที่ยังมิรู้สึกตัวว่าตนเองนั้นได้ทะลุภพชาติมากลายเป็นโสเภณีตัวร้ายช่างริษยาแห่งพระนคร หล่อนแอ่นสะโพกบดคลึงเบาๆ ยอมรับความเสียวซ่านอย่างเต็มใจ โดยมิรู้เลยว่าคนตรงหน้าที่มีดวงหน้าละม้ายคล้ายคลึงพาร์ทเนอร์บนเตียงนั้นคือชายในอดีตกาล แถมยังเป็นจอมขมังเวทย์ผู้เลื่องชื่อในพระนครอีกด้วย

กว่าจักจบบทรักช่างแสนยาวนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ อีกคนแสนขยาด อีกคนแสนสุขเสร็จสมเต็มอิ่มด้วยความหนักหน่วงที่ถูกกระทั้น กว่าจักรู้สึกตัวหล่อนก็สลบไสล นอนเปลือยกายอยู่บนพื้นกระดานอย่างหมดสภาพไม่ต่างกระไรกับผ้าผ่อนที่กระจายเต็มพื้นเรือน สิ่งที่พ่อครูทำทันทีที่นุ่งภูษากลับมาเช่นเดิมคือดวงตาที่กดมองร่างอรชรที่เต็มไปด้วยเหงื่อกาฬอย่างเหยียดหยัน เพราะหล่อนเป็นได้เพียงหญิงที่ไว้ร่วมเตียงในยามที่ต้องการผลประโยชน์เท่านั้น

หล่อนจักมิมีวันได้ตกไปถึงพระยาสิงห์ดอก หล่อนมิมีสิทธิ์นั้น ด้วยแรงริษยาจักถูกเหยียบย่ำด้วยปลายเท้าเหยียบอาคมคู่นี้ เขาจักสั่งสอนบดขยี้หล่อนให้หลาบจำว่าพระนครที่ไร้โสเภณีอย่างอีแพรว ก็ยังคงสูงส่งเฉกเช่นเดิม

ฝ่าเท้านั้นก้าวจากไป ทิ้งร่างเปลือยเปล่าให้นอนเหน็บหนาวอยู่ตรงนั้น แพรวพราวดาราสาวหายใจเหนื่อยหอบเนื่องจากแรงศึกสวาทจากอีกฝ่ายนั้นช่างรุนแรงไม่ถนอมกายอันบอบบางนี่เอาเสียเลย หญิงสาวตกอยู่ในห้วงนิทราจนกระทั่งตกฟ้ามืด

เสียงจิ้งหรีดเรไรเป็นตัวปลุกให้แพรวพราวตื่นขึ้นมาจากภวังค์ความฝันอันยาวนาน ขนาดในฝันยังนึกถึงแต่ดวงหน้าของนับสิบ มันแปลกมากที่เธอฝันถึงเขาทั้งที่ปกติไม่เคยให้ความใส่ใจด้วยซ้ำ

ร่างเปลือยเปล่าค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นจากพื้นไม้สักเย็นเฉียบแต่กลับต้องร้องโอดโอยออกมาเพราะรู้สึกปวดกล้ามเนื้อเนื่องจากนอนอยู่บนพื้นไม้แข็งๆ อยู่เป็นเวลานานหลายชั่วโมง แผ่นหลังเย็นเยียบไม่ต่างกับพื้นไม้ที่ชืดหนาวตามอุณหภูมิของช่วงเวลาตะวันตกดิน แพรวพราวค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นยืนทั้งที่ยังครวญโอยขยันโอยด้วยความปวดกล้ามเนื้อแผ่วๆ ก่อนที่จะมองหาชุดหรืออะไรสักอย่างมาคลุมตัว

แต่ทว่า... ชุดที่กองพะเนินอยู่ตรงหน้าหล่อนกลับเป็นเพียงผ้าบางและซิ่นลายโบราณไม่คุ้นตากับยุคสมัยที่ใช้ชีวิตอยู่ ยิ่งกวาดสายตาไปรอบๆ กลับต้องตะลึงพรึงเพริดเพราะบ้านเรือนไทยแบบนี้ไม่ใช่กองถ่ายละครหรือแม้แต่บนเตียงในโรงแรมหรูด้วยซ้ำ

ที่นี่มันที่ไหนกัน? นี่เราหลุดมาในยุคสมัยก่อนสงครามโลกหรือยังไง

แพรวพราวไม่รู้เรื่องประวัติศาสตร์ไทยและไม่คิดที่จะสนใจด้วย สาวเจ้ารวบผ้าซิ่นที่เป็นปราการป้องกันร่างกายเปลือยเปล่าด่านสุดท้ายมานุ่งกระโจมอก ประตูใหญ่ด้านหน้านั้นมีเสียงพึมพำบริกรรมคาถาจนรู้สึกขนพองสยองเกล้า

เธอมองซ้ายมองขวา ยังไงก็ออกประตูข้างหน้าไม่ได้แน่ๆ เธออาจถูกลักพาตัวในขณะที่กำลังเจ็บตัวอยู่!

พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นประตูหลังเรือนที่เปิดอ้าไปสู่ป่ากล้วยเล็กๆ ด้านหลัง เลยรีบรุดลงกระไดหลังเรือนไป

ด้านล่างมีโอ่งมังกรขนาดใหญ่ ที่น่าตกตะลึงกว่าคือรอบเรือนไทยใหญ่นี้เป็นป่ารกชัฏล้อมรอบจากที่ตอนแรกหล่อนเห็นกับตาว่ามันเป็นป่ากล้วยขนาดเล็ก สีหน้าของแพรวพราวซีดเผือดถนัดตา เธอพยายามร้องเรียกความช่วยเหลือเมื่อนึกขึ้นได้ แต่กลั้นเสียงเอาไว้ก่อนเพราะรู้สึกว่ามือเล็กๆ แบบนี้แถมไม่มีเล็บเจลสีแดงสดแต่งแต้มอย่างที่ควรจะเป็น

นี่มันไม่ใช่ร่างกายของเธอ!

เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเหลือเกิน แต่คงไม่มีอะไรน่าเหลือเชื่อกว่าการที่กองถ่ายละครนั้นเลือกเอาเชือกเส้นเก่ามาให้เธอใช้สลิง! คอยดูนะถ้ากลับไปได้แม่จะฟ้องร้องให้ยับเลย จะไปออกรายการทุกช่องเน้นหนักๆ ที่ช่องโหนกระแสของพี่หนุ่มโจมตีไอ้กองถ่ายเวรนี่จนขึ้นแฮชแท็กอันดับหนึ่งในทวิตเตอร์จนกว่ากองถ่ายนั่นจะถูกแบนแบบไม่มีวันกลับมาหายใจหายคอได้อีก

สิ่งที่คิดว่าควรทำมากที่สุดคือส่องกระจกหรือชะโงกดูเงาที่ปรากฎขึ้นเหนือน้ำจากโอ่งมังกรใบใหญ่ แต่เมื่อเห็นดวงหน้าที่ปรากฏบนนั้น จากที่อดกลั้นว่าจะไม่กระโตกกระตากและส่งเสียงดัง เธอแผดเสียงกรี๊ดลั่นออกมาทันทีจนป่าแทบแตก นกกาแตกรังบินกระจายไปทั่ว

ก๊า ก๊า!

“นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!” เสียงนกการ้องดังพอๆ กับบั้นท้ายงามงอนที่ล้มลงจ้ำเบ้าบนพื้นหญ้าแฉะๆ ยิ่งมองลงไปก็มีแต่ขี้โคลนไม่ต่างกับชนบทสาปวัวสาปควาย หล่อนแผดเสียงกรี๊ดหนักกว่าเดิม

กว่าจะรู้สึกตัวก็มีผู้ชายร่างกายใหญ่โตเดินลงมาจากประตูหลังเรือน

เขาคือคนที่หน้าตาละม้ายคล้ายนับสิบ... แต่ดูยังไงก็ไม่ใช่นับสิบ การแต่งตัวโบร่ำโบราณแตกต่างจากนับสิบที่เป็นสายแฟชั่นจ๋า กับรอยสักยันต์เต็มตัวที่ถ้าเป็นนับสิบเขาจะมีเพียงรูปไม้กางเขนสีดำมินิมอลเล็กๆ ที่ข้อมือเท่านั้น

“เอะอะโวยวายค่ำๆ มืดๆ มิกลัวผีกะผีโพงตามตัวหรือไร”

“ผะ... ผีอะไรกัน แล้วคุณเป็นใคร!” เสียงเล็กแผดเสียงแหลมกว่าเดิม ท่าทางที่เปลี่ยนไปจากเมื่อคืนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำให้พ่อครูคันศรคิ้วขมวดอย่างนึกแปลกใจ เมื่อคืนอยากได้เขาจนตัวสั่น แต่พอตื่นมากลับทำเป็นความจำเลอะเลือนเสียนี่

หรือจักเป็นมารยาร้อยเล่มเกวียนที่ต้องการถามหาความรับผิดชอบงั้นหรือ?

“กูเอง... พ่อครูคันศร จำมิได้หรืออย่างไรอีแพรว?”

สรรพนามที่ถูกใช้คุยทำให้หญิงสาวเบิกตาโต ผู้ชายคนนี้หยาบคายเหลือเกิน ไม่รู้สินะว่าเธอเป็นใคร?

“มาพูดมึงกูขึ้นไอ้ขึ้นอีกับฉันได้ยังไง หยาบคายมาก นี่ฉันเป็นดาราดังนะ แล้วก็อย่าเข้ามาใกล้กว่านี้!” เสียงหวานตวาดลั่นพลางค่อยๆ ตั้งหลักลุกขึ้นหยัดยืนเต็มความสูงพร้อมผละถอยหนีไปด้วย แต่พ่อครูคันศรหาได้ใส่ใจไม่ เขาก้าวย่างเข้ามาประชิดตัวแพรวพราวแล้วคว้าข้อมือเล็กของเธอบีบไว้แน่น

“จักลืมได้ลงอย่างไร... ก็มึงเป็นคนร้องขอให้กูครองกายมึงเองแท้ๆ”

“พูดเป็นเล่น ใครจะมาขอคนพูดจาโบราณแถมยังนุ่งผ้าถุงตัวเดียวแบบนี้ ไม่ต่างอะไรกับคนโรคจิต” ถึงจะหล่อดิบเถื่อนและหน้าแอบคล้ายคนที่คั่วอยู่ก็ตาม แสดงว่าฝันในคืนที่ตื่นมาก็เป็นความจริงน่ะสิ ฝันที่ได้มีสัมพันธ์กับคนที่หน้าคล้ายน้องสิบ

ที่แท้ก็คือคนๆ นี้!

“คุณล่อลวงฉันใช่ไหม หรือลักพาตัวฉันมา? ที่บ้านฉันพ่อแม่เป็นนักธุรกิจส่งออกรถยนต์รายใหญ่ ฉันให้คุณได้สิบล้านพอไหม?” เธอไม่ได้แคร์ว่าจะเสียตัวเพราะคำว่าเสียใจไม่มีในพจนานุกรมของแพรวพราว กังวลก็แค่ช่วงที่ให้คนของพ่อปิดข่าวเสียหายก็เท่านั้น และคนตรงหน้าอาจจะโดนจับเข้าคุกทันทีที่พ่อของเธอตามตัวแพรวพราวเจอ เพราะเธอมันลูกเทวดายังไงล่ะ

“มึงสติฟั่นเฟือนใช่หรือไม่อีแพรว จำมิได้หรือถึงรากฐานของตนเอง?” คราวนี้อีกฝ่ายมีสีหน้าหงุดหงิดเริ่มชักทั้งสีหน้าและน้ำเสียง จนแพรวพราวเองก็ชะงักไป ทำไมบทสนทนามันดูแปลกๆ เหมือนคุยกันคนละเรื่องตลอดเวลา แถมใบหน้าที่เธอเห็นในโอ่งมังกรนั่นอีก

มันไม่ใช่แพรวพราวดาราสาวดาวรุ่ง หน้าตาคนที่สะท้อนกลับมาจากผิวน้ำนั้นสวยคมผสมแขกมีอารมณ์เอาแต่ใจหน่อยๆ หางตาชี้คล้ายแมวนั่นมันไม่ใช่หล่อน

ดวงหน้าที่โบท็อกกรามมา แถมศัลยกรรมปรับแต่งจนคล้ายกับดาราเกาหลีนั่นไปไหน ไม่ใช่ผิวพม่านัยน์ตาแขกแบบนี้!

“แล้วถ้างั้น... ฉันจะเป็นใครได้ล่ะ?” เป็นคำถามที่โพล่งออกมาโดยไร้เหตุผลและคำตอบโดยสิ้นเชิง สีหน้าของพ่อครูคันศรมีความนิ่งสงบไม่ต่างจากผิวน้ำเรียบ ดวงตากลมโตของสาวเจ้านั้นสั่นระริก ดูเหมือนจักเกิดอาเพศประหลาดกับหญิงชั่วผู้นี้

งั้นขอดูหน่อยก็แล้วกัน

“กูรู้วันเดือนปีเกิดกระทั่งถึงวันตกฟากของมึง จักนั่งทางในดูให้ก็ย่อมได้” หล่อนคงลืมไปว่าหล่อนได้บอกข้อมูลของตนเองทุกอย่างในคราที่ให้เขาเสริมเสน่ห์ของเก่าของพระยาสิงห์แล้ว

“จริงเหรอคะ!” คราวนี้เกิดคะขาขึ้นมาเชียว ก็อีกฝ่ายเรียกตนว่าพ่อครูนี่นา แล้วหล่อนก็ไม่มีทางเลือกมากนักด้วย

“แต่ต้องแลกกับการปรนนิบัติรับใช้ งานบ้านงานเรือนอย่าให้ขาด แลห้ามพูดคุยกับใครหน้าไหนที่แวะเวียนมาที่ตำหนักนี้เด็ดขาด มิว่าของกินใดที่มิใช่มาจากมือกู อย่าได้หลงรับประทาน”

ทำไมเคร่งครัดจริง ดาราสาวคิดในใจอย่างหัวเสีย หล่อนติดนิสัยไม่ชอบให้ใครมาสั่งหรือบงการชีวิต

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๕ (๒)

    นางสมิงพรายที่ตามหามาเกือบทั้งชีวิต ตอนนี้อยู่ตรงหน้าเขา และตกหลุมรักเพื่อนของเขาคงยากที่จะไม่ไขว่คว้าหล่อนมาใกล้ตัว หากแต่หญิงตนนี้ฉลาดนัก หล่อนพร้อมจะไปจากเขาได้ตลอดเวลา เขาเองก็ไม่ต้องการบังคับใจสิ่งที่หมายปอง หวังให้นางตกเป็นบริวารของเขาด้วยความเต็มใจเสียมากกว่าที่หนึ่งของนางตอนนี้คือไอ้คันศรก็แค่เพียงกลับกลายเป็นที่หนึ่งของนางได้ก็พอ เหมือนกับที่เขาเคยเป็นที่หนึ่งของดอกรักแต่ครานี้... เขาจะไม่ละทิ้งสัมพันธ์เพื่อตามหาความฝันอีกแล้วเพราะหล่อนคือความฝันที่เขาต้องการมากที่สุดแต่แพรวพราวไม่ได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าเธอกำลังตกเป็นที่หมายตาของใครบางคน กลับมาที่ปัจจุบัน เธอกรีดร้องออกมาเสียงดังลั่นเรือนไม้ รู้สึกเหมือนจะเป็นลมจนแทบล้มพับ แต่ไวกว่าความคิดเมื่อพรานสมิงตรงเข้ามาโอบร่างเธอที่ทำท่าจะทรุดเอาไว้“แม่เป็นกระไรหรือไม่ แข้งขาอ่อนแรงหรือ”“นาย... ทำไมไม่ห้ามฉันเล่า!” พอเห็นว่าอีกฝ่ายเปลือยเปล่าเช่นกันแถมเข้ามากอดร่างล่อนจ้อนของเธอแนบชิดแบบนี้แพรวพราวก็ยิ่งหน้ามานด้วยความอับอาย และพยายามทุบตีเขาด้วยแรงน้อยๆ ที่มี ยังไงคนที่ควรยับยั้งใจก็คือเขา หล่อนไม่ผิด เขาต่างหากที่ผิด “ก็รู้ว่

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๕ (๑)

    แพรวพราวยอมรับนะว่าเสียใจไม่พอ หล่อนยังเสียตัวให้ไอ้พ่อหมอนั่นไปถึงสองครั้งสองคราอีกต่างหาก คราวแรกก็ตอนที่เขาหวังล่อลวงเพื่อกำจัด คราวนี้ก็เพราะเธอไปปลุกปล้ำเขาเสียเอง ความประทับใจแรกเริ่มนั้นไม่เคยมีอยู่ในความสัมพันธ์ของเธอกับเขา แพรวพราวไม่ใช่สาวพรหมจารีย์ตามจารีตประเพณี แต่ถึงแบบนั้นก็ว่ากันว่าผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใช้หัวใจในการร่วมหลับนอนกับใครสักคน แต่ผู้ชายกลับทำมันราวกับเป็นส่วนหนึ่งในกิจวัตรประจำวันและเสร็จสมออกมาได้ทั้งๆ ที่เกลียดชังผู้หญิงคนนั้นสุดหัวใจ แค่เพราะถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศเท่านั้นเองแม้แต่ผู้หญิงที่มีแต่คนต้องการมารุมรักอย่างเธอ ก็ใช้ใจในการร่วมรัก ปะปนกับความหิวโหยที่เพิ่มพูนแบบทวีคูณเช่นกัน เธอไม่ได้หน้ามืดตามัวไปปลุกปล้ำใครที่ไม่ใช่เขา หัวใจเธอมีแต่นับสิบ และเขาที่คล้ายคลึงกันแต่แพรวพราวกลับสับสนกับตนเอง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ หากแต่มันไม่เพียงพอต่อความต้องการเลยสักนิด การสูบพลังชีวิต กินอาคมของพ่อครูยังไม่พอที่จะสนองให้หล่อนรู้สึกพึงพอใจ ดวงตาสีทับทิมวาววับท่ามกลางความมืดมิดของคืนเดือนดับที่ไร้แม้แต่แสงจันทราสาดส่อง ดวงไฟสีแดงก่ำในลูกตาของหล่อน

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๔) จบตอน

    “ไม่ให้แตกหรอก จนกว่า...” หญิงสาวออกปากหยันเหมือนที่เขาพยายามจะทำกับเธอเสมอมา แต่รู้อะไรไหม ในเวลาที่เขาเข้าไปในตัวเธอนี่แหละ “จะเสร็จในตัวของแพรว อื้อ!”สิ้นคำนั้นหล่อนก็ยืนยันในคำพูดของตนเองด้วยการกลืนกินท่อนจันทน์ของเขาด้วยความนุ่มนิ่มจนกลืนมิดท่อนในจังหวะที่หนักแน่น“อึก...!” มันช่างน่าทุเรศตัวเองเสียยิ่งกว่าเมื่อหล่อนครอบครองเขาเข้าไปจนเต็มฤทธิ์ พ่อครูคันศรกลับรู้สึกเหมือนตนเองกำลังขาวโพลน ว่างเปล่า ความอึดอันทรมานเมื่อคราก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยความสุขสมอันน่าสังเวช ยามเมื่อหล่อนขยับสะโพกเน้นแบบทุกดอกทุกคำจนเขานั้นแทบกระอักจังหวะสะโพกที่บดคลึงผสมผสานกับการกระแทกขึ้นสุดลงสุดนั้นชวนให้นึกทึ่งกับความแข็งแรงและช่ำชองสำหรับการใช้สะโพกของหล่อน ขยับถี่รัวขนาดนั้นกลับไม่มีท่าทางว่าจะเหนื่อย เมื่อยหรืออยากจะหยุด ยิ่งถี่ยิ่งตอดรัดแน่น จนอาคมที่เสื่อมเพราะหล่อนขึ้นครูนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังสูญเสียตัวตนที่ภาคภูมิใจไปทีละน้อยใช่ หล่อนมันนังปีศาจ เป็นผีพรายตายโหงที่อัปปรีย์จัญไรที่สุดเท่าที่เคยเผชิญหน้ามา หล่อนทำให้เขามัวเมากับโลกีย์จนหลงลืมแม้แต่คำสอนของอาจารย์ที่เคยพูดเอาไว้เขาเคร่งคร

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๓)

    แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรงหมับ!ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน“ปล่อยกู!”“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แล

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๒)

    การห้ามมีเซ็กซ์ นั้นยากเย็นกว่าการห้ามรักเสียอีกสัมผัสของพ่อหมอคนนั้นที่หล่อนหลงครวญหาจนนึกว่าเป็นนับสิบนั้นหลอกหลอนวนเวียนในหัวไม่หยุดหลังจากถึงเวลาเข้านอน ฝนยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักนิด ความเหน็บหนาวที่ลอดเข้ามาแม้ว่าบานหน้าต่างจะถูกปิดสนิท ไหนจะเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะๆ ทำให้แพรวพราวที่นอนหนาวอยู่บนฟูกนอนใหญ่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกสงัดเมื่อหันไปข้างๆ ก็พบกับร่างกายกำยำใหญ่โตที่นอนร่วมข้างกายหล่อน พรานสมิงปิดเปลือกตา ไม่มีทีท่าจะตื่นนอน เหมือนว่ากำลังหลับสนิทอยู่นะแต่เมื่อนึกถึงแต่ฉากร่วมเพศตลอดค่อนคืนจนถึงขนาดอาจเอาไปเก็บในนิมิตได้ มันทำให้เธอนอนไม่หลับและรู้สึกเสียววูบวาบยุบยิบในท้องน้อย จวบไปจนถึงเส้นทางสวาทที่ไม่ควรเปิดเผยให้คนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยพ่อครูคันศรชี้ชัดว่าเกลียดน้ำหน้าเธอขนาดนั้น ถ้าให้บากหน้าไปบอกว่า ‘อยากทำ’ คงไม่น่าไหว แต่ถ้าเป็นคนข้างๆ แล้วละก็...แต่!“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย”หล่อนตั้งกฎบ้าๆ นี่ออกไปแล้วน่ะสิ!จะมากลืนน้ำลายตัวเองคงจะไม่ได้ แม้ว่าในชาติก่อนที่เป็นดาราสาวเธอก็มีวันไนท์สแตนด์

  • เมื่อนางร้ายเกิดใหม่เป็นเมียหมอผีเเห่งกรุงศรีอโยธยา   เป็นเมียหมอผี บทที่ ๔ (๑)

    “ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไปนั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมังโลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักพูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วยโฮ่ง!แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status