จิตใจของนางหญิงผู้นี้ช่างต่ำทราม โสมม แลกักขฬะเหลือเกิน
ภายในใจของพ่อครูคันศรบังเกิดถ้อยคำหยาบโลนต่อสตรีงามเมืองตรงหน้า ท่านรู้จักกับพระยาสิงห์ดี ท่านผู้นั้นเป็นคนมากตัณหามากทรัพย์สมบัติ แลมีชะตาต้องตายตก ตระกูลย่อยยับทันทีที่รับหญิงนางนี้เข้ามาในบ้าน
ชีวิตจักดับสูญ วอดวาย บ้านมิเป็นบ้าน จักทุกข์ระทมเพราะถึงเขามิลงของให้ นางหญิงนี่ก็จะไปกว้านหาหมอครูทำเสน่ห์แลหมอผีประกอบพิธีกรรมฆ่าเมียเอก พรากลูกพรากแม่ด้วยการจากตายอยู่ดี ใจมันริษยาเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เห็นใครได้ดีไปกว่าตนเป็นมิได้
อีนังหญิงอัปปรีย์จัญไร คอยดูเถิด ถ้ามิใช่เพราะพระยาสิงห์เคยมีบุญคุณต่อเขาแล้วละก็... คงมิยอมทนลงไปเกลือกกลั้วกับหญิงใจต่ำพรรค์นี้เป็นเด็ดขาด
เมื่อดวงตาหวานหยาดเยิ้มนั้นช้อนสายตาสบมองเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเล็บก้อยในระหว่างที่ทำพิธีทำของเสน่ห์ เขารู้ได้ในทันทีว่าหล่อนมีความต้องการในเรื่องใด แล้วก็เอื้อนเอ่ยออกมาได้ตรงใจความเสียด้วย
“ถ้าหลง จักทำเช่นไร” หญิงสาวแทบตีปีกบิน แสดงสีหน้าเปี่ยมเสน่ห์อย่างปิดไม่มิด หล่อนมันร่านราคะ โสมมมิสมกุลสตรี ทำหน้าตาปานนี้คงจักคิดว่าตนเองกำลังตกเป็นที่รักของเขาอยู่ละสิ
ไม่มีวันเสียหรอก นังหญิงใจหยาบช้า หญิงเช่นนางแค่เพียงผ้าขี่ม้า (ผ้าอนามัย) ใช้แล้วทิ้งยังมิพอ
“เดี๋ยวอีกสามวันข้าก็จักต้องตกเป็นของเจ้าพระยาสิงห์แล้ว”
“...”
“งั้นคืนนี้... พ่อครูซื้อตัวข้าดีหรือไม่เจ้าคะ?”
“งั้นก็ดีเสียสิ” ท่านนิ่งไปชั่วอึดใจ มิได้เสียดายเบี้ยพดหรือกระไร หากแต่เสียดายที่ต้องมาเสพของต่ำก็เท่านั้น ในใจนั้นนึกเหยียดหยันหญิงเช่นนางไม่รู้กี่ถ้อยวาจา “กูซื้อตัวมึงคืนหนึ่ง จนถึงเช้าวันพรุ่ง”
“พ่อครู” เสียงสาวหยาดเยิ้ม ค่อยๆ หมอบคลานอย่างมีจริตไปหาท่านที่นั่งเปลือยอกนุ่งซิ่นอยู่หลังหิ้งบูชาองค์ฤาษีแลของขลังต่างๆ นานา ฝ่ามือเล็กค่อยๆ นาบลงกับท่อนขาแกร่งของพ่อครูคันศร ขยับนวดเป็นจังหวะยั่วเย้าอีกฝ่าย
ชายหนุ่มกัดฟันแน่น เขามิได้แค่เพียงทานทนต่อพิษสตรีได้ แต่สามารถปลุกกำหนัดให้ตนเองทั้งที่มิได้รักมิได้ชอบพอได้ทันใจด้วย ฝ่ามือหนาคว้าหมับที่ข้อแขนเล็ก รั้งให้ไปสู่ห้องนอนลับด้านหลังเรือนไทยใหญ่
ซิ่นลวดลายวิจิตรฉบับล้านนาถูกปลดออกด้วยฝ่ามือของแม่แพรว ดวงหน้าหญิงสาวนั้นแนบอยู่ข้างซอกขาแกร่งของพ่อครู เขาหลุบตาลงมองหยันอย่างนึกเดียดฉันท์ ยิ่งหยันยิ่งขึ้นเมื่อนางประโลมโคมเรียวลิ้นปลุกความผงาดของท่อนจันทน์เขา ดูดเลียซุกไซร้ชโลมกลิ่นกายหญิงชั่วให้คาวโลกีย์
ไร้เสียงครางครวญด้วยความรู้สึกดี เขาเพียงต้องการให้หล่อนรู้ว่าหล่อนเป็นเพียงเบี้ยล่างอันต้อยต่ำ ต้องตกเป็นทาสสวาทของชายอยู่ร่ำไป เหมือนดั่งที่นางคิดจักฆ่าหญิงสาวที่ท่านเคารพรักอย่างเช่นคุณหญิงวาดรัก
“อื้ม... ลึงค์พ่อครูหอมหวานยิ่งนักเจ้าค่ะ” เสียงปรนเปรอสวาทของหญิงชั้นต่ำดังเคล้าคลอเสียงดูดอมฉ่ำน้ำลายของหล่อน พ่อครูแหงนหน้าขึ้นมองขื่อไม้สักด้านบน ด้วยบังเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้น ถึงเขาจักครองพรหมจารีย์ ยึดถือศีล ๘ แต่เขาก็ยังคงมีความรู้สึกราวกับปุถุชนธรรมดาทั่วไปเฉกเช่นเดิม ยิ่งอีกฝ่ายปรนเปรอบำเรอได้ช่ำชอง ปลดกำหนัดจนมาถึงจุดหนึ่ง เขาจึงเผลอตัว ปล่อยวารีสีขาวขุ่นเปรอะเปื้อนอุ้งปากบาง
หล่อนเพียงแลบลิ้นเลียขอบปากของตนเองลิ้มชิมรสชาติของน้ำกามรีอย่างยั่วยวน พ่อครูคันศรจดจ้องมองร่างอรชรที่อยู่ต้อยต่ำกว่า ฝ่ามือหนากุมปลายคางมนแน่นขนัดจนหล่อนเบ้หน้าอย่างรู้สึกเจ็บ ปลดดอกลำดวนช่อหนึ่งที่กลัดบนมวยผมสวยออกจนเส้นผมยาวสยายระจนถึงสะโพกผาย
เขาขยับเข้ามาชิดอีกนิด พร้อมกับกัดฟันกระซิบชิดกลีบปากนวลของหล่อนที่หยัดยิ้มหวานยั่ว
“กูจักมิปรนเปรอกระไรให้มึงทั้งนั้น แม้กระทั่งการสอดปากเข้าดูดดื่ม จงวางใจเถิด จักมิมีทางสาวไส้มาถึงตัวมึง ว่ากูกับมึงได้เสียกันก่อนวันที่พระยาสิงห์จักมาไถ่ตัว”
“...”
“ส่วนค่าของ... จงจ่ายด้วยเรือนกายของมึงเสีย”
ฝ่ามือหนาที่กำรอบลำคอขาวผ่องนั้นบีบแน่นขึ้นทุกชั่ววินาที สะสมความคั่งแค้นที่มีลงสู่ผิวกายขาวละออ แต่หญิงสาวกลับกดรอยยิ้มชั่ว หล่อนชอบรสรักที่รุนแรง เพราะอีกฝ่ายเป็นชายที่หญิงเกือบค่อนพระนครต่างหมายปอง แม้ว่าเขาจักมีท่าทีปฎิเสธผู้หญิงทุกคนที่เข้าหา และใช้ชีวิตอยู่กลางป่าไพรก็ตาม
เหมาะสมกับหญิงที่ชำนาญกับป่าอย่างเธอนัก
บัดนี้อีแพรวคนนี้กำลังจะได้ขึ้นครูแล้วสิหนา
มิจำเป็นต้องจูบ มิจำเป็นต้องกอด มิจำเป็นต้องเล้าโลมหรือกระทำการใด อีแพรวก็จักขึ้นทำเองทุกอย่างเลย รูปงามขนาดนี้ แถมยังเสน่หาหล่อนอย่างเหลือร้ายจนยอมให้แลกเรือนกายแทนค่าครู
“มิจำเป็นต้องแลกศักดิ์ศรีของพ่อครูดอกเจ้าค่ะ... เพียงแค่ยอมให้ข้าตกเป็นของท่าน ก็เหลือบุญคุณเต็มที” หล่อนเอ่ยวาจาไร้ยางอายออกมา แค่เพียงได้ขึ้นครู นางยอมทุกอย่าง อย่างไรสุดท้ายก็จะได้อำนาจเงินตราสมปรารถนาในวันสองวันอยู่แล้ว
สิ้นประโยคนั้น พ่อครูคันศรจึงผลักร่างอรชรลงจนแผ่นหลังขาวใสไร้สิวฝ้าแนบกับพื้นไม้เย็นเฉียบ ฉีกซิ่นงามราคาถูกจนขาดวิ่น จับนางแยกแข้งแหกขา สอดใส่ลึงค์ใหญ่โตที่กำลังแข็งชูคอเต็มที่เข้าสู่ช่องพรหมจารีย์ของหญิงสาว หากแต่เยื่อบางเช่นนั้นสำหรับหญิงงามเมืองเช่นนี้คงขาดสลายไม่มีชิ้นดีไปนานแล้ว
เรือนกายสองร่างบดเบียดเสียดสีไปด้วยราคะสวาทจนพื้นไม้ลั่นเอี๊ยดอ๊าด แต่พ่อครูคันศรกลับมีสีหน้าบึ้งตึงตลอดกิจกรรมนั้น แม้ตัณหาจะพัดโหมกระหน่ำ แต่ทว่าใจของท่านยังชัดแจ้งว่าเกลียดชังหญิงแพศยาคนนี้มากแค่ไหน
กว่าจะรู้สึกตัวอีกที ดวงวิญญาณแม่แพรวกลับถูกสวมรอยเข้าร่างด้วยวิญญาณสาวยุคปัจจุบันอย่างแพรวพราว อดีตนางร้ายอันดับท็อปต้นๆ ของประเทศไทยในยุคสมัยใหม่ ดวงตาสีรวงข้าวลืมตาโพลงขึ้นมา รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในความฝัน ลมด้านนอกพัดแรงจนเกิดเสียงต้นไม้ไหวโบก
หล่อนโกยลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ราวกับตายแล้วเกิดใหม่ก็ไม่ปาน
ไม่ได้ตายจริงๆ สินะ ภาพที่หล่อนตกสลิงลงมาเสียชีวิตคงเป็นเพียงแค่ความฝัน และตอนนี้เธอกำลังเริงสวาทกับนับสิบอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นแสนคุ้นเคย แพรวพราวแหงนคอขึ้นประกบริมฝีปากจูบพ่อครูคันศรทันทีจนเขาลืมตาโต เอวสอบกระแทกกระทั้นลึกขึ้น ในขณะที่หญิงสาวสะคราญน่าชิงชังนั้นโอบรอบคอแกร่งท่านไว้แล้วแอ่นสะโพกสวนกลับ
“อื้มมม แฮ่ก สิบ... แรงอีกสิคะ” เสียงหวามกระซิบยั่วเมื่อผละกลีบปากออกมาจากชายหนุ่ม พ่อครูคันศรไม่นึกแปลกใจที่หล่อนจักพลั้งเผลอโพล่งชื่อชายใดที่เคยซื้อตัวออกมา มันคือการปรนเปรอที่ผิดพลาดตามประสาโสเภณี เขามองเหยียดหยัน แต่นั่นกลับทำให้แพรวพราวในร่างใหม่นั้นขบริมฝีปากตนเองอย่างเร่าร้อน
นับสิบซาดิสต์ขึ้น การมองหยันหล่อนเช่นนั้น ทั้งที่ปกติใครๆ ต่างก็เชิดชูแพรวพราวมากมาย นี่มันเร้าใจเป็นบ้า ที่เธอยอมคั่วกับนับสิบ เพราะลีลาของเขาเวลาอยู่บนเตียงนั่นต่างกับภาพลักษณ์ที่แสดงต่อสื่อต่างๆ ว่าเป็นผู้ชายลุคอบอุ่นแสนดี
“ร่านสวาทยิ่งนัก” เสียงทุ้มเอียงไปกระซิบข้างหูทำทีเหมือนโลมเล้าด้วยถ้อยคำหยาบโลน เขามิได้ทนุถนอมเรือนกายหล่อนสักเท่าไหร่ กลับกันเขายิ่งรุนแรงใส่อารมณ์เต็มที่จนร่างเล็กอรชรนั้นโคลงเคลงไปมาเหมือนเรือสำเภายามถูกคลื่นยักษ์ถาโถมจนเรือใกล้ล่มพร้อมจมลงสู้ก้นมหาสมุทร
ทำไมน้องสิบถึงใช้ภาษาโบราณแบบนั้น?
เปลี่ยนบรรยากาศเหรอ ก็ดีเหมือนกันนะ
“สิบชอบหรือเปล่าละ?” อีกฝ่ายว่าพลางเอื้อมมือมากุมแก้มสาก หล่อนช้อนสายตาขึ้นยั่วยวน พ่อครูคันศรหรี่ตาลงมอง แผ่นอกอวบนั้นถูกฝ่ามือหนากอบกุมขยำจนหล่อนครางเสียดเสียวแทนคำตอบ พ่อครูกดปลายนิ้วลงกับเม็ดบัวสีเข้ม บดบี้อย่างรุนแรงด้วยปลายนิ้วชี้แลนิ้วโป้ง ขยี้สุดแรงจนแพรวพราวชูชัน
“อื้มมม ขอร้อง กระแทกพี่แรงๆ เลยได้ไหมคะ?” หล่อนช้อนสายตาขึ้นเว้าวอน ท่าทางเหลือร้ายแบบมีจริตนั้นทำให้นึกแปลกใจขึ้นมาครามครัน
พ่อครูคันศรชะงักงัน เพราะเท่าที่ได้ยินเขาล่ำลือมา อีแพรวนั้นเป็นลูกสาวบ่าวไพร่ที่ขายลูกไถ่หนี้มาเป็นหญิงงามเมืองในโรงนครโสเภณีที่มีนายโรงทองพัน มหาเศรษฐีที่เป็นนายโรงใหญ่ในพระนครดูแลอยู่ หญิงงามเมืองในที่ของเขาว่ากันว่ามีแต่สาวงามทั้งนั้น อีแพรวเป็นหนึ่งในหญิงที่มีชายจ้องรอจับจองซื้อตัวมากที่สุด แต่มักทนสันดานนางผู้นี้ไม่ไหว ไหนจักของดำที่นางเคยใช้ทำร้ายเมียของพวกเขาจนจับไข้ป่วยหนัก ไปจนถึงแรงริษยาต้องการเป็นหนึ่ง จนกระทั่งพระยาสิงห์หลงใหลจนยอมแม้กระทั้งไถ่ตัวนางผู้นี้ไปเป็นอนุภรรยา เล่าลือกันว่าเวลามีสัมพันธ์สวาท หล่อนจะยั่วยวนทุกหนทางที่มี ไม่มีวันนอนรอออกคำสั่งชายใดให้กระแทกเรือนกายแรงๆ แบบนี้แน่ แม้สุดท้ายผู้ชายพวกนั้นจะกลายเป็นศพลอยอืดมาตามคลองก็เถอะ
ถือเป็นเวรเป็นกรรมของคนที่ได้มันเป็นเมียแท้ๆ
กู... พ่อครูคันศรผู้นี้จักสะกดวิญญาณชั่วช้า รวมถึงจิตสำนึกริษยาโสมมของนางผู้นี้ให้อยู่หมัดเอง
แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรงหมับ!ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งนังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน“ปล่อยกู!”“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แล
การห้ามมีเซ็กซ์ นั้นยากเย็นกว่าการห้ามรักเสียอีกสัมผัสของพ่อหมอคนนั้นที่หล่อนหลงครวญหาจนนึกว่าเป็นนับสิบนั้นหลอกหลอนวนเวียนในหัวไม่หยุดหลังจากถึงเวลาเข้านอน ฝนยังคงตกไม่มีทีท่าว่าจะหยุดพักเลยสักนิด ความเหน็บหนาวที่ลอดเข้ามาแม้ว่าบานหน้าต่างจะถูกปิดสนิท ไหนจะเสียงฟ้าผ่าเป็นระยะๆ ทำให้แพรวพราวที่นอนหนาวอยู่บนฟูกนอนใหญ่รู้สึกตัวขึ้นมากลางดึกสงัดเมื่อหันไปข้างๆ ก็พบกับร่างกายกำยำใหญ่โตที่นอนร่วมข้างกายหล่อน พรานสมิงปิดเปลือกตา ไม่มีทีท่าจะตื่นนอน เหมือนว่ากำลังหลับสนิทอยู่นะแต่เมื่อนึกถึงแต่ฉากร่วมเพศตลอดค่อนคืนจนถึงขนาดอาจเอาไปเก็บในนิมิตได้ มันทำให้เธอนอนไม่หลับและรู้สึกเสียววูบวาบยุบยิบในท้องน้อย จวบไปจนถึงเส้นทางสวาทที่ไม่ควรเปิดเผยให้คนข้างๆ เลยแม้แต่น้อยพ่อครูคันศรชี้ชัดว่าเกลียดน้ำหน้าเธอขนาดนั้น ถ้าให้บากหน้าไปบอกว่า ‘อยากทำ’ คงไม่น่าไหว แต่ถ้าเป็นคนข้างๆ แล้วละก็...แต่!“ก็ได้นะ แต่กฎของฉันกับนาย คือห้ามแตะต้องตัวกันอย่างเด็ดขาด ห้ามมีเซ็กซ์ และห้ามรักฉันด้วย”หล่อนตั้งกฎบ้าๆ นี่ออกไปแล้วน่ะสิ!จะมากลืนน้ำลายตัวเองคงจะไม่ได้ แม้ว่าในชาติก่อนที่เป็นดาราสาวเธอก็มีวันไนท์สแตนด์
“ข้าทำตามได้อยู่แล้ว” แต่อีกฝ่ายกลับตกลงรับคำไม่มีข้อกังขาใดๆ ทั้งนั้น เขาไม่ได้มีปัญหากับการอยู่ร่วมชายคาเดียวกับสาววัยแรกรุ่นที่ถ้าเทียบการถือกำเนิดและอยู่บนโลกมนุษย์มาแล้วนับร้อยปี แพรวพราวไม่ต่างอะไรกับลูกหลานเหลนโหลนของเขาด้วยซ้ำไปนั่นทำให้สาวเจ้านึกโล่งใจ อย่างน้อยถ้าได้รับความร่วมมือจากฝ่ายชายอย่างแข็งขัน หล่อนอาจจะอยู่ร่วมชายคาเดียวกันกับเขาได้แบบสันติสุขโดยไม่มีการเสียตัวให้กันและกัน คิดดังนั้นจึงตรงเข้าไปในเรือนใหญ่หรูหรา ที่มีห้องหับแบบโบร่ำโบราณแยกกันอยู่สองฝั่ง ฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ อีกฝั่งเป็นห้องหลับนอน ห้องทำกับข้าวน่าจะเป็นการผิงไฟย่างเนื้ออยู่ด้านนอกแบบหมู่บ้านเก่าของเขากระมังโลกนี้น่าจะไม่มีอลาคาสหรูหราแบบที่ทานอยู่เป็นประจำ เธอไหวไหล่อย่างไม่แคร์ ถ้าอยากอยู่รอดในโลกนี้ต้องทนๆ เอา ข้าวเหนียวห่อใบตองก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่นักพูดถึงข้าวเหนียวห่อใบตอง ก็คิดถึงโรเบิร์ตขึ้นมาเลย ตั้งแต่กลับมาไม่รู้ว่ามันหายไปไหน แถมพ่อหมอก็ไม่ได้พูดถึงด้วยโฮ่ง!แต่ทว่านึกถึงไม่ทันไร ก็เกิดเสียงดังอยู่กลางป่ากล้วยเป็นเสียงเห่าของสุนัข แพรวพราวโผล่หน้าออกมาจากบานหน้าต่างฝั่งปีกห้องนอนทั
แพรวพราวชะงักไป หล่อนจ้องเขาตาเขม็ง“ไหนว่าไม่ต้องการข้อแลกเปลี่ยนไงคะ” ก็เมื่อครู่เขายังยอมเซ็นสัญญาปากเปล่าเป็นเด็กในสังกัดเธอโดยไม่รับข้อแม้อะไรอยู่เลย“นี่หาใช่ข้อแลกเปลี่ยนไม่ แม่รับมือไอ้คันศรมิได้ดอก ข้าเองก็มิมีหมู่บ้านให้อยู่อาศัยอีกต่อไป หมู่บ้านนั้นนอกจากเสือก็มีเพียงข้าคนเดียวที่เป็นคน”“...”“การไปร่วมชายคากับแม่เป็นทางเลือกที่ข้าเต็มใจจักเลือก... ข้าอยากอยู่กับแม่”ต๊าย มีผู้ชายตื้ออยากอยู่ด้วยแล้ว“ก็ได้ ถ้าอยากมาก็มา ยังไงนั่นก็ไม่ใช่บ้านฉันอยู่แล้ว” แต่การถูกตามตื้อไม่ใช่ปัญหาของคนที่เคยพราวเสน่ห์อย่างเธอหรอก ผู้ชายตรงหน้าก็ไม่ได้เลวร้าย อีกอย่างเธอจะอวดดีกลับไปโต้อารมณ์กับพ่อครูคันศรเพียงคนเดียวคงเป็นไปไม่ได้ แพรวพราวยังไร้กำลังนัก และหล่อนรู้ดีว่าโลกใบนี้ชายหญิงไม่เท่าเทียมกัน“งั้นข้าจักพาแม่ไปส่งประเดี๋ยวนี้เลย” ร่างกำยำค่อยๆ หยัดเดินขึ้นมาที่ริมเนินตลิ่ง เจ้ากานพลูชูงวงอย่างเริงร่าจากที่แอบฟังชายหญิงสองคนพูดคุยกันอยู่นานสองนาน มันเดินตามอีกฝ่ายขึ้นมาด้วย พรานสมิงเปิดเปลือยอวดความบาดตาบาดใจให้หญิงสาวได้เห็น แต่เมื่อเขาจะแต่งกายก็ถูกเจ้ากานพลูเอางวงมาปิดช่วงล่างเอา
“ถ้าฉันไปอยู่กับพระยาสิงห์ ก็ต้องอยู่ในฐานะเมียน้อยล่ะสิ” เรื่องแบบนี้ยิ่งรับไม่ได้เข้าไปใหญ่“ใช่”“ไม่มีทางหรอกค่ะ”“แม่มิมีทางเลือกดอก” แต่ความคาดหวังและการตัดสินใจที่เสรีถูกปัดตกไปตั้งแต่ที่เกิดเป็นโสเภณีในยุคโบราณแบบนี้แล้ว ยุคสมัยนี้ผู้หญิงไม่ได้มีปากมีเสียง มีความคิดที่อิสระเหมือนบ้านเราในปัจจุบัน สิ่งที่แพรวพราวเลือกได้คือต้องอยู่กับพระยาสิงห์ในฐานะอนุภรรยา หรือถ้ากล้ำกลืนความเป็นเมียน้อยคนแก่พุงพลุ้ยไม่ได้ ก็ต้องตายเท่านั้นเองแต่อยู่ดีๆ สาวเจ้าก็บังเกิดความคิดสุดบรรเจิดและค่อนข้างที่จะสุดโต่งขึ้นมาในหัวแล้วถ้าหล่อนยอมเป็นเมียของคนที่คิดจะฆ่าหล่อนมาตั้งแต่แรก และพยายามทำให้เขาตกหลุมรักให้ได้ล่ะ?ถ้าเธอยอมปรนนิบัติรับใช้พ่อครูคันศร เขาจะเปลี่ยนใจมาช่วยเหลือเธอหรือเปล่า?แน่นอนว่าพรานสมิงเองก็น่าสนใจ แต่ทำไมเธอถึงไม่เลือกเขาน่ะเหรอ?ก็เพราะว่าไม่ตรงสเปคยังไงล่ะอีกอย่าง... ก็เพราะติดใจในหน้าตาที่ละหม้ายคล้ายคลึงกับนับสิบราวกับคนเดียวกันอย่างน่าประหลาดของเขา ถ้าเกิดว่าหมอผีคนนั้นเป็นนับสิบในชาติที่แล้วจริงๆ เธอจะได้เจอกับนับสิบในภพปัจจุบันอีกไหม?ไม่รู้ว่าเพราะอะไร... พอคิดว่าจ
“ลงมาชำระกายกับข้าไหม... แพรวพราว”เป็นคำชวนแรกจากผู้ชายที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงครึ่งวัน หญิงสาวชะงักไป หล่อนไม่ได้เกิดความรู้สึกอยากลงไปในลำธารนิ่งสงบนั่นเสียเท่าไหร่ ทำแค่เพียงสลับกลับมานั่งพับเพียบอย่างเรียบร้อย พร้อมกับสบตาอีกฝ่ายอยู่ที่เนินตลิ่งอย่างใช้ความคิด“ไม่ดีกว่าค่ะ” สุดท้ายจึงเลือกที่จะปฏิเสธออกไป“มิไว้ใจข้าหรือ” ดวงหน้าคมคายนั้นฉีกยิ้มพรายทรงเสน่ห์ เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีแถมเรือนกายกำยำล่ำสัน ที่ถ้าเป็นผู้หญิงใจง่ายทั่วไปคงแทบวิ่งเข้าใส่ หากแต่หญิงสาวยังตกอยู่ในความตะลึงพรึงเพริดจากเหตุการณ์ก่อนหน้าจนยากจะอธิบาย ถ้าพูดให้ถูกคือชายตรงหน้าเป็นใครก็ไม่รู้ เธอไม่เคยรู้จักเขา แถมเขาไม่ใช่คนในยุคสมัยที่เธอจากมา ถึงจะช่วยเหลือกันไว้แต่หญิงสาวก็ยังไม่ไว้เนื้อเชื่อใจนัก ก็เขาเลี้ยงสมิงไว้ทั้งฝูงนี่ เผลอๆ อาจจะหาทางทำมิดีมิร้ายเธอก็ได้ต้องคิดลบไว้ก่อนเพราะตอนนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันชวนสับสนมึนงงไปหมด“ไม่ใช่ไม่ไว้ใจ แต่เราเพิ่งจะรู้จักกัน จะให้ฉันถอดเสื้อถอดผ้าลงไปอาบน้ำกับผู้ชายคงไม่ดีเท่าไหร่” อีกอย่างการที่จะได้ ‘กิน’ ผู้ชายสักคนเนี่ย แพรวพราวต้องแน่ใจเสียก่อนว่ารู้ตัวตนและโปรไ