แชร์

บทที่ 0013

ผู้เขียน: อันอี่หราน
เมื่อผู้คนกลับไปกันหมด หรงเหวินเมี่ยวก็แอบมาอยู่ข้างพระสนมเฉินกุ้ยเฟยแล้วย่อกายลงเล็กน้อย "เรื่องวันนี้ต้องขอบพระคุณพระสนมมากด้วยเพคะ"

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับไม่ใส่ใจมาก "คุณหนูหรงไม่ต้องคิดมาก ข้าแค่เปลี่ยนผ้าอ้อมให้หว่านหว่านแล้วบังเอิญพบเข้าเท่านั้น เรื่องวันนี้รอดพ้นได้เพราะคุณหนูหรงฉลาดมีไหวพริบต่างหาก"

หรงเหวินเมี่ยวเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดแบบนี้ก็กระจ่างในใจ พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้มีความคิดที่จะทวงคืนบุญคุณแต่อย่างใดจึงเก็บเรื่องนี้นี้เอาไว้ในใจ

ทุกคนต่างรู้ว่า พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเป็นน้าสาวแท้ ๆ ขององค์รัชทายาท และนางก็ไม่มีทายาทดังนั้นจึงต้องช่วยองค์รัชทายาทปูทางเป็นธรรมดา หากวันนี้ตนรอดพ้นจากแผนขององค์ชายสามแล้วเข้าไปพัวพันกับองค์รัชทายาทอีกก็จะเป็นการทำลายชื่อเสียงอันดีของท่านพ่อได้

ดังนั้นจึงกล่าวขอบคุณ ทำความเคารพและออกจากวังไปพร้อมท่านแม่

หรงเหวินเมี่ยวกลับบ้านเล่าเรื่องนี้ให้กับท่านพ่อและท่านแม่ ใต้เท้าหรงทั้งบ้านชื่นชมพระสนมเฉินกุ้ยเฟย และชื่นชอบองค์รัชทายาทมากขึ้น บอกว่าขอแค่องค์รัชทายาทไม่มีความคิดที่ไม่ดีจะตอบแทนอย่างดี

แต่ว่า มันก็เป็นเรื่องของอนาคต

ขณะเดียวกัน ณ ห้องทรงอักษร เพราะคำพูดคำเดียวของหรงเหวินเมี่ยวเมื่อครู่ ทำให้ฮ่องเต้ต้าฉู่อาละวาดทันที

บัดนี้กำลังพูดคุยเรื่องนี้อย่างละเอียดกับหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดิน รองหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินและราชครูหลิน

"กรมสอบสวนไปปตรวจสอบเถอะ" หลังจากที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ระบายความโกรธเสร็จก็สงบสติอารมณ์ลงมาก

หลังจากที่ใต้เท้าทั้งสองรับราชโองการ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็กำชับอีก "ใต้เท้าหรง แม้เรื่องนี้ข้องเกี่ยวกับบุตรสาวตระดูลหรง แต่ก็ต้องทำงานอย่างเที่ยงธรรม ห้ามใช้งานแก้แค้นส่วนตัว"

"ฝ่าบาทโปรดวางใจได้พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะทำงานอย่างเที่ยงธรรมแน่นอน" ใต้เท้าหรงเคยส่งรายงานให้ฮ่องเต้ว่า เสนาบดีชุยเล่นพรรคเล่นพวกกับเหล่าขุนนาง เพียงแต่รายงานนั้นที่เคยส่งกลับจมหายไปไร้การตอบกลับ

เมื่อใต้เท้าทั้งสองของกรมสอบสวนกลับไป ฮ่องเต้ต้าฉู่ถึงค่อยถอนหายใจแล้วพูดกับราชครูหลิน "เห็นทีบัดนี้ องค์ชายสามก็มีความคิดช่วงชิงตำแหน่งแล้ว"

ราชครูหลินเห็นฮ่องเต้ต้าฉู่รำคาญใจก็เอ่ยปากปลอบใจ "ดีที่ตอนนี้รู้เจตนาของเสนาบดีชุย ทำให้สามารถดับไฟแต่ต้นลมพ่ะย่ะค่ะ"

"แล้วราชครูคิดว่า ในบรรดาองค์ชายใครเหมาะสมที่จะเป็นฮ่องเต้ที่สุด?"

ราชครูหลินมองฮ่องเต้ต้าฉู่แล้วกลืนน้ำลาย ไม่ยอมตอบสักที "กระหม่อมคิดว่าองค์รัชทายาทนี่แหละดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทมีนิสัยอ่อนโยน ใจกว้างมากที่สุด"

เมื่อฮ่องเต้ต้าฉู่ลองเชิงถามอะไรไม่ได้ก็ให้เมิ่งฉวนเต๋อส่งราชครูหลินออกไป แล้วจึงเรียกอิ่งอีมา

"เจ้าไปตามสืบคนของเสนาบดีชุยที่ชื่อหนิงซวี่มา สืบมาให้ละเอียด จากนั้นก็ส่งหลักฐานให้หัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดิน"

พูดจบก็กำชับอย่างไม่วางใจ "โดยเร็ว"

เมื่อเรื่องนี้จบเขาถึงค่อยนึกได้ว่า วันนี้เดิมทีเป็นพิธีแต่งตั้งตำแหน่งของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย และก็ถูกทำลายไปแล้ว

จึงออกจากห้องทรงอักษรและมุ่งไปยังตำหนักชิงอวิ๋นทันที

"วันนี้ทำลายพิธีแต่งตั้งตำแหน่งของเจ้าเสียหมด" เมื่อก่อนที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ดูแลพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เพราะอดีตฮองเฮา แต่บัดนี้กลับมีความจริงใจเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก

"ฝ่าบาทก็รู้เพคะ ว่าหม่อมฉันไม่สนใจพวกนี้อยู่แล้ว" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยตอบเสียงเบาอ่อนหวาน "แต่ไม่รู้ว่าฝ่าบาทได้เลือกพระชายาให้องค์รัชทายาทแล้วหรือยังเพคะ"

ลู่ซิงหว่านถอนหายใจออกมาทันที ดึงดูดสายตาของทั้งคู่

[ท่านแม่ เมื่อก่อนท่านเป็นรองแม่ทัพโหดเหี้ยมเด็ดขาดไม่ใช่หรือ? ทำไมบัดนี้อยู่ในวังกลับขี้ขลาดแบบนี้ ข้าล่ะอยากเห็นตอนท่านอยู่ในสนามรบเสียจริง]

คำพูดของลู่ซิงหว่านทำให้ฮ่องเต้ต้าฉู่มองพระสนมเฉินกุ้ยเฟย และก็จิตนาการถึงภาพของนางที่โหดเหี้ยมเด็ดขาดในสนามรบเหมือนกัน

ดังนั้นจึงเกิดความคิดอื่นขึ้นมา "หรือว่าจัดงานขี่ม้าตีคลีดีไหม? เจ้าต้องถนัดเป็นแน่"

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินประโยคนี้ตาก็เป็นประกาย เมื่อก่อนนางชอบขี่ม้าตีคลีมาก แต่ประกายนั้นก็ดับมอดไปอย่างรวดเร็ว "ช่างมันเถอะเพคะ ด้วยตำแหน่งของหม่อมฉันบัดนี้ ไม่เหมาะสมเพคะ"

"ไม่เหมาะสมอะไรกัน ข้าบอกให้เจ้าตีเจ้าก็ตีสิ"

"ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทมากเพคะ"

ทั้งสองพูดคุยกันเสร็จ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก้วนกลับมาบทสนทนาเมื่อครู่ "เจ้ามีบุตรสาวของตระกูลไหนในใจแล้วหรือ?"

เมื่อครู่ฮ่องเต้ต้าฉู่พูดถึงขี่มาตีคลี ทำให้พระสนมเฉินเฟยเปิดใจพูดออกมาตรง ๆ "หม่อมฉันว่าคุณหนูหานแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ทหารม้าไม่เลวนะเพคะ"

"หืม?" ฮ่องเต้ต้าฉู่หัวเราะออกมา "คิดเหมือนเสด็จแม่เลย"

"ไทเฮาก็คิดว่าคุณหนูหานไม่เลวหรือเพคะ?" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยประหลาดใจ เดิมทีนางคิดว่าจวนแม่ทัพใหญ่ทหารม้ายศสูงไป เกรงว่าฮ่องเต้ต้าฉู่จะเกิดความสงสัย คิดว่าราชทายาทจะใช้การแต่งงานดึงเหล่าขุนนางใหญ่เป็นพวกเดียกวัน

"หม่อมฉันเห็นว่าคุณหนูหานผู้นั้นเป็นคนมั่นคงและนิสัยร่าเริง เหมาะกับหลานฉันของหม่อมฉันที่เป็นคนไม่ชอบพูดมากนัก"

ทั้งสองพูดไปก็หัวเราะออกมา

[เสด็จพ่อและท่านแม่ตาถึงกันทั้งคู่จริง ๆ ในนิยายพี่องค์รัชทายาทก็แต่งกับคุณหนูหานเนี่ยแหละ ทั้งสองรักและเข้ากันได้ดีมาก เพียงแต่พี่ชายใหญ่ใกล้จะถูกหรงอ๋องปองร้ายแล้ว น่าสงสารพี่สะใภ้ข้าคนนี้จริง ๆ ]

ฮ่องเต้ต้าฉู่มองลู่ซิงหว่าน เมื่อได้ยินที่นางพูดเลยคิดในใจว่า ตนจะต้องปกป้องลูกสาวของตนให้ดี

ส่วนฝั่งพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็ร้อนใจ บัดนี้เรื่องเสนาบดีชุยถูกเปิดโปงแล้ว ตนจะบอกฮ่องเต้เรื่องที่หรงอ๋องคิดกบฏอย่างไรดี?

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็ใช้หว่านหว่านเป็นข้ออ้างกลับจวนติ้งกั๋วโหว ให้ท่านพ่อตรวจสอบหรงอ๋องแล้วแอบส่งหลักฐานให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ลับ ๆ นี่คือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว

เมื่อเรื่องที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับจวนติ้งกั๋วโหวไปเยี่ยมญาติเข้าหูไทเฮา ไทเฮาจึงส่งแม่นมข้างกายให้มาส่งราชดำรัส

กล่าวว่า ให้องค์ชายใหญ่และองค์ชายสองตามไปด้วย และพาเผยฉู่เยี่ยน ซื่อจื่อน้อยของจวนอันกั๋วกงไปด้วย

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่เกินไปจึงปฏิเสธไปครั้งหนึ่ง แต่ไทเฮาก็เรียกนางไปตำหนักหรงเล่อด้วยพระนางเอง นางถึงค่อยยอมและรีบเตรียมตัว

คนที่ดีใจที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นลู่ซิงหว่าน!

[ว้าว ได้ออกนอกวังแล้ว ได้ออกนอกวังแล้ว จะออกนอกวังแล้วท่าแม่จะพาข้าไปเที่ยวข้างนอกแล้ว!]

ได้ยินเสียงเด็กเล็กน่ารักดีใจลู่ซิงหว่านทุกวัน พระสนมเฉินกุ้ยเฟยคิดว่าความคิดนี้ก็ไม่เลวเท่าไหร่

ถึงวันที่ออกนอกวัง พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเตรียมตัวตั้งแต่เช้า องค์ชายใหญ่ องค์ชายสอง เผยเสี่ยวซื่อจื่อก็มารอหน้าตำหนักชิงอวิ๋นแต่เช้า

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเป็นคนถ่อมตน แต่เพื่อหน้าตาของราชวงศ์แล้วจึงจำเป็นต้องนั่งในเกี้ยวแสนหรูหรา ส่วนองค์ชายใหญ่และคนอื่นก็ขี่ม้าตาม

หลังออกจากวัง เนื่องจากเส้นทางเดิมต้องผ่านตลาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดขัด พระสนมเฉินกุ้ยเฟยจึงเอ่ยปากให้องครักษ์ที่แบกเกี้ยวเปลี่ยนเส้นทาง

แต่ไม่คิดว่าเดินทางได้ไม่นาน ก็พบเข้ากับหานซีเยว่ที่กำลังถูกเสิ่นเป่าซวง บุตรสาวคนรองของภรรยาเอกแห่งจวนราชเลขากรมขุนนางดักไว้หน้าร้านแห่งหนึ่ง

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยตาแหลมเห็นได้ทันทีตั้งแต่ยังไกล จึงเปิดม่านขึ้นถาม "จิ่นเหยา ข้างหน้าคือคุณหนูหานแห่งจวนแม่ทัพใหญ่ทหารม้าใช่หรือไม่?"

ลู่จิ่นเหยา ก็คือชื่อขององค์ชายใหญ่

เนื่องจากก่อนหน้านี้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้บอกเรื่องหานซีเยว่แก่องค์ชายใหญ่แล้ว ดังนั้นเขาจึงใส่ใจและจำนางได้

เสิ่นเป่าซวงคนนี้ชื่นชอบองค์รัชทายาท ทุกคนในเมืองหลวงรู้กันถ้วนหน้า บัดนี้แค่เพราะได้ยินมาว่าฮ่องเต้ต้าฉู่มีพระประสงค์จะให้หานซีเยว่เป็นพระชายาองค์รัชทายาท จึงไม่พอใจและดักหานซีเยว่ไว้ที่หน้าร้านเสื้อผ้าเพื่อหาเรื่องตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว

เดิมทีหานซีเยว่ไม่อยากมีเรื่องกับนาง อยากรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่ไม่คิดว่านางกลับเหิมเกริมขึ้นเรื่อย ๆ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status