“ตกลงจะกลับบ้านอาทิตย์หน้าจริงหรือ”
จู่ ๆ นฤบดินทร์ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน พราวนภาหันไปมองเขาพร้อมกับอมยิ้มแล้วพูดว่า
“ถามทำไมหรือ อ๋อ...หนูพราวไม่อยู่ พี่ดินก็เลยเหงาใช่ไหมล่ะ” เธอหัวเราะคิกคักก่อนจะพูดต่อ
“ความจริงแล้วที่พราวไปนอนบ้านคุณแม่ก็เพราะอยากฝึกตัวเองน่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น ชายหนุ่มจึงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย “ฝึกอะไร”
หญิงสาวถอนหายใจแผ่ว “ก็อีกหน่อยพี่ดินต้องไปอเมริกาแล้วนี่นา พราวเคยชินกับการเจอหน้าพี่เกือบทุกวัน อยากเจอเวลาไหนก็แค่เดินไปหา แต่ถ้าพี่ไปอเมริกาแล้วพราวคงเดินไปหาพี่ไม่ได้ พราวก็เลยอยากฝึกตัวเองให้ชินเข้าไว้เวลาที่พี่ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว”
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปนานเมื่อฟังเธอพูดจบ บรรยากาศในรถที่ต่างคนต่างเงียบจึงให้ความรู้สึกเศร้าจาง ๆ ปกคลุมคนทั้งคู่ แม้จะมีเสียงเพลงจังหวะสนุกสนานเปิดคลอ หากแต่ทั้งสองคนก็ไม่มีอารมณ์ร่วมไปกับเพลง
“แค่สามสี่ปีเอง แป๊บ ๆ ก็ผ่านไปแล้ว” เสียงทุ้มพูดขึ้นแผ่วเบา พราวนภาหันไปมองเขา ทำท่าราวกับอยากพูดอะไรบางอย่าง ทว่าสุดท้ายหญิงสาวก็ไม่พูด
นฤบดินทร์จอดรถแอบไว้ริมกำแพงบ้านจันทร์เจ้า จากนั้นก็ลงจากรถเพื่อเข้าไปส่งหญิงสาวในบ้านและถือโอกาสไหว้ลาผู้ใหญ่ด้วย ชายหนุ่มอยู่คุยกับชินดนัยไม่กี่ประโยคก็ขอตัวกลับโดยมีพราวนภาเดินมาส่งขึ้นรถ
ก่อนเขาจะเคลื่อนรถออกไป นฤบดินทร์เลื่อนกระจกลงแล้วพูดกับหญิงสาวว่า “ถ้าอยากกลับบ้านวันไหนก็บอกละกันจะได้มารับ ไม่ต้องรบกวนพวกผู้ใหญ่เขา”
พราวนภายิ้มหวานพร้อมกับพยักหน้ารับด้วยความเต็มใจ เธอมองส่งเขาจนกระทั่งไม่เห็นไฟท้ายรถแล้วจึงเดินเข้าบ้าน รีบคว้ากระเป๋าสะพายและหิ้วถุงห้างสรรพสินค้าพะรุงพะรังเต็มสองมือขึ้นห้องไปอย่างลิงโลด
เมื่อถึงห้องนอนของตัวเอง หญิงสาวก็วางของทั้งหมดลงบนเตียงจากนั้นก็เปิดกระเป๋าเพื่อจะหยิบโทรศัพท์มาโทร. หาเพื่อนสนิทเล่าเรื่องที่ออกเดตกับนฤบดินทร์วันนี้ให้เพื่อนฟัง
แต่ไม่ว่าเธอจะรื้อค้นที่ซอกมุมไหนของกระเป๋าก็ไม่เห็นโทรศัพท์มือถือของตนอยู่ในนั้นเลย
“เฮ้ย...แย่แล้ว เราทำโทรศัพท์หายหรือเนี่ย!”
นฤบดินทร์เลี้ยวรถเข้าไปจอดในร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่ง เวลานี้เพิ่งเป็นเวลาหัวค่ำลูกค้าจึงบางตา ชายหนุ่มเดินเข้าไปในด้านในอย่างคุ้นเคยแต่ไม่ได้เข้าไปนั่งตามโต๊ะเหมือนลูกค้ารายอื่น เขากลับเดินผ่านเข้าไปในส่วนของหลังร้านซึ่งมีป้ายติดเอาไว้ที่ประตูว่าสำหรับพนักงานเท่านั้น
เขายิ้มบาง ๆ ให้พนักงานที่เอ่ยปากทักทายก่อนจะเคาะประตูห้องที่อยู่ด้านหน้าสุด จากนั้นก็หมุนลูกบิดเปิดเข้าไปทันทีโดยไม่สนใจว่าคนที่อยู่ในห้องจะอนุญาตหรือไม่
“โหมึง นี่ถ้ากูกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับสาว ๆ อยู่แล้วมึงเปิดพรวดมาแบบนี้ กูไม่ขายหน้าลูกน้องแย่หรือวะไอ้ดิน” ศิวัฒน์บ่นให้เพื่อนอย่างไม่จริงจังนัก
“กูรู้ว่ามึงไม่กล้าทำอะไรที่นี่หรอก อย่ามาปากดี” นฤบดินทร์แค่นยิ้มพลางทรุดตัวนั่งบนโซฟาตัวยาวฝั่งตรงข้ามกับเพื่อนสนิท บนโต๊ะกลางของชุดรับแขกมีเอกสารกองโตวางระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ ส่วนผู้ที่นั่งจมกองเอกสารก็หัวคิ้วขมวดมุ่นขณะที่จดจ่อกับการนั่งคัดแยกกระดาษตรงหน้าทีละใบ
“พี่โตว่าไง” นฤบดินทร์เอ่ยปากถามเข้าเรื่องทันที ศิวัฒน์จึงเงยหน้ามองเพื่อนแล้วตอบว่า
“พี่กูกำลังมา คงใกล้ถึงแล้วมึงก็คุยกับเขาเองละกัน ว่าแต่มึงจะทำงั้นจริงหรือวะเพื่อน ไม่อาลัยอาวรณ์สักหน่อยหรือวะในฐานะที่เคยเป็นแฟนกันมาก่อน เพราะถ้าพี่กูเอาจริง ยายเกรซนี่อนาคตดับเลยนะเว้ย”
นฤบดินทร์ได้ยินอย่างนั้นก็แค่นยิ้ม “ดับมานานแล้วรึเปล่าวะ ทำตัวเองทั้งนั้นกูไม่เกี่ยวสักหน่อย”
เขาไม่ได้เล่าเรื่องที่เกรซยืมเงินตนสามแสนเพื่อไปรักษาแม่ให้ศิวัฒน์ฟัง เขาบอกแค่ว่าบังเอิญเจออีกฝ่ายที่ห้างสรรพสินค้าและได้พูดคุยกันเล็กน้อยเท่านั้น
“มึงนี่น้า ใจร้ายกับสาว ๆ ตลอด” ศิวัฒน์ส่ายหน้าทั้งรอยยิ้ม เป็นเวลาเดียวกับที่โทรศัพท์ของนฤบดินทร์มีข้อความเข้ามา ชายหนุ่มจึงหยิบขึ้นมาอ่าน
Proud : พี่ดิน พราวทำโทรศัพท์หาย T_T
Din : หาดูดีแล้ว?
Proud : ในกระเป๋าไม่มีเลย ทำไงดีพราวไม่อยากได้เครื่องใหม่
Din : อาจจะทำหล่นในรถรึเปล่า จะดูให้ละกัน
Proud : ขอให้เป็นอย่างนั้น พี่ดินดูให้พราวหน่อยนะ
Din : อืม แล้วนี่ใช้อะไรแชตมา คอม?
Proud : พราวเอาโน้ตบุ๊กมาด้วยไง ก็เลยแชตผ่านทางนี้
รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นที่มุมปากของนฤบดินทร์ โทรศัพท์ของพราวนภาไม่ได้หายไปไหนเพราะเขาเป็นคนเอาซ่อนไว้ใต้เบาะในรถเอง กะไว้ว่าพรุ่งนี้จะนำไปคืนให้เธอที่บ้านมารดา หรือไม่ก็อาจจะถ่วงเวลาไปสักสองสามวัน
ถ้าไอ้หมอนั่นไม่พูดว่าจะโทรศัพท์มาคุยกับเธอตอนค่ำ เขาก็คงไม่ทำอย่างนี้หรอก
ประตูห้องเปิดออกอีกครั้งตามมาด้วยร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มวัยประมาณสามสิบต้น ๆ คนหนึ่ง นฤบดินทร์เห็นดังนั้นยกมือไหว้อีกฝ่ายทันที
“ทางพี่พร้อมแล้วนะ แกจะไปด้วยกันรึเปล่า” ศิระยังคงยืนอยู่ที่ประตู ไม่ได้เดินมานั่งกับกลุ่มของน้องชาย
“ผมคงไปซุ่มอยู่แถวนั้นแหละพี่ คงไม่ขึ้นไปด้วย ผมจะโทร. ไปบอกเขาก่อนว่าอาจจะเอาเงินไปให้เขาช้าหน่อยเพราะติดธุระ ระหว่างนั้นพี่ก็ขึ้นไปได้เลย” นฤบดินทร์บอกอีกฝ่ายตามที่วางแผนเอาไว้ในหัว
“แกแน่ใจนะว่าชัวร์” ศิระถามเพื่อความแน่ใจ นฤบดินทร์ก็ตอบด้วยความมั่นใจเช่นกัน
“ชัวร์ครับ วันนี้ผมเจอเขาที่ห้าง เขายืมเงินผมสามแสนบอกว่าจะเอาไปจ่ายค่ารักษาแม่และจะขายบ้านเอาเงินมาคืนผม แต่ที่ผมรู้มาก่อนหน้านี้คือเขาขายบ้านไปตั้งนานแล้ว ส่วนแม่เขาก็เส้นเลือดในสมองแตกจริง แต่ตายไปตั้งแต่ปีที่แล้วน่ะ เห็นว่าโมโหจนความดันขึ้นที่ลูกสาวเอาบ้านไปขายเพราะติดยาอย่างหนัก”
“และที่สำคัญนะพี่ พวกผมได้ข่าวมาว่าตอนนี้ยายเกรซน่ะกำลังคบกับไอ้เวย์ ขาใหญ่ย่านดอนเมือง และคอนโดฯ ที่ยายนั่นนัดให้ไอ้ดินไปหาน่ะก็คือคอนโดฯ ของไอ้เวย์มัน เจตนาแบบนี้มันชัดเจนเลยว่าพวกนั้นมันสมคบคิดกันจะปอกลอกไอ้ดิน หรือไม่ก็แบล็กเมล์ไอ้ดินแน่นอน โทษฐานที่ไปนอนกับผู้หญิงของมัน” ศิวัฒน์พูดเสริม
“พูดตามตรงนะพี่โต ความจริงแล้วผมมีเพื่อนบางคนที่เล่นยาไอซ์ยาเคเหมือนกัน และเพื่อนผมคนนี้มันก็ซื้อมาจากเกรซนี่แหละ เกรซเอายามาปล่อยให้พวกนักศึกษา บางครั้งเพื่อนผมยังตามไปซื้อยาที่คอนโดฯ นั้นเลย ผมถามเพื่อนมาแล้ว เป็นคอนโดฯ เดียวกันกับที่เกรซส่งพิกัดมาให้นั่นแหละ”
นฤบดินทร์ไม่ได้บอกไปว่าครั้งล่าสุดที่เพื่อนของเขาไปซื้อยาถึงคอนโดมิเนียมของเกรซนั่นคือเมื่อวาน เพราะฉะนั้นเขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าในห้องที่หญิงสาวอาศัยอยู่จะต้องมียาเสพติดไว้จำนวนหนึ่งเพื่อจำหน่ายแน่
“โอเค ถ้าอย่างนั้นพวกพี่จะได้ลุยเลยเพราะมีหมายค้นแล้ว” ศิระยิ้มก่อนจะดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือแล้วพูดว่า
“แกโทร. ไปหาผู้หญิงคนนั้นได้เลยนะ เพราะพี่จะกลับไปสน.ก่อน”
“ครับพี่” นฤบดินทร์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นก็โทร. ออกไปยังหมายเลขที่โทร. เข้ามาล่าสุด...เกรซ...
เรื่องที่หญิงสาวทั้งเสพและค้ายานั้น นฤบดินทร์รู้มาสักพักแล้ว แต่เขาไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตน ทว่าวันนี้ที่เจอกัน เธอมาล้ำเส้นเขาก่อน เพราะหากหยิบยืมเงินเขาได้ครั้งหนึ่งแล้วย่อมมีครั้งต่อไป ดีไม่ดี เขาอาจจะโดนเธอกับแฟนเล่นงานเข้าสักวันก็ได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องชิงเล่นงานอีกฝ่ายก่อน จะได้ไม่ต้องมีเรื่องอะไรมากวนใจเขาก่อนไปอเมริกา
พราวนภาหอบหายใจถี่จนอกกระเพื่อมไหว นฤบดินทร์เลื่อนตัวขึ้นมานอนด้านข้าง ดึงผ้าห่มมาคลุมไว้ด้วยกันแล้วกอดเธอไว้แนบอกหญิงสาวสังเกตเห็นกล่องถุงยางอนามัยที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงแล้วรู้สึกแปลก ๆ จู่ ๆ ก็ไม่รู้สึกตื่นเต้นอย่างที่คิดแต่กลับกลัวมากกว่า ใบหน้าของบิดาลอยเข้ามาในห้วงความคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดจนในใจปวดหนึบ“พี่ดิน” เธอเปลี่ยนใจแล้ว ขอเลื่อนของขวัญออกไปก่อนดีกว่าเพราะตอนนี้รู้สึกไม่สบายใจ“ครับ” น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาที่ขานรับก็ทำให้เธอรู้สึกผิดอีกเช่นกัน อุตส่าห์รับปากเขาไว้เองแท้ ๆ แต่ทำไม่ได้ กลายเป็นว่าเธอผิดคำพูดทั้งกับบิดาของตัวเองและคนรัก“วันนี้พราวขอเลื่อนไปก่อนได้ไหม พราวขอโทษ” เธอไม่กล้าเงยหน้ามองเขา แต่ถ้าทำตามคำพูดของตนที่ให้ไว้ เธอก็จะไม่กล้ามองหน้าบิดาเช่นกันนฤบดินทร์เชยคางของเธอให้รับจูบจากเขาครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า“จะขอโทษทำไม พี่เข้าใจพราว พี่เคยบอกแล้วไงครับว่าทุกอย่างแล้วแต่พราว ถ้าพราวไม่พร้อมพี่ก็รอได้ไม่ซีเรียส พี่ไม่ได้รักพราวเพราะเรื่องอย่างว่าสักหน่อย”
“พี่ดิน นี่มันโรงแรมหรูกลางกรุงเลยนะ มันไม่ได้มีแค่ห้องพักอย่างเดียว แต่มีบุฟเฟ่ต์นานาชาติหัวละพันห้า บุฟเฟ่ต์เบเกอรี่หัวละห้าร้อย มีสปาที่ค่าเมมเบอร์แพ้งแพง และมีห้องจัดเลี้ยงนั่นนี่เยอะแยะไปหมด และที่พราวพูดไปทั้งหมดนั้น พราวมาใช้บริการหมดแล้วในชุดนักศึกษานี่แหละ เพราะฉะนั้นถ้าพราวจะขึ้นไปห้องพักกับพี่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกจนคนอื่นต้องหันมามองหรอก”นฤบดินทร์คิดตามที่พราวนภาพูดแล้วก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย...เธอพูดถูก เป็นเขาที่กังวลไปเองเมื่อขึ้นมาถึงห้องพัก พราวนภาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นกระเป๋าสัมภาระใบใหญ่ถึงสามใบ เขาจึงบอกไปว่า“แค่ของฝากก็ใบหนึ่งเต็ม ๆ แล้ว อีกสองใบเป็นเสื้อผ้ากับรองเท้าที่พี่ซื้อใหม่ตอนอยู่ที่โน่น” เขาพูดจบก็เดินไปสวมกอดเธอจากทางด้านหลังแล้วก้มลงจูบซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา“คิดถึง” เขาซุกหน้าอยู่กับลาดไหล่ของเธอนิ่ง รู้สึกเหมือนว่าความวูบโหวงในใจได้รับการเติมเต็มแล้วนฤบดินทร์นึกได้ว่าตั้งแต่กลับมาถึงเขายังไม่ได้อาบน้ำชำระร่างกายเลย หากจะนัวเนียกับหญิงสาวก็เกรงว่าจะมีกลิ่นไม่พึ
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ไม่ดีใจหรือที่พี่มาหา” ชายหนุ่มเอาคำพูดที่เธอเคยพูดกับเขาตอนอยู่สนามบินเมื่อครั้งไปหาเขาที่บอสตันมาพูดบ้าง ทำเอาเธอเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงของเขาชัดเจน“พี่ดิน! ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” พราวนภาทั้งตกใจและแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือเรื่องจริง ก่อนจะถูกความดีใจเข้ามาแทนที่จนอัดแน่นเต็มอก“ใช้ประตูสารพัดที่ของโดราเอมอนน่ะเลยมาโผล่ที่นี่ได้” เขาตอบหน้าตาย แต่เพื่อนทั้งสองคนของพราวนภาแอบหัวเราะกันคิกคัก หญิงสาวจึงตีแขนเขาเบา ๆ หนึ่งทีก่อนจะแนะนำเพื่อนสนิทของตนให้นฤบดินทร์รู้จัก“พี่ดิน นี่เก้ากับหลิงหลิง ที่พราวเคยเล่าให้ฟังบ่อย ๆ ไง”นฤบดินทร์ยิ้มและผงกศีรษะให้เล็กน้อยอย่างเป็นมิตร ก่อนจะถามแฟนสาวของตน “จะไปไหนกันหรือ”“พราวว่าจะไปเดินเล่นหาอะไรกินที่ห้างกับเพื่อนน่ะ”“เราไปกับหลิงหลิงสองคนก็ได้ พราวไปกับพี่เขาเถอะ” กาญจน์เกล้ารีบพูดขึ้นทันทีเพราะอยากให้ทั้งสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันนาน ๆ อีกทั้งเพิ่งได้ยินพราวนภาบ่นไปหมาด ๆ ว่าคิดถึงแฟน
หลังจากสองหนุ่มขึ้นมานั่งบนรถกันเรียบร้อยแล้ว ศิวัฒน์ซึ่งทำหน้าที่ขับก็ถามขึ้น “แล้วนี่นึกยังไงถึงจะไปอยู่โรงแรมก่อนวะ บ้านช่องมีก็ไม่กลับ”นฤบดินทร์ยิ้มบาง ๆ เมื่อใบหน้าของพราวนภาลอยเข้ามาในหัว แต่เขาไม่อาจบอกเรื่องนี้กับเพื่อนได้ จึงได้แต่บอกเหตุผลอื่นไป“อยากจัดการเรื่องงานอะไรให้เรียบร้อยก่อนน่ะแล้วค่อยเข้าบ้านทีเดียว พรุ่งนี้นัดที่บริษัทไว้แล้วด้วยไงว่าจะเอาเอกสารไปยื่นให้เขา” เพราะเขาอยากจะเซอร์ไพรส์บิดามารดาเรื่องงานด้วย ก็เลยยังไม่เข้าบ้านวันนี้“มึงนี่ก็โชคดีว่ะ ไม่ต้องวิ่งหางานให้เหนื่อย เออใช่ กูลืมเล่าไป มึงจำไอ้เวย์ได้ใช่ไหมที่มันค้ายาน่ะ” ศิวัฒน์มองหน้าเขาก่อนจะหันไปมองถนนตามเดิม“อืม ทำไม”“มันโดนขาใหญ่สั่งเก็บไปตั้งแต่สองเดือนที่แล้วน่ะ เห็นพี่โตบอกว่ามันคงทำตัวเอิกเกริกเกินไป อย่างคราวยายเกรซก็ทีหนึ่งแล้วที่มันทำให้เรื่องราวบานปลายจนคนวงในเขารู้กันไปทั่วว่ามันค้ายา”“อ้อ พวกขาใหญ่ก็เลยกลัวว่าจะโดนลากไปเอี่ยวด้วยก็เลยฆ่าตัดตอนงั้นสิ” คราว
เช้าตรู่วันถัดมา นฤบดินทร์เปลี่ยนชุดเพื่อจะออกไปวิ่งตามปกติ และสิ่งที่ต้องทำก่อนไปวิ่งคือต้องวิดีโอคอลหาพราวนภาก่อน เพราะเขารู้ว่าหญิงสาวจะรอให้เขาโทร. ไปหาเวลานี้จนกลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว“เมื่อไรจะฝึกงานเสร็จสักทีเนี่ยพี่ดิน เกินหนึ่งปีแล้วนะ ไหนบอกว่าฝึกปีเดียวไง” เธอทำหน้ามุ่ย เขาเห็นแล้วได้แต่ยิ้มเพราะชักอยากเห็นหน้าเธอตอนที่เจอเขาไปโผล่อยู่ที่บ้าน“มีงานติดพันน่ะ จะปล่อยให้คนอื่นทำก็คงไม่ได้เลยต้องทำให้เสร็จก่อน ก็น่าจะอีกสักสองสามเดือนโน่นแหละมั้ง ทำไมล่ะ พราวคิดถึงพี่จนทนไม่ไหวแล้วหรือ” เขาแกล้งเย้าเพราะคนที่แทบทนไม่ไหวความจริงแล้วควรเป็นเขามากกว่า อยากกอดเธอจนแทบบ้า อยากให้วันเดินทางเป็นวันพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ“ใช่ พราวคิดถึงพี่” เธอปัดผมไปไว้ด้านหลัง คอเสื้อของเธอกว้างจึงทำให้เห็นลำคอระหงและลาดไหล่นวลเนียน ไม่รู้เขาคิดไปเองหรือเปล่า เขารู้สึกว่าพักหลังมานี้พราวนภาดูเซ็กซี่ขึ้น อาจเป็นเพราะวัยที่เพิ่มขึ้นจึงทำให้เสน่ห์ของความเป็นหญิงยิ่งเปล่งประกายกระมัง เห็นแล้วยิ่งอยากกลับไปหาเธอเร็ว ๆ“อดทนอีกนิด เดี๋ยวก็เ
“ก็พีทเป็นผู้ชายพีทต้องเป็นพี่ ต้องถูกเรียกชื่อก่อนอยู่แล้ว” ภานุภัทร์ตอบด้วยความภาคภูมิใจ ภัทร์นรินท์ทำท่าจะเถียงต่อแต่พราวนภาขัดคอขึ้นเสียก่อน“หยุด! ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ช่วยพี่เอาของเข้าไปไว้ในบ้านเลย” จากนั้นหญิงสาวก็หันไปหาคนให้แล้วพูดว่า “พราวเกรงใจมากเลยค่ะ พราวขอรับแค่ถุงเดียวได้ไหมคะพี่ริว มันเยอะเกินไปน่ะ”“รับไว้เถอะพราว พี่ตั้งใจซื้อมาให้จริง ๆ ถ้าพราวไม่รับพี่ก็ไม่รู้จะเอาไปให้ใครแล้วเพราะพี่ไม่ได้คิดจะซื้อฝากบ้านอื่นเลย พี่ซื้อมาฝากบ้านพราวแค่บ้านเดียวเลยเนี่ย” ขณะที่เขาพูดสีหน้าก็ดูขัดเขิน แต่คนฟังอย่างเธอกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก โชคดีที่ตอนนั้นผู้เป็นย่าเดินออกมาหน้าบ้านพอดีเพราะเห็นเด็ก ๆ ออกันอยู่หน้าประตูรั้ว“มีอะไรกันรึ”“สวัสดีครับคุณย่า บ้านผมไปเที่ยวภูเก็ตมาน่ะครับก็เลยซื้อของมาฝาก” ริวยกมือไหว้พร้อมกับรีบยื่นถุงทั้งหมดไปให้สามพี่น้องที่ยืนเรียงกันอยู่“ตายแล้ว! ทั้งหมดนี่เลยหรือ เกรงใจแย่เลยคราวหลังไม่ต้องนะพ่อริว” ภคินีเห็นของฝากแล้วก็ได้แต