กว่าดาริกาจะกลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม ทันทีที่เดินเข้ามาภายในบ้านก็พบกับคนใจร้ายที่นั่งไขว่ห้างก้มหน้าเล่นมือถืออยู่บนโซฟาในห้องโถง
เธอนึกโกรธแต่ก็ทำได้แค่เก็บอาการเอาไว้รีบก้าวเท้าเดินให้พ้นจากเขาเร็ว ๆ เดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงักกับเสียงห้วนกระด้างที่ดังตามหลังมา
"เดี๋ยว.."
เธอลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าของเสียงเรียก
"พะ.." ทำท่าจะเรียกแทนเขาว่าพี่เหมือนที่เคยเรียกในอดีต แต่ก็หยั่งปากได้ทัน
"คุณศรัณย์มีอะไรคะ" เรียกแทนว่าคุณออกไปแม้จะไม่ชินปากเท่าไรเพราะขืนเรียกเขาว่าพี่คงโดนต่อว่าเหมือนครั้งก่อน
"ข้าวของของเธอฉันให้แม่บ้านย้ายไปไว้ที่ห้องพักแม่บ้านแล้ว หลังจากนี้ห้องของเธอคือห้องพักสำหรับแม่บ้านหลังตึกใหญ่เพราะห้องของเธอน้องแป้งว่าที่คู่หมั้นของฉันจะย้ายเข้ามาอยู่แทน"
ดวงตากลมที่กำลังจ้องมองใบหน้าคมเข้มพลันไหวระริกกับประโยคที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมา ขอบตาร้อนผ่าวรู้สึกเจ็บและจุกในอกเหมือนมีใครเอามีดมากรีด
แค่เขาย้ายของเธอไปไว้ห้องพักแม่บ้านไม่ได้ทำให้เธอเจ็บปวดหรอก สำเนียตตัวเองเสมอว่าเธอเป็นแค่ลูกแม่บ้านที่ได้รับความเมตตาจากคุณหญิงลดาแม่ของชายหนุ่มผู้ล่วงลับไปแล้ว
แต่ที่เธอเจ็บปวดเพราะชายหนุ่มไล่เธอออกจากห้องด้วยเหตุผลว่าจะให้ว่าที่คู่หมั้นมาอยู่ เหมือนเขากำลังเหยียบย่ำหัวใจกันทั้งที่เมื่อก่อนเขาบอกว่ารักเธอ และจะแต่งงานกับเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นจนถึงขั้นทะเลาะกับผู้เป็นพ่อเพราะเขาไม่ยอมหมั้นกับคุณแป้งผู้หญิงที่พ่อหาให้
"ไม่พอใจเหรอดาริกา" น้ำเสียงห้วนกระด้างเปล่งออกจากริมฝีปากหยักอีกครั้งพร้อมด้วยแววตาดุดัน
แววตาที่เมื่อก่อนเคยมองเธอด้วยความอ่อนโยน และเต็มไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู แม้แต่น้ำเสียงที่พูดก็เปลี่ยนไปจนน่าใจหาย
เธอได้แต่เก็บซ่อนความรู้สึกเอาไว้ปฏิเสธไปด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
"เปล่าค่ะ"
หันหลังเดินออกจากตึกใหญ่พร้อมกับน้ำตาที่ค่อย ๆ รินไหลออกจากดวงตาอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอเดินมาแอบหลบมุมร้องไห้หลังตึกใหญ่ระบายความเจ็บช้ำในอกจนรู้สึกดีขึ้นจึงเดินไปหาป้าสีนวลแม่บ้านอาวุโส
"ป้านวลคะ ห้องพักหนูคือห้องไหนคะ"
"เดี๋ยวป้าพาไปจ้ะ" สีนวลมองหน้าเด็กสาวด้วยความสงสาร ก่อนจะเดินนำไปยังห้องพัก "นี่จ้ะห้องหนูดา"
"ค่ะ" ดาริกาฝืนยิ้มให้ป้าสีนวล แล้วเดินเข้าไปในห้องที่ความกว้างแค่เศษเสี้ยวของห้องบนตึกใหญ่ มีที่นอนเก่ากลางใหม่ โต๊ะเครื่องแป้ง และพัดลมหนึ่งตัวเท่านั้น
"อยู่ได้ใช่ไหม" เสียงของป้าสีนวลที่ยืนมองจากหน้าประตูดังขึ้นเธอจึงละสายตาจากการสำรวจห้องหันไปตอบ
"ได้ค่ะป้าสีนวล"
"งั้นป้าไปก่อนนะ"
"ค่ะ"
หลังจากป้าสีนวลหายหลังไปเธอก็ปิดประตู แล้วเริ่มจัดข้าวของเครื่องใช้ที่ถูกนำมาวางทิ้งสะเปะสะปะภายในห้อง
ดวงตากลมพลันไหวระริก รู้สึกเจ็บในอกขึ้นมาเมื่อเห็นตุ๊กตาหมีสีชมพูตัวใหญ่ ค่อย ๆ ก้มลงไปหยิบมันขึ้นมากอดแนบแน่นสมองย้อนคิดถึงวันที่ได้ตุ๊กตาหมีตัวนี้มา
ห้าปีก่อน...
"น้องดาเก็บตุ๊กตาหมีตัวนี้ไว้ให้ดีนะครับมันเป็นตัวแทนของพี่ ยามที่น้องดาคิดถึงพี่ก็กอดตุ๊กตาหมีตัวนี้นะครับ"
"พี่ศรัณย์ไม่ไปไม่ได้เหรอคะ"
"ไม่ได้หรอกครับพี่ต้องไปเรียน"
"พี่ศรัณย์ไปแล้วน้องดาจะเล่นกับใครคะ ใครจะปั่นจักรยานพาน้องดาไปเที่ยว ใครจะพาน้องดาไปกินไอติม แล้วใครจะคอยปกป้องน้องดาเมื่อถูกเพื่อนผู้ชายรังแก"
"พี่รู้ว่าน้องดาเก่ง และเข้มแข็งมากเพราะฉะนั้นน้องดาต้องดูแลตัวเองให้ดีเพื่อรอพี่กลับมานะครับ"
"ค่ะ"
"พี่มีความจริงบางอย่างจะสารภาพกับน้องดาครับ"
"อะไรเหรอคะ"
"พี่ชอบน้องดาครับ แบบผู้ชายผู้หญิงชอบกันไม่ใช่ชอบหรือรักแบบน้องสาว"
"..."
"พี่แค่อยากบอกน้องดาให้รู้ก่อนที่จะไปเรียนต่อ ส่วนน้องดาไม่ต้องตอบอะไรพี่ก่อนก็ได้ครับ ไว้พี่จะมาเอาคำตอบในวันที่พี่เรียนจบกลับมานะครับ"
"ได้ค่ะ"
"ระหว่างที่พี่ไปเรียนต่อน้องดาอย่าเพิ่งมีใครนะครับ รอพี่กลับมาก่อนหากวันนั้นหัวใจเราตรงกันจริง ๆ เราแต่งงานกันนะครับ"
"ค่ะ..น้องดาจะไม่มีใคร น้องดาจะรอจนกว่าพี่ศรัณย์จะกลับมา"
"มาเกี่ยวก้อยทำสัญญากันค่ะ"
"ครับ"
"น้องดารักพี่ศรันย์นะคะ"
"พี่ก็รักน้องดาครับ"
ตอนนั้นเธออายุสิบสี่ปี ส่วนชายหนุ่มอายุสิบแปดปี
เขาต้องบินไปเรียนต่อระดับปริญญาตรีที่ประเทศอเมริกาจึงมอบตุ๊กตาหมีชมพูตัวนี้ให้เธอไว้ดูต่างหน้ายามคิดถึง
และวันนั้นเขายังสารภาพรักกับเธออีกด้วย แต่เธอไม่ได้ตอบรับหรือพูดอะไรเพราะยังเด็กเกินไปไม่ค่อยเข้าใจในความรู้สึกของตัวเองเท่าไร ที่ผ่านมาเธอมองเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีมาตลอด
ซึ่งเขาก็ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบเพียงบอกให้เธอรอเขากลับมาอย่าเพิ่งมีใคร แน่นอนว่าเธอเชื่อฟังคำพูดของเขา
หลายปีที่ผ่านมาเธอไม่เคยมีใครยังคงตั้งหน้าตั้งตารอเขาคนเดียว และถามตัวเองตลอดว่ารู้สึกยังไงกับเขาจนในที่สุดก็ได้คำตอบว่าเธอรักเขาแบบที่หนุ่มสาวรักกันไม่ใช่รักแบบพี่น้อง
เมื่อได้คำตอบเธอก็โทรบอกเขาทันที เขาดีใจมากสัญญากันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าถ้าเธอเรียนจบจะแต่งงานสร้างครอบครัวที่แสนอบอุ่นด้วยกัน
ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอเหมือนจะเป็นไปด้วยดีกระทั่งเขามารู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างมารดากับพ่อของเขาหลังจากแม่ของเขาเสียชีวิตได้เพียงสองเดือน
"หนูดา"
เสียงเรียกจากด้านนอกทำให้เธอหลุดจากภวังค์ความคิด ลอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะพาตุ๊กตาหมีไปวางบนที่นอน แล้วเดินไปเปิดประตู
"ป้าสีนวลมีอะไรคะ"
"คุณศรัณย์ให้มาตามจ้ะ"
"ค่ะ"
เธอขานรับ จากนั้นก็ก้าวออกจากห้องทำการปิดประตูแล้วเดินไปยังตึกใหญ่ มาถึงก็เห็นชายหนุ่มยังนั่งไขว่ห้างอยู่ที่เดิม
"คุณศรัณย์มีอะไรจะใช้ฉันคะ" เดินไปหยุดตรงหน้าเขาแล้วถามไถ่
"พรุ่งนี้น้องแป้งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ฉันจะให้เธอเป็นคนดูแลน้องแป้ง" ศรัณย์เอ่ยทั้งที่สายตายังจดจ่อกับหน้าจอมือถือ นาทีต่อมาจึงเงยขึ้นมองหน้าร่างบางที่ยืนอยู่ด้วยแววตาเย็นชาใบหน้าเรียบนิ่ง
ต่างจากดาริาที่ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตาจะแตกอยู่ร่อมร่อ แต่ก็ต้องอดกลั้นเอาไว้ไม่อยากให้คนใจร้ายเห็นความอ่อนแอ
"ค่ะ" ฝืนตอบรับทั้งที่ใจกำลังแตกสลาย มองสบสายตาเย็นชาเสี้ยวนาทีก่อนเอ่ยต่อ "ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวนะคะ"
ไม่รอให้อีกคนอนุญาตรีบหันหลังเดินออกไปด้วยความเร็วก่อนที่น้ำตามันจะไหลออกมาประจานความอ่อนแอ
กลับมาถึงห้องเธอก็ล้มตัวลงนอนคว่ำหน้ากับที่นอนปล่อยโฮออกมาอย่างหนัก ก่อนหน้านี้ที่ถูกเขาพูดจาร้าย ๆ ใส่และถูกแกล้งเธอยังพอทนได้ แต่การที่เขาพาผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในบ้านในห้องที่เธอเคยอยู่หัวใจเกินรับไหวจริง ๆ
นี่สินะศรัณย์เวอร์ชั่นที่เธอไม่เคยรู้จัก นี่สินะคือสิ่งที่เขาคิดจะทำ
ร่างสูงในชุดเปียกปอนเดินกอดตัวเองเข้ามายืนหน้าบ้านด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ปากสีแดงกลายเป็นสีม่วงคล้ำเพราะความเย็นจัด ผิวขาวซีดเหมือนคนขาดเลือดเธอแสร้งทำเป็นไม่สนใจเดินไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเอง แล้วก้มหน้าทานข้าวต่อ แอบชำเลืองมองด้วยหางตาเป็นระยะ หูคอยฟังว่าสองคนพ่อลูกพูดอะไรกันบ้าง"เดี๋ยวหนูเอาผ้าเช็ดตัวมาให้นะคะ คุณพ่อยืนรอตรงนี้ก่อน" ได้ยินเสียงบุตรสาวบอกกล่าวกับคนเป็นพ่อ และนาทีต่อมาก็เดินมาหาเธอ"คุณแม่คะขอผ้าเช็ดตัวให้คุณพ่อหน่อยค่ะ""เดี๋ยวแม่ไปหยิบมาให้ค่ะ" ความจริงเธอไม่อยากจะหยิบยื่นอะไรให้เขาเลย แต่มันติดตรงที่บุตรสาวนี่แหละเธอเดินขึ้นไปยังห้องนอนบนชั้นสองของบ้านหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหม่ที่อยู่ในตู้มาให้บุตรสาว"นี่ค่ะ""ขอบคุณค่ะ" บุตรสาวยิ้มหวานให้เธอ แล้วรีบเอาผ้าเช็ดตัวจากมือเธอไปให้ผู้เป็นพ่อ"คุณพ่อเช็ดตัวก่อนนะคะ""ขอบคุณค่ะ" ศรัณย์ระบายยิ้มอ่อนโยนให้บุตรสาวพลางรับผ้าเช็ดตัวมาซับตามร่างกายสั่นเทาที่เปียกปอนไปด้วยน้ำ เสร็จแล้วก็เช็ดผมต่อจนหมาด ๆ "คุณพ่อเข้ามาในบ้านสิคะ จะได้กินข้าวกัน" เด็กน้อยคาริสายื่นมือไปจับมือผู้เป็นพ่อหมายจะพาเข้าบ้านหลังจากเห็นว่าเช็ดผมเสร็จแล้ว"ไม่ได
เหมือนดาริกาจะดูถูกชายหนุ่มเกินไปเพราะผ่านไปสี่ชั่วโมงแล้วเขายังนั่งคุกเข่าอยู่ที่เดิมทั้งที่ตะวันเริ่มลับขอบฟ้า เมฆฝนตั้งเค้า ลมพัดกระโชกเหมือนพายุจะเข้า"หนูสงสารคุณพ่อจังเลยค่ะ คุณแม่หายโกรธคุณพ่อ แล้วให้คุณพ่อเข้ามาในบ้านนะคะ" เด็กน้อยคาริสาที่ยืนมองพ่อจากหน้าต่างเงยหน้าขึ้นเอ่ยกับผู้เป็นแม่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เสียงเศร้าดาริกาละสายตาจากคนที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางสนามหญ้า หันกลับมามองหน้าบุตรสาวพร้อมกับย่อตัวลงนั่งย่อง ๆ ตรงหน้าพลางคว้ามือเล็กมากอบกุมไว้"ดูลูกรักและเป็นห่วงคุณพ่อมากเลยนะคะทั้งที่เพิ่งเจอกันไม่นานเอง" เอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ใช่ค่ะ หนูรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขมากเลยค่ะเวลาได้อยู่กับคุณพ่อ คุณพ่อใจดีที่สุดเลยค่ะคุณพ่อมาหาหนูที่โรงเรียนทุกวัน ซื้อไอศกรีมกับขนมที่หนูชอบมาฝากด้วยนะคะ พอหนูบอกว่าอยากไปดูหมูหวานคุณพ่อก็จะพาไป หนูอยากทำอะไรคุณพ่อก็ตามใจค่ะ""...""รู้ไหมคะคุณแม่เพื่อน ๆ ที่โรงเรียนต่างอิจฉาหนูที่มีคุณพ่อหล่อและใจดีมาก"เสียงและสีหน้าบุตรสาวเวลาพูดถึงผู้เป็นพ่อเต็มไปด้วยความสุข แววตาทอประกายสดใสแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน บุตรสาวคงรักและภูมิใจในตัวผู้เป็นพ
บ้านหลังไม่ใหญ่มากนักสไตล์มินิมอลสองชั้น มีรั้วไม้ความสูงประมาณจมูกของเขาล้อมรอบ เดินมาหยุดหน้าประตูรั้วพร้อมทอดสายตามองเข้าไปภายในบ้านรอยยิ้มพลันผุดขึ้นประดับใบหน้าคมเข้มในตอนที่ผ้าม่านตรงหน้าต่างปลิวไปตามลมจนทำให้เห็นคนที่อยู่ด้านใน สองคนแม่ลูกอยู่ที่นี่จริง ๆ เขาไม่รอช้ารีบยื่นมือไปเปิดประตูรั้วอย่างถือวิสาสะ แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะมันถูกล็อคจากด้านใน จึงตะโกนเรียกแทน"น้องดาครับ น้องดาได้ยินพี่ไหมครับ" เสียงอันแสนคุ้นเคยที่ดังเข้าหูทำดาริกาที่กำลังนั่งเล่นกับลูกอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นขมวดคิ้วมุ่น ยังแอบนึกว่าตัวเองหูแว่วเพราะไม่มีทางที่ชายหนุ่มจะรู้ว่าเธอกับลูกอยู่ที่นี่"หนูได้ยินเสียงคุณพ่อคะคุณแม่" จนบุตรสาวเอ่ยขึ้นอีกคนเธอจึงมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด เมื่อกี้เสียงเหมือนดังมาจากหน้าบ้าน รีบใช้มือแหวกผ้าม่านตรงหน้าต่างแล้วชะเง้อคอมองดวงตากลมเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเกาะรั้วอยู่ สองคิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย เขามาที่นี่ได้ยังไง แล้วเขารู้ได้ยังไงว่าเธอกับลูกอยู่ที่นี่เพราะนอกจากพ่อแม่และพี่ชายไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่นี่มั่นใจมากว่าครอบครัวไม่มีทางบอกกับชายหนุ่มว่า
ต่อให้เมื่อวานจะปะทะกับแม่ของลูกวันนี้ศรัณย์ยังคงมาที่โรงเรียนแม้ไม่รู้ว่าจะได้พบกับบุตรสาวไหม หรือต้องเจอกับอะไร เขาตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าง้อแม่ของลูกไม่ทำตัวเป็นคนขี้ขลาดอีกต่อไปมาถึงห้องเรียนของบุตรสาวไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรครูประจำชั้นก็เดินออกมาบอกกล่าว "น้องริสาไม่ได้มาเรียนค่ะ""อ๋อ..ขอบคุณครับ" เขาพยักหน้ารับ แล้วเดินกลับไปขึ้นรถขับตรงไปยังบ้านเกียรติกมล ขับมาจอดรถแอบริมรั้วเหมือนเช่นเคย เฝ้ามองว่าสองคนแม่ลูกจะออกไปไหนบ้างเขาจะได้หาโอกาสเข้าไปคุยกับเธอทว่าผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าจนตะวันเริ่มคล้อยก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ สรุปวันนี้เขากลับมาบ้านโดยที่ไม่ได้เห็นหน้าลูกเมียเลย ทว่าวันนี้ไม่เจอพรุ่งนี้อาจจะเจอก็ได้เขาไม่ยอมแพ้วันต่อมาก็ไปหาบุตรสาวที่โรงเรียนอีกครั้ง และได้รับคำตอบจากครูประจำชั้นแบบเดิม ความรู้สึกบอกเขาว่ามันไม่ปกติแล้ว ถ้าไม่มีอะไรบุตรสาวคงไม่ขาดเรียนติดต่อกันในช่วงที่กำลังใกล้ปิดเทอมเขาขับรถไปยังบ้านเกียรติกมล แต่ครั้งนี้ไม่ได้จอดแอบนอกรั้วเหมือนที่ผ่านมา เขาขับรถมาจอดหน้าประตูรั้วแล้วลงจากรถเดินไปกดกริ่งยืนรอราวห้านาทีก็มีหญิงวัยยี่สิบปลายเดินกึ
วันต่อมาก็มาหาบุตรสาวที่โรงเรียนตั้งแต่เก้าโมงเช้าเพื่อจะพาบุตรสาวไปดูหมูหวานตามที่ได้รับปากไว้เมื่อวานเขาขออนุญาตคุณครูประจำชั้นเรียบร้อย ก่อนจูงมือบุตรสาวเดินไปที่รถ"หนูจะได้ไปดูหมูหวานแล้ว ตื่นเต้นจังเลยค่ะคุณพ่อ" เด็กน้อยแหงนหน้าขึ้นเอ่ยกับคนเป็นพ่อด้วยท่าทางตื่นเต้นเป็นพิเศษศรัณย์เห็นแล้วเอ็นดูยิ่งนัก เดินมาถึงรถเขาก็คลายพันธนาการจากมือเล็กล้วงไปหยิบกล่องบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วย่อตัวลงนั่งย่อง ๆ ตรงหน้าบุตรสาว"ก่อนไปลูกต้องใส่นาฬิกาเรือนนี้ก่อนนะคะ นาฬิกาเรือนนี้มีทั้งแอปติดตาม ยังสามารถโทรออกได้ด้วย เผื่อไปถึงสวนสัตว์แล้วเราเกิดผลัดหลงกันพ่อจะได้รู้พิกัดลูก และถ้ามีอะไรก็ให้ลูกกดตรงนี้มันจะโทรหาพ่อ"เขาอธิบายแล้วหยิบนาฬิกาสุดหรูออกจากกล่องสวมลงบนข้อมือเล็ก"ค่ะคุณพ่อ" เด็กน้อยพยักหน้ารับหงึกงัก"ดีมากค่ะ" ศรัณย์กดจูบบนหน้าผากมนด้วยความรักใคร่ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นยืน ยื่นมือไปเปิดประตู ผายมือเชิญบุตรสาวขึ้นรถ "เชิญค่ะเจ้าหญิงน้อย""น้องริสามาหาคุณแม่ค่ะ" ไม่ทันที่เด็กน้อยจะได้ก้าวขึ้นรถน้ำเสียงดุดันก็ดังขึ้นทำให้สองคนพ่อลูกชะงักมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก'ความฉิบหายมา
หนึ่งเดือนต่อมา"คุณพ่อคะหนูอยากไปเที่ยวสวนสัตว์ค่ะ หนูอยากไปดูหมูหวาน" เสียงบุตรสาวดังขึ้นทำให้ศรัณย์ที่นั่งเช็คข้อความในไลน์ละสายตาจากหน้าจอมือถือ เงยขึ้นมองบุตรสาวที่นั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามหมูหวานที่บุตรสาวหมายถึงคือฮิปโปโปเตมัสแคระที่กำลังโด่งดังอยู่ตอนนี้ แน่นอนว่าบุตรสาวร้องขอเขาไม่ปฏิเสธ"ได้สิคะ งั้นพรุ่งนี้พ่อพาไปดู แต่เราต้องไปกันแต่เช้าจะได้กลับมาทันก่อนโรงเรียนเลิก ไม่อย่างนั้นโดนคุณแม่จับได้แน่""โอเคค่ะ" เด็กน้อยคาริสายกมือทำท่าโอเคให้พ่อในนาม ก่อนจะกระโดดลงจากเก้าอี้เดินเข้าไปสวมกอดเอวสอบ ตั้งคางบนหน้าขา เงยหน้าขึ้นมองหน้าพ่อในนามตาปริบ ๆ "หนูรักคุณพ่อนะคะ คุณพ่ออย่าทิ้งหนูนะคะ""ไม่ต้องกลัวนะ พ่อไม่มีวันทิ้งลูกแน่นอน"เขาระบายยิ้มอ่อนโยนให้บุตรสาวพร้อมกับสวมกอดแนบแน่นตอนนี้ดูเหมือนบุตรสาวจะรัก และมีความผูกพันกับเขาบ้างแล้วตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเขาแอบมาหาบุตรสาวที่โรงเรียนทุกวันต้องการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเขากับบุตรสาวให้แน่นแฟ้น เพราะบุตรสาวเป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้เข้ามีโอกาสเข้าหาคนเป็นแม่โดยที่ไม่ต้องถูกไล่ออกมายิ่งบุตรสาวรัก และผูกพันกับเขามากเท่าไรก็ยิ่ง