“ก็ได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวถึงกับหน้ามุ่ย เมื่อคาดหวังว่าจะได้เงินทองของมีค่า กลายเป็นคุณนายเศรษฐินีไม่ต้องทำงานให้เหนื่อย แต่กลับไม่ได้อย่างที่หวัง แต่กระนั้นก็มิใช่ปัญหาแค่หาเงินจะไปอยากอะไร มีมิติวิเศษให้ก็เท่ากับนางมีของดีในมือ ทั้งยังสามารถเอาของจากโลกปัจจุบันมาใช้ได้ จะทำอะไรกาลข้างหน้าเท่านี้ก็สบายแล้ว
“จำเอาไว้เล่า จงระวังตัวให้มาก อย่าได้เปิดเผยเรื่องนี้ให้ผู้ใดรู้เด็ดขาด ยกเว้นก็แต่คนผู้นั้นยอมรับในตัวเจ้าได้ มิเช่นนั้นสิ่งที่ข้าให้จะนำภัยมาสู่เจ้า”
ยังไม่ทันจะได้ถามถึงการใช้งานมิติวิเศษ เสียงเจ้าแห่งปรโลกค่อย ๆ เลือนหายไป นั่นเท่ากับว่านางจะไม่สามารถสื่อสารอะไรได้อีกแล้ว การมาครึ่ง ๆ กลาง ๆ เช่นนี้ นางคาดเดาไว้ว่าคงไม่พ้นเครื่องกลไกขนาดใหญ่พังอีกแล้วเป็นแน่ มีปัญหาบ่อยเช่นนี้สมควรซ่อมแล้วหรือไม่ ประเดี๋ยวก็ได้มีคนดวงซวยเช่นนางอีก
หลังจากการสื่อสารของเจ้าแห่งปรโลกขาดหาย ไป๋เหลียนจึงมิได้สนใจอีก นางอยากรู้ว่ามิติที่ว่ามันใช้อย่างไร ทั้งของที่เอาออกมาได้มีอะไรบ้าง ข้อจำกัดมีมากน้อยแค่ไหนในการใช้งาน
นางในฐานะนักอ่านที่เคยอ่านนิยายแนวทะลุมิติมามากมายนับไม่ถ้วน จากประสบการณ์จะต้องมีบางอย่างใช้เชื่อมต่อกับมิติวิเศษเป็นแน่ อย่างเช่น แหวน กำไล หรือไม่ก็มีจุดปานบนร่างกาย ทว่าไม่ว่าจะหาอย่างไรบนกายตอนนี้ไม่มีสิ่งที่ว่าเลยสักอย่าง
จะมีก็แต่เชือกสีแดงโกโรโกโสบนข้อมือ ที่ได้จากไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนนั้น นึกถึงใบหน้าของมันแล้วก็อยากจะฟาดหัวมันให้แตกสมกับความเจ็บแค้น หญิงสาวคว้าเอากรรไกรที่วางอยู่ใกล้มือ จัดการตัดด้ายแดงให้ขาดแล้วโยนลงเตาให้มอดไหม้ทันที
“แล้วมิติวิเศษที่ว่ามันอยู่ที่ใดเล่า เหตุใดไม่บอกข้าก่อน”
ไป๋เหลียนได้แต่ฟึดฟัดรู้สึกขัดใจไปหมด พร้อมกันนั้นก็ยังวาดแขนไปมามั่วซั่วอย่างหงุดหงิดใจ แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะมีหมอนใบหนึ่งติดมือมาจากที่ใดก็ไม่ทราบได้ พานทำให้นางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
“อะไรกันเนี่ยหมอนมาได้อย่างไร” หญิงสาวถึงกับตาโตเท่าไข่ห่าน ไม่เข้าใจว่าหมอนแบรนด์ดังมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร เมื่อครู่นางก็แค่วาดมือตีมั่ว ๆ บนอากาศ เช่นนั้นก็ลองทำดูอีกสักรอบก็แล้วกัน
ไป๋เหลียนตั้งใจเป็นอย่างมาก ยื่นมือออกไปด้านหน้าพร้อมกับคิดถึงของที่นางอยากจะได้ แต่แล้วมือนางกลับหายวับไปในอากาศและรู้สึกถึงบางสิ่งอยู่ในมือ ก่อนจะดึงแขนกลับและมันก็มีปลากระป๋องติดมือมาจริง ๆ มิหนำซ้ำเมื่อภาพความคิดในหัวชัดเจน มิติวิเศษก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นตามจินตนาการของนาง
“ที่แท้มิติวิเศษที่ว่ามันก็อยู่ทุกหนทุกแห่งตามแต่นางต้องการนี่เอง ดียิ่ง ต่อไปนี้จะได้ไม่ต้องกินแต่กล้วยเหมือนสองวันที่ผ่านมา ปลากระป๋องยี่ห้อสามแม่นางข้าจะกินให้เรียบ”
นอกจากอาหารแล้ว นางอยากรู้ว่าจะสามารถเอายารักษาออกมาได้หรือไม่ หญิงสาวจึงล้วงเข้าไปในมิติวิเศษอีกครั้ง ก่อนจะพบว่าแม้แต่ยารักษาก็เอาออกมาได้ ต่อไปนี้เมื่อยามเจ็บป่วยก็ไม่ต้องทนดื่มยาขม ๆ ให้เฝื่อนคอ และยังมีประสิทธิภาพดีกว่าเร็วกว่ายาต้มเสียอีก
แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่สามารถนำเงินทองของมีค่าออกมาได้ แล้วถ้าเป็นของสิ่งอื่นมีมูลค่าเล่าอย่างเช่น หยก หรือแร่บางอย่างที่สามารถทำเงินได้
แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อของเหล่านั้นไม่มี ร่างบางพยายามคิดหาอย่างอื่นที่มิใช่พวกแร่ต่าง ๆ แต่ก็ต้องคว้าน้ำเหลว แม้แต่เครื่องเคลือบชุดลายครามสมัยเก่าก็ยังไม่มี สมแล้วที่เจ้าแห่งปรโลกบอกว่าเอาออกมาได้เฉพาะของจำเป็นเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้ความคิดที่ว่าจะนำของมีค่าไปขายจึงถูกโยนทิ้งไป แล้วเปลี่ยนเป็นการนำเอาเครื่องนอน หมอน มุ้ง ผ้าห่ม ออกมาจัดบ้านเสียใหม่ ให้น่าอยู่มากขึ้น
วันนั้นทั้งวันไป๋เหลียนหมดไปกับการจัดบ้าน ยิ่งเอาของออกมาได้ไม่จำกัดแล้วนั่นยิ่งถูกใจนัก สนุกไปกับการสรรหาสิ่งของตกแต่งบ้าน บ้านหลังเล็กที่มีเพียงแค่โต๊ะเก้าอี้อยู่ตรงกลางบ้าน หรือแม้แต่ห้องนอนที่มีแค่เตียงแข็ง ๆ และหมอนใบเก่า บัดนี้กลับเปลี่ยนไปถนัดตา
กลายเป็นบ้านที่น่าอยู่และแสนสุขสบาย ไม่ต่างอะไรกับจวนเศรษฐีดี ๆ นี่เอง หลังจากจัดการเรื่องบ้านเสร็จก็ดูเหมือนนางว่างเสียจนมีเวลาให้ได้มีเวลาคิดเรื่อยเปื่อย
“ไม่สิ ข้าถูกใจกับเรื่องพวกนี้เสียจนลืมทุกอย่างไปได้อย่างไร นี่มันไม่ถูกต้อง ข้าไม่ควรมาอยู่ในสภาพนี้แต่แรก มันคือความผิดของข้าหรือไรเหตุใดถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนเช่นนี้” นางเริ่มรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดมันบ้าเกินไปแล้ว ตายทั้งที่ไม่ถึงเวลาตาย อุตส่าห์ได้มาอยู่ในการ์ตูนมังงะเรื่องโปรด ได้เจอกับพระรองที่ชอบ แต่ดันมาอยู่ในร่างสตรีที่ทำความผิดมหันต์ ลงมือข่มขืนเขาตั้งแต่พบหน้ากันวันแรก
หลังจากนี้ก็จะถูกพระรองตามฆ่าล้างแค้น จากที่คิดจะติดตามหาเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ มิใช่ว่าจะต้องดิ้นรนหนีเขาไปสุดหล้าฟ้าเขียวเลยหรือ
"ท่านเจ้าปรโลกกลับมาก๊อนนนนน ท่านจะปล่อยข้าไว้แบบนี้ไม่ได้นะ"
เมื่อตกลงกันได้คนทั้งสี่ได้เริ่มพูดคุยในเรื่องอนาคต โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย พวกนางยังคงต้องรับหน้าที่สำคัญในหอฮวาเหมย ทั้งกิจการส่วนตัวก็อยู่ที่นี่ ไม่สามารถติดตามจิ้งกังไปอยู่เมืองหลวงด้วยกันได้ จึงตกลงกันว่าจะหาจวนขนาดกลางไว้สักหลัง แล้วย้ายไปอยู่ด้วยกัน เมื่อใดจิ้งกังว่างเว้นจากการทำงานค่อยกลับมาเป็นครั้งคราวอีกทั้งอดีตคณิกาทั้งสามมิได้ห้ามให้เขามีภรรยาเพิ่ม แต่มีข้อแม้ภรรยาใหม่ของเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติของพวกนาง ต่างคนต่างอยู่ ทว่าจิ้งกังนั้นคิดว่าเขาคงไม่แต่งภรรยาเพิ่มอีกแล้ว เหตุผลมีเพียงข้อเดียวคือเขาไม่ต้องการมีภาระเพิ่ม แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับครอบครัวใหญ่ที่แสนจะวุ่นวายทว่าในตอนที่คนทั้งสี่กำลังหยอกล้อต่อกระซิกในห้องส่วนตัว ประตูห้องก็ได้เปิดออกพร้อมกับมีสาวใช้นางหนึ่งถือถาดของว่างเข้ามา ทันทีที่สตรีนางนั้นเห็นจิ้งกัง นางก็ได้รีบวางของแล้วคุกเข่าขอร้องให้เขาช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร“ท่านองครักษ์ ท่านจำข้าได้หรือไม่ ข้าหลิวซือซือคนที่เดินทางไปเมืองหน้าด่านไปพร้อมกันอย่างไรเล่า”“อ๋อ จำได้แล้ว เจ้าคือหลิวซือซือที่ตามไปด้วยเมื่อคราวนั้นเอง”ชายหนุ่มวางท่าเมินเฉย เบื้องบนมีลู่
ในยามนี้เมื่อนายเหนือหัวไม่ยอมออกจากตำหนัก จิ้งกังองครักษ์คนสนิทจึงกลายเป็นผู้ดำเนินการต่าง ๆ แทนอ๋องซิงเยี่ยนไปโดยปริยาย งานเล็กน้อยมักจะเป็นเขาที่ต้องออกไปทำแทนอยู่เสมอถึงแม้จะเป็นงานจุกจิกไปสักหน่อย ทว่าเจ้าตัวกลับเต็มใจและภูมิใจที่ท่านอ๋องมิได้ลืมตน ด้วยวันทั้งวันเอาแต่ขลุกอยู่กับพระชายา อย่างน้อยก็ได้มอบภารกิจให้ตนไปทำแก้เบื่อบ้างแต่ใครเลยจะรู้ว่าการที่เขาถูกสั่งให้ไปทำภารกิจเมืองเห่อเป่ย ด้วยหอฮวาเหมยคือหนึ่งในกิจการอย่างลับ ๆ ของท่านอ๋อง เบื้องหน้าคือหอนางโลมทว่าเบื้องหลังคือหน่วยข่าวกรอง เมื่อท่านอ๋องไม่เสด็จไปตรวจงานด้วยตนเอง ผู้ที่ต้องเข้าไปตรวจความเรียบร้อยจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนสนิทของพระองค์ทว่าตอนนี้จิ้งกังกำลังประสบปัญหา ตัวเขานั้นเกิดพลาดพลั้ง ทำอดีตดาวเด่นนางคณิกาที่ตอนนี้ผันตัวเป็นผู้ดูแลนางคณิกาท้องอย่างไม่ตั้งใจ คนเดียวก็ช่างเถิด แต่นี่ดันท้องพร้อมกันหมดสามคน ทำเอาเขาต้องปวดหัวหาทางออกที่ดีไม่ได้ตัวเขานั้นมิได้รังเกียจที่ได้อดีตคณิกามาเป็นภรรยา ด้วยอยู่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวให้ต้องกังวลถึงหน้าตาวงศ์ตระกูล ก็เพราะเป็นเช่นนี้อย่างไรเล่า ที่ผ่านมาถึงได้ใช้ชีวิ
“ข้าไม่ได้อยากได้ของของเจ้า ข้าแค่อยากรู้ว่าลิปสติก รองพื้น คุชชั่น หรือแม้แต่เซรั่มทาผิว เจ้าเอามาจากไหนกันแน่ เจ้าทำอย่างไรถึงได้มีของในอนาคตพวกนี้ได้” หรูเฉินเหมยยิงคำถามรัวเร็วเสียจนอีกฝ่ายฟังแทบไม่ทัน นางที่โหมทำงานหนักอดนอนมาหลายวัน ไม่คิดว่าการงีบแค่แป๊บเดียวตื่นมาก็อยู่บนรถม้าที่กำลังเดินทางมาแคว้นเป่ยเสียแล้ว“อย่าบอกนะว่าท่าน... ไม่ใช่คนของที่นี่” ไป๋เหลียนถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ มิใช่ว่าองค์หญิงแคว้นฉู่คือคนที่ทะลุมิติมาเหมือนกันหรอกนะ“ใช่แล้วข้าไม่ใช่คนของที่นี่ ไม่กี่วันก่อนข้าเผลอวูบหลับไปนิดเดียว อยู่ ๆ ก็มีเสียงเหมือนนาฬิกาหมุน ตื่นมาก็มาอยู่ที่นี่เสียแล้ว พอข้าได้เห็นของเหล่านี้มันก็เหมือนกับแสงสว่าง อย่างน้อยข้าก็มีเจ้าที่มาจากอนาคตเป็นเพื่อน”“เสียงนาฬิกาหมุนหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว มิหนำซ้ำมันยังมีเสียงแปลก ๆ แทรกเข้ามา เหมือนจะเป็นเสียงใครบางคนพูดว่า ดึงผู้อื่นอีกแล้ว ประมาณนี้แหละ พอข้ารู้สึกตัวก็อยู่ในขบวนส่งตัวแล้ว แล้วเจ้าเล่าเจ้ามาได้อย่างไร” ถึงตอนนี้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ที่นี่ก็ดูจะคุ้นตานัก โดยเฉพาะชื่อว่าที่สวามีขององค์หญิงที่ตนเข้ามาสวมร่าง“ข
ข้าคือสตรีผู้ทะลุมิติเข้ามาในการ์ตูนมังงะเรื่องหนึ่งที่ชื่นชอบ ก่อนจะเข้ามาในโลกแห่งการ์ตูน ชีวิตเก่าก่อนไม่ค่อยจะดีนัก เติบโตมากับการเป็นเด็กวัด ต่อสู้ดิ้นรนหาเลี้ยงตนเองอย่างแสนยากลำบาก จนวันหนึ่งเกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับชีวิตอันน่าบัดซบ กลายเป็นจุดเปลี่ยนชะตานับตั้งแต่นั้นมาข้ากลายเป็นหลี่ไป๋เหลียนฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่ง เป็นแม่ค้าอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเป่ย ไม่มีผู้ใดสามารถลอกเลียนแบบสินค้าของข้าได้ จึงกลายเป็นสินค้าที่ผูกขาดไปโดยปริยายจากเด็กวัดที่มีเงินติดกระเป๋าไม่กี่พัน บัดนี้กลายเป็นสตรีผู้ร่ำรวยที่ไม่รู้ว่าจะใช้เงินอย่างไรหมด นอกจากจะมีเงินและอำนาจพอตัวแล้ว ไป๋เหลียนก็ยังมีครอบครัวอบอุ่นที่นางใฝ่ฝันถึงมาตลอด แม่สามีที่ใจดี สามีก็ดียิ่ง และลูก ๆ ที่น่ารักทั้งสามใช่แล้วท้องอันใหญ่โตของนางเมื่อคราวนั้น ได้เบ่งคลอดบุตรชายทั้งสามออกมาได้อย่างปลอดภัย กระนั้นก็ทำเอานางเกือบตายในวันคลอดเช่นกัน ด้วยเกือบหมดแรงในตอนเบ่งเจ้าลูกคนเล็ก ดีที่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายขึ้นมาได้บุตรทั้งสามแสบซนเสียจนนางต้องปวดหัวทุกวัน ไม่รู้ว่าได้นิสัยผู้ใดมา ทั้งท่านย่า บิดา ก็เอาอกเอาใจกันเหลือเกิน ไม่มีผู้ใดห
“ไป๋เหลียนเจ้า ไม่ได้เป็นอะไรหรือไม่ใช่ว่าเจ้าถูกพิษ” อารมณ์เศร้าโศกเสียใจเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น ฮูหยินหลี่ปราดเข้าหาสะใภ้ทำหน้าราวกับคนเห็นผี พูดจาตะกุกตะกัก คิดว่านางตายไปแล้วเสียอีก“ข้าไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ เมื่อครู่แค่แกล้งเล่นละครตบตาหว่านปิง เลือดนี้ก็เป็นแค่น้ำเปล่าผสมสีเท่านั้นอย่าได้กังวลไป ขอโทษที่ทำให้ท่านแม่ตกใจนะเจ้าคะ”“ไม่เป็นไร เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แม่ผิดเองที่เลี้ยงนางมาแบบตามใจ” ที่หว่านปิงนิสัยเสียและโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากตนเช่นกัน“มันเป็นที่ตัวนางเองต่างหาก ท่านแม่ทำดีที่สุดแล้วขอรับ”“พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรถ้วยยานี้มีพิษ” บุตรชายและสะใภ้อยู่กับตนมาตั้งแต่แรก แล้วเอาเวลาไหนไปตรวจสอบ หรือว่าจะรู้เรื่องหว่านปิงวางยามาตั้งแต่แรก“ท่านแม่ลืมไป๋เหลียนนางมีความสามารถเรื่องทดสอบพิษขอรับ” “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แม่เหนื่อยแล้วขอนอนพักสักหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องห่วงแม่มีอะไรก็ไปทำเถอะ” เลี้ยงมาตั้งนานนางเองก็รักอีกฝ่ายเหมือนลูก อย่างไรก็ทำใจไม่ได้ง่าย ๆ กระนั้นฮูหยินหลี่ก็ไม่อาจจะให้อภัยได้ทั้งหมด อิจฉาริษยายังพอทน แต่การที่วางแผนฆ่าทำลายผู้อื่นมันเกินจะ
ในเมื่อเหยื่อเอาตัวเข้ามาถึงที่มีหรือนางจะปล่อยไปง่าย ๆ ดี! เช่นนั้นก็ตาย ๆ ไปพร้อมกันเสีย หว่านปิงจัดการยกถ้วยยาในมือฮูหยินหลี่ให้พี่สะใภ้ทันที ทั้งยังยิ้มกว้างตั้งตารอให้อีกฝ่ายดื่มยาให้หมดไป่เหลียนรับถ้วยยานั้นไว้ ดีที่นางมีหลี่มู่กวาคอยบังสายตาทั้งยังช่วยเบนความสนใจไปอย่างอื่น นางจึงอาศัยช่วงที่แม่สามีสั่งสอนบุตรชายแอบเก็บไว้ในมิติวิเศษ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีผสมอาหารใสน้ำเปล่า รีบซดเข้าปากในตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกต ไม่นานนางก็พ่นน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปเมื่อครู่ออกมา“แคก ๆ” ทันทีที่พ่นน้ำสีแดงออกจากปาก หญิงสาวก็ได้ซบหน้าลงบนไหล่สามี พร้อมกับแสร้งไอเป็นระลอก ถ้วยยาในมือร่วงหล่นตกพื้นแตกกระจาย สร้างความตกใจให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์“สะใภ้ข้าเป็นอะไร”“น้องหญิง”“ท่านพี่ยานั่นมีพิษเจ้าค่ะ แคก ๆ” สิ้นคำร่างบางทรุดฮวบหมดสติไปทันที ไม่อยากจะคิดเลยว่าตัวเองจะการละครได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่แม่สามีก็ยังมองไม่ออก“ยาพิษหรือ หว่านปิงเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้ากล้าวางยาท่านแม่” ชายหนุ่มตวาดลั่นไม่สนหน้าผู้ใด อย่าว่าแต่ภรรยาที่การละคร แม้แต่ตัวเขาเองก็แสร้งเล่นละครไม่ต่างกัน กระนั้นอารมณ์ที่ส่งออกไ