แชร์

บทที่ 6 ชากุหลาบ

ผู้เขียน: ปังจัง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-05 22:23:40

อาหารเช้าของลี่หลินวันนี้มีเครื่องในหมูตุ๋น น้ำแกงปลาสีขาวขุ่นและผัดผักกูดใส่มันหมูเจียวสีเหลืองทอง

“ว้าว พี่สะใภ้ อาหารของท่านน่ากินมาก” อี้เฉินมองอาหารบนโต๊ะด้วยสายตาเป็นประกาย ตอนนี้เขาหิวมากๆ กลิ่นหอมของอาหารก็เย้ายวนเหลือเกิน มีทั้งเนื้อหมู เนื้อปลา และผักที่ผัดด้วยน้ำมันจนเงา ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่าน้ำลายจะหกออกมา

“พวกเรารีบกินกันเถอะอี้เฉินคงหิวมากแล้ว นี่เป็นเครื่องในหมูตุ๋นที่ข้าทำเอง ท่านลองชิมดู” ลี่หลินใช้ตะเกียบคีบอาหารใส่ถ้วยของหยางหนิงเฉิงเพื่อเป็นสัญญาณว่าทุกคนเริ่มทานอาหารได้ นางต้องเอาใจใส่เขาบ้างเพราะมีเรื่องต้องใช้แรงงานเขาอีกมาก

“พี่สะใภ้ หมูตุ๋นของท่านอร่อยมาก ไม่คาวเลย แถมยังนุ่มละมุน อร่อยจนข้าจะกลืนลิ้นลงไป” อ้ายฉิง

“ใช่ๆ น้ำซุปปลาก็คล่องคอ ผัดผักยิ่งกรอบอร่อยหอมน้ำมันมาก” อี้เฉินรีบพูดเสริมขึ้น

เมื่อคำชมเชยสิ้นสุดลงทุกคนในบ้านก็ตั้งหน้าตั้งตากินอาหารโดยไม่สนใจสิ่งใด ลี่หลินเห็นว่าทุกคนกินอิ่มเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยเรื่องที่ต้องการพูดคุยออกมา

“หยางหนิงเฉิง หลังจากนี้ท่านมีงานต้องทำอีกหรือไม่”

“ไม่มีอะไรมาก ข้าว่าจะขึ้นเขาไปวางกับดักเพิ่มสักหน่อย สามวันหลังจากนี้มีนัดล่าสัตว์ในป่าลึกกับคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน ข้าแค่ต้องเตรียมตัวไว้เท่านั้น”

“อ่อ อย่างนั้นดีเลยหลังจากวางกับดักเสร็จท่านช่วยเก็บน้ำผึ้งป่าที่อยู่ในดงดอกไม้ด้านขวาของบ้านให้ข้าได้หรือไม่”

“ได้ เจ้าต้องการสิ่งใดเพิ่มอีกหรือไม่” หยางหนิงเฉิงตอบตกลงเสียงเรียบ

“ท่านช่วยทำคอกไก่กับคอกกระต่ายให้ข้าเพิ่มด้วยได้หรือไม่ เสร็จแล้วข้าจะสอนพวกท่านทำหลุมดักปลา พวกเราจะได้มีปลาไปขายที่เหลาอาหารทุกวัน”

“เอาตามเจ้าว่า ข้าจะขึ้นเขาไปวางกับดักเพิ่มก่อน ส่วน อี้เฉินจะไปตัดไม้ไผ่มาทำคอกไก่กับคอกกระต่ายรอ”

“งั้นข้าช่วยพวกท่านล้างจานแล้วกันนะเจ้าคะ” อ้ายฉิง อยากมีส่วนร่วมเหมือนคนอื่นบ้าง นางวิ่งหายเข้าไปล้างจานในครัวอย่างแข็งขัน

ระหว่างที่รอหยางหนิงเฉิงเข้าป่าไปวางกับดัก ลี่หลินก็ได้เอ่ยชวนอ้ายฉิงออกมาเก็บดอกกุหลาบสีแดงที่เลื้อยไปมาตามต้นไม้น้อยใหญ่ด้านขวาของบ้าน สีแดงสดของพวกมันมองแล้วเบิกบานตาเบิกบานใจเสียจริง อากาศรอบตัวบริสุทธิ์มาก ลี่หลินสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ไปสองทีก่อนจะปล่อยออกมา ดอกกุหลาบพวกนี้นางจะเก็บไปตากแห้งไว้ทำชา ยิ่งเมื่อมีน้ำผึ้งป่ามาผสมด้วยรสชาติยิ่งหอมหวาน หากได้ดื่มชาอุ่นๆ ในตอนเช้าร่างกายคงผ่อนคลายไม่น้อย

“พี่สะใภ้ ดอกไม้กุหลาบพวกนี้ทำชาได้จริงหรือเจ้าคะ” นอกจากความสวยงามแล้วอ้ายฉิงก็ไม่เคยรู้เลยว่าสามารถนำดอกกุหลาบมาทำอย่างอื่นได้

“ได้สิ นอกจากดอกกุหลาบ ยังมีดอกเก๊กฮวย ดอกมะลิ ดอกบัว และดอกไม้ชนิดอื่นที่สามารถนำมาทำชาได้ เรียกว่าชาดอกไม้ ผลไม้บางชนิดก็ทำชาได้เช่นกัน เรียกว่าชาผลไม้ หรือใบไม้อย่างใบบัว ใบอ่อนเก๋ากี้ ใบแปะก๊วย พวกนี้ก็ทำชาได้ มีสรรพคุณทางยาแต่ข้าไม่ถนัดนัก ข้าชอบดื่มชาดอกไม้กับชาผลไม้มากกว่า”

“พี่สะใภ้ ท่านมีความรู้เยอะมาก ข่าวว่าท่านรูปโฉมงดงาม เย้ายวน แถมการร่ำเรียนยังเป็นที่หนึ่งของเมืองไม่เกินจริง อ่ะ เอ่อ เอ่อ ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าขอโทษ” อ้ายฉิงพึ่งรู้ตัวว่าตนเองปากไวพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป นางรีบก้มหน้าขอโทษด้วยความรู้สึกผิดทันที พี่ใหญ่บอกเสมอว่าอย่าพูดเรื่องนี้ให้พี่สะใภ้ได้ยินอีกนางจะเสียใจและโมโหเอาได้

“ฮ่าฮ่า แน่นอนว่าไม่เกินจริง” ลี่หลินหัวเราะท่าทางเตรียมตัวรับคำด่าทอของอ้ายฉิง

“อะ เอ่อ พี่สะใภ้ท่านไม่โกรธข้าหรือเจ้าคะ ปกติได้ยินเรื่องนี้ทีไรท่านเป็นต้องโมโหด่าทอข้าทุกที หรือไม่ก็ขังตัวเองอยู่ในห้อง”

“ไม่หล่ะ ข้าพึ่งคิดได้ว่าโมโหไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา แล้วพวกเจ้าหล่ะไม่โกรธข้าบ้างหรือ พี่ใหญ่กับพี่รองของเจ้าถูกข้าด่าทออยู่เนืองๆ ตัวเจ้าเองก็ถูกด่าบ่อยกว่าคนอื่น งานบ้านงานเรือนข้าก็ไม่เคยช่วยทำสักที” ลี่หลินอยากรู้ วีรกรรมที่นางทำสมควรโดนเกลียดไม่น้อย แต่หลังจากนางฟื้นขึ้นมาทุกคนในบ้านก็ไม่ได้มีทีท่าโกรธเคืองเลยมีแค่ความรู้สึกห่างเหินเล็กน้อยเท่านั้น

“พวกข้าไม่โกรธท่านหรอกเจ้าค่ะ พี่ใหญ่บอกว่าหากพวกเราเคยอยู่สุขสบาย มีคนรับใช้รายล้อม แล้วต้องมาอยู่อย่างอดอยากแบบนี้เป็นใครก็ยอมรับไม่ได้ทั้งนั้น เวลาโมโหท่านก็เพียงด่าทอไม่ได้ทำร้ายร่างกายผู้ใด ส่วนงานบ้านปกติข้าเป็นคนทำทั้งหมดอยู่แล้วแค่เพิ่มท่านมาอีกคนจะเป็นไร ที่สำคัญคือข้ากับพี่รองไม่ต้องการสร้างปัญหาให้ท่านกับพี่ใหญ่ทะเลาะกัน เพราะด้วยฐานะทางบ้านการแต่งพี่สะใภ้สักคนเข้ามาไม่ใช่เรื่องง่าย”

“อ้อ อย่างนี้เอง” ยังไม่ทันได้พูดต่อหยางหนิงเฉิงก็เข้ามาเรียกลี่หลินกับอ้ายฉิงออกไปจากดงดอกไม้ เขากำลังจะขึ้นไปเก็บน้ำผึ้ง หากผึ้งแตกรังขึ้นมาพวกนางจะโดนผึ้งต่อยได้

“เจ้าพาพี่สะใภ้ไปนั่งรอที่บ้านก่อน ทางนี้ข้ากับอี้เฉินจัดการเอง”

ลี่หลินกลับเข้ามาในบ้านเพื่อเริ่มเตรียมอาหารเที่ยงไว้ให้ทุกคน น้องสามีผอมแห้งเกินไปต้องขุนให้มีเนื้อหนังเพิ่มอีกหน่อย ส่วนสามีของนางถึงจะผอมไปบ้างแต่เขาก็มีกล้ามเนื้อเป็นส่วนใหญ่ น่าจะเกิดจากการทำงานหนักทุกวัน ต้องกินอาหารให้มากขึ้นร่างกายจะได้แข็งแรง ส่วนตัวนางไม่อยากกินอะไรเพิ่มแล้ว ลี่หลินอยากลดน้ำหนักเนื่องจากหน้าอกอวบอัดกับก้นงอนที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าชาวบ้านทั่วไปของนางทำให้เดินเหินไม่สะดวกนัก

“พี่สะใภ้ พวกเรากินข้าวกลางวันด้วยหรือ” อี้เฉินนำน้ำผึ้งป่ามาให้ลี่หลินเก็บไว้จึงเห็นอาหารบนเต็มโต๊ะเข้าพอดี

“ใช่ ต่อไปนี้พวกเราต้องกินข้าวเที่ยงทุกวันร่างกายจะได้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ถ้าร่างกายแข็งแรงก็สามารถทำงานได้มากขึ้น หาเงินได้มากขึ้น” ลี่หลินบอกอี้เฉินเมื่อเห็นสีหน้าดีใจของเขาแต่แป๊บเดียวก็เศร้าสลดลง ในยุคนี้คนที่กินอาหารกลางวันมีแต่พวกเศรษฐี ขุนนาง หรือราชวงศ์เท่านั้น คนจนส่วนใหญ่นิยมกินอาหารอาหารแค่ 2 มื้อ

“เจ้าไปเรียกพี่ชายมากินข้าวด้วยกันสิ” ลี่หลินยังไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับหยางหนิงเฉิงสักคำแต่นางคิดว่าเขาคงเห็นด้วย เพราะนางพูดอะไรไปเขาก็เอาแต่ตอบว่า “ได้ ตามใจเจ้า” เพียงอย่างเดียว สามีของนางช่างใจง่ายเสียจริง

อาหารเที่ยงลี่หลินอุ่นตุ๋นเครื่องในหมูที่เหลือเมื่อเช้า ผัดผักกูดกระทะใหญ่ และทอดปลาเพิ่มอีกสามตัวเพื่อให้เพียงพอสำหรับครอบครัว ทุกคนในบ้านลงมือกินกันอย่างเอร็ดอร่อยระหว่างนั้นก็มีเสียงชมมาให้ลี่หลินได้ยินเรื่อยๆ หลังจากอาหารเที่ยงทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำงานต่อตามหน้าที่

หยางหนิงเฉิงกับอี้เฉินไปทำคอกไก่และคอกกระต่ายต่อให้เสร็จ ส่วนลี่หลินจัดการนำดอกกุหลาบที่เก็บไว้มาห่อผ้าขาวบางแล้วเอาไปตากแดดหน้าบ้าน

ยามเว่ย (13.00 – 14.59 น.) หยางหนิงเฉิงกับอี้เฉินเข้ามาชวนลี่หลินให้สอนพวกเขาทำหลุมดักปลาต่อไปจะได้จับปลาไปขายได้เพิ่มขึ้น ลี่หลินพยายามสอนอยู่สักพักพอทั้งสองคนเริ่มทำเองเป็น นางจึงปล่อยให้หยางหนิงเฉิงกับหยางอี้เฉินลองทำ ส่วนนางกลับบ้านไปเตรียมทำอาหารเย็น

อาหารเย็นวันนี้ลี่หลินทำโจ๊กหมูสับเนื้อเนียน โดยมีอ้ายฉิงเป็นลูกมือคอยช่วยดูไฟ นางปั้นหมูสับเป็นก้อนๆ ก่อนจะหย่อนลงไปในหม้อที่โจ๊กสีขาวเนื้อเนียน พอหมูสุกแล้วก็ตักใส่ถ้วย โรยด้วยกระเทียมเจียว ใบหอมป่าและขิงซอย ลี่หลินเลือกทำอาหารเย็นแบบเบาๆ เพราะเมื่อกลางวันทุกคนกินมื้อหนักไปแล้ว

นางตบท้ายมื้ออาหารด้วยน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งให้ทุกคนดื่มอีกหนึ่งแก้วก่อนแยกย้ายกันไปพักผ่อน เมื่อหัวถึงหมอนลี่หลินก็หลับเป็นตายทันที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 40 ครอบครัวของเรา(ตอนจบ)

    วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย ในที่สุดเทศกาลขึ้นปีใหม่ที่ทุกคนรอคอยก็เวียนมาถึงอีกครั้ง สมาชิกตัวน้อยของตระกูลหยางตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้กันมาก นอกจากอั่งเปาซองสีแดงแล้วพวกยังได้ของเล่นชิ้นใหม่จากท่านอาด้วย“หยางลู่เสียน หยางลี่อิน พวกเจ้าสองคนเลิกก่อกวนแม่ได้หรือไม่” ลี่หลินถอนหายใจยืดยาวครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเบื่อหน่าย วันนี้มื้อค่ำสำหรับปีใหม่ของนางยังไม่ไปไหนเลย ผู้ช่วยตัวน้อยสองคนเอาแต่แย่งเตรียมอาหารทั้งวัน“ท่านแม่ข้าอยากช่วยนี่ขอรับ” ลูกชายตัวดีตอบกลับเร็วพลันจนลี่หลินท้อใจ“เจ้าพาลี่อินไปช่วยท่านพ่อจัดสถานที่สำหรับปิ้งย่างดีกว่า อยู่กับแม่ในครัวน่าเบื่อจะตาย” ลี่หลินหาข้ออ้างให้ลูกสาวกับลูกชายยอมจากไปแต่โดยดี“จะดีหรือขอรับ” ลู่เสียนมีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย“ข้าอยากอยู่กับท่านแม่” ลี่อินปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไม่คิด“เฮ้อ พวกเจ้าไม่รู้อะไร ทำงานในสวนสนุกมากนะ ได้วิ่งเล่นจับแมลงด้วย เมื่อเช้าดอกโม่ลี่ฮวาพึ่งผลิบาน หากนำมาจัดใส่แจกันคงส่งกลิ่นหอมไปทั่ว” ลี่หลินหลอกล่อไม่หยุด นางรู้ว่าลูกสาวตัวน้อยชื่นชอบการจัดดอกไม้มากแค่ไหน“ว้าว ข้าอยากไปเล่นในสวนกับท่านพ่อเจ้าค่ะ” ลี่อินอุท

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 39 ความสุข

    “พวกเราเข้านอนกันเถอะดึกมากแล้ว”หยางหนิงเฉิงปลุกลี่หลินให้ตื่นจากภวังค์ เขาถอดเสื้อตัวนอกมาพาดไว้ข้างเตียงเพื่อระบายความร้อนโดยไม่สนใจนางสักนิด“อะ อืม”ลี่หลินเลื่อนลอยไปชั่วขณะ สายตาไม่รักดีของนางเหลือบไปเห็นมัดกล้ามเนื้อวับๆ แวมๆ ที่โผล่พ้นเสื้อตัวในของหยางหนิงเฉิงออกมาพาให้เลือดสูบฉีดทั่วทั้งกาย ลี่หลินพยายามกลืนน้ำลายเหนียวฝืดคอลงไปอย่างยากลำบาก วันนี้หยางหนิงเฉิงวางแผนหลอกล่อนางหรืออย่างไร“หลินเออร์เจ้าไม่สบาย”หยางหนิงเฉิงตกใจมาก เขารีบพุ่งตัวมาประคองใบหน้าของลี่หลินเอาไว้อย่างแผ่วเบา“หะ หะ หืม ข้าสบายดี”ลี่หลินขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย นางไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรสักนิด“สบายดีอะไร จมูกของเจ้ามีเลือดไหลออกมา”หยางหนิงเฉิงใช้ปลายนิ้วเช็ดเลือดบนจมูกลี่หลินเล็กน้อยก่อนหงายมือให้นางดู“ห๊า ละ เลือด ให้ตายเถอะ”ลี่หลินอุทานออกมาอย่างสิ้นหวัง นางเลือดกำเดาไหลเพราะแอบมองกล้ามเนื้อวับๆ แวมๆ ของสามีเนี่ยนะ อยากจะบ้าตาย รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยเชียว“เจ้ารอก่อน เดี๋ยวข้าไปตามหมอมารักษา”หยางหนิงเฉิงร้อนรน“ไม่ต้อง ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก น้ำลายไม่ไหลออกมาด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว”ลี่หลินดึงแขนเขาไว้ก่อนปร

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 38 ปล่อยวาง

    “พะ พ่อขอโทษ” นายอำเภอเล่อมู่ขอโทษลี่หลินด้วยน้ำตา ในบรรดาลูกสาวลูกชายของเขาไม่มีใครสามารถพึ่งพาได้เลย หลังจากหมดตัวทุกคนต่างพากันทยอยทิ้งเขา“การให้อภัยท่านเป็นเรื่องยากสำหรับข้า” ลี่หลินเบือนหน้าหนีอีกครั้ง น้ำตาของนางไหลรินออกมาหลังได้ยินคำขอโทษจากคนเป็นพ่อ“เจ้าไม่ให้อภัยพ่อก็ไม่เป็นไร แต่ได้โปรดช่วยเหลือพวกเราสักครั้ง หากไม่มีเงินไปใช้หนี้บ่อนพนันข้ากับนางต้องถูกจับตัดแขนตัดขาเป็นขอทานข้างถนนแน่นอน” นายอำเภอเล่อมู่หันไปมองภรรยาสุดที่รักอย่างเป็นห่วง“เฮอะ ข้าเกลียดนางแทบเข้ากระดูกดำ ทำไมข้าต้องช่วย ท่านพ่อเคยรักข้าบ้างไหมเจ้าคะ เหตุใดถึงกล้าขอร้องออกมาอย่างไม่อาย” ลี่หลินตะโกนเสียงดังอย่างเหลืออด ผู้หญิงคนนี้ทำให้ชีวิตนางกับท่านแม่ต้องตกต่ำ“พะ พ่อ เอ่อ” นายอำเภอเล่อมู่เงียบงันไปพักใหญ่ เขาไม่แน่ใจว่าตนเองรักลี่หลินหรือไม่ ความผูกพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเขากับนางมีเพียงน้อยนิด“ข้าขอโทษ ข้าไม่ดีเอง ข้ามันชั่วช้า ข้าไม่เคยทำหน้าที่แม่ให้เจ้าเลยตั้งแต่ฮูหยินใหญ่จากไป เป็นข้าที่ละเลยเจ้าและกีดกันความสัมพันธ์พ่อลูก ข้าเห็นแก่ตัวเองที่ไม่อยากแบ่งปันคนรักกับใคร ท่านแม่ของเจ้าสวยมาก นางเป็

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 37 เผชิญหน้า

    หยางหนิงเฉิงกับหยางอี้เฉินเดินทางเข้าอำเภออยู่หลายเดือนเพื่อเตรียมตัวทำการค้า พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลหลายอย่างเริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อหน้าร้าน การตกแต่ง การตั้งราคา การหาลูกจ้าง และอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องจัดการ ลี่หลินแค่คอยให้คำแนะนำในบางครั้งเท่านั้น อีกไม่กี่วันร้านค้าตระกูลหยางก็พร้อมเปิดให้บริการแล้วหลังจากวางแผนขยายกิจการหยางหนิงเฉิงกับหยางอี้เฉิน ก็เดินทางเข้าออกอำเภอเป็นว่าเล่น พวกเขาต้องเดินทางไปจัดการธุระบ่อยมาก การเดินทางเข้าอำเภอแต่ละครั้งต้องใช้เวลานานถึงสองวัน ลี่หลินเลยต้องหอบผ้าหอบผ่อนมาช่วยอ้ายฉิงดูแลร้านค้า ในตำบลแทน“พี่สะใภ้ข้าเลือกชุดไหนดีเจ้าคะ” อ้ายฉิงเดินถือเสื้อผ้าเข้ามาในห้องนอนของลี่หลินอย่างต้องการความช่วยเหลือ“อืม ไหนดูซิ” ลี่หลินเพ่งสายตามองเสื้อผ้าหลากหลายแบบตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด“ข้าควรใส่สีแดงเข้ม แดงอ่อน แดงทอง หรือแดงอมชมพูดีเจ้าคะ” อ้ายฉิงคาดคั้นเอาคำตอบ นางนั่งเลือกอยู่นานแล้วแต่ยังเลือกไม่ได้สักที“สีแดงอมชมพูเหมาะกับเจ้า ใส่แล้วดูไม่แก่จนเกินไป” ลี่หลินแนะนำ“พี่สะใภ้ตาแหลมนัก ข้าเลือกชุดนี้เจ้าค่ะ” อ้ายฉิงพึงพอใจมาก นางเองก็คิดว่าใส่แล้ว

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 36 ขยายกิจการ

    ร้านค้าตระกูลหยางเติบโตขึ้นทุกวันแบบก้าวกระโดด ตอนนี้ลี่หลินกับครอบครัวกลายเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ของตำบลอย่างเป็นทางการแล้ว ครอบครัวหยางร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ สินค้าส่วนใหญ่ของลี่หลินมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนทำให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในความเป็นจริงแล้วการค้าของครอบครัวหยางก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่ พวกเขามีคู่แข่งมากมายและมีปัญหาเข้ามาให้แก้ไขไม่น้อย ทั้งเรื่องการลอกเลียนแบบสินค้า การตัดราคา ข่าวลือ การใส่ร้ายป้ายสี รวมไปถึงเรื่องราวจิปาถะหลายอย่าง พวกเขาสามารถก้าวผ่านปัญหาเหล่านั้นมาได้เพราะทุกคนในครอบครัวช่วยเหลือกันคู่แข่งทางการค้ามีเข้ามาเรื่อยๆ แต่คนพวกก็ไม่สามารถเล่นงานลี่หลินได้เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่นางผลิตเอง ลี่หลินทำการค้าจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำเน้นการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก ทำให้คู่แข่งส่วนมากต้องล่าถอยออกไปเพราะยิ่งแข่งขันกับนางเท่าไหร่พวกเขายิ่งขาดทุนกิจการร้านเหล้าผลไม้ (ไวน์) ทำให้ครอบครัวหยางกลายเป็นที่รู้จักในหมู่ขุนนางมากขึ้น ด้วยรสชาติที่แตกต่าง ดื่มง่าย มีระดับมากกว่าเหล้าทั่วไป ขุนนางน้อยใหญ่จึงกลายเป็นลูกค้าประจำอย่างดี นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมในการซื้อเป็นของฝากแก่ผู

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 35 ปัญหาของคนมีเงิน

    “อ้ายฉิงแต่งตัวเสร็จหรือยัง”ลี่หลินตะโกนถามอย่างใจเย็น วันนี้นางกับอ้ายฉิงต้องนำของขวัญปีใหม่ไปเยี่ยมเยียนครอบครัวต้าไห่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการของนางทุกคนล้วนได้รับของขวัญชิ้นนี้“เสร็จแล้วเจ้าค่ะพี่สะใภ้”อ้ายฉิงวิ่งลงมาจากชั้นบนของบ้านอย่างรวดเร็ว“รีบไปกันเถอะเสร็จแล้วจะได้เข้าเมืองกัน”ลี่หลินเอ่ยเร่ง วันนี้สองหนุ่มของบ้านต้องเข้าไปดูแลร้านค้ากันก่อนเพื่อให้ลี่หลินกับอ้ายฉิงจัดการธุระ“เจ้าค่ะ ท่านเอาของขวัญมาข้าถือเอง”อ้ายฉิงแย่งตะกร้าของขวัญในมือลี่หลินไปถืออย่างรวดเร็วก่อนเดินนำออกไปทั้งสองคนใช้เวลาเดินเพียงไม่นานก็มาถึงบ้านต้าไห่ ลี่หลินกวาดสายตามองรอบๆ อย่างพิจารณา บ้านของต้าไห่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากบ้านดินสภาพกลางเก่ากลางใหม่กลายเป็นเรือนสี่ประสานหลังใหญ่สวยงาม อ้ายฉิงเคาะประตูได้ไม่นานก็มีสาวรับใช้อายุน้อยนางหนึ่งออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี ลี่หลินกับอ้ายฉิงเดินตามสาวน้อยคนนั้นเข้าไปในเรือนหลังใหญ่ของบ้านอย่างแปลกใจ ว่ากันตามตรงกำไรจากการขายถ่านไม่เยอะเลยเมื่อเทียบกับกิจการทั้งหลายของลี่หลิน แต่ละเดือนนางได้รับผลกำไรประมาณ 30-50 ตำลึงทองเท่านั้น บ้านของต้าไห่เองก็น่าจะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status