ย่าหยานักเขียนสาวที่ขับรถออกมาหาแรงบันดาลให้งานเขียนชิ้นใหม่ หลังจากที่สมองตันคิดอะไรไม่ออกมาเป็นเดือนแล้ว เธอมีรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่อยู่หนึ่งคันที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง ปกติเธอทำงานอยู่ที่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปเจอผู้คนเท่าไหร่ ชีวิตเธอมีแค่งานกับงาน พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเล็ก ย่าหยาอาศัยอยู่กับแม่จนเมื่อสองปีก่อนแม่พบรักใหม่กับหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติและย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ เธออยากใช้ชีวิตที่เมืองไทยจึงไม่ได้ตามแม่ไปด้วย แท้ที่จริง เธอรู้สึกเหมือนเฝ้ารออะไรบ้างอย่าง หรือมีใครสักคนรอเธออยู่ . . . . . . . . . ปลายนิ้วที่สัมผัสใบหน้ารบกวนการหลับใหลทำให้หญิงสาวค่อยๆ ลืมตาขึ้น เมื่อปรับสายตาอยู่ครู่หนึ่งจึงรู้ว่ามีดวงตาคมปลาบคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ ลมหายใจอุ่นร้อนที่ปะทะผิวแก้มทำให้เธอรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน ย่าหยาตื่นตกใจพยายามขยับตัวหนีแต่แขนสองข้างถูกกดลงข้างตัว "จะดิ้นหนีไปทำไมเล่า อุตส่าห์ปีนขึ้นเตียงฉันได้แล้วนี่" "!" ดวงตากลมเบิกกว้าง เธออ้าปากจะปฏิเสธแต่กลับไม่มีเสียงออกมา ทำไมจู่ๆ เธอเปล่งเสียงไม่ได้!
View Moreย่าหยานักเขียนสาวที่ขับรถออกมาหาแรงบันดาลให้งานเขียนชิ้นใหม่ หลังจากที่สมองตันคิดอะไรไม่ออกมาเป็นเดือนแล้ว เธอมีรถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่อยู่หนึ่งคันที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเธอเอง
ปกติเธอทำงานอยู่ที่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปเจอผู้คนเท่าไหร่ ชีวิตเธอมีแค่งานกับงาน พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเล็ก ย่าหยาอาศัยอยู่กับแม่จนเมื่อสองปีก่อนแม่พบรักใหม่กับหนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติและย้ายไปอยู่ที่ต่างประเทศ เธออยากใช้ชีวิตที่เมืองไทยจึงไม่ได้ตามแม่ไปด้วย
แท้ที่จริง เธอรู้สึกเหมือนเฝ้ารออะไรบ้างอย่าง หรือมีใครสักคนรอเธออยู่
“ว้าว บ้านหลังนี้สวยจัง อยู่ริมน้ำด้วย ขอถ่ายรูปเก็บไว้เขียนนิยายหน่อยนะ”
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือมาถ่ายรูปบ้านไม้ทรงไทยริมแม่น้ำหลังหนึ่ง วันนี้ย่าหยารู้สึกเบื่อหน่ายจึงขับรถเล่นชานเมืองกรุงเทพฯ ปีนี้เธออายุยี่สิบสองปีแล้ว เธอเป็นนักเขียนอิสระทำงานด้านนี้มาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนมีรายได้พอเลี้ยงตัวเองได้ ที่ สำคัญคือไม่มีภาระเหมือนคนอื่น พ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่เธอยังเล็ก ย่าหยามาอยู่กับแม่มาตลอด แต่เมื่อสองปีก่อนแม่พบรักใหม่กับชายชาวอเมริกาและย้ายไปอยู่ด้วยกันที่ต่างประเทศ เธอไม่ตามไปอยู่กับแม่และครอบครัวใหม่เพราะมีบางเรื่องที่ไม่อาจอธิบายได้
บางครั้งบางคราว
เธอรู้สึกเหมือนรอคอยใครสักคนอยู่
เวลาที่ย่าหยาคิดงานไม่ออก เธอมักขับรถเล่นชานเมือง ดูวิถีชีวิตผู้คนเก็บเป็นไอเดียไว้เขียนนิยาย วันนี้ก็เช่นกัน หลังจากปิดต้นฉบับสองแสนคำได้สำเร็จ เธอก็อนุญาตให้ตัวเองพักผ่อนด้วยการขับรถเก๋งญี่ปุ่นคันเก่าเลาะเส้นริมแม่น้ำ มื้อเที่ยงเธอแวะกินผัดไทที่ตลาดน้ำ เพราะไม่ใช่ช่วงวันหยุดเทศกาลจึงมีคนมาไม่มากนักทำให้เธอได้พูดคุยกับแม่ค้าพ่อค้าบริเวณนั้นและพอจะรู้ว่ามีบ้านทรงไทยริมแม่น้ำสวยๆ อยู่ไม่ไกลนัก
“เจ้าของบ้านเขาไม่ได้เปิดให้เข้าไปดูหรอกนะ แต่ถ้าหนูอยากเห็นขับรถไปจอดดูหน้าบ้านก็ได้มั้ง เห็นมีคนไปถ่ายรูปบ่อยๆ”
“หาไม่ยากหรอก บ้านหลังนั้นปลูกดอกไม้หอมฟุ้งไปทั้งหลังเลย เขาเรียกอะไรนะ พวกดอกไม้ในวรรณคดีอะไรนี่แหละ”
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ย่าหยาขับรถมาตามเส้นทางที่พ่อค้าแม่ค้าแนะนำ มันเป็นถนนเส้นเล็กๆ ริมแม่น้ำ ซึ่งหาไม่ยากอย่างที่แม่ค้าแนะนำไว้จริงๆ เธอจอดรถหน้าบ้านแล้วชะเง้อมองดู กลิ่นหอมของดอกไม้อ่อนๆ โชยมาแตะปลายจมูกทำให้เธอตัดสินใจลงจากรถแล้วชะเง้อมองไปด้านใน บริเวณบ้านร่มรื่นด้วยดอกไม้นานาพรรณ เธอมองอยู่นอกรั้วเห็นต้นการะเวกต้นใหญ่หลายต้น ริมรั้วมีดอกเล็บมือนางที่อวดดอกสีแดงอมขาว พลันภาพในหัวปรากฏมาลัยดอกเล็บมือนางงดงามนัก นิ้วเรียวยื่นมือไปแตะดอกไม้ราวกับคนละเมอ
“นั้นใครนะ!”
“อะ! ขอโทษค่ะ” ย่าหยาตื่นจากภวังค์ เธอก้าวถอยหลังด้วยความตกใจและเท้าดันไปเหยียบก้อนหินเข้าให้ทำให้เสียหลักล้มลง
“โอ๊ย!”
“ตายแล้ว เป็นอะไรหรือเปล่า”
หญิงชราวัยประมาณเจ็ดสิบปีนุ่งผ้าถุงสีเขียวเรียบง่ายเดินมาเปิดประตูรั้วแล้วก้มมองหญิงสาวแปลกหน้าที่นั่งก้นกระแทกพื้นอยู่
“เป็นอะไรมากไหมหนู”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูขอโทษค่ะ หนูไม่ได้มีเจตนาไม่ดี คือหนูเห็นดอกไม้สวยมากเลยยืนดูค่ะ” ย่าหยาตอบแล้วยันกายลุกขึ้นยืน ไม่เจ็บจริงๆ แต่อายมากกว่า เธอได้แต่รำพึงในใจ
“ยายก็ไม่ได้อยากให้หนูตกใจ สายตายายไม่ค่อยดี มันมีพวกเด็กเกเรมาแอบเด็ดดอกไม้บ้าง ปาก้อนหินใส่บ้าง ยายเป็นคนดูแลบ้านหลังนี้ก็เลยต้องดุไว้ก่อน”
“คุณยายไม่ใช่เจ้าของบ้านเหรอคะ”
“โอ๊ย! ไม่ใช่หรอก คนแถวนี้เข้าใจผิดคิดว่ายายเป็นเจ้าของบ้าน ยายอยู่กับเจ้านายของบ้านมาตั้งแต่สาวๆ ยายตัวคนเดียวไม่มีลูกไม่มีผัว เจ้าของบ้านใจดีให้ยายอยู่ที่นี่ได้ไปจนตาย หนูอยากดูดอกไม้เหรอจ๊ะ”
“ค่ะ...แต่เอาไว้วันหลังก็ได้ค่ะ หนูไม่ได้ขออนุญาตก่อนเกรงใจเจ้าของบ้านค่ะ”
ย่าหยายกมือไหว้ลาแล้วเดินมาที่รถ เธอก็อยากดูต้นไม้ดอกไม้ที่บ้านหลังนี้อยู่หรอกนะ แต่หกล้มเมื่อกี้เจ็บก้นชะมัด คงไม่มีแรงเดินไปดูอะไรแน่ ขณะที่เธอสตาร์ทรถเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ เมฆฝนก็ลอยมาพร้อมกับสายลมแรง และจู่ๆ รถของเธอก็สตาร์ทไม่ติด!
“ไม่เอาน่าหยางหยาง อย่างอแงตอนนี้สิ”
หยางหยางคือชื่อรถเก๋งคันนี้ เธอตั้งชื่อรถตามดาราชายที่ชื่นชอบ รถเก๋งมือสองอายุสิบกว่าปีสภาพมันก็ยังดีอยู่แต่เครื่องยนต์เริ่มมีปัญหาบ้าง หลายคนบอกให้เธอเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ได้แล้ว แต่เธอเสียดายเพราะหยางหยางคือรถที่ใช้เงินจากการเขียนนิยายมาซื้อ
“หนูๆ รถเป็นอะไรเหรอ”
“รถสตาร์ทไม่ติดค่ะ แถวนี้มีช่างซ่อมรถไหมคะ”
“มีอยู่จ๊ะ แต่ฝนจะตกแล้ว หนูเข้ามาหลบฝนในบ้านก่อนสิ”
“จะดีหรือคะ”
“ยายอยู่คนเดียว กับหมาอีกสามตัว” คุณยายพูดแล้วหัวเราะออกมา
ย่าหยาหยุดคิดครู่หนึ่ง เสียงฟ้าร้องดั่งสนั่นทำเอาเธอสะดุ้งโหยง รถก็สตาร์ทไม่ติด เธอรีบคว้ากระเป๋าสะพายแล้วลงจากรถเดินตามคุณยายเข้าไปในบ้าน เพียงทั้งสองเข้ามาในบริเวณบ้านแล้ว ฝนก็เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก
“พยากรณ์อากาศแม่นจริงๆ บอกว่าวันนี้พายุฤดูร้อนเข้าก็เข้าจริงๆ เอ้า!หนู เข้ามานั่งตรงนี้สิ อยู่ตรงนั้นจะโดนฝนสาดเอา”
“ขอบคุณค่ะ คุณยาย...”
“ยายชื่อละเอียดจ๊ะ”
“หนูชื่อย่าหยาค่ะ”
“ชื่อดอกไม้นี่ แม่ตั้งชื่อให้รึ”
“คุณยายตั้งให้ค่ะ” ย่าหยายิ้มบางๆ ชื่อเธอสั้นจึงไม่มีชื่อเล่น สมัยเด็กๆ เธอไม่ชอบชื่อตัวเองนักเพราะถูกเพื่อนล้อว่าเป็นคุณย่า แต่คุณครูรู้เข้าก็อธิบายให้เพื่อนในห้องฟังว่าชื่อ ‘ย่าหยา’ คือชื่อดอกไม้มีประโยชน์ใช้เป็นไม้ประดับ มีสรรพคุณบำรุงเลือด บำรุงกำลัง ทำให้เพื่อนในห้องเลิกล้อชื่อของเธอไป พอรู้ว่าชื่อตัวเองมีความหมาย ย่าหยาก็ไม่อายที่ใครจะล้อชื่อเธออีก
“ลมแรงจริงๆ ยายไปปิดหน้าต่างบ้านก่อน”
เธอมองเขาอย่างประหลาดใจ ชายหนุ่มยิ้มเศร้าแล้วกอดร่างเล็กแน่นขึ้นราวกับกลัวว่าจะเป็นแค่ความฝันไป ไออุ่นจากกายแกร่งตอกย้ำว่าเขาคือคนที่หัวใจเธอเพรียกหา หญิงสาวส่งยิ้มให้เขาแล้วขยับตัวยื่นหน้าไปจูบมุมปากของชายหนุ่ม “หยารักพี่สินค่ะ หยาจะไม่หายไปไหนอีก ครั้งนี้เรามาทำให้มันไม่เหมือนเดิมนะคะ” แววตาของเธอคือคำตอบที่เขารอคอย มีหลายร้อยหลายพันคำที่เขาอยากพูด แต่กลับพูดไม่ออก อับจนถ้อยคำอย่างน่าสงสาร ความรู้สึกที่มีทั้งหลายทั้งปวงหลอมรวมเป็นอ้อมกอดแนบแน่น ไม่ว่าเขาจะเป็นใครแต่หัวใจของเขายังเป็นดวงเดิมที่รักเพียงหญิงเดียวเสมอมาและจะเป็นเช่นนี้ตลอดไป รักครั้งนี้กับหัวใจดวงเดิมที่จะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วบทส่งท้าย ข่าวโฮโซสาวชื่อดังและครอบครัวถูกจับข้อหาฉ้อโกงและคดีแชร์ลูกโซ่เป็นที่พูดถึงกับไปทั่ว ช่องข่าวทุกช่องรวมทั้งโลกโซเซียลให้ความสนใจกันมาก แต่นั้นทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวพอใจมาก เพราะพวกเขาไม่ต้องเป็นเป้าสายตาของใครนัก มารดาของย่าหยาและสามีใหม่บินตรงกลับเมืองไทยตามคำเชิญของว่าที่ลูกเขยเพื่อที่ทั้งสองครอบครัวจะ
คุณาสินวางร่างของย่าหยาลงบนเตียง เขาปรายตามองไปทางประตูเห็นลูกน้องปิดให้เรียบร้อยก็ถอนหายใจเบาๆ คนตัวเล็กยื่นมาคล้องคอเขาไว้ “พี่สิน” เสียงหวานครางแผ่ว “หยาอยากอาบน้ำ” เธอต้องการเขาเหลือเกิน แต่สภาพนี้มันก็เกินกว่าตัวเธอเองจะรับได้ ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ อุ้มคนตัวเล็กเดินไปที่ห้องน้ำ “เด็กดี...ให้พี่ช่วยนะครับ” เขาพูดขณะปล่อยให้เธอลงยืน หญิงสาวพยักหน้ารับให้เขาช่วยถอดเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นออกจากร่าง น้ำอุ่นไหลผ่านฝักบัวรินรดร่างเปลือยเปล่า มือใหญ่ค่อยๆ เช็ดใบหน้าสวยอย่างเบามือพลางสำรวจดูว่าเธอบาดเจ็บที่ไหนบ้าง เสียงหวานครางแผ่วยื่นมือไปปลดกระดุมเสื้อของเขาออกอย่างร้อนรน ปลายนิ้วสัมผัสแผ่นอกกว้างที่คุ้นเคยแล้วยื่นหน้าไปจูบอกซ้ายของเขา ชายหนุ่มถึงกับหลุดเสียงครางออกมา มือเรียวเล็กพยายามปลดเข็มขัดของเขาออก เขาจึงเลื่อนมือลงไปจัดการด้วยตัวเอง ปล่อยให้ร่างกายกำยำเปลือยเปล่าต่อหน้าคนรัก ผ่านมากี่ร้อยปี เธอก็ยังเป็นคนเดียวที่เขารัก แม้เคยคิดหันหลังให้ความรู้สึกที่มีแต่หัวใจมันไม่ยอมหยุดรักเธอได้เลย มือใหญ่กุมมือเล็กให้กอบกุมท
ชายผู้นั้นหน้าซีดมองร่างที่หลับใหลสลับกับหน้าถมึงทึงของวาด มือหยาบกร้านสั่นเทายื่นไปหมายแตะต้องเรือนร่างนวลละออ แต่มีเสียงคนพูดด้านนอกว่า ‘องค์วรสินเสด็จกลับมาแล้ว’ ทั้งสองจึงรีบออกไปราวกับภูติผีวิญญาณร้าย คราวนั้นองค์วรสินกลับมาได้เวลา แต่เธอกลับถูกเข้าใจผิดเพราะองค์วรสินเองก็ถูกปั่นศีรษะเป่าหูว่าเธอเป็นหญิงแพศยาคบชู้ ทำให้เรื่องราวจบลงด้วยตายจากของเธอและลูกในครรภ์ แรงรักแรงอาฆาตทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดเป็นเช่นนี้หลายชาติภพ เธอปล่อยวางตั้งแต่ชาตินั้นแต่คนผู้นี้ไม่อาจปล่อยเธอไป มือใหญ่กระชากเสื้อเธออย่างแรงทำให้ย่าหยาได้สติ หญิงสาวส่งเสียงหวีดร้องแล้วยกเท้าขึ้นถีบเปะปะไปทั่วแต่มือที่น่าขยะแขยงพวกนั้นจับเรียวขาเธอแล้วลูบไล้หยาบคาย คนหนึ่งถือสมาร์ทโฟนบันทึกภาพไว้ราวกับเธอคือนางเอกหนังAV ที่รับบทสาวสวยถูกขื่นใจ แต่นี่คือชีวิตจริงที่เธอกำลังจะถูกชายแปลกหน้ายำยี ‘พี่สิน’ ย่าหยาได้แต่พร่ำเรียกชื่อคนรักในใจ ใช่ เธอรักเขา ไม่ว่าผ่านมากี่ร้อยปีหรือกี่ชาติภพ เธอก็ยังคงรักผู้ชายคนนี้ โครม! เสียงถีบประตูดังสนั่นท
“เอ่อ...เจ้านายครับ ผมไม่เห็นคุณย่าหยาเลยครับ” “อะไรนะ?” “ผมเข้ามารับเอกสารตามที่เจ้านายสั่ง ผมมาถึงคอนโดแล้วแต่ไม่พบคุณย่าหยาเลยครับ เอ่อ...โทรศัพท์ก็ติดต่อไม่ได้ ผมถามนิติกรคอนโดก็บอกว่าเห็นคุณย่าหยาเดินออกไปหน้าคอนโดแล้วยังไม่กลับเข้ามาครับ” “เป็นไปได้ยังไง” “ผมว่าแปลกๆนะครับ” “รอที่นั้นก่อน เดี๋ยวฉันลองติดต่อย่าหยาอีกที” คุณาสินวางสายจากลูกน้องแล้วโทรหาย่าหยา ใจของร้อนรุ่มไม่สนใจว่าแม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดในห้องทำงานแล้ว เขาลุกขึ้นเดินไปที่ผนังกระจกที่มองเห็นวิวด้านนอก ตอนนี้เขาอยู่บนตึกสูงระฟ้าแต่หัวใจของเขากำลังดำดิ่งอย่างหวาดวิตก หญิงสาวไม่รับสายและครู่ต่อมาก็เหมือนทโทรศัพท์ดับไปเสียเฉยๆ เขาสบถหัวเสียแล้วเปลี่ยนเป็นโทรตามลูกน้องคนสนิทให้เข้ามาพบเขาทันที และโทรสั่งให้คนของเขาอีกคนไปขอดูกล้องวงจรปิดที่คอนโด เขาสูดลมหายใจลึกพยายามตั้งสติให้มั่น หากเป็นเรื่องอื่นเขาคงรับมือด้วยความใจเย็น แต่นี่เป็นเรื่องของย่าหยา ผู้หญิงที่ครอบครองพื้นที่ทุกตารางนิ้วในหัวใจของเขา ผ่านมาหลายชาติภพ เขาไม่
“โทษหยาเหรอคะ แต่พี่สินเริ่มก่อนนะ” เธออายจนหน้าแดงเรื่อ ไม่รู้ทำไมตอนเช้าเขาถึงมี ‘อารมณ์’ จนต้องจัดหนักก่อนไปทำงานทุกที เธอทำงานที่บ้าน ตื่นสายก็ไม่เป็นไรแต่เขานี่สิ “พี่เป็นเจ้าของบริษัท ไปถึงช้าหน่อยไม่เป็นไรหรอก” เขายื่นหน้าไปแล้วกระซิบข้างหู “ต่ออีกรอบได้นะครับ” “คนบ้า! ไปทำงานเลย” “ครับๆ รับคำสั่งคุณภรรยาครับ” ย่าหยาไม่อยากจะโต้ตอบอีก ดูเหมือนพูดอะไรไปก็จะเข้าทางเขาเสียหมด คุณาสินยิ้มกว้างแล้วจูบหน้าผากคนรักเบาๆ ก่อนออกไปทำงานเช่นทุกวัน แต่ความรู้สึกนั้นแตกต่างไปจากเดิม เหมือนได้ของหายที่หาไปนานกลับมา 2-3คืนแรก เขานอนหลับไม่สนิทนักเพราะกังวลและกลัวว่าเธอจะหายไป และกลัวว่าเธอจะหวนกลับไประลึกถึงเรื่องราวในอดีต คุณาสินเดินออกมาจากห้องของคนรัก เขาไม่อยากเร่งรัดเธอเกินไป แต่อีกใจก็กลัวจะเสียเธอไปอีก ตอนนี้เขากลายเป็นคนขี้กลัวไปเสียทุกอย่าง บางทีเขาก็นึกขำตัวเอง ตอนที่ยังหาเธอไม่เจอมันก็เป็นความรู้สึกเหงาและเคว้งคว้าง แต่เมื่อได้พบเธอ ได้โอบกอดอีกครั้ง กลับกลัวว่าจะเสียเธอไป เขาอยากใช้ชีวิตกับเธอเ
ทันที่ริมฝีปากร้อนของคนทั้งสองประกบกันอีกครั้ง ร่างกายผ่าวร้อนทาบทับลงมาบดเบียดแนบชิด สิ่งที่ใหญ่โตนั้นร้อนระอุคลอเคลียกลีบเนื้ออ่อนบางที่ยามนี้ฉ่ำชื้นเพราะถูกปลุกเร้าด้วยนิ้วมือร้ายกาจ คุณาสินผละจากริมฝีปากสวยแล้วพรมจูบลำคอขาวผ่องจนเป็นแดงเรื่อ ซุกไซและโลมเลียลำคอระเรื่อลงมาที่เนินอกสวยอีกครั้ง ขบเม้มดูดดึงที่ปลายถันจนเปียกชุ่มทำให้หญิงสาวเผลอใช้ปลายนิ้วจิกลงที่ต้นแขนกำยำอย่างลืมตัว “อื้อ พี่สิน...” ความต้องการของหญิงสาวทวีคูณ ขยับบดเบียดร่างแนบชิดพร้อมกับแยกเรียวขาออก ความปรารถนาจะถูกเติบเต็มทำให้เรียกร้องอย่างไม่เคยทำมาก่อน เขาส่งนิ้วไปสำรวจเบื้องล่างอีกครั้งขยับนิ้วในร่องสาวจนมั่นใจว่าน้ำรักของเธอมากพอจึงประคองแก่นกายของตนส่งเข้าไปที่น้อย “อ๊ะ!” “อย่าเกร็ง” เขาพูดเสียงพร่าและเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหวานที่แดงเรื่อ ดวงตาของเธอปรือฉ่ำไม่ใช่เพราะฤทธิ์แอลกอฮอร์ แต่เพราะถูกปรนเปรอสวาทแทบขาดใจ เขาขยับเอวสอบดุนดันเข้าไปที่ละน้อย ขยับออกถอยเข้าเพิ่มความลึกไปที่ละนิดจนปลายหัวบากมุดเข้าไปในร่องสาว ย่าหยาตัวสั่นระริกในขณะที่อีกฝ
Comments