เข้าสู่ระบบอังวรีหัวใจเต้นแรงเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาใกล้ ใกล้มากขึ้นเรื่องๆ เธอทำได้เพียงหมอบตัวหลบให้ต่ำที่สุดเท่าที่ทำได้ ถึงจะหวาดกลัวแต่ยังพยายามมีสติไม่ส่งเสียงทำราวกับตัวเองไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้
“หาให้ทั่วหาจนกว่าจะเจอ กลางป่ากลางเขามืดสนิทขนาดนี้ มันหนีไปได้ไม่ไกลหรอก”
หนึ่งในนั้นตะโกนบอก ระหว่างที่หญิงสาวกำลังจดจ่อลุ้นระทึกอยู่กับพวกมันที่เดินผ่านไปมาด้านหน้า เหนือจากที่ซ่อนตัวไม่มาก ด้านหลังก็มีชายอีกคนเดินเข้ามาประกบตัวจากทางด้านหลัง มือใหญ่สากยื่นปิดปากคนตรงหน้าแน่นสนิทก่อนคนตกใจจะหลุดเสียงร้องดังออกไปเสียก่อน
“ถ้าไม่อยากถูกพวกนั้นจับได้ก็เงียบเสียงไว้”
เสียงเข้มดุกระซิบบอกให้ได้ยินกันสองคน ไม่รู้ว่าเขาคนนี้เป็นคนดีหรือว่าเป็นพวกเดียวกันกับพวกนั้น แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากนิ่งไว้
คืนนี้เป็นคืนเดือนหงายยิ่งดึกยิ่งสว่างหากไม่ได้อยู่ใต้ต้นไม้กลางป่าใหญ่เลยพอให้มองเห็นเงาเลือนรางด้านหน้า เขาเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่กว่าเธอมาก อังวรีพยายามเพ่งพินิจพิจารณามองใบหน้าผ่านความมืดแต่ก็มองได้ไม่ชัดอยู่ดี
ด้านพ่อเลี้ยงจากที่ได้สัมผัสพินิจมอง คนเบื้องหน้ามีผมยาวประบ่า ตัวบางเล็กสูงแค่บ่าเขาเท่านั้น และจากที่มืออีกข้างสัมผัสโดนเข้ากับความนุ่มนิ่มเต่งตึงอย่างไม่ตั้งใจ รู้ในทันทีว่าเธอเป็นผู้หญิง
ทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ผิวนุ่มตัวหอมเอามากๆเสียด้วยน่าจะเป็นคนเมืองกรุง เห็นหญิงสาวจ้องตนเองอยู่นานจึงจ้องกลับบ้าง อย่างที่คิดหญิงสาวไม่ได้ไว้ใจเขา พอเห็นพวกนั้นเดินห่างไปไกล เธอใช้จังหวะที่เผลอวิ่งหนีไปอีกทาง
“บ้าเอ๊ย”
เสียงเข้มสบถอย่างหัวเสียรีบวิ่งตามคว้าแขนเล็กดึงร่างคนตัวเล็กให้นอนหมอบราบลงกับพื้น การขยับตัวของหญิงสาวเมื่อครู่ทำให้พวกนั้นรู้ตัวและวิ่งกลับมายังจุดที่เธอและเขาอยู่ทันที
ปัง! ปัง! ปัง!
หนึ่งในนั้นยิงปืนขึ้นฟ้าขู่ มือหนารีบปิดปากเธอไว้แน่นไม่ให้หลุดเสียงร้องออกไป
“ถ้าอยากรอดก็อย่าร้อง อย่าวิ่งหนี อยู่ใกล้ผมไว้ ผมมาช่วยเข้าใจมั้ย” อังวรีพยักหน้า
“หากมีโอกาสให้คุณวิ่งไปทางโน้น ทางนั้นเป็นเหวไม่มีทางหนี ผมจะปล่อยมือคุณห้ามส่งเสียง ไม่อย่างนั้นเราจะตายด้วยกันทั้งคู่ เข้าใจมั้ย”
พ่อเลี้ยงบอกชี้ทางพร้อมอธิบาย ก่อนย้ำให้อีกฝ่ายเข้าใจตรงกัน เมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้ารับรู้จึงปล่อยให้เป็นอิสระ
“กูรู้ว่ามึงอยู่แถวนี้ อย่าหนีเลย ยังไงก็หนีไม่รอด เอาของของพวกกูคืนมาแล้วกูจะปล่อยมึงไป” ชายคนหนึ่งตะโกนขู่เสียงดังลั่นป่า
“ไม่เจออะไรเลยพี่ น่าจะเป็นสัตว์ป่า”
“เจอสัตว์ก็ยิง เจอคนก็ยิง ไม่ต้องสน แยกกันไปดูทางโน้น ข้างหน้าเป็นหน้าผาแล้วยังไงมันก็ต้องอยู่แถวนี้แหละ”
พอพวกมันถอยห่างไปไกลอีกครั้ง ทั้งสองพยายามลุกและเดินหลบไปอีกทาง แต่ด้วยความมืดของป่าที่ปกคลุม บวกกับความไม่เคยชินทำให้หญิงสาว เหยียบโดนเศษกิ่งไม้เกิดเป็นเสียงดังจนพวกมันรู้ตัวอีกทั้ง
“นั่น มันอยู่ทางนั้น”
ปัง! เสียงปืนยิงขู่ไปทางด้านหน้าที่ทั้งสองกำลังวิ่งไป
“คุณทางนี้เร็วหน่อย”
เมื่อเห็นอีกคนช้าเกินไปมือใหญ่คว้าข้อมือเล็กจูงให้วิ่งตามเข้าไปในป่าลึก ท่ามกลางความมืดสนิทสำหรับคนปรับแสงไม่ทันอย่างอังวรี ตอนนี้เธอไม่ต่างจากคนตาบอด สองขาเร่งจังหวะก้าวให้ทันคนด้านหน้า
พ่อเลี้ยงคิมหันต์ไม่มีทางเลือกหากอยู่รอคนของตนเองมาช่วยคงไม่ทันการณ์ ถึงตอนนั้นเขาและเธอคงได้กลายเป็นศพไปเสียก่อนแน่ ทำได้เพียงพาหญิงสาวเดินเข้ามาในป่าลึกขึ้น ถึงจะไม่ปลอดภัยแต่นี่เป็นเส้นทางที่ตนเองรู้จักดี คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้
แต่สำหรับอังวรีแล้วไม่ใช่เลย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ กำลังหนีอะไรอยู่ แล้วผู้ชายคนที่บอกว่ามาช่วยเนี่ยไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหนกัน
ทุกอย่างตั้งอยู่ในความไม่รู้ทั้งหมดแต่ก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนักนอกจากเชื่อใจผู้ชายตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนที่เล็งปืนมาทางเธอ
นานเท่าไหร่ไม่รู้ ยิ่งเดินเข้าไปลึกหนทางยิ่งเดินยากขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มไม่มีทางเรียบให้เดินเส้นทางเริ่มมีเนินหินกอหญ้าเล็กใหญ่สลับกันไป ตลอดทางที่เดินมาขาเรียวเตะเจ้าหินพวกนั้นไปหลายรอบทั้งยังต้นหญ้าที่บาดแขนขา
ยังโชคดีที่หญิงสาวใส่กางเกงขายาวมา พ่อเลี้ยงเองก็รู้ว่าเส้นทางนี้มันลำบากกว่าการเดินเขามาก ยิ่งในเวลากลางคืนเช่นนี้ ถึงอย่างนั้นคนตัวเล็กก็สู้ไม่ถอยไม่มีบ่นสักคำ
หากเป็นเวลากลางวันเขาคงได้เห็นใบหน้าซีดเซียวกับเหงื่อที่ผุดเต็มใบหน้าสวยและลำตัวของเธอไปแล้ว
“คุณฉันคิดว่าฉันเดินต่อไปไม่ไหวแล้ว คุณหนีไปก่อนเลย” อังวรีรีบบอกเมื่อรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นตัวถ่วงในเร็ว ๆ นี้
“ผมมาช่วยคุณนะ จะให้ทิ้งคุณไว้อย่างนี้ได้ยังไงกัน อีกอย่างนี่ก็ใกล้ถึงแล้ว”
“ใกล้ถึงเหรอ หมายความว่าคุณรู้ทางออกจากที่นี่”
“อืม! อดทนหน่อยนะ” เขาให้กำลังใจ
อย่างที่เขาบอกเดินต่ออีกไม่นานก็จะถึงจุดชมวิวที่เป็นหน้าผาสูง หากเป็นช่วงเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้น ตรงนี้จะเป็นสถานที่ที่สวยงามมาก แต่หากมาช่วงเวลานี้ก็เป็นสถานที่น่ากลัวที่หนึ่งเลยเช่นกัน เพียงแค่ก้าวพลาดก็อาจไม่มีชีวิตกลับไป
แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าเป็นสัญญาณบอกว่าหมดไปอีกวัน อังวรีอยู่คนเดียวทีไร ทุกครั้งที่หลับตาลงภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นยังตามมาหลอกหลอนเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุให้ผู้อื่นต้องตายผุดวนเวียนในห้วงความคิดอยู่เสมอ รู้สึกเครียดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ความเศร้าเสียใจกัดกินเธอช้า ๆ หญิงสาวนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ข้างเตียงนานหลายชั่วโมงเหตุการณ์ครั้งนั้นสะเทือนใจเธอมาก ยิ่งต้องมาอยู่แปลกที่แปลกทางเช่นนี้ ยิ่งรู้สึกเหงาไม่รู้จะระบายความอัดอั้นตันใจนี้กับใคร ทำได้เพียงเก็บไว้คนเดียวคิมหันต์กลับมาถึงบ้านระหว่างเดินผ่านห้องนอนของหญิงสาว เห็นแสงไฟส่องรอดออกมาประตู จึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตเจ้าของห้องก่อน อย่างที่เขาคิดไว้ เธอไม่ได้ล็อกห้องอีกแล้ว ทั้งยังนั่งร้องไห้คนเดียวอย่างคืนที่ผ่านมา เห็นภาพสะเทือนใจเช่นนี้ก็อดเป็นห่วงไม่ได้“เป็นอะไรไปครับ ร้องไห้อีกทำไม”“พ่อเลี้ยง ..” ใบหน้าสวยเปื้อนหยาดน้ำตาเงยหน้ามองคนมาใหม่ราวกำลังต้องการที่พึ่งพิง“ครับ คุณเป็นอะไรไป”“ฉันจะทำยังไงดีค่ะ ภาพคืนนั้นม
“พวกมันยอมรับสารภาพมั้ย” พ่อเลี้ยงหนุ่มถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เฝ้าหน้าห้องขัง“ยังไม่มีใครยอมสารภาพเลยครับ” เขากัดฟันแน่นข่มอารมณ์เมื่อได้คำตอบ พร้อมสูดหายใจเข้าลึก ๆ“ผมขอเข้าไปคุยกับพวกนั้นได้มั้ย”เมื่อได้รับอนุญาตพ่อเลี้ยงหนุ่มจึงเดินเข้าไปด้านใน คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่น สีหน้าเรียบตึงดุดัน น่าเกรงขาม“ไงได้ข่าวว่าไม่มีใครยอมพูดอะไรเลย”“กูไม่มีอะไรจะพูดทั้งนั้น”“ที่จริงฉันชอบนะ พวกที่ไม่มีปากนะ เพราะว่ามันเก็บความลับได้ดีแต่ไม่ใช่กับพวกแก ไหนขอทดสอบหน่อยว่าไม่มีปากจริงมั้ย”ใบหน้าคมปรายตามองไปยังผู้ติดตาม ทันทีที่สบตากับเจ้านาย วรุตก็รู้ในทันทีว่าต้องทำอะไรภาพวิดีโอถูกเปิดผ่านสมาร์ตโฟน หันไปให้กลุ่มชายฉกรรจ์ในห้องขังดู เป็นภาพเด็กและผู้หญิง คนในครอบครัวของหนึ่งในพวกมัน ชายคนหนึ่งพอได้เห็นภาพลูกสาวและเมียตัวเองในวิดิโอ ถึงกับนั่งไม่ติดยิ่งตอนท้ายวิดิโอเป็นชายชุดดำถือปืนเล็งใส่ลูกและภรรยายื่นหน้าบ้านตัวเอง ยิ่งกระวนกระวายจนเกิดพิรุธ จาก
เจ้าของไร่เป็นคนขับรถพาหญิงสาวชมสถานที่ด้วยตนเอง ทำทุกคนในไร่พากันซุบซิบถึงสิ่งที่เห็นด้วยความสงสัย ตื่นตาตื่นใจไปตามๆกัน เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเจ้านายที่รักพาผู้หญิงนั่งรถมาด้วย“ที่นี่ไร่ของคุณทั้งหมดเลยหรือคะ”“ครับ ที่นี่แบ่งเป็นสี่ส่วน รีสอร์ต ไร่องุ่น ไร่ส้ม และไร่ชา ด้านหน้าที่คุณเห็นเป็นไร่องุ่นปลอดสารพิษ ตอนนี้คนงานกำลังเก็บผลผลิตส่งให้ลูกค้า”พ่อเลี้ยงหนุ่มอธิบายเกี่ยวกับไร่ของตนเองขณะขับรถผ่านแต่ละสถานที่ ถือเป็นการเปลี่ยนเรื่องคุยไปในตัว เวลานี้ตลอดสองข้างทางที่รถแล่นผ่านเต็มไปด้วยองุ่นพวงโต มีคนงานกำลังทยอยลำเลียงขนขึ้นรถ เตรียมจัดส่งให้ลูกค้าคนไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ตาวาวเป็นประกายด้วยความตื่นตาตื่นใจไม่น้อย“คุณอยากลองชิมดูหน่อยมั้ย หวานนะ”“ไม่ดีกว่าค่ะ ของซื้อของขาย”“ผมให้คุณชิม ไม่ได้ให้กินทั้งไร่เสียหน่อย คุณคงไม่กินจนผมเจ๊งหรอกมั้ง”เขาบอกยิ้มๆ ก่อนจอดรถแล้วเดินไปหยิบองุ่นจากคนงานที่เพิ่งตัดจากต้นมาให้ ดวงตาวาวมองตามทั้งส่งรอยยิ้มให้กับความใจดีของเจ้
“คุณตำรวจคะ ฉันเป็นห่วงแม่ที่อยู่กรุงเทพค่ะ เรื่องนี้พอจะทำอะไรได้บ้างมั้ยคะ จากเหตุการณ์ที่เจอเมื่อคืน กับที่คุณเล่าให้ฟังเมื่อกี้ ฉันกลัวพวกมันจะไปตามที่อยู่ในบัตรประชาชน จนเจอแม่กับน้องชายของฉันค่ะ”“เรื่องนี้ผมจะดำเนินการส่งสายตรวจไปคอยดูแลให้นะครับไม่ต้องเป็นห่วงทางนั้น”“แล้วถ้าฉันจะกลับกรุงเทพเลยได้มั้ยคะ”“ได้ครับ ถ้าคุณอิ้งค์ต้องการผมจะประสานงานให้ แต่ผมว่ารอให้ขาของคุณหายดีก่อนดีกว่ามั้ย กลับไปสภาพนี้คนที่บ้านจะไม่เป็นห่วงแย่เหรอครับ”“ถ้าอย่างนั้นฉันขอคิดดูอีกทีก่อน ขอนามบัตรของคุณไว้ด้วยนะคะ”“พ่อเลี้ยงมีเบอร์ผมอยู่ หากคุณต้องการติดต่อกับผม บอกเขาได้เลย”“ค่ะ”“มีคำถามอะไรอยากถามเพิ่มเติมมั้ยครับ”“พ่อเลี้ยงเป็นคนดีมั้ยคะ”คุณตำรวจหนุ่มอมยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม“เกิดอะไรขึ้นบนเขาครับ พ่อเลี้ยงรังแกคุณหรือเปล่า บอกผมได้เลย ผมจะไปจัดการให้” เขาไม่ตอบแต่กลับถามกลับ“ปะ เปล่าค่ะเค้าไม่ได้ทำอะไร อิ้งค์แค่อยากถามให้มั่นใจ”“เมื่อกี้ผมแค่ล้อเล่น สบายใจได้ครับพ่อเลี้ยงเป็นคนดี คุณไว้ใจเขาได้ผมรับประกัน”เธอก็คิดเช่นนั้น แต่ก็นะเพื่อความสบายใจถามให้มั่นใจเสียหน่อย “วันนี้ขอบคุณมากนะค
อังวรีมองอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่ เป็นจังหวะที่ป่านทองนำอาหารเข้ามาให้พอดี พ่อเลี้ยงจึงหยุดบทสนทนาไว้เพียงเท่านั้น“คุณทานข้าวก่อน เดี๋ยวสักพักจะมีตำรวจมาสอบปากคำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนั้น คุณก็เล่าตามความจริงได้เลย”“เดี๋ยวคะ เออ คุณ..”“คิมหันต์ครับ” เขาตอบโดยไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายถาม“คิมหันต์ ที่นี่ไร่คิมหันต์”“ใช่ครับไร่ของผมเอง เรียกผมว่าพี่เขมก็ได้ ผมอายุมากกว่าคุณหลายปีอยู่”“เข้าใจแล้วค่ะ เอ่อคุณคิมหันต์คือว่าชุดที่ฉันใส่ก่อนหน้านี้ในกางเกงมี...”“เอสดีการ์ด แม่บ้านเอามาให้ผมแล้ว”-ดูเหมือนเขาจะรู้ความคิดเธอไปซะหมด -อังวรีคิด“เอ่อ..คุณเปิดดูหรือยังคะ”“ครับดูแล้ว คุณคงตกใจมากตอนที่เห็นมัน”“ค่ะ ฉันคิดว่า เพราะสิ่งนี้ ฉันถึงโดนพวกมันตามฆ่า”“ไม่ต้องกังวลอะไรนะครับ ผมรับปากคุณแล้วว่าอยู่ที่นี่คุณจะปลอดภัย”พ่อเลี้ยงหนุ่มย้ำน้ำเสียงจริงจัง ให้อีกฝ่ายมั่นใจว่าตนไม่ได้พูดปลอบเธออย่างเดียวแต่เขาจริงจังกับทุกคำที่พูดออกไป อังวรีสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนเอ่ยถามเรื่องที่ค้าง
ด้านอังวรีหลังจากได้หลับยาวไปสองวันเต็มๆ ในฝันเธอมีแต่ภาพเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวถูกยิง คิ้วบางขมวดนิ่วพลิกตัวไปมา จนคนนั่งเฝ้างงว่าหญิงสาวเป็นอะไร“ไม่นะ อย่ายิงอย่า” ร่างบางสะดุ้งตื่นขึ้นพร้อมหยดน้ำตาใส ๆไหลออกมา ก่อนที่เธอจะรีบเช็ดมันออกเมื่อรู้สึกตัว มองสำรวจรอบห้องว่าตนเองอยู่ที่ไหน ความทรงจำสุดท้ายจำได้ว่าอยู่กระท่อมกลางป่า “ฝันร้ายเหรอคะคุณ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”อังวรีกวาดสายตามองตามเสียงอ่อนนุ่มที่กล่าวทักทาย ภาพที่เห็นคือหญิงสูงวัยท่าทางอ่อนน้อม ดูใจดีทั้งสุภาพเรียบร้อยในเวลาเดียวกัน ยืนมองมาด้วยสายตาห่วงใย เธอสังเกตได้“ค่ะ ที่นี่ที่ไหนหรือคะ”“ไร่คิมหันต์ค่ะ คุณหลับไปสองวันเต็มเลยนะคะ ป้าเป็นห่วงแทบแย่”“แล้วอิ้งค์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”“พ่อเลี้ยงพาคุณมาค่ะ ตอนนั้นคุณมีไข้สูง ตามร่างกายมีแต่บาดแผล” ป่านทองอธิบายอย่างคลายกังวล“พ่อเลี้ยง...” อังวรีย้ำคำ ในแววตาเต็มไปด้วยคำถาม“ใช่ค่ะ คุณหิวมั้ยคะป้าจะไปหาอะไรมาให้ทานก่อน คุณไม่ได้ทานอะไรมาตั้งสองวันแล้ว”พอหญิงสูงวัยพูดเรื่องอาหาร ร่างกายก็รีบฟ้อง ท้องเริ่มส่งเสียงร้องเป็นสัญญาณว่าหิว ป่านทองมองแล้วก็อมยิ้มนิดๆอย่างเอ็นดู







