เข้าสู่ระบบซือเยี่ยนเลิกคิ้ว “มีคนบอกประจำ”สืออวี๋: “...”น้ำเสียงนี้ฟังดูเหมือนแอบภูมิใจนิด ๆ ยังไงชอบกลแฮะ?เมื่อเห็นสืออวี๋พูดอะไรไม่ออก ดวงตาของซือเยี่ยนก็ฉายแววขบขันวูบหนึ่ง แต่เพียงพริบตาเดียวก็หายไป สืออวี๋จึงไม่ทันสังเกต“หมอซือคะ เมื่อกี้ตอนฉันคุยกับครอบครัวนั้น ฉันถึงได้รู้ว่าเพื่อให้ได้ลงทะเบียนนัดกับคุณ พวกเขาถึงขั้นต้องเดินทางมาจากต่างอำเภอ ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือพอสำหรับย้ายโรงพยาบาลแล้ว ส่วนจะให้เปลี่ยนเป็นหมอคนอื่นพวกเขาก็ไม่ไว้ใจ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาถึงได้ทำอะไรไม่ยั้งคิด ชักมีดขู่ให้คุณผ่าตัดแบบนั้นแหละค่ะ”“ในสายตาฉัน พวกเขาไม่ใช่คนเลว เพียงแต่ไม่เข้าใจผลลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินอาหารก่อนผ่าตัดแบบดมยาสลบเท่านั้น ถ้าพวกเขาเข้าใจ ก็คงไม่ทำแบบนี้แน่นอน”“ถ้าพวกเขามาขอโทษคุณอย่างจริงใจ คุณจะยอมให้โอกาสคนไข้คนนั้นอีกสักครั้งได้ไหมคะ?”สิ้นเสียงของเธอ ซือเยี่ยนก็ตอบทันที “ไม่ได้ครับ”สืออวี๋ขมวดคิ้ว “หลักการของคุณมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? สำคัญถึงขั้นที่ต่อให้ถูกคุกคามถึงชีวิตก็ยังไม่ยอมประนีประนอมเนี่ยนะ?”แค่นึกถึงภาพที่เขาอยู่ร่วมห้องกับชายผู้ถือมีดเมื่อครู่ สืออ
“ค่ะ...”ผู้หญิงคนนั้นรีบรุดไปที่ห้องทำงานของซือเยี่ยนทันที สืออวี๋ก้าวเท้าตามไปติด ๆเมื่อไปถึงหน้าห้องทำงานของซือเยี่ยน และเห็นสามีตัวเองกำลังเงื้อมีดใส่ซือเยี่ยนด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด เธอก็ถึงกับขวัญหนีดีฝ่อใบหน้าซีดเผือด“คุณคะ! วางมีดลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”หลังได้ยินเสียงหญิงสาว ชายคนนั้นก็หันขวับกลับมา และเมื่อเห็นชัดถนัดตาว่าเป็นเธอจริง ๆ ใบหน้าก็พลันบึ้งตึง ตวาดลั่นว่า “ใครใช้ให้ออกมา รีบกลับไปเดี๋ยวนี้!”ผู้หญิงคนนั้นส่ายหน้า “คุณคะ วางมีดลงเถอะ พ่อเป็นคนให้ฉันมาเอง คุณเอามีดมาขู่หมอแบบนี้มันผิดกฎหมายนะคะ...”ตอนนี้ ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยไฟโทสะ “ผมไม่สนว่าจะผิดกฎหมายหรือเปล่า รู้แค่ว่าไอ้หมอนี่ต้องรับปากผ่าตัดให้พ่อเท่านั้น!”“คุณอยากให้พ่อเห็นคุณติดคุกหรือไง เรื่องนี้แต่เดิมก็เป็นฝ่ายเราที่ผิดเอง จริงสิ คุณผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ฉันคนนี้เธอเป็นทนาย เธอรับปากแล้วว่าจะช่วยพูดกับหมอซือให้พวกเรา คุณเอาแต่ขู่หมอซือแบบนี้ มันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอกนะ”ชายคนนั้นตวัดสายตามองสืออวี๋ที่อยู่ข้างภรรยา แววตาพลันเย็นเยียบ “ทนายบ้าบออะไร! แม่นั่นกับหมอคนนี้มันก็พวกเดียวกันนั่นแห
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ สืออวี๋จึงถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “แค่เขาถือมีด ก็ถือว่าทำผิดกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการความสงบเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าพฤติการณ์ร้ายแรง ก็อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายอาญาด้วยซ้ำ เรื่องนี้มีวิธีแก้ปัญหามากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสุดโต่งแบบนี้เลยค่ะ”เมื่อสืออวี๋พูดคำสุดท้ายจบลง ภายในห้องพักผู้ป่วยก็กลับเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้งรออยู่ครู่หนึ่ง เสียงของคนที่พูดเมื่อครู่ก็ดังออกมาอีกครั้ง “คุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าเป็นทนายความตัวจริง? แล้วคุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่ามาช่วยพวกเราจริง ๆ ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับหมอคนนั้น?!”สืออวี๋นิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “เมื่อกี้ตอนที่เขาถือมีดบุกเข้าไปในห้องทำงานแพทย์ มีคนเห็นไม่น้อย ตอนนี้มีคนแจ้งตำรวจแล้ว ถ้าพวกคุณยังไม่ไปเกลี้ยกล่อมเขาตอนนี้ รอให้ตำรวจมาถึงก็สายเกินไป เขาเป็นคนในครอบครัวของพวกคุณ พวกคุณพิจารณาดูเองเถอะ”พูดจบประโยคนี้ สืออวี๋ก็ไม่กล่าวอะไรต่อ ถ้าอีกฝ่ายตั้งใจจะดึงดันไปจนถึงที่สุด เธอก็ไม่มีปัญญาช่วยอะไรแล้วแต่ในใจของสืออวี๋ กลับยังคงไม่อาจสงบลงตอนนี้ ซือเยี่ยนกำลังเผชิญหน้ากับผ
สืออวี๋ใจหายวาบ “พวกคุณแจ้งตำรวจหรือยังคะ?!”“แจ้งแล้วค่ะ แต่ที่นี่อยู่ไกลจากสถานีตำรวจนิดหน่อย คาดว่ากว่าตำรวจจะมาถึงก็ต้องใช้เวลาอีกสิบกว่านาที”“งั้นสิบกว่านาทีนี้ เราจะปล่อยให้ซือเยี่ยนเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นตามลำพังเหรอคะ?”“คือว่า... ตอนแรกผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้ชักมีดออกมาค่ะ แต่พอหมอซือปฏิเสธไม่ยอมผ่าตัดให้พ่อเขาอีก เขาก็ชักมีดออกมา หมอซือเห็นมีดก็เลยรีบปิดประตูล็อกทันที”สืออวี๋ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นอารมณ์แปรปรวน ยิ่งซือเยี่ยนอยู่กับเขานานเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้นแต่ตอนนี้ ซือเยี่ยนล็อกประตูห้องทำงานจากด้านใน ต่อให้เธออยากช่วยก็ช่วยไม่ได้แล้วถ้าผลีผลามบุกเข้าไป ก็อาจเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชายคนนั้น ทำให้สถานการณ์ยิ่งอันตรายมากขึ้นอีกสืออวี๋สูดหายใจลึก ก่อนสอบถาม “แล้วญาติคนอื่น ๆ ของผู้ป่วยล่ะคะ? ผู้ชายคนนี้มีภรรยาหรือลูกบ้างไหม?”“มีค่ะ แต่ตอนนี้พวกเขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ไม่ยอมออกมา ก็คงเห็นด้วยกับการกระทำของผู้ชายคนนี้นั่นแหละค่ะ เมื่อกี้พวกเราไปที่หน้าห้องพักผู้ป่วย กะว่าจะให้ออกมาเกลี้ยกล่อมเขาสักหน่อย แต่
ตกค่ำ สือหมิงฮุยกลับมาถึงบ้านเมื่อเข้าประตูมา ก็เห็นโจวฉินนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟาแล้วเขาหยุดชะงักเล็กน้อยขณะเปลี่ยนรองเท้า เดาได้ไม่ยากว่าที่ไปคุยกับสืออวี๋วันนี้คงไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ตามคาด ขณะเขานั่งลงบนโซฟา โจวฉินก็เริ่มโวยวาย “สืออวี๋ไม่ยอมถอนฟ้อง ฉันทะเลาะกับแม่นั่นไปรอบหนึ่ง เลยลืมให้บัตรธนาคารไปซะสนิท เดี๋ยวคุณเอาไปให้เองแล้วกัน!”สือหมิงฮุยเหลือบมองบัตรธนาคารบนโต๊ะแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเข้ม “ช่วงนี้บริษัทงานยุ่งจะตาย ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปล่ะ? พรุ่งนี้คุณไปอีกรอบแล้วกัน ถ้าเธอยังไม่ยอมค่อยว่ากันอีกที”โจวฉินแค่นหัวเราะ “ฉันไม่ไป ทำไมฉันต้องเป็นคนไปตามง้อแม่นั่นทุกทีด้วย? คุณมันก็ดีแต่ปาก อ้างไปเรื่อยว่าบริษัทงานยุ่งทุกวัน มีวันไหนไม่ยุ่งบ้างไหม? ฉันว่าปล่อยให้มันเจ๊งไปก็ดี คุณจะได้ไม่ต้องยุ่งแล้ว!”“หุบปากนะ!”สือหมิงฮุยหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “วัน ๆ ถ้าไม่เอาแต่เดินชอปปิง ก็ดีแต่พูดจาปากเสีย เกิดบริษัทผมเจ๊งขึ้นมาจริง คุณก็เตรียมตัวไปนั่งขอทานข้างถนนได้เลย!”“เป็นขอทานก็ยังดีกว่าต้องมานั่งขายหน้าทุกวัน! ยังไงฉันก็ไม่ไปหายัยนั่นอีก คุณอยากไปก็ไปเองเถอะ อีกเดี๋ยวม่านม่า
ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้ม “ขอบคุณนะคะ หมอซือ”เมื่อกลับมาถึงห้องพักผู้ป่วย คุณย่าสือเห็นว่ามีเพียงสืออวี๋อยู่คนเดียวจึงขมวดคิ้วถาม “แม่แกลกลับไปแล้วเหรอ?”“ค่ะ”เมื่อเห็นสีหน้าของสืออวี๋เรียบเฉยจนอ่านอารมณ์ใด ๆ ไม่ออก คุณย่าสือจึงเอ่ยปากถาม “เธอมาพูดอะไรกับแก?”“ไม่ได้พูดอะไรค่ะ แค่บอกให้หนูดูแลคุณย่าดี ๆ หวังว่าคุณย่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลโดยเร็วค่ะ”สืออวี๋เพิ่งพูดจบ คุณย่าสือก็สวนกลับมาอย่างหัวเสีย “เธอพูดอะไรกับแกกันแน่?! นิสัยอย่างโจวฉินฉันรู้ดี เธอไม่ถ่อมาถึงห้องพักผู้ป่วยเพื่อพูดเรื่องไร้สาระไม่กี่ประโยคนี้หรอก”สืออวี๋อดถอนหายใจไม่ได้ รู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง “คุณย่า เรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ และบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงให้สือม่าน สั่งไม่ให้หนูไปก่อกวน”คุณย่าสือเบนความสนใจไปได้จริง ๆ เธอพูดอย่างโมโห “ใครอยากจะไปงานเลี้ยงของเธอกัน ถึงเวลาเดี๋ยวฉันจัดงานที่ดีกว่าให้แกเอง!”“ค่ะ ๆ ๆ งั้นหนูจะรอคุณย่าจัดงานเลี้ยงให้นะคะ ท่านหันตัวหน่อยค่ะ หนูจะเริ่มนวดให้แล้ว”“ตอนนี้ไม่ต่อต้านการกลับบ้านตระกูลสือแล้วเหรอ?”สืออวี๋ส่ายหน้า “ถึงหนูจะต่อต้าน ก็เปลี่ยนความคิดของท่านไม่ได้อยู่ดี สู้ทำตามที่ท่า







