แชร์

บทที่9

ผู้เขียน: ชุนกวงห่าว
เพราะความโกรธ หน้าอกของเซี่ยงชินเฟินขึ้นลงไม่หยุด สายตาที่มองเหลียงหยวนโจวก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง

หน้าของเหลียงหยวนโจวมีรอยแดงของฝ่ามือ มองดูเซี่ยงชินเฟินแล้วพูดว่า “แม่พูดถูก ดังนั้นผมถึงรู้สึกโชคดีที่ไม่ได้เจอเธอในตอนที่ผมยังจนอยู่ เธอไม่ต้องลำบากกับผม”

ทันทีที่คำพูดนั้นออกมา มือของสืออวี๋ก็กำแน่นทันที ความเจ็บปวดราวคลื่นซัดจากหัวใจไปทั่วร่างกาย

ทุกคำพูดที่เขาเคยพูดทำร้ายเธอมาก่อนนี้ ไม่สามารถเทียบกับความร้ายแรงของคำพูดนี้ได้เลย

เขาสงสารเสินหลี กลับเสินหลีต้องลำบากกับเขา

แล้วหลายปีที่เธอทนลำบากอยู่กับเขามันคืออะไร?

สืออวี๋เอ๋ยสืออวี๋ ผู้ชายคนนี้ทำร้ายเธออย่างไม่ใยดีแบบนี้ เธอยังไม่ยอมตื่นหรือไง?

เซี่ยงชินเฟินหันมองสืออวี๋ เห็นเธอหน้าซีด สายตาเปล่งประกายความเป็นห่วง

“สืออวี๋ เขาพูดเพราะโกรธเอง หนูอย่าใส่ใจไปเลยนะ ป้าเซี่ยงช่วยหนูสั่งสอนเขา……”

“ป้าเซี่ยง”

สืออวี๋หันมองเธอ พยายามทำหน้าเรียบเฉยแล้วพูดว่า “ป้าเซี่ยงไม่ต้องช่วยเขาอธิบายหรอกค่ะ หนูรู้ว่าที่เขาพูดนั้นคือความในใจ ตลอดมาหนูอยากเป็นลูกสะใภ้ของป้าเซี่ยงมาก แต่ตอนนี้คงไม่มีโอกาสนี้แล้ว เรื่องงานแต่ง……ยกเลิกเถอะค่ะ”

“หนูอิ่มแล้ว ขอบคุณสำหรับมื้อค่ำวันนี้ค่ะ”

เธอลุกขึ้น หยิบกระเป๋าแล้วหันหลังเดินจากไป โดยไม่มองเหลียงหยวนโจวอีก

เซี่ยงชินเฟินมองเหลียงหยวนโจวด้วยสายตาโกรธจัด “แกยังไม่รีบไปตามอีก?!แม่เตือนแกไว้นะ แม่ยอมรับแค่สืออวี๋ลูกสะใภ้คนนี้ ถ้าแกตามเธอกลับมาไม่ได้ ต่อไปก็อย่ามายอมรับฉันเป็นแม่อีก!”

ทันทีที่ประตูปิด สืออวี๋ได้ยินเสียงของเหลียงหยวนโจวดังมาจากด้านหลัง

“แม่ ผมไม่รักเธอแล้ว ทำไมแม่ต้องบังคับให้ผมแต่งงานกับเธอ? ถึงเราจะแต่งงาน ผมก็จะไม่ตัดความสัมพันธ์กับเสินหลีแน่นอน”

“อีกอย่าง ผมกับเสินหลีอยู่ด้วยกันมาสามปีแล้ว เธอก็ไม่ยอมปล่อยมือ พยายามทุกวิถีทางเพื่ออยากจะแต่งให้กับผม แม่คิดว่าเธออยากยกเลิกงานแต่งจริงเหรอ?”

“คำพูดเมื่อกี้ ก็แค่ขู่แม่เท่านั้นเอง แม่ไว้ใจเถอะ เธอนะเป็นเหมือนแผ่นแปะหนึบๆ ดึงยังก็ไม่ออก!”

เสียงของเขาเต็มไปด้วยเหยียดหยามและความเยาะเย้ย เหมือนมั่นใจจริงแล้วว่า เธอไม่มีวันจากเขาไปจริง

จึงทำให้เขากล้าทำร้ายเธอโดยไม่ปรานีแบบนี้

สืออวี๋กะพริบตาที่แสบร้อน แล้วเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับ

ครั้งนี้ ตัดสินใจที่จะปล่อยวางเขาแล้วจริงๆ

ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยบาดแผลนี้ เธอเคยพยายามหวนคืน ตอนนี้ตัดสินใจที่จะจากลา ก็ไม่มีอะไรน่าเสียดายแล้ว

บรรยากาศในห้องอาหารยังเต็มไปด้วยความตึงเครียด

เซี่ยงชินเฟินชี้เหลียงหยวนโจว โกรธจนตัวสั่น “ที่แกพูดนี่มันยังใช่ภาษาคนอยู่ไหม?! ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะสืออวี๋ แกจะมีวันนี้ได้เหรอ?”

“แกเหยียบย่ำความจริงใจของสืออวี๋แบบนี้ ถ้าวันหนึ่งเธอตัดสินใจจะไปจากแกจริงละก็ แกมาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้ว!”

สีหน้าของเหลียงหยวนโจวเย็นชา “ถ้าเธอยอมจากไปจริง งั้นผมก็จะขอบคุณที่เธอยอมปล่อยผมไป และผมมาถึงวันนี้ได้ก็เพราะความพยายามของตัวผมเอง ต่อให้ไม่มีเธอ ผมก็จะประสบความสำเร็จได้เหมือนเดิม”

สืออวี๋เคยอยู่เคียงข้างเขาในวันที่ล้มเหลวที่สุดจริง แต่เมื่อเขาประสบความสำเร็จ เขาก็ไม่เคยปฎิบัติต่อเธอไม่ดี

ของขวัญที่ส่งให้เธอแต่ละชิ้น ล้วนมีมูลค่าห้าแสนหรือห้าล้านทุกชิ้นไม่ใช่หรือ?

ด้วยตัวเธอเอง เธอมีกำลังที่จะซื้อของหรูหราพวกนี้ได้ด้วยเหรอ?

เหลียงหยวนโจวคิดว่า เขาไม่ได้ติดค้างอะไรสืออวี๋

“โอเค! ตอนนี้แกมันปีกกล้าขาแข็ง[1]แล้ว เป็นถึงเจ้าของบริษัทใหญ่แล้ว คำพูดของฉันก็ไม่อยากฟังแล้ว ในเมื่อแบบนี้ แกก็ไม่ต้องยอมรับฉันเป็นแม่อีกแล้ว!”

เห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของแม่เหลียง เหลียงหยวนโจวก็ลุกขึ้น “แม่ ตอนนี้แม่โกรธอยู่ ผมไม่อยากเถียงกับแม่ รอแม่สงบลงแล้ว ผมค่อยมาดูแม่”

“วันนี้ถ้าแกออกจากประตูนี้ไป ฉันจะไม่ยอมรับแกเป็นลูกอีก!”

เหลียงหยวนโจวหยุดก้าว เงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เปิดประตูออกไป

หลังออกจากบ้านแม่เหลียง เหลียงหยวนโจวก็ไปหาเสินหลีโดยตรง

ทันทีที่เปิดประตู เสินหลีก็รู้สึกอึ้ง พุ่งเข้าไปกอดเขาโดยตรง “ประธานเหลียง คุณมาได้ยังไงคะ?”

เหลียงหยวนโจวรับเธอไว้ กอดเอวแล้วจูบ

หลังจากจูบเสร็จ เขาก็บีบเอวเธอพร้อมพูดว่า “คิดถึงคุณ เลยมาหา”

เสินหลีหน้าแดง ยกมือทำทีจะตีเขา แต่ทันใดนั้นก็เห็นรอยแดงบนหน้าเขา สีหน้าก็เปลี่ยนไป รีบถอยออกจากอ้อมกอดเขา

“ประธานเหลียง ใครตบหน้าคุณคะ? คุณหนูสือเหรอคะ?”

ขณะที่พูด สายตาเรียวของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความเป็นห่วง

เหลียงหยวนโจวส่ายหน้า “ไม่ใช่”

เสินหลียื่นมือจะจับหน้าเขา แต่ก็กลัวจะทำเขาเจ็บ

“เจ็บไหม?ฉันทายาให้คุณนะคะ”

เธอหันหลังจะไปเอากล่องยา แต่ถูกเขาดึงเข้าอ้อมกอด

“ไม่ต้องทายา คุณจูบหน่อยก็หายแล้ว”

“คุณนี่มันน่าเกลียดจริงๆเลย!”

ท่าทางน่ารักของเธอทำให้เหลียงหยวนโจวใจสั่นอีกครั้ง อุ้มเธอไปที่โซฟาโดยตรง ไม่นานในห้องนั่งเล่นก็มีเสียงที่ชวนคนหน้าแดงและใจเต้นแรงดังขึ้น

……

เย็นวันถัดมา สืออวี๋ออกจากสำนักงานกฎหมาย ก็เห็นเซี่ยงชินเฟินยืนอยู่ไม่ไกล

เธอใส่เสื้อไม่เยอะ ถูกลมหนาวพัดจนหน้าซีด

เมื่อเห็นสืออวี๋ เธอยิ้มแล้วรีบเดินเข้ามาหา

“สืออวี๋ ป้าอยากคุยกับหนูหน่อย”

เซี่ยงชินเฟินดีกับเธอมาตลอด เห็นหน้าที่หนาวจนซีดขาวของอีกฝ่าย สืออวี๋ก็อดใจอ่อนไม่ได้ จึงพูดว่า “ข้าวๆนี้มีร้านกาแฟ เข้าไปนั่งกันเถอะค่ะ”

เห็นเธอไม่ได้ปฏิเสธ เซี่ยงชินเฟินก็โล่งใจ รีบพูดว่า “อ๋อ โอเค”

ทั้งสองเข้าไปนั่งริมหน้าต่างในร้านกาแฟ สืออวี๋สั่งกาแฟกับนมร้อนอย่างละแก้ว แล้วเอานมร้อนให้เซี่ยงชินเฟิน

“ป้าเซี่ยง ดื่มของอุ่นๆสักหน่อย”

“โอเค”

เซี่ยงชินเฟินยกนมดื่ม สีหน้าไม่เป็นธรรมชาติเล็กน้อย

สืออวี๋รู้ถึงเจตนาที่เธอมา คืออยากให้ตัวเองให้อภัยเหลียงหยวนโจว

แต่เธอกับเหลียงหยวนโจวเดินมาถึงทางตันแล้วจริง ๆ และไม่คิดจะหวนกลับ จึงไม่ได้พูดอะไร แค่ก้มดื่มกาแฟในแก้ว

เห็นท่าทางที่เด็กดีของเธอ เซี่ยงชินเฟินก็รู้สึกเจ็บปวดใจและรู้สึกผิด “สืออวี๋ วัตถุประสงค์ที่ป้าเซี่ยงมาวันนี้ หนูก็น่าจะรู้ดีแล้ว”

สืออวี๋พยักหน้า “ป้าเซี่ยง ป้าเซี่ยงไม่ต้องพูดค่ะ หนูกับเขาไม่มีวาสนากันกัน หนูก็ไม่อยากฝืน”

เมื่อเห็นสีหน้าสงบนิ่งของเธอ เซี่ยงชินเฟินก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย จึงรีบคว้ามือเธอไว้

"หนูกับหยวนโจวคบกันมานานขนาดนี้แล้ว ความทุ่มเทของหนูป้าเองก็เห็นมาตลอด ป้าเองก็ปฏิบัติกับหนูเหมือนลูกสาวป้ามาโดยตลอด ถือว่าเห็นแก่หน้าป้านะ ให้โอกาสหยวนโจวอีกครั้ง ได้ไหม?"

สืออวี๋พูดอย่างช่วยไม่ได้ "คุณป้าคะ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นนั้นไม่หวาน"

ตอนนี้เธอกับเหลียงหยวนโจว ต่างก็ไม่อยากแต่งงาน บังคับให้มารวมกันก็กลายเป็นคู่รักที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง

เซี่ยงชินเฟินส่ายหัว "หยวนโจวเขาแค่สับสนชั่วคราว รอเขาได้สติ คงเข้าใจแน่นอนว่าหนูต่างหากคือคนที่เหมาะสมกับเขาที่สุด"

"สืออวี๋ ก่อนหน้านนี้ป้าเคยช่วยชีวิตหนูไว้ครั้งหนึ่ง เห็นแก่ที่ป้าเคยช่วยชีวิตหนู หนูให้โอกาสหยวนโจวครั้งสุดท้ายนะ ครั้งสุดท้ายจริงๆ ส่วนเลขาคนนั้นของเขา ป้าจะให้เขาจัดการให้เสร็จก่อนที่พวกหนูจะแต่งงาน"

เซี่ยงชินเฟินไม่เคยคาดคิดเลยว่า วันหนึ่งตัวเองจะต้องใช้หนี้บุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้มาบับบังคับสืออวี๋ให้โอกาสเหลียงหยวนโจวครั้งสุดท้าย

เธอรู้ว่าการกระทำของเธอนั้นค่อนข้างต่ำทราม แต่เธอไม่อยากให้เหลียงหยวนโจวพลาดผู้หญิงดีๆแบบสืออวี๋ไปจริง

สืออวี๋ก้มหน้าลง สี่ปีที่แล้ว เซี่ยงชินเฟินเคยช่วยชีวิตเธอไว้จริง

ตอนนั้นเธอเพิ่งเข้าทำงานที่สำนักงานกฎหมาย และทำโอทีจนถึงเที่ยงคืนทุกวัน วันหนึ่งตอนเลิกงาน ด้วยสีหน้าท่าทางที่เหม่อลอย เธอมองไฟจราจรผิด เดินไปอย่างเบลอๆ โดยไม่ทันเห็นรถบรรทุกคันใหญ่ที่พุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว

ในจังหวะสำคัญนั้น เซี่ยงชินเฟินที่มาส่งซุปให้เธอนั้นได้ดึงเธอกลับมา

ทั้งสองล้มลงกับพื้น และรถบรรทุกก็พุ่งผ่านพวกเธอไป

เพื่อช่วยเธอ เซี่ยงชินเฟินล้มและกระดูกหัก ต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นเวลาหนึ่งเดือน

หลังจากเธอออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ไม่ยอมให้สืออวี๋ไปทำงานคนเดียวอีก จึงให้เหลียงหยวนโจวไปรับไปส่งทุกวัน

ก่อนที่เสินหลีจะปรากฏตัว เหลียงหยวนโจวก็รับ-ส่งเธอทุกวันจริง

ครั้งแรกที่เหลียงหยวนโจวผิดนัดไม่มารับเธอ เป็นวันที่ฝนตก เขาบอกว่าต้องประชุมที่บริษัทมาไม่ได้ ให้เธอเรียกรถกลับเอง

หลังจากนั้นเธอจึงค่อยรู้ว่า วันนั้นเสินหลีขาพลิกโดยไม่ตั้งใจ เขาไม่อยากให้เสินหลีนั่งรถเมล์ จึงโกหกเธอ

เมื่อมีครั้งแรก ก็จะมีครั้งต่อๆไป

รอยร้าวระหว่างพวกเขา ก็เหมือนก้อนหิมะที่กลิ้งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นร่องลึกที่ข้ามไม่ได้ เธออยู่ฝั่งนี้ เหลียงหยวนโจวอยู่ฝั่งนั้น

พวกเขา ต่างก็ไปคนละทางมาตั้งนานแล้ว

สืออวี๋ดึงความคิดกลับมา มองดูเซี่ยงชินเฟินที่กำลังจ้องมองตัวเองด้วยความคาดหวัง “คุณป้าคะ ถึงหนูจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง ก็ไม่มีประโยชน์ เราถูกกำหนดให้ต้องแยกทางกันอยู่แล้ว”

━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━━

[1]ปีกกล้าขาแข็ง หมายถึง พึ่งตัวเองได้ เป็นคำที่ผู้ใหญ่มักกล่าวต่อว่าผู้น้อยในทำนองประชดประชัน

[2]แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน หมายถึง การบังคับฝืนใจคนอื่นให้ทำอะไรที่เขาไม่อยากจะทำ ย่อมไม่เกิดผลดี
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
กรีน กัญญา
ชั่ว เลว ทราม มาก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 135

    ซือเยี่ยนเลิกคิ้ว “มีคนบอกประจำ”สืออวี๋: “...”น้ำเสียงนี้ฟังดูเหมือนแอบภูมิใจนิด ๆ ยังไงชอบกลแฮะ?เมื่อเห็นสืออวี๋พูดอะไรไม่ออก ดวงตาของซือเยี่ยนก็ฉายแววขบขันวูบหนึ่ง แต่เพียงพริบตาเดียวก็หายไป สืออวี๋จึงไม่ทันสังเกต“หมอซือคะ เมื่อกี้ตอนฉันคุยกับครอบครัวนั้น ฉันถึงได้รู้ว่าเพื่อให้ได้ลงทะเบียนนัดกับคุณ พวกเขาถึงขั้นต้องเดินทางมาจากต่างอำเภอ ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือพอสำหรับย้ายโรงพยาบาลแล้ว ส่วนจะให้เปลี่ยนเป็นหมอคนอื่นพวกเขาก็ไม่ไว้ใจ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาถึงได้ทำอะไรไม่ยั้งคิด ชักมีดขู่ให้คุณผ่าตัดแบบนั้นแหละค่ะ”“ในสายตาฉัน พวกเขาไม่ใช่คนเลว เพียงแต่ไม่เข้าใจผลลกระทบร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการกินอาหารก่อนผ่าตัดแบบดมยาสลบเท่านั้น ถ้าพวกเขาเข้าใจ ก็คงไม่ทำแบบนี้แน่นอน”“ถ้าพวกเขามาขอโทษคุณอย่างจริงใจ คุณจะยอมให้โอกาสคนไข้คนนั้นอีกสักครั้งได้ไหมคะ?”สิ้นเสียงของเธอ ซือเยี่ยนก็ตอบทันที “ไม่ได้ครับ”สืออวี๋ขมวดคิ้ว “หลักการของคุณมันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ? สำคัญถึงขั้นที่ต่อให้ถูกคุกคามถึงชีวิตก็ยังไม่ยอมประนีประนอมเนี่ยนะ?”แค่นึกถึงภาพที่เขาอยู่ร่วมห้องกับชายผู้ถือมีดเมื่อครู่ สืออ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 134

    “ค่ะ...”ผู้หญิงคนนั้นรีบรุดไปที่ห้องทำงานของซือเยี่ยนทันที สืออวี๋ก้าวเท้าตามไปติด ๆเมื่อไปถึงหน้าห้องทำงานของซือเยี่ยน และเห็นสามีตัวเองกำลังเงื้อมีดใส่ซือเยี่ยนด้วยสีหน้าเกรี้ยวกราด เธอก็ถึงกับขวัญหนีดีฝ่อใบหน้าซีดเผือด“คุณคะ! วางมีดลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”หลังได้ยินเสียงหญิงสาว ชายคนนั้นก็หันขวับกลับมา และเมื่อเห็นชัดถนัดตาว่าเป็นเธอจริง ๆ ใบหน้าก็พลันบึ้งตึง ตวาดลั่นว่า “ใครใช้ให้ออกมา รีบกลับไปเดี๋ยวนี้!”ผู้หญิงคนนั้นส่ายหน้า “คุณคะ วางมีดลงเถอะ พ่อเป็นคนให้ฉันมาเอง คุณเอามีดมาขู่หมอแบบนี้มันผิดกฎหมายนะคะ...”ตอนนี้ ใบหน้าของชายคนนั้นเต็มไปด้วยไฟโทสะ “ผมไม่สนว่าจะผิดกฎหมายหรือเปล่า รู้แค่ว่าไอ้หมอนี่ต้องรับปากผ่าตัดให้พ่อเท่านั้น!”“คุณอยากให้พ่อเห็นคุณติดคุกหรือไง เรื่องนี้แต่เดิมก็เป็นฝ่ายเราที่ผิดเอง จริงสิ คุณผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ฉันคนนี้เธอเป็นทนาย เธอรับปากแล้วว่าจะช่วยพูดกับหมอซือให้พวกเรา คุณเอาแต่ขู่หมอซือแบบนี้ มันไม่ได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาหรอกนะ”ชายคนนั้นตวัดสายตามองสืออวี๋ที่อยู่ข้างภรรยา แววตาพลันเย็นเยียบ “ทนายบ้าบออะไร! แม่นั่นกับหมอคนนี้มันก็พวกเดียวกันนั่นแห

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 133

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ สืออวี๋จึงถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “แค่เขาถือมีด ก็ถือว่าทำผิดกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการความสงบเรียบร้อยแล้วค่ะ ถ้าพฤติการณ์ร้ายแรง ก็อาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมายอาญาด้วยซ้ำ เรื่องนี้มีวิธีแก้ปัญหามากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสุดโต่งแบบนี้เลยค่ะ”เมื่อสืออวี๋พูดคำสุดท้ายจบลง ภายในห้องพักผู้ป่วยก็กลับเข้าสู่ความเงียบงันอีกครั้งรออยู่ครู่หนึ่ง เสียงของคนที่พูดเมื่อครู่ก็ดังออกมาอีกครั้ง “คุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่าเป็นทนายความตัวจริง? แล้วคุณจะพิสูจน์ได้ยังไงว่ามาช่วยพวกเราจริง ๆ ไม่ได้เป็นพวกเดียวกับหมอคนนั้น?!”สืออวี๋นิ่งเงียบไปเล็กน้อย ก่อนกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “เมื่อกี้ตอนที่เขาถือมีดบุกเข้าไปในห้องทำงานแพทย์ มีคนเห็นไม่น้อย ตอนนี้มีคนแจ้งตำรวจแล้ว ถ้าพวกคุณยังไม่ไปเกลี้ยกล่อมเขาตอนนี้ รอให้ตำรวจมาถึงก็สายเกินไป เขาเป็นคนในครอบครัวของพวกคุณ พวกคุณพิจารณาดูเองเถอะ”พูดจบประโยคนี้ สืออวี๋ก็ไม่กล่าวอะไรต่อ ถ้าอีกฝ่ายตั้งใจจะดึงดันไปจนถึงที่สุด เธอก็ไม่มีปัญญาช่วยอะไรแล้วแต่ในใจของสืออวี๋ กลับยังคงไม่อาจสงบลงตอนนี้ ซือเยี่ยนกำลังเผชิญหน้ากับผ

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 132

    สืออวี๋ใจหายวาบ “พวกคุณแจ้งตำรวจหรือยังคะ?!”“แจ้งแล้วค่ะ แต่ที่นี่อยู่ไกลจากสถานีตำรวจนิดหน่อย คาดว่ากว่าตำรวจจะมาถึงก็ต้องใช้เวลาอีกสิบกว่านาที”“งั้นสิบกว่านาทีนี้ เราจะปล่อยให้ซือเยี่ยนเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้นตามลำพังเหรอคะ?”“คือว่า... ตอนแรกผู้ชายคนนั้นยังไม่ได้ชักมีดออกมาค่ะ แต่พอหมอซือปฏิเสธไม่ยอมผ่าตัดให้พ่อเขาอีก เขาก็ชักมีดออกมา หมอซือเห็นมีดก็เลยรีบปิดประตูล็อกทันที”สืออวี๋ได้ยินดังนั้นก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนั้นอารมณ์แปรปรวน ยิ่งซือเยี่ยนอยู่กับเขานานเท่าไหร่ก็ยิ่งอันตรายเท่านั้นแต่ตอนนี้ ซือเยี่ยนล็อกประตูห้องทำงานจากด้านใน ต่อให้เธออยากช่วยก็ช่วยไม่ได้แล้วถ้าผลีผลามบุกเข้าไป ก็อาจเป็นการกระตุ้นอารมณ์ของผู้ชายคนนั้น ทำให้สถานการณ์ยิ่งอันตรายมากขึ้นอีกสืออวี๋สูดหายใจลึก ก่อนสอบถาม “แล้วญาติคนอื่น ๆ ของผู้ป่วยล่ะคะ? ผู้ชายคนนี้มีภรรยาหรือลูกบ้างไหม?”“มีค่ะ แต่ตอนนี้พวกเขาเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในห้องพักผู้ป่วย ไม่ยอมออกมา ก็คงเห็นด้วยกับการกระทำของผู้ชายคนนี้นั่นแหละค่ะ เมื่อกี้พวกเราไปที่หน้าห้องพักผู้ป่วย กะว่าจะให้ออกมาเกลี้ยกล่อมเขาสักหน่อย แต่

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 131

    ตกค่ำ สือหมิงฮุยกลับมาถึงบ้านเมื่อเข้าประตูมา ก็เห็นโจวฉินนั่งหน้าบึ้งอยู่บนโซฟาแล้วเขาหยุดชะงักเล็กน้อยขณะเปลี่ยนรองเท้า เดาได้ไม่ยากว่าที่ไปคุยกับสืออวี๋วันนี้คงไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ตามคาด ขณะเขานั่งลงบนโซฟา โจวฉินก็เริ่มโวยวาย “สืออวี๋ไม่ยอมถอนฟ้อง ฉันทะเลาะกับแม่นั่นไปรอบหนึ่ง เลยลืมให้บัตรธนาคารไปซะสนิท เดี๋ยวคุณเอาไปให้เองแล้วกัน!”สือหมิงฮุยเหลือบมองบัตรธนาคารบนโต๊ะแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงเข้ม “ช่วงนี้บริษัทงานยุ่งจะตาย ผมจะเอาเวลาที่ไหนไปล่ะ? พรุ่งนี้คุณไปอีกรอบแล้วกัน ถ้าเธอยังไม่ยอมค่อยว่ากันอีกที”โจวฉินแค่นหัวเราะ “ฉันไม่ไป ทำไมฉันต้องเป็นคนไปตามง้อแม่นั่นทุกทีด้วย? คุณมันก็ดีแต่ปาก อ้างไปเรื่อยว่าบริษัทงานยุ่งทุกวัน มีวันไหนไม่ยุ่งบ้างไหม? ฉันว่าปล่อยให้มันเจ๊งไปก็ดี คุณจะได้ไม่ต้องยุ่งแล้ว!”“หุบปากนะ!”สือหมิงฮุยหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ “วัน ๆ ถ้าไม่เอาแต่เดินชอปปิง ก็ดีแต่พูดจาปากเสีย เกิดบริษัทผมเจ๊งขึ้นมาจริง คุณก็เตรียมตัวไปนั่งขอทานข้างถนนได้เลย!”“เป็นขอทานก็ยังดีกว่าต้องมานั่งขายหน้าทุกวัน! ยังไงฉันก็ไม่ไปหายัยนั่นอีก คุณอยากไปก็ไปเองเถอะ อีกเดี๋ยวม่านม่า

  • คุณกับเลขาเกิดมาคู่กัน แล้วจะมาคุกเข่าในงานแต่งฉันทำไม?   บทที่ 130

    ริมฝีปากของเธอคลี่ยิ้ม “ขอบคุณนะคะ หมอซือ”เมื่อกลับมาถึงห้องพักผู้ป่วย คุณย่าสือเห็นว่ามีเพียงสืออวี๋อยู่คนเดียวจึงขมวดคิ้วถาม “แม่แกลกลับไปแล้วเหรอ?”“ค่ะ”เมื่อเห็นสีหน้าของสืออวี๋เรียบเฉยจนอ่านอารมณ์ใด ๆ ไม่ออก คุณย่าสือจึงเอ่ยปากถาม “เธอมาพูดอะไรกับแก?”“ไม่ได้พูดอะไรค่ะ แค่บอกให้หนูดูแลคุณย่าดี ๆ หวังว่าคุณย่าจะได้ออกจากโรงพยาบาลโดยเร็วค่ะ”สืออวี๋เพิ่งพูดจบ คุณย่าสือก็สวนกลับมาอย่างหัวเสีย “เธอพูดอะไรกับแกกันแน่?! นิสัยอย่างโจวฉินฉันรู้ดี เธอไม่ถ่อมาถึงห้องพักผู้ป่วยเพื่อพูดเรื่องไร้สาระไม่กี่ประโยคนี้หรอก”สืออวี๋อดถอนหายใจไม่ได้ รู้สึกจนปัญญาอยู่บ้าง “คุณย่า เรื่องนี้จริง ๆ ค่ะ และบอกว่าจะจัดงานเลี้ยงให้สือม่าน สั่งไม่ให้หนูไปก่อกวน”คุณย่าสือเบนความสนใจไปได้จริง ๆ เธอพูดอย่างโมโห “ใครอยากจะไปงานเลี้ยงของเธอกัน ถึงเวลาเดี๋ยวฉันจัดงานที่ดีกว่าให้แกเอง!”“ค่ะ ๆ ๆ งั้นหนูจะรอคุณย่าจัดงานเลี้ยงให้นะคะ ท่านหันตัวหน่อยค่ะ หนูจะเริ่มนวดให้แล้ว”“ตอนนี้ไม่ต่อต้านการกลับบ้านตระกูลสือแล้วเหรอ?”สืออวี๋ส่ายหน้า “ถึงหนูจะต่อต้าน ก็เปลี่ยนความคิดของท่านไม่ได้อยู่ดี สู้ทำตามที่ท่า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status