เข้าสู่ระบบ“…จะไปจากผมเหรอครับ” ใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบเฉยจนเกินจะคาดเดาส่งผลให้ใบหน้าสวยพยายามจะเบือนหลบ ทว่าฝ่ามือที่ประคองแก้มในตอนแรกกลับสอดเข้ามาประคองท้ายทอยจนใบหน้าของเธอเชิดขึ้นจนเราต้องสบตากันอย่างเดิม
“ใจดีกับผมบ้างก็ได้นะครับ บางทีฟ่างอาจจะไม่ได้ไปจากผมก็ได้นะ” “อะไรมันก็เกิดขึ้นได้ไม่ใช่เหรอคะ” “ผมยื่นข้อเสนอใหม่ให้ฟ่างดีไหมครับ” “ข้อเสนอ?” “ผมอยากใจดีกับฟ่างก่อน เผื่อว่าฟ่างจะยอมใจดีกับผมเหมือนกัน” มาเฟียหนุ่มยกยิ้มมุมปาก ดวงตาคมกริบกวาดมองไปทั่วใบหน้าจิ้มลิ้มงดงามของผู้หญิงที่อยู่ภายใต้พันธนาการของเขา คนอย่างอลันอยากได้อะไรก็ต้องได้ ครั้งนี้เขาเองก็ต้องได้ แต่จะไม่บีบบังคับเธอ แต่เขาจะทำให้เธอยอมทุกอย่างด้วยความเต็มใจ “ข้อเสนอของคุณคืออะไร” “ผมลดเวลาลงดีไหมครับ” “หมายความว่ายังไงคะ” ข้าวฟ่างกลอกกลิ้งตาไปตามใบหน้าหล่อเหลาอย่างไม่เชื่อสายตา เขาจะมาไม้ไหนกันแน่ ถึงปากของเขาบอกว่าจะใจดีกับเธอ แต่เธอก็ไม่กล้าวางใจอยู่ดี “จากสามเดือน ผมลดให้เหลือหนึ่งเดือนดีไหมครับ” “จริงเหรอคะ” ตากลมสวยเบิกโพลงด้วยความดีใจ เธออาจจะแสดงออกชัดเจนจนกระทั่งมุมปากของคนฟังยกยิ้ม “ดีใจเหรอครับ” “แล้วคุณจะลดเวลาให้จริงๆ หรือเปล่าคะ” “มันก็ขึ้นอยู่ที่ฟ่างว่าฟ่างจะใจดีกับผมแค่ไหน ถ้าฟ่างทำให้ผมพอใจ อะไรที่ฟ่างต้องการผมก็ให้ได้ทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆ” คนฟังใจชื้นขึ้นมาบ้าง อย่างน้อยๆ เขาก็ไม่ใช่คนที่น่ากลัวมากเกินไปจนเธอกังวลเหมือนในตอนแรก “ขอตัวไปอาบน้ำได้ไหมคะ วันนี้ฟ่างเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” “ให้ผมเข้าไปช่วยถูหลังไหมครับ” หัวใจคนฟังกระตุกวูบ สบตากับนัยน์ตาคมมีเสน่ห์ที่หยุดมองที่เธอเนิ่นนาน “ฟ่างเป็นเมียผมนะ ฟ่างไม่ต้องอาย เพราะตลอดระยะเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน เมียก็คือเมีย ผมมีสิทธิ์เห็นร่างกายเมียผมใช่ไหมครับ” “ที่คุณบอกว่าถ้าฟ่างใจดีกับคุณคุณจะลดเวลาให้ คุณหมายถึงให้ฟ่างใจดีกับคุณในเรื่องนี้ด้วย ใช่ไหมคะ” “เมียผมทั้งสวยทั้งฉลาดเลยนะครับ ผมไม่เสียใจเลยนะ ถ้าลูกของผมจะมีแม่เป็นคุณ” ดาราสาวข่มความกลัวเล็กๆ ที่ก่อตัวขึ้น พยายามจะพูดดีกับเขา เพราะเอาเข้าจริงเธอก็ไม่อยากให้เขาร้ายกับเธอ “เข้าไปรอผมในห้องน้ำนะครับ เดี๋ยวผมเข้าไปช่วยถูหลัง” “แต่ว่า…” “วันนี้ผมไม่เข้าไปในตัวฟ่างก็ได้ ไม่ทวงสิทธิ์ของผมก็ได้ ผมแค่อยากช่วยถูหลังอยากทำให้ฟ่างผ่อนคลาย” อลันผละฝ่ามือออกจากการประคองท้ายทอยเปลี่ยนเป็นโอบคนตัวเล็กไปที่ห้องน้ำ สัมผัสได้ถึงลมหายใจเข้าออกที่ไม่ค่อยจะปกติของเธอ อลันเก็บกระเป๋าของคนตัวเล็กให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะเปลื้องอาภรณ์ที่สวมใส่ กระชากเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวมาพันรอบเอวสอบพอหมิ่นเหม่ ตามด้วยการก้าวขาตามอีกคนเข้าไปในห้องน้ำ มุมปากผุดรอยยิ้มเล็กๆ เพื่อให้เธอผ่อนคลาย “ผมถอดเสื้อผ้าให้นะครับ” “วะ วันนี้ฟ่างเหนื่อยจริงๆ นะคะ” “ครับ ผมบอกแล้วไงครับว่าผมไม่ได้จะเอาแต่ใจตัวเอง แต่ผมแค่อยากช่วยทำให้ฟ่างผ่อนคลาย” ร่างสูงขยับเข้าประชิดร่างบางจนคนตัวเล็กสัมผัสกับกลิ่นกายหอม แว๊บหนึ่งที่เผลอทิ้งสายตาสำรวจไปตามร่างกายสะอาดสะอ้านสมส่วนของคนตัวสูง ในจังหวะที่เงยหน้าขึ้นมองและเขาโน้มตัวเข้ามาถอดเสื้อผ้าของเธอพอดี ส่งผลให้ปลายจมูกเชิดรั้นเฉียดเนื้อตัวของอีกฝ่าย พานกระตุ้นให้ก้อนเนื้อของอกทางด้านซ้ายเต้นแรง “วันนี้ทำงานเป็นยังไงบ้างครับ เหนียวตัวไหม” “นิดหน่อยค่ะ ที่กองอากาศร้อน” “แต่ตัวฟ่างยังหอมอยู่เลยนะครับ เนื้อตัวไม่เหนียวเลย” ตากลมตวัดมองต้นแขนเปลือยที่ถูกลูบไล้ด้วยฝ่ามือใหญ่ เริ่มกลับมาหายใจแรงอีกครั้งเมื่ออาภรณ์หลุดจากร่างไปที่ละชิ้น นิ้วยาวเหยียดสอดเข้าไปทางด้านหลังเพื่อปลดตะขอบรา กระทั่งหน้าอกใหญ่เกินขนาดกระเพื่อมตามจังหวะการเคลื่อนไหว ในใจเธออยากหยุดเขา ไม่ได้กล้าพอที่จะเปลือยต่อหน้าแบบนี้ แต่ถ้าเขาใจดีกับเธอจริงๆ ยอมขีดเขียนพันธะในครั้งนี้ให้เหลือเพียงหนึ่งเดือนมันก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเธอ “ฟ่างสวยจังเลยครับ สวยทั้งตัวเลย” “ละ ลันคะ” ริมฝีปากเอิบอิ่มหลุดชื่ออีกฝ่ายออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่นเมื่ออุ้งมือหนาประคองก้อนเนื้อกลมกลึงพร้อมกับบีบเคล้นเบาๆ “ผมแค่สัมผัสคุณเบาๆ เองนะครับ เจ็บไหม” สายตาเว้าวอนทำใจคนฟังอ่อนยวบ ทุกอย่างมันเริ่มย้อนแย้งจนเธอไปไม่เป็น “ไม่แกล้งแล้วก็ได้ครับ เดี๋ยวผมอาบน้ำให้นะ” อลันผละฝ่ามือออกก่อนจะทิ้งตัวลงต่ำ ใช้นิ้วเกี่ยวกางเกงชั้นในตัวจิ๋วซึ่งเป็นปราการชิ้นสุดท้ายให้หลุดร่วง พ้นจากการปกปิดของสงวน สายตาหลุดความพึงพอใจเวลาที่มองใจกลางความเป็นสาว ซึ่งเขาเป็นผู้ชายคนแรก และเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่ได้สัมผัสเธอ “อะ อาบน้ำ อยากอาบน้ำแล้วนะคะ” “กลัวผมเกินไปแล้วนะครับ ผมบอกแล้วไงว่าผมจะใจดีกับคุณ ไม่ทำร้าย และไม่ทำให้คุณกลัวแน่นอน” อลันหยัดตัวขึ้นจนเต็มความสูง โน้มตัวไปเปิดน้ำจากฝักบัวให้ไหลชโลมลงมาบนร่างกายของเราสองคน อลันสลัดผ้าขนหนูออกจากเอวสอบ เปลือยกายอวดความใหญ่โตมาตรฐานที่เผลอถูไถบั้นท้ายกลมกลึงในยามที่เขาขยับตัวเข้าไปชิดตัวเธอจากทางด้านหลัง โอบเอวคอดเอาไว้หลวมๆ ใช้มืออีกข้างลูบไล้ผิวขาวสะอาดสะอ้านของคนที่ยืนตัวแข็งทื่อ ยังกลัวแม้เขาจะบอกเธอว่าไม่ต้องกลัวก็ตาม “ตัวฟ่างหอมจังเลยนะครับ” ปลายจมูกโด่งคมฝังลงบนไหล่มนพร้อมริมฝีปากที่กดจูบลงหนักๆ จนคนโดนสัมผัสอดไม่ได้ที่จะปรายสายตามอง “ลันคะ” “ครับ” “ฟ่างขอคุยอะไรกับคุณหน่อยได้ไหม” “ครับ ฟ่างต้องการอะไรก็บอกผม อะไรที่ผมให้ได้ผมก็จะให้” “เรื่องงานน่ะค่ะ คือฟ่างไม่อยากให้คุณเข้าไปยุ่งกับเรื่องงานของฟ่าง ฟ่างทำงานไม่เต็มที่น่ะค่ะ กลัวว่าจะทำอะไรไม่ถูกใจคุณ” “ผมคืนงานให้ฟ่างแล้วนี่ครับ คุณอยากทำผมก็ให้ทำ ผมไม่ยุ่งอยู่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรที่มันมากกว่างาน” “มันไม่มีอะไรที่มากกว่างานอยู่แล้วนะคะ ฟ่างทำงานก็คือทำงาน มันมีแค่นั้นจริงๆ” “งั้นก็ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมบอกแล้วว่าผมไม่ก้าวก่าย ฟ่างวางใจได้เลย” คนฟังใจชื้นขึ้นมาบ้าง ยอมรับว่าเมื่อเห็นว่าแองจี้ออกจะเกรงใจเขาและกลัวเขา มันทำให้เธอเองก็มีความคิดแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าการที่เขาเข้ามามีบทบาทเกี่ยวกับเรื่องงานของเธอได้ ทำให้เธอหลุดจากงานทั้งที่เธอได้งานนั้นแล้วได้ นั่นก็แปลว่าเขาไม่ธรรมดาแน่ๆ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเสี่ยง ไม่ได้อยากเดือดร้อนไปมากกว่านี้แล้ว อลันเอี้ยวใบหน้ามองเสี้ยวใบหน้าของคนในอ้อมกอด รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร และกำลังกังวลเรื่องอะไร แต่คนอย่างเขาถ้าได้รับปากอะไรไว้แล้ว เขาทำตามที่พูดได้เสมอ แค่ไม่ล้ำเส้น แค่คนอื่นไม่ยุ่งกับคนของเขาเท่านั้นก็พอ ฝ่ามือหนาลูบฟองสบู่ไปตามเรือนร่างขาวผ่อง ผ่านส่วนเว้าส่วนโค้ง มันไม่มีส่วนไหนที่เขาไม่สัมผัส เธอเป็นของเขา เหมือนที่เขาก็เป็นของเธอ เราเป็นของกันและกัน! “ตะ ตรงนั้นฟ่างจะล้างเอง” “แต่ผมอยากช่วยล้างให้นี่ครับ” ฝ่ามือใหญ่สอดเข้าไปใต้หว่างขา ใช้น้ำยาล้างจุดซ่อนเร้นในมือค่อยๆ ถูไถ กดปลายนิ้วยาวเหยียดไปตามกลีบนุ่ม ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งเป็นเธอที่ไม่กล้ามองสบตาเขา อาจจะเป็นเพราะว่าเธอจำไม่ได้ว่าเราเคยลึกซึ้งกันมากแค่ไหน “ละ ลันคะ” “ผมชอบเวลาที่ฟ่างเรียกชื่อผมนะครับ มันดูน่ารักดี” “พะ พอแล้ว พอแล้วได้ไหม” “กลัวผมรุนแรงกับคุณเหรอครับ” “เราคุยกันแล้วนะคะ คุณรับปากฟ่างแล้วนะ” บอกออกมาพร้อมกับปรายตามองต่ำ มองกลางกายของเขาที่เริ่มขยาย แท่งเนื้ออวบอัดสีชมพูเข้มแข็งจนเหมือนจะปวด ถ้าเขาจะทำเธอขึ้นมาจริงๆ เธอจะต่อต้านเขายังไงไหว “ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับฟ่างอยู่แล้วครับ ผมไม่อยากให้เมียผมกลัวผมอยู่แล้ว” อลันยอมผงะมือออกจากจุดอ่อนไหว ลากฝ่ามือจากต้นขาลงไปหาปลายเท้า ยกขาสวยขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะวางเท้าของเธอที่ตักของเขา จากนั้นก็ใช้มือนวดฟองสบู่ ไม่เว้นแม้แต่ปลายเท้าเล็กๆ และฝ่าเท้าของเธอ@คลับ ไคเลอร์ก้าวขาเข้ามาในผับหรูด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ ร่างสูงตรงไปยังโซนวีไอพีโดยมีลูกน้องคนสนิทตามหลังมาติดๆ สมทบกับอลันและไบรอันที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว“ทำไมหน้าเป็นแบบนี้วะเฮีย ใครทำให้เฮียเลอร์อารมณ์เสียเนี่ย”“ไม่ได้เจอกันหลายชั่วโมง ถามเยอะขึ้นนะมึงอ่ะ”“ถามเยอะตรงไหนก่อน ถามสั้นๆ ตรงประเด็นเลย” “ช่างแม่ง พวกมึงมานานแล้ว?”“ครับ มีเด็กใหม่มาสมัครงานอ่ะ รอเฮียไปเช็กของ” ในเมื่อเฮียเลอร์เป็นคนเพียงคนเดียวที่ยังไม่มีเมียเป็นตัวเป็นตนเหมือนพวกเขา สิทธิ์นั้นเลยเป็นของเฮียเลอร์คนเดียว“หุ่นดีนะเฮีย สักหน่อยไหม” ไบรอันยักคิ้วขึ้น สบตากับพี่ใหญ่ยิ้มๆ“ไม่อ่ะ กูอยากแดกเหล้ามากกว่า”“ใครทำให้เฮียเลอร์ไม่มีอารมณ์วะ ไบรท์ว่ามันชักจะยังไงๆ แล้วนะ”“ไม่ต้องมายัดเยียดให้กูเช็กของเลยนะมึงอ่ะ กลัวว่าเมียมึงจะยังมีเยื้อใยให้กูจนต้องรีบเฉดหัวกูไปไกลๆ เลยหรือไง”“เฮียเอาอะไรมาพูด หม่อนรักไบรท์คนเดียว ก่อนหน้านี้ก็แค่ปั่นหัวไบรท์เฉยๆ หรอก”“ดีนะ รู้งี๊ควรยุให้ปั่นหนักๆ”“เฮียเลอร์ไม่เคยอ่อนโยนอ่ะ” อลันที่นั่งฟังอยู่หลุดขำ ความรักกันแปลกๆ อ่ะนะ จิกกัดกันตลอด แต่รักกันห่วงกันฉิบหายเลยเหม
ขุนเขาขับรถมาจอดที่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ก่อนจะตวัดสายตามองคนข้างๆ ที่ถอนลมหายใจพร่ำเพื่อจนอดไม่ได้ที่จะพูดจาประชดประชัน“เธอไม่บอกไอ้วินไปตรงๆ ล่ะว่าเคยคบกับพี่มัน”“พูดแบบนั้นแล้วได้อะไรเหรอขุน เรื่องมันนานมาแล้ว และฉันก็เป็นคนทิ้งเขาไม่ใช่เขาที่ทิ้งฉัน”“ใครทิ้งใครแล้วมันทำไม แค่พูดตรงๆ ว่าเคยคบให้มันจบๆ ไป”“นั่นเป็นตัวเลือกสุดท้ายเลยที่ฉันจะทำ ฉันไม่อยากให้วินมันรู้เรื่องนี้ แกก็รู้ว่ามันมีโอกาสที่จะมองหน้ากันไม่ติดอ่ะ”“แค่เคยคบกันทำไมต้องทำเหมือนเธอเคยไปด่าพ่อมันด้วย”“ขุน… แกฟังฉันนะ ขนาดเราเป็นแค่เพื่อนของวิน วินมันยังดีกับพวกเราและจริงใจกับพวกเราขนาดนั้น มันไม่ต้องเดาเลยนะว่าเขารักครอบครัวแค่ไหน แกดูไม่ออกเหรอว่าที่วินยอมเฮียมันทุกอย่าง เพราะวินมันรักคนในครอบครัวอ่ะ มันเลยไม่อยากขัดใจไง”“ถ้าจะเป็นคนดีขนาดนั้นไปบวชเลยไหม แม่ง!”“ใครจะไปเถื่อนเหมือนแกล่ะขุน”“เออ ปล่อยคนดีอย่างไอ้วินมันขึ้นสวรรค์ไปเดี๋ยวนี้เลย กูเนี่ยจะลงไปนอนเล่นในนรกเอง”“นี่!”“หยอก~” พอมันหันมามองตาขวางทีไรใครจะไปต้านมันได้ ก็มีเพื่อนเป็นผู้หญิงคนเดียวไหมวะ อะไรยอมมันได้ก็ต้องยอม ยอมไปเถอะ ยอมแม่ง
เสียงถอนลมหายใจครั้งแล้วครั้งเล่ากระตุ้นความอยากรู้ของขุนเขาให้กลับมาทำงานอีกครั้ง ปกติเวลาที่เลิกคลาส นั่งกินของอร่อยๆ ด้วยกันแบบนี้พลอยชมพูไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย“กระแทกลมหายใจได้สิ้นเปลืองเกินไปแล้วนะ เบียร์ร้านนี้ไม่อร่อย?” คำถามของขุนเขาส่งผลให้ทุกคนหันขวับ แน่นอนว่าเสียงพูดที่เกือบตะโกนแบบนั้น ถ้าเจ้าของร้านได้ยินเข้า งานก็จะเข้าเลยเหมือนกัน“แกจะบ้าเหรอ ไม่ใช่แบบนั้น”“แล้วกระแทกลมหายใจแบบนี้เพื่อ คิดถึงไอ้วินปะเนี่ย” พอมีใครบางคนสร้างประเด็นขึ้นมา แน่นอนว่าทุกคนหันมาสนใจทันที“อย่าบอกนะว่าพอไปอยู่บ้านหลังเดียวกันแล้วเกิดชอบกันขึ้นมาจริงๆ อ่ะ” ซีดีขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ตบท้ายด้วยสิงโตที่เอากับเขาด้วยคน“อย่าบอกนะว่านอนห้องเดียวกันด้วยอ่ะ”“เนี่ยๆ พอเป็นแบบนั้นวันนี้เลยหึงที่มันไปกินข้าวกับผู้หญิงคนอื่นใช่ไหมล่ะ” “พวกแกหยุดเดาเอาเองแบบนี้เลยนะ เหนื่อยเว้ย ขี้เกียจอธิบายอ่ะ” คนที่บ่นเหนื่อยเอียงใบหน้าซบบ่าของคนที่อยู่ใกล้สุดนั่นก็คือซีดี แล้วไอ้พวกนี้มันเล่นอะไรกันก็ไม่รู้ รู้แหละว่าซีดีมันแกล้งด้วยการโน้มใบหน้ามาจ้องใกล้ๆ ขุนเขาผู้ไม่กลัวใครก็สอย กบาลจนดังเพียะเข้าให้ “ไอ
“โอเคไหมเนี่ย” พลอยชมพูคว้ามือหนาก่อนจะกระชากตัวของคาลวินเข้ามาใกล้ขณะที่ถามด้วยความห่วงใย ตากลมกลอกกลิ้งมองทั่วใบหน้าคมคาย รู้เลยว่าคาลวินไม่ได้ชอบที่เทียนหอมต้องมาวนเวียนอยู่ใกล้ๆ “อื้อ… โอเค”“เฮียเธอตั้งใจใช่ไหมวิน”“ไม่รู้ดิ ไม่อยากเดาอะไรเอาเองอ่ะพลอย”“เฮียเธอทำแบบนั้นเพราะอยากให้เธอกับเราเลิกกัน” คาลวินหันมาสบตากับเจ้าของคำพูดพลางถอนลมหายใจออกมาเบาๆ“อย่าคิดมากสิพลอย มันไม่ได้เป็นเพราะเธอหรอก”“แต่เราว่าทุกอย่างเป็นเพราะเรานะ เขาแค่อยากให้เราเลิกยุ่งกับเธอ เฮียเธออยากให้เราออกไปจากชีวิตเธอ ถ้าเราถอยออกมาทุกอย่างก็จบ”“มันก็เลยทำให้เราสงสัยว่าเพราะอะไรเฮียเลอร์ต้องทำเหมือนไม่ชอบหน้าเธอขนาดนั้น เคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อนหรือเปล่าพลอย” คนถูกถามเม้มริมฝีปากก่อนจะรีบส่ายหน้า“ปกติเฮียไม่เคยวุ่นวายอะไรกับเราขนาดนี้ ไม่ยุ่ง ไม่สนใจด้วยซ้ำ”“เรากลับไปอยู่บ้านดีไหมวิน”“ไม่เอา เรารับปากเธอเอาไว้แล้วว่าเราจะช่วย เราก็ต้องช่วยเธอให้สุดสิ เรากับน้องเทียนไม่ได้เป็นอะไรกัน ต่อให้น้องเทียนจะพยายามแสดงออกแบบไหน เราก็เคยบอกน้องแล้วว่าเราไม่ได้คิดอะไร”“แล้วแบบนั้นเธอยังต้องเจอเด็กคนน
“พี่มึงแม่ง เป็นอะไรมากไหมวะ” ขุนเขายกมือขึ้นยีผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ถ้าเมื่อกี้ไคเลอร์ไม่ใช่พี่ชายของเพื่อน มีวางมวยกันไปแล้ว โตกว่าแล้วไงวะ อย่าได้คิดว่าคนอย่างไอ้ขุนจะกลัว“มันเกิดอะไรขึ้น บังเอิญเจอเฮียเลอร์เหรอ แล้วทำไมต้องมาคุยกันในห้องน้ำด้วย”“พูดเหมือนรู้ว่ามีโอกาสเจอเฮียเธอที่นี่เลยนะวิน” พลอยชมพูติดใจคำพูดของเพื่อน คาลวินถอนลมหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยออกมา“ขอโทษนะที่ทำให้เดือดร้อนอีกแล้ว ไม่แน่ใจว่าผับนี้ใช่ผับที่เฮียเลอร์เป็นหุ้นส่วนหรือเปล่า เฮียมีงานหลายอย่างอ่ะพลอย”“บ้าจริง ยิ่งหนีก็ยิ่งเจอ” คนตัวเล็กบ่นอุบ มือขาวผ่องยกขึ้นลูบใบหน้าของตัวเองเบาๆ “พลอย…” ขุนเขาจ้องหน้าเพื่อนสนิท กลับกลายเป็นเธอที่ส่ายหน้าไปมาเบาๆ ไม่อยากให้ขุนเขาพูดอะไรที่ทำให้คาลวินไม่สบายใจ“ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยวะ”“ทำอะไร” คาลวินถาม เขารู้ว่าสองคนนี้สนิทกันมาก ทุกคนไว้ใจกัน และไม่แน่ใจเลยว่าตอนนี้เพื่อนมีอะไรปิดบังเขาอยู่หรือเปล่า“ไม่มีอะไรหรอก ให้มันจบแค่นี้เถอะ เราแค่บังเอิญเจอเฮียเธออ่ะ ออกไปข้างนอกกันไหม คนอื่นมาเจอแบบนี้มันดูไม่ดี” พลอยชมพูรั้งแขนของคาลวินมาเกี่ยวเอาไว้ก่อนจะลากออกมาจ
“พี่ทำแบบนี้เพื่ออะไรคะ”“รังเกียจ!” ไคเลอร์ตอบกลับแทบจะทันที ยิ่งเห็นแววตาสิ้นหวังของเธอเขาก็ยิ่งสะใจและอย่าได้คิดว่าหน้าซื่อๆ ตาใสๆ มันจะมีอิทธิพลอะไรกับคนอย่างเขา อย่างมากก็ใช้ได้แค่คำว่า ‘แค่เคย’ ก็เท่านั้นแหละ“ถ้าเธอจะเข้ามาเพื่อหลอกน้องฉัน เพื่อให้มันช่วยเหลือเธออ่ะ บอกเลยว่าเธอทำได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น เพราะเมื่อไหร่ที่ไอ้วินมันตาสว่าง เธอก็คงไม่มีความหมายอะไรกับมันอีกต่อไป”“ถ้ามันจะมีวันนั้นจริงๆ ก็ปล่อยให้มันเกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องมีใครไปลิขิตได้ไหมคะ” เธอรู้ว่าเขาทำได้ทุกอย่าง “ที่ถามแบบนี้เพราะเธอรู้ว่าฉันทำให้ทุกอย่างมันจบเร็วขึ้นได้ใช่ไหมล่ะ หรือฉันควรบังคับให้มันหมั้นกับใครสักคน แล้วอ้างเหตุผลทางธุรกิจดี?”“อย่าทำแบบนั้นนะพี่เลอร์ วินไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนั้น”“เป็นห่วงมันหรือเป็นห่วงตัวเองกันแน่”“วินเป็นน้องของพี่นะ พี่ก็รู้ว่าการบังคับวินแบบนั้นมันจะทำให้วินเสียใจ”“คบกับเธอมันก็คงเสียใจไม่ต่างกัน” คนฟังถึงกับหน้าถอดสี มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่ต้องมานั่งอธิบายอะไรให้คนที่ไม่คิดจะรับฟังอะไร “วิธีนี้ดีที่สุดแล้วสินะ เธอรอดูหน้าว่าที่เมียของมันเลยก็แล้วกัน” “อ







