“นี่คือ อาหนิง ซ่งหนิงหนิง ทำความรู้จักกันไว้นะลูก อาหนิงเป็นลูกสาวของพ่อกับแม่เหมือนกันกับลูก ก่อนหน้านี้อาหนิงเกิดเรื่องนิดหน่อย น้องเลยอยู่กับเราไม่ได้ แต่ตอนนี้ไม่มีเรื่องแบบนั้นอีกต่อไปแล้ว เซียนเซียน...ดีกับน้องหน่อยนะลูก”
เซียนเซียน หรือชื่อเต็มที่พ่อกับแม่ตั้งให้ก็คือ ซ่งเซียนอวี่ เด็กสาวจากตระกูลซ่ง ลูกสาวคนเดียวของตระกูลซ่ง อันที่จริงจะพูดว่าเป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลซ่งก็ไม่ถูก เพราะตอนนี้แม่ซ่งพึ่งจะแนะนำเด็กสาวแปลกหน้าว่าเป็นน้องสาวของเธอไปหมาด ๆ
เซียนอวี่มองหน้าน้องสาวคนใหม่ด้วยสีหน้าสับสน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นงุนงง ในหัวของเธอทั้งสับสน ทั้งงุนงง เธอตกใจจนเกือบกรี้ดออกมา แต่ดีที่เธออึ้งจนพูดอะไรไม่ออกไปเสียก่อน
ภาพตรงหน้าของเธอ ทำไมมันช่างแสนคุ้นเคย เธอจำเหตุการณ์นี้ได้เป็นอย่างดี เหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนไป จากคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลซ่ง ผู้ที่ชีวิตโรยไปด้วยกลีบกุหลาบ
แต่หลังจากวันนี้ ไม่สิ...หลังจากเหตุการณ์นี้ต่างหาก ชีวิตของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป แน่นอนว่าเป็นในทางที่แย่ สถานะที่แท้จริงของเธอคือลูกสาวตัวปลอม หรือที่คนรอบข้างเรียกกันว่าคุณหนูซ่งตัวปลอม เพราะคนที่พึ่งถูกพาตัวกลับเข้ามาอย่างซ่งหนิงหนิงคือลูกสาวที่แท้จริงของบ้านซ่ง
แน่นอนว่าตามนิสัยแล้ว การที่พ่อกับแม่พาเด็กสาวแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน พร้อมกันแนะนำว่าคือน้องสาวคนใหม่ของเธอ เธอต้องกรีดร้องโวยวายพร้อมกับทำลายข้าวของอย่างไม่ยินยอม แต่ว่านะ...ครั้งนี้เธอจะไม่ทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นอีก
“...น้องสาว สินะคะ พ่อคะ แม่คะ หนูขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ” หลังจากที่ต้องทุกทรมานมาแล้วรอบหนึ่ง เธอไม่มีทางทำตัวโง่ให้ตัวเองลำบากอีกแน่นอน
พ่อแม่ซ่งได้แต่พยักหน้ายอมให้ลูกสาวตัวปลอมของพวกตนกลับขึ้นห้องไป อย่างไรเด็กคนนั้นก็ถูกพวกเขาเลี้ยงดูมาอย่างประคบประหงม ขนาดยังไม่บอกเรื่องที่ตนเองไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของพวกเขา เซียนอวี่ยังมีท่าทางขนาดนี้ ถ้าหากบอกไปว่าตนเองไม่ใช่สายเลือดของคนบ้านนี้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถึงอย่างไรพวกเขาก็เลี้ยงดูเซียนอวี่มาตั้งแต่ยังเด็ก แม้จะรู้อยู่แก่ใจ ว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกที่แท้จริงก็ตาม
พ่อแม่ซ่งถอนหายใจ ก่อนจะมองตามหลังเซียนอวี่ไปจนลับสายตา พวกเขาถึงหันมาสนใจลูกสาวที่แท้จริงที่นั่งก้มหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัวปนเสียใจอยู่
“อาหนิง ลูกไม่ต้องกลัว ที่นี่เป็นที่ของลูก เป็นบ้านที่แท้จริงของลูก พ่อกับแม่ก็เป็นพ่อแม่ที่แท้จริง ไม่มีใครทำร้ายลูก พวกเราจะชดเชยให้ลูก แม่ขอโทษที่ไม่หาตัวลูกให้เจอเร็วกว่านี้” ตอนนั้นเธอรู้ว่าลูกหายตัวไป นานหลายเดือนก็ไม่อาจทำใจได้
สุดท้ายสามีของเธอจึงได้ตัดสินใจพาเธอไปเลือกเด็กอ่อนพึ่งคลอดมาเลี้ยงแทนลูกสาวที่พลัดพรากไปก่อนตั้งใจว่า หากตามตัวลูกสาวกลับมาได้ ก็จะเลี้ยงให้เด็กคนนี้เป็นคนสนิทข้างกายของลูกสาว
แต่ใครจะไปคิด ว่านานถึงสิบหกปี พวกเขาถึงจะตามหาตัวลูกของตนเองพบ มีหลายครั้งที่พวกเขาถอดใจ แต่เพราะยังมีความหวัง หวังว่าลูกของตัวเองจะต้องยังมีชีวิตอยู่ ในที่สุดก็พบตัวของเด็กน้อยจนได้
“แต่พี่...พี่ดูเหมือนจะไม่ยอมรับหนู ถ้า ถ้ามันทำให้พี่ไม่พอใจ หนู...หนูยินดีกลับไป-” หนิงหนิงก้มหน้าพูดจาแผ่วเบา ทั้งชีวิตนี้เธอถูกเลี้ยงดูด้วยความรุนแรงและหวาดกลัว ตอนที่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกสาวของพ่อกับแม่ แต่เป็นลูกสาวเศรษฐีในเมืองหลวง หัวใจของเธอเกิดคลื่นความดีใจโหมกระหน่ำจนแทบจะอดใจรอไม่ไหว จนในที่สุดเธอก็ได้ถูกรับตัวกลับมา แต่กลายเป็นว่าพ่อกับแม่ของเธอมีลูกคนอื่นอยู่ก่อนแล้ว กับพี่ชายไม่เท่าไหร่ แต่กับพี่สาวที่เธอพึ่งรู้จัก ท่าทางของอีกคนทำให้เธอลำบากใจ
บางที...การปรากฏตัวของเธอคงทำให้พี่สาวคนนั้นไม่พอใจก็ได้ เธอไม่ได้หวังว่าคนในบ้านจะมอบความรักให้แก่เธอมากมายอะไร ขอแค่ไม่รังแกและจิกหัวใช้เธอเหมือนกับบ้านที่เคยอยู่มาก่อนหน้านี้ก็พอแล้ว
“โถ่ อาหนิง...ลูกอย่าคิดอย่างนั้น ที่นี่เป็นบ้านของลูก ซ่งเซียนอวี่ เด็กคนนั้นอายุเท่าลูก เกิดวันเดียวกันกับลูก เพราะเด็กคนนั้นทำให้แม่คิดถึงลูก แม่จึงรับเลี้ยงเด็กคนนั้น ตั้งใจว่าจะให้เป็นคนข้างกายและคอยติดตามลูกตอนที่พบตัวลูก แต่เวลาผ่านไปนานเสียเหลือเกิน เซียนอวี่เติบโตจากการเลี้ยงดูของแม่ แม่ก็รักและเอ็นดูเซียนอวี่มาก แต่ว่า...แม่จะรักลูกคนอื่นมากกว่าลูกของตนเองได้อย่างไรกัน ลูกน่ะ คือตัวจริง ชื่อเซียนอวี่ นั่นก็เป็นชื่อที่แม่ตั้งใจจะให้ลูก อย่าได้คิดมากเลยนะ”
แม่ซ่งกล่าวยืดยาว หวังปลอบใจลูกสาวให้เลิกคิดมากกับเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาเธอจะเลี้ยงดูและมอบความรักให้เซียนอวี่ก็จริง แต่เธอก็รู้สึกผิดกับลูกสาวที่แท้จริงของตนเองมากกว่า ดังนั้นไม่ว่าอย่างไร เธอก็ต้องเข้าข้างหนิงหนิงอยู่แล้ว
เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นถูกเซียนอวี่แอบมองจากบนชั้นสองของบ้าน ใบหน้าสวยเฉี่ยวเบะปากคว่ำ เธอแอบฟังสามพ่อแม่ลูกนั่งกอดนั่งปลอบกันหลังจากขอแยกตัวออกไป
เธอรู้อยู่แล้วแหละว่าอะไรเป็นอะไร คนที่นี่ถึงจะเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เกิด แต่น้ำหนักในใจเธอก็ไม่ได้มากไปกว่าลูกสาวที่คลอดออกมาจากท้องเองเหมือนซ่งหนิงหนิง
คนที่นี่ไม่ยอมที่จะบอกความจริงกับเธอ ว่าจริง ๆ แล้วเธอไม่ใช่ลูกสาวสายเลือดแท้จริงอย่างหนิงหนิง เลือกจะปล่อยให้คนอื่น ๆ มองเธอว่าโง่ กว่าจะรู้ตัว ก็ตอนที่มีจดหมายส่งมาที่บ้าน ทางการออกกฎหมายใหม่ บังคับให้ทุกครอบครัวส่งบุตรหลานทำงาน หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือการส่งตัวเยาวชนไปยังชนบทนั่นแหละ
มันไม่ใช่นโยบายเพื่อประชาชนแต่อย่างใด มันเหมือนเป็นการยึดตัวประกันของแต่ละครอบครัวเอาไว้เสียมากกว่า แน่นอนว่าส่งตัวคุณหนูคุณชายทั้งหลายที่สุขสบายมาทั้งชีวิตไปยังชนบท มีใครบ้างยินดีที่จะไป
พ่อแม่ซ่งไม่ยอมบอกความจริงเรื่องชาติกำเนิดที่แท้จริงกับเธอก็เพราะเรื่องนี้ พวกเขารู้ข่าวมาก่อนแล้ว ว่ารัฐจะให้แต่ละครอบครัวส่งตัวบุตรหลานไปอย่างน้อยหนึ่งคน ดังนั้นพวกเขาก็ไม่ลังเลเลย ที่จะส่งตัวเธอที่พร่ำบอกว่ารักเหมือนลูกไป
แทนที่จะส่งลูกสาวที่พึ่งพบตัวไปลำบากลำบนเป็นครั้งที่สอง แถมยังได้จัดการกับปัญหาหลายอย่างที่ต้องจัดการเกี่ยวกับตัวตนของเธอไปอีกทาง เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
ได้ทั้งตัวรับกระสุนแทนลูกสาวที่แท้จริง ได้ตัวแทนของครอบครัว ได้กำจัดตัวปัญหาที่จะตามมาก่อกวนครอบครัวอย่างเธอไปอีก เธอจำได้แม่นเลย ตอนที่ถูกส่งตัวไปยังชนบท ครอบครัวซ่งส่งจดหมายไปหาเธอหนึ่งครั้ง
เนื้อหาในจดหมายกล่าวถึงความเสียใจที่ต้องเลือกส่งเธอไปยังที่แบบนั้น ก่อนจะบอกเล่าความจริงทั้งหมด พร้อมทั้งทิ้งท้ายว่าหากรัฐมีนโยบายเรียกตัวกลับเมื่อไหร่ เธอสามารถกลับไปที่บ้านนั้นได้ทุกเมื่อ แต่คงไม่อาจรั้งตำแหน่งคุณหนูของตระกูลไว้ให้ได้เหมือนเมื่อก่อน เพราะไม่อยากทำให้ซ่งหนิงหนิงเสียใจ
ราวกับว่าการหายตัวไปของเธอเป็นเรื่องน่ายินดีของตระกูลซ่ง หากว่าเรื่องมันจบที่จดหมายฉบับนั้นก็คงดี ลูกสาวที่แท้จริงอย่างซ่งหนิงหนิงกลับรู้สึกผิดเต็มหัวใจ สร้างเรื่องที่ทำให้คนอื่น ๆ วุ่นวาย ทั้งพยายามส่งจดหมายและส่งของมีค่าในบ้านมาให้เธอ สุดท้ายก็กลายเป็นเธอที่ต้องรับผิด เมื่อของที่ซ่งหนิงหนิงส่งมานั้นเป็นของมีค่าของคนในบ้าน
“อยู่กันให้มีความสุขไปเถอะ ชาตินี้ฉันพอแล้วกับครอบครัวน่าขยะแขยงแบบนี้ ฮึ” เธอไม่เอาแล้ว แม้ว่าจะต้องถูกส่งตัวไปให้ลำบากที่ชนบท เธอก็ยินดี เพราะอย่างน้อย ปัญหาเรื่องตัวตนของเธอจะได้จบอย่างง่ายดาย
อย่าลืมว่าเอออายุเพียงสิบหกปี จะให้ไปจัดการอะไรก็ยากเสียยิ่งกว่าอะไร ยิ่งเธอเป็นผู้หญิงด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง แค่จะเรียนหนังสือยังยากเลย ดีที่บ้านนี้รวย เรื่องการศึกษาเลยไม่ใช่ปัญหา
ลูกทุกคนในบ้านหลังนี้ได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี ทั้งมารยาท ทั้งความรู้ ทุกอย่างครบถ้วน จะมีก็แต่หนิงหนิงที่ต้องเริ่มเรียนใหม่ตั้งแต่ต้น แน่นอนว่าต้องเรียกอาจารย์มาสอนถึงที่บ้าน เพราะพ่อแม่ซ่งแม้ปากจะบอกว่ารักลูกสาวในไส้มากแค่ไหน แต่สุดท้ายก็ยังรักหน้าตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใด
พวกเขาไม่ต้องการให้ซ่งหนิงหนิงที่ติดคราบความบ้านนอกออกไปสู่สาธารณชน เอาง่าย ๆ ก็คือเธอจะถูกกักตัวให้อยู่แต่ในบ้าน จนกว่ากิริยามารยาทจะเหมือนคุณหนูคนอื่น ๆ ในเมืองถึงจะยอมให้เธอออกไปพบผู้คนและเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงกับสังคม
แน่นอนว่าเรื่องการเปิดเผยตัวตนนั้นรวมไปถึงคู่หมั้นจากตระกูลใหญ่ที่ทำสัญญาเอาไว้ด้วยเช่นกัน เธอจำได้ว่าหลังจากเธอถูกส่งตัวไปยังชนบท คู่หมั้นที่เคยรักและเอ็นดูเธอยิ่งกว่าใคร ๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนที่เธอไม่อยู่
รู้เพียงแต่ว่า ตระกูลซ่งเปลี่ยนตัวเจ้าสาว จากซ่งเซียนอวี่ กลายเป็นซ่งหนิงหนิง ตอนแรกชายหนุ่มคู่หมั้นของเธอก็ดูไม่ยินยอม ทั้งยังส่งจดหมายมาบอกกล่าวว่ารังเกียจหนิงหนิงยิ่งกว่าอะไร ก่อนจดหมายถามไถ่ด้วยความเป็นห่วงจะเปลี่ยนเป็นจดหมายตำหนิ ตำหนิว่าเพราะส่งจดหมายไปควบคุมคู่หมั้นแสนจะอ่อนต่อโลกของตนเองจนยัยนั่นทำเรื่องอะไรโง่ ๆ
คำถามเดียวที่เกิดขึ้นในหัวของเธอก็คือ...ถ้าเธอควบคุมซ่งหนิงหนิงได้ขนาดนั้น ทำไมเธอไม่ควบคุมให้นังดอกบัวขาวหน้าโง่นั่นมาลำบากแทนตนเอง ทำไมไม่ควบคุมให้อาหนิงของทุกคนส่งเงินมาทีละหลายร้อยหลายพันหยวนกันล่ะ
สรุปว่าบ่ายวันนั้นหมิงหานพาเซียนอวี่ไปดูทุ่งหญ้าอีกที่หนึ่งที่อาจจะมีไข่ และมันก็มีจริง ๆ แต่จุดนี้ไปเก็บได้ยากนิดหน่อย เพราะพื้นค่อนข้างจะเฉอะแฉะ แต่เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาสำหรับเซียนอวี่ เธอคิดเอาไว้แล้วว่าจะต้องเจอพื้นที่ประมาณนี้เมื่อได้สิ่งที่ต้องการแล้ว เซียนอวี่ก็ไปหาเก็บผักป่ามากิน รอบนี้เธอแวะเข้าไปเก็บหน่อไม้ที่กำลังแตกหน่อสวย ที่ผ่านมาเธอไม่เข้าไปเก็บ เพราะไม่อยากแบ่งคนอื่นก็เท่านั้น ของดีใครก็อยากจะเก็บไว้กินคนเดียวทั้งนั้นแหละพอได้ของเต็มตะกร้า เซียนอวี่ก็ชวนหมิงหานกลับ ก่อนจะกลับหมิงหานเลยขอแวะไปดูสัตว์ที่วางกับดักเอาไว้ก่อน เธอเลยได้ติดสอยห้อยตามเขาไปด้วย กับดักแต่ละอย่างค่อนข้างน่ากลัว แต่เพราะแบบนั้น หมิงหานเลยหาสัตว์ได้หลายตัวในแต่ละวัน เธออดชื่นชมชายหนุ่มไม่ได้ ถึงจะปากหาเรื่องไปหน่อย แต่ก็เป็นคนที่เก่งมาก ๆ คนหนึ่งหมิงหานอาสาเดินไปส่งเซียนอวี่ให้ถึงกลุ่มป้า ๆ ที่เข้ามาหาของป่า เซียนอวี่งงนิดหน่อยที่เขาไม่เข้าไปส่งเธอในกลุ่ม แต่กลับแอบหนีออกไปเงียบ ๆ แล้วให้เธอเดินเข้าไปหากลุ่มชาวบ้านเอง“อ้าว เซียนอวี่ไปไหนมา คนเขาตามหากันทั้งวันเลย” ป้าหลิน หัวหน้ากลุ่มหาของป่าเอ
เซียนอวี่หนีคุนไห่ด้วยความรังเกียจ เธอก้าวขาสับรัวเพื่อให้ไปถึงโดยเร็ว พอเจอชาวบ้านก็รีบทักทายพร้อมทั้งขอตัวเข้าป่าก่อนคนอื่น ๆป้า ๆ น้า ๆ หลายคนไม่อยากให้เธอเข้าไปก่อน แต่เพราะเธออยากจะหนีจากจงคุนไห่ เธอเลยยืนกรานว่าสามารถเข้าไปได้ไม่ต้องห่วง ที่สำคัญคือเธอจะเดินไปไม่ไกล เส้นทางที่ไปก็จะไปเส้นทางปกติแบบที่เคยไปกับคนอื่น ๆ ป้า ๆ เลยวางใจให้เธอเดินเข้าป่าไปคนเดียวก่อนได้เซียนอวี่เดินสะพายตะกร้าเข้าป่า เธอเหลียวซ้ายแลขวาเพื่อหาสระน้ำ วันนี้เธอตั้งใจจะไปหาขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ในป่าข้างหมู่บ้าน ที่อีกไม่นานก็จะมีคนไปค้นพบ แต่เธอไม่ได้รู้สถานที่ชัด ๆ ว่ามันอยู่ตรงไหนกันแน่ วันนี้เลยตั้งใจจะเดินหาให้เจอให้ได้ เพราะถ้าหาเจอ เธอจะกินอิ่มนอนหลับไปอีกนานเลย“ทำไมเธอเข้าป่ามาคนเดียว คนอื่นไปไหนหมด” ในระหว่างที่เซียนอวี่กำลังเดินเอาไม้เขี่ย ๆ พื้นหาดินแฉะอยู่นั้น เสียงคุ้นหูก็ดังขึ้นมาจากทางด้านหลังของเธออีกเช่นเคย“หมิงหาน” หมิงหานมองหญิงสาวท่าทางเลิ่กลั่กตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เขาพยายามมองไปรอบ ๆ เพื่อหาชาวบ้านคนอื่น ๆ ที่มีหน้าที่เข้าป่าหาผักประจำว่าอยู่ไหน แต่มองอย่างไรก็หาไม่เจอ ตอนแรกเขา
ปัง ปัง ปังเสียงเคาะประตูดังขึ้นในกลางดึก เซียนอวี่ที่กำลังเคลิ้มจะหลับจำเป็นต้องเด้งตัวขึ้นอีกครั้ง เธอแอบหงุดหงิดนิดหน่อย ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะมีใครมาเคาะประตูห้องใครทั้งนั้น ทุกคนควรจะพักผ่อนเตรียมตัวไปทำงานพรุ่งนี้ต่อ ไม่ใช่มาวุ่นวายไม่ยอมนอนอยู่แบบนี้“มีเรื่องอะไร” น้ำเสียงของเธอติดหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ซ่งหนิงหนิงแอบกลัวนิดหน่อย โดยปกติแล้วเซียนอวี่จะไม่ทำน้ำเสียงหงุดหงิดหรือโมโหใส่คนอื่น ถ้าเธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ“...ขะ ของ เอาของของหนิงหนิงคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” ฟางเหม่ยที่เป็นตัวตั้งตัวตีเองก็อดชะงักไม่ได้ เธอก็ไม่ใช่คนไม่รู้ความ ก็เห็น ๆ อยู่ว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว แถมเซียนอวี่ก็อยู่ในชุดนอน หัวยุ่งนิดหน่อย หมายความว่าพวกเธอมากวนตอนอีกคนนอน แต่แล้วอย่างไรล่ะ ในเมื่อหล่อนยักยอกของของหนิงหนิงไปหน้าด้าน ๆ ทำไมเธอต้องเกรงใจด้วย“ของอะไรไม่ทราบ นี่มันดึกแล้วนะ ถ้ามีอะไรก็ค่อยคุยกันพรุ่งนี้ นี่ โอ้ย จะทำอะไร หยุดนะ นี่! ฉันบอกให้หยุดไง” ร่างกายของเธอถูกร่างกายที่เจ้าเนื้อกว่าของฟางเหม่ยเบียดเข้ามาในห้องจนตัวกระเด็นไปกระแทกกับประตู ทั้งยังโดนจับแขนเอาไว้ไม่ให้เข้าไปขัดขวา
“ขอบคุณค่ะ” เซียนอวี่ขอบคุณคนตัวโตที่ถือวิสาสะแย่งของไปถือแล้วเดินมาส่งตัวเองถึงบ้านพัก อันที่จริงเธอก็ขอบคุณมาก ๆ นั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าคนตัวโตนี่เอาแต่แซะนั่นแวะนี่เธอไม่หยุดตลอดทาง ว่าเธอขาสั้นบ้างล่ะ ตัวเตี้ยบ้างล่ะ“ไม่เป็นไร ของนี่ถ้ายกไม่ไหวก็ลากเข้าไปในห้องนะ” เขาไม่อยากเข้าไปในบ้านพักของสตรี อย่างไรบ้านหลังนี้ก็มีแต่ผู้หญิง ถ้าให้ผู้ชายตัวโตอย่างเขาเข้าไป คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่“อื้ม ว่าแต่...นายชื่ออะไรหรอ เจอกันหลายรอบแล้ว ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย อ้อ ฉันชื่อซ่งเซียนอวี่ เรียกว่าเซียนอวี่ก็ได้” เธอได้อีกคนช่วยไว้ตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขากลับไม่เคยถามชื่อหรือแนะนำตัวกับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว“หมิงหาน เหยาหมิงหาน เธอเรียกว่าหมิงหานก็ได้ ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวมีคนมา-” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบ ซ่งหนิงหนิงก็โผล่เข้ามาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงร้องตะโกนจนทุกคนต้องหันไปมองเธอ“พี่หมิงหาน! เอ้ะ พี่เซียนอวี่ พี่รู้จักพี่หมิงหานด้วยหรอคะ” ซ่งหนิงหนิงเดินสะพายตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักเข้ามาพร้อมกับคนอื่น ๆ ระหว่างกำลังจะกลับเข้าบ้านพัก เธอกลับเห็นคนคุ้นตาเข้าเสียก่อ
เช้าวันนี้เซียนอวี่เตรียมตัวลงไร่กับคนอื่น ๆ หลังจากที่เธอเลือกจะเข้าป่าหาของมาให้คนในบ้านพักกินมาหลายวัน ตอนนี้ก็เริ่มมีคนไม่พอใจ หาว่าเธออู้งานกินแรงเพื่อนคนอื่น ๆ เธอเลยเปลี่ยนใจไม่เข้าป่าเหมือนทุกวัน“พี่คะ งานในไร่หนักมาก พี่ไม่เคยหยิบจับอะไรมาก่อน แบบนี้จะทำได้หรอคะ กลับไปเข้าป่าหาผักดีกว่ามั้ยคะ” ซ่งหนิงหนิงพยายามเป็นอย่างมากที่จะเข้ามาคุยกับเซียนอวี่ แต่ก็มักจะถูกเซียนอวี่เมินเฉยราวกับอากาศไปเสียทุกทีวันนี้ซ่งหนิงหนิงเองก็ถูกซ่งเซียนอวี่เมินอีกเช่นเคย ท่าทางจองหองถือตัวนั้นทำให้หลาย ๆ คนไม่พอใจ บวกกับหลายวันที่ผ่านมาเซียนอวี่มักจะแยกตัวออกไปทำงานเข้าป่ากับเหล่าชาวบ้าน แถมห้องพักก็พักเป็นห้องเดี่ยวไม่มีเพื่อน ซ่งหนิงหนิงเลยสนิทกับคนอื่น ๆ มากกว่า“อะไรกัน เซียนอวี่ก็เป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยงแท้ ๆ ทำไมถึงได้ทำตัวสูงส่งนักล่ะ เธอควรจะขอบใจและซึ้งใจหนิงหนิงเข้าไว้สิ ตัวเองไปแย่งวาสนาคนอื่นมาแท้ ๆ ตอนนี้ยังจะมาจองหองใส่คนเขาอีก”ปกติแล้วเซียนอวี่จะนิ่งเฉยกับคนอื่น ๆ ในบ้านพัก แต่ครั้งนี้เธอเลือกจะไม่ปล่อยผ่านไปเหมือนเช่นเคย ขาเรียวยาวที่กำลังเตรียมตัวจะก้าวลงไปในไร่และเริ่มงานหยุ
ลูกธนูแหลมคมแล่นผ่านหน้าเซียนอวี่ไปยังด้านหลัง ก่อนจะปักเข้าที่เจ้าหมูป่าตัวอ้วนที่กำลังวิ่งไล่เด็กสาวอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงร้องด้านหลังจะดังขึ้นดังกว่าปกติ หลังจากนั้นก็เงียบไปแต่ขาของเซียนอวี่ก็ยังคงวิ่งอยู่ เธอวิ่งเข้าไปหาคนที่ยิงธนูเฉียดหน้าเธอไปอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะเข้าไปหลบด้านหลังของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับตัวเองทันทีหมูป่าถูกลูกธนูเมื่อสักครู่ปัดลงกลางหัว ทำให้ตอนนี้มันล้มตัวนอนอยู่กับพื้น ไม่รู้ว่าสิ้นใจตายแล้วหรือยัง แต่เรื่องนั้นเซียนอวี่ไม่ได้สนใจ ขอแค่มันไม่วิ่งไล่เธอเหมือนเมื่อครู่ก็พอ เธอกลัวจนฉี่แทบจะราดต่อหน้าทุกคนเสียแล้ว โชคดีที่กลั้นเอาไว้ทัน เธอบอกแล้วว่าสวรรค์เล่นตลกกับเธอ ขนาดมีคนตั้งเยอะตั้งแยะ ไอ้หมูบ้านั่นยังเลือกจะวิ่งไล่เธอเลย“มันตายแล้ว” เสียงเข้มดังขึ้นบนหัว เซียนอวี่ได้แต่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองช้า ๆ ก่อนจะเห็นว่าคนที่เข้ามาช่วยเธอเอาไว้เป็นใคร เธอเม้มปากกลั้นน้ำตามที่จวนจะไหลออกมาเต็มแก่เอาไว้ ก่อนจะพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนช้า ๆยังไม่ทันที่เธอจะยืนขึ้นเองได้เสร็จ คนตรงหน้าก็จับต้นแขนของเธอแล้วดึงขึ้นเสียก่อน ร่างกายของเธอไม่สามาร