คนในบ้านต่างเข้าใจว่าพ่อแม่ซ่งรักเซียนอวี่ไม่ต่างจากลูกในไส้ของตัวเอง เรื่องนั้นเซียนอวี่อยากให้มันเป็นแบบนั้นต่อไป เธอต้องการใช้เวลาอันน้อยนิดก่อนจะมีจดหมายส่งมาถึงบ้านกอบโกยของจากบ้านนี้ให้ได้มากที่สุด แม้ว่าจะเกลียดจะแค้นคนตระกูลนี้มากแค่ไหน แต่เธอก็ต้องทน
อย่างตอนนี้ที่เธอต้องลงมานั่งหันหน้าเข้ากับทุกคนในครอบครัว อาหารเช้าแสนอร่อยวางลงบนหน้าสมาชิกในบ้านทีละคน กลิ่นหอมของอาหารโชยเข้าจมูกกระตุ้นความหิวของเธอได้เป็นอย่างดี
นานมากแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้กินอะไรดี ๆ แบบนี้ ชีวิตที่แสนจะสุขสบายของเธอหายไปราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ใช่...เพราะเธอมันตัวปลอม
เพราะอย่างนั้นตัวปลอมอย่างเธอขอเสพสุขให้เต็มที่ก่อนก็แล้วกัน เซียนอวี่ไม่สนใจใครอีก เมื่อพ่อซ่งเริ่มตักอาหารเข้าปาก เธอจึงเริ่มจัดการอาหารของตัวเองทันที ไม่สนใจสายตาแปลกใจของคนในบ้าน ว่าทำไมวันนี้คุณหนูเซียนอวี่ที่สุดแสนจะกินยากถึงได้กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยขนาดนี้
แต่ก็ได้แค่สงสัย ไม่มีใครกล้าถามออกไปอยู่ดี หนิงหนิงที่อยากจะพูดกับพี่สาวสักคำก็จำต้องเก็บปากไป เพราะอีกคนกินอาหารเช้าแบบไม่สนใจคนบนโต๊ะอาหารเลยสักนิด ก้มหน้าก้มตากินจนเธอไม่กล้าขัด
“พี่คะ คือ คือว่า ฉันอยากจะชวนพี่ออกไปเที่ยวด้วยกัน...ถ้า ถ้าพี่ไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นไรนะคะ พอดีคุณแม่อยากพาฉันไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ ฉันเห็นว่าพี่น่าจะเลือกของพวกนี้ได้ดีเลยแค่ เอ่อ อยากชวนไปเดินด้วยกันน่ะค่ะ” หนิงหนิงเปิดปากพูดออกมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ท่ามกลางความเอ็นดูปนคาดหวังของพ่อแม่ซ่งและพี่ชายซ่งที่กำลังมองมา
เซียนอวี่นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะผงกหัวเป็นอันตกลงว่าตัวเองยินดีที่จะไปตามคำชวนของน้องสาวคนใหม่ สร้างความประหลาดใจให้กับทั้งสามคนที่กังวลว่าเด็กสาวจะพูดจาร้าย ๆ ใส่ลูกสาวและน้องสาวของตน
แน่นอนว่าทุกคนต้องแปลกใจน่ะถูกแล้ว เพราะชีวิตก่อนเธอก็ทำอย่างที่คนพวกนี้คิดจริง ๆ เธอด่ากราดซ่งหนิงหนิงว่าเป็นภาระแถมยังบ้านนอกจนสาวน้อยของบ้านน้ำตาเล็ด ทั้งยังมีท่าทางหวาดกลัวเธอจนไม่กล้ามองหน้าอีก
“ไปสิ แม่คะ หนูอยากได้บางอย่างพอดีเลย เดี๋ยวขอขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ เสร็จแล้วจะรีบลงมาค่ะ” พูดจบเธอก็ปัดตูดหนีกลับขึ้นห้องทันที เรื่องอะไรจะอยู่ตรงนั้นให้ตัวเองอึดอัด ต้องทนเรียกคนอย่างนั้นว่าแม่ ทั้งที่เจ้าตัวไม่ได้มองว่าเธอเป็นลูกเลยสักนิด ที่ยังอดทนอยู่นั่นก็คงเพราะเธอยังมีประโยชน์ต่อครอบครัวเสียมากกว่า
เพราะอย่างนั้นก่อนที่เรื่องจะเปิดเผยออกมา ว่าเธอคือลูกที่เก็บมาเลี้ยง เธอจะขอสูบเลือดสูบเนื้อคนพวกนี้ให้หนำใจก่อนก็แล้วกัน ตอนถูกเฉดหัวไปบ้านนอกจะได้ไม่ลำบากมาก
ไม่นานสามสาวบ้านซ่งก็มายืนหน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ของเมือง อันที่จริงจะเรียกว่าห้างสรรพสินค้าก็ไม่ถูกนัก ตอนนี้ประเทศยังไม่ได้เปิดกว้างเหมือนในอนาคต หลายสิ่งหลายอย่างยังไม่ได้รับการอนุญาตจากทางภาครัฐ
ดังนั้นของที่ขายก็มีไม่ได้มากมายอะไร แต่สำหรับเมืองหลวงที่ได้รับการกล่าวขานว่าเมืองสวรรค์ที่รวบรวมคนใหญ่คนโตและคนรวยเอาไว้แล้วนั้น ตลาดที่พวกเขาเดินย่อมไม่ธรรมดาเหมือนชาวบ้านทั่ว ๆ ไป
ซ่งหนิงหนิงมองรอบตัวอย่างตื่นเต้น เธอไม่เคยรับรู้เลยว่าในโลกใบนี้จะมีอะไรที่เจริญหูเจริญตาและโก้ขนาดนี้มาก่อน สาว ๆ แต่งตัวเหมือนในหนังสือพิมพ์ที่เธอเคยเห็นในร้านหนังสือ ผู้ชายก็แต่งตัวกันสุภาพมาก ๆ
“เอาล่ะ เราไปที่ร้านขายเสื้อผ้าก่อนก็แล้วกันนะ” แม่ซ่งกล่าวนำก่อนจะเดินนำลูก ๆ ทั้งสองคนไปยังร้านค้าประจำของตน เซียนอวี่เดินตามไปอย่างสบาย ๆ ต่างจากหนิงหนิงที่เดินก้มหน้าอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
เซียนอวี่ยิ้มเยาะให้กับคนหน้าบาง แม่ซ่งคนนี้ แม้จะรักลูกสาวของตนเอง แต่สิ่งที่เธอรักมากยิ่งกว่าก็คือใบหน้าและชื่อเสียง สภาพของซ่งหนิงหนิงตอนนี้ หากแนะนำให้ใครรู้จักว่าเป็นลูกสาวของตนเองคงจะอับอายขายขี้หน้าไม่น้อย เพราะแบบนั้นการชวนเธอออกมาด้วยจึงเป็นเหมือนไม้กันหมา หรือตัวกันคำครหาของชาวบ้านชาวช่องเขานั่นแหละ
ภายในร้านชายผ้าที่ครอบครัวซ่งมาซื้อประจำนั้นมีคนคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่หลายคน แน่นอนว่าหนึ่งในต้องมีคนรู้จักแม่ซ่งอย่างน้อยหนึ่งคนอยู่ด้วย เซียนอวี่จึงถูกไหว้วานจากแม่บังเกิดเกล้า...ของคนอื่น ให้ช่วยดูแลลูกสาวที่แสนดีคนนี้แทนตนเองที ส่วนตนเองจะไปสุมหัวกับพวกคุณนายทั้งหลายรออยู่ห้องรับรอง
“เอาล่ะ เธอชอบสีอะไร” ไหน ๆ ก็กะจะปอกลอกครอบครัวนี้แล้ว เธอจะยอมทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วงก็แล้วกัน
ซ่งหนิงหนิงสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคนข้างกายเอ่ยปากพูดด้วยเป็นครั้งแรก เธอกลัวว่าพี่สาวจะไม่ชอบตนเอง กลัวว่าจะรังเกียจที่เธอมาจากบ้านนอก แถมพี่สาวยังสวยมาก ๆ ผิวก็ขาวราวกับน้ำนม ต่างจากเธอที่ทำงานมาอย่างหนักตั้งแต่ไหนแต่ไร
“สะ สี สีหรอคะ อันที่จริง ฉันไม่เคยคิดเรื่องนั้นเลยค่ะ เสื้อผ้า...แค่ใส่แล้วอุ่นก็พอแล้วไม่ใช่หรอคะ” ซ่งหนิงหนิงตอบคำถามออกไปหน้าซื่อ ก่อนจะเกาแก้มเชิน ๆ ใส่เซียนอวี่
แต่คนฟังอย่างเซียนอวี่น่ะหรือ...ในหัวของเธอตอนนี้กำลังคิดคำด่านังดอกบัวขาวนี่เป็นหมื่นเป็นล้านคำ แค่ตอบมาว่าชอบสีอะไรก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง จะมาพูดว่าใส่แล้วอุ่นเพื่ออะไร ถ้าอย่างนั้นก็ใส่ผ้าขี้ริ้วที่หอบมาจากบ้านนอกด้วยนั่นต่อไปก็คงไม่เป็นไรสินะ
แต่อยากด่ามากแค่ไหนก็ต้องอดทน เพราะวันนี้เธอมีเป้าหมายว่าจะมาซื้อของแพง ๆ สักชิ้น เอาไว้ตกอับเมื่อไหร่จะได้เอาไปขายเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเสียให้หมด
“อื้ม...แค่เลือกมาสักสีก็พอ อย่าพูดพล่ามอะไรเยอะแยะ คนรอบ ๆ มองพวกเราอยู่ ถ้าเธอไม่อยากให้คุณพ่อคุณแม่ต้องอับอายเพราะความใสซื่อของเธอ เลือกมาสักสี ถ้าเลือกไม่ได้ก็หลับตาจิ้มมาสักอัน”
เซียนอวี่พยายามข่มอารมณ์และน้ำเสียงของตัวเองเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน เธอไม่ได้ทำตัวสนิทสนมกับหนิงหนิง แต่ก็ไม่ได้ห่างเหินมาก คิดว่าตอนนี้คนรอบข้างคงสงสัยแล้วว่าเด็กสาวท่าทางมอมแมมข้าง ๆ เธอนี่เป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงมาเดินข้างคนถือตัวแบบเธอได้
ซ่งหนิงหนิงถูกพูดใส่แบบนั้นก็สะอึกไปเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าขอโทษที่ตัวเองทำตัวบ้านนอกออกไป ทั้งที่มีคนรอบข้างกำลังมองอยู่แท้ ๆ แต่เธอกลับพูดเรื่องไร้สาระออกไป ก่อนนิ้วเรียวที่ติดด้านของสาวน้อยจะจิ้มเลือกสีชมพูหวาน
เซียนอวี่พยักหน้าเพียงเล็กน้อย ก่อนเธอจะบอกให้หนิงหนิงไปนั่งรอ ส่วนตัวเองจะจัดการเรื่องเสื้อผ้ามาให้เลือกเอง แม้ว่าการกระทำแบบนี้จะทำให้เธอหงุดหงิดนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร เธอจะอดทน อดทนเพื่อให้คุณนายซ่งยอมใจอ่อนจ่ายเงินหลักพันหยวนซื้อของให้เธอ
สำหรับหนิงหนิงแล้ว เธอยิ่งกลัวเซียนอวี่มากขึ้นไปอีก เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่เป็นที่ยอมรับของพี่สาว แน่นอนสิ...เธอเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ อยู่ดี ๆ ก็เข้าบ้านมาแย่งทุกอย่างที่เป็นของตัวเองไป แต่ว่า...เธอเป็นลูกของคุณพ่อคุณแม่จริง ๆ นี่นา แต่พี่เซียนอวี่ไม่ใช่
ซ่งหนิงหนิงพยายามคิดหาคำปลอบใจตนเองให้ไม่กลัว เธออยากจะทำให้พ่อกับแม่ภูมิใจ อยากทำให้ทุกคนรักและเอ็นดูเธอ เพื่อเป็นการชอบคุณที่พยายามตามหาตัวเธอ จนในที่สุดก็เจอตัวเธอ และพาเธอออกมาจากนรกแห่งนั้น
ไม่นานชุดมากมายสีชมพูก็มาแขวนเต็มราวตรงหน้าเธอ เซียนอวี่เลือกชุดที่คิดว่าเข้ากับหนิงหนิงมาให้อย่างตั้งใจ ต้องรู้ก่อนว่าเธอไม่ได้อยากจะกลั่นแกล้งอีกคน เพราะแบบนั้นชุดที่เลือกจึงค่อนข้างดูดี
คุณนายซ่งที่แอบมองมาจากที่ไกล ๆ อดจะพอใจในตัวลูกเลี้ยงไม่ได้ อย่างน้อยเด็กคนนี้ก็มีประโยชน์ต่อหนิงหนิงของเธอไม่น้อย แถมเธอก็ยังเอ็นดูเซียนอวี่จริง ๆ แม้ว่าจะเอนเอียงไปที่ลูกสาวแท้ ๆ ของตนเองมากกว่าก็ตาม
“ชุดสวยมากเลยค่ะ สวยจนเลือกไม่ถูกเลยว่าจะเอาชุดไหน” ซ่งหนิงหนิงยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เธอชอบมาก พี่สาวเลือกแต่ชุดสวย ๆ มาให้เธอ ไม่ได้จะกลั่นแกล้งเธออย่างที่คิดเอาไว้เลย เป็นเธอที่คิดมากและกังวลจนเกินเหตุจริง ๆ ด้วย
เซียนอวี่เห็นหน้าของอีกคนก็รู้ทันทีว่าคิดอะไรอยู่ แต่เธอไม่คิดจะเปิดโปง ทำเพียงนั่งรอนิ่ง ๆ ให้อีกคนเลือกเสื้อผ้า ก่อนจะต้องถอนหายใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่ออีกคนเอาแต่ทำท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ ไม่กล้าหยิบจับชุดพวกนั้น
“เลือกได้หรือยัง” บางครั้งเธอก็อยากจะโวยวายแล้วพังราวผ้าตรงหน้านั่นเสีย แค่เลือกชุดที่ชอบมันยุ่งยากตรงไหน ชุดในราวตรงหน้านั้นเธอก็เลือกมาแล้วว่าเข้ากับอีกคน แม้ว่าตอนนี้ผิวพรรณของเจ้าตัวจะยังไม่เข้ากับชุดก็ตาม แต่หากบำรุงดี ๆ อีกไม่นานเกินปีก็คงจะกลมกลืนกับสาว ๆ ในเมืองได้ไม่ยาก
“ชุด ชุดพวกนี้มันสวยมากเลยค่ะ ฉันเลือกไม่ถูกเลย แฮะๆ ไม่รู้ว่าควรเอาชุดไหนดี พี่เลือกมาสวยทุกชุดเลย”
“เลือกไม่ได้ก็เอาทั้งหมด คุณแม่ไม่ว่าอะไรอยู่แล้ว แถมเธอก็ไม่มีเสื้อผ้าเลย เอาทั้งหมดในราวไปคิดเงินด้วยค่ะ” เซียนอวี่พูดกับหนิงหนิง ก่อนจะหันไปพูดกับพนักงานที่อยู่ไม่ไกล
เซียนอวี่ไม่ได้รู้เลย ว่าคำพูดง่าย ๆ ของตัวเองที่พูดกับพนักงานจะทำให้ใครหลาย ๆ คนแปลกใจ ตามหลักแล้ว เหล่าคุณหนูคุณนายจะไม่พูดจามีหางเสียงกับพนักงานเสียเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นการพูดที่เหมือนออกคำสั่งเสียส่วนใหญ่ แน่นอนว่าคนทั้งร้านเป็นแบบนั้น เมื่อก่อนเซียนอวี่เองก็เป็นแบบนั้น แต่เพราะได้ไปตกระกำลำบากมานานหลายปี ทำให้เธอเผลอลืมตัวพูดออกไปอย่างไม่ทันคิด
นอกจากจะไม่ทันคิดแล้ว เธอยังไม่รู้สึกตัวอีกด้วยว่าทำอะไรลงไป และคนรอบข้างแปลกใจมากแค่ไหน เธอทำเพียงเดินไปเรียกแม่ซ่งให้มาจ่ายเงิน จะได้ออกไปจากร้านขายผ้าแล้วไปร้านอื่นต่อเสียที แค่เลือกเสื้อผ้าก็เสียเวลามากแล้ว ถ้าใช้เวลากับหนิงหนิงไปเยอะ เวลาที่เธอจะได้ซื้อบ้างก็น้อยกันพอดีน่ะสิ
“ขอบคุณค่ะ” เซียนอวี่ขอบคุณคนตัวโตที่ถือวิสาสะแย่งของไปถือแล้วเดินมาส่งตัวเองถึงบ้านพัก อันที่จริงเธอก็ขอบคุณมาก ๆ นั่นแหละ ถ้าไม่ติดว่าเจ้าคนตัวโตนี่เอาแต่แซะนั่นแวะนี่เธอไม่หยุดตลอดทาง ว่าเธอขาสั้นบ้างล่ะ ตัวเตี้ยบ้างล่ะ“ไม่เป็นไร ของนี่ถ้ายกไม่ไหวก็ลากเข้าไปในห้องนะ” เขาไม่อยากเข้าไปในบ้านพักของสตรี อย่างไรบ้านหลังนี้ก็มีแต่ผู้หญิง ถ้าให้ผู้ชายตัวโตอย่างเขาเข้าไป คงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่“อื้ม ว่าแต่...นายชื่ออะไรหรอ เจอกันหลายรอบแล้ว ฉันยังไม่รู้ชื่อของนายเลย อ้อ ฉันชื่อซ่งเซียนอวี่ เรียกว่าเซียนอวี่ก็ได้” เธอได้อีกคนช่วยไว้ตั้งไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เขากลับไม่เคยถามชื่อหรือแนะนำตัวกับเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว“หมิงหาน เหยาหมิงหาน เธอเรียกว่าหมิงหานก็ได้ ฉันไปก่อนนะ เดี๋ยวมีคนมา-” ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะพูดจบ ซ่งหนิงหนิงก็โผล่เข้ามาจากด้านหลังพร้อมกับเสียงร้องตะโกนจนทุกคนต้องหันไปมองเธอ“พี่หมิงหาน! เอ้ะ พี่เซียนอวี่ พี่รู้จักพี่หมิงหานด้วยหรอคะ” ซ่งหนิงหนิงเดินสะพายตะกร้าที่เต็มไปด้วยผักเข้ามาพร้อมกับคนอื่น ๆ ระหว่างกำลังจะกลับเข้าบ้านพัก เธอกลับเห็นคนคุ้นตาเข้าเสียก่อ
เช้าวันนี้เซียนอวี่เตรียมตัวลงไร่กับคนอื่น ๆ หลังจากที่เธอเลือกจะเข้าป่าหาของมาให้คนในบ้านพักกินมาหลายวัน ตอนนี้ก็เริ่มมีคนไม่พอใจ หาว่าเธออู้งานกินแรงเพื่อนคนอื่น ๆ เธอเลยเปลี่ยนใจไม่เข้าป่าเหมือนทุกวัน“พี่คะ งานในไร่หนักมาก พี่ไม่เคยหยิบจับอะไรมาก่อน แบบนี้จะทำได้หรอคะ กลับไปเข้าป่าหาผักดีกว่ามั้ยคะ” ซ่งหนิงหนิงพยายามเป็นอย่างมากที่จะเข้ามาคุยกับเซียนอวี่ แต่ก็มักจะถูกเซียนอวี่เมินเฉยราวกับอากาศไปเสียทุกทีวันนี้ซ่งหนิงหนิงเองก็ถูกซ่งเซียนอวี่เมินอีกเช่นเคย ท่าทางจองหองถือตัวนั้นทำให้หลาย ๆ คนไม่พอใจ บวกกับหลายวันที่ผ่านมาเซียนอวี่มักจะแยกตัวออกไปทำงานเข้าป่ากับเหล่าชาวบ้าน แถมห้องพักก็พักเป็นห้องเดี่ยวไม่มีเพื่อน ซ่งหนิงหนิงเลยสนิทกับคนอื่น ๆ มากกว่า“อะไรกัน เซียนอวี่ก็เป็นแค่เด็กที่เก็บมาเลี้ยงแท้ ๆ ทำไมถึงได้ทำตัวสูงส่งนักล่ะ เธอควรจะขอบใจและซึ้งใจหนิงหนิงเข้าไว้สิ ตัวเองไปแย่งวาสนาคนอื่นมาแท้ ๆ ตอนนี้ยังจะมาจองหองใส่คนเขาอีก”ปกติแล้วเซียนอวี่จะนิ่งเฉยกับคนอื่น ๆ ในบ้านพัก แต่ครั้งนี้เธอเลือกจะไม่ปล่อยผ่านไปเหมือนเช่นเคย ขาเรียวยาวที่กำลังเตรียมตัวจะก้าวลงไปในไร่และเริ่มงานหยุ
ลูกธนูแหลมคมแล่นผ่านหน้าเซียนอวี่ไปยังด้านหลัง ก่อนจะปักเข้าที่เจ้าหมูป่าตัวอ้วนที่กำลังวิ่งไล่เด็กสาวอยู่อย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงร้องด้านหลังจะดังขึ้นดังกว่าปกติ หลังจากนั้นก็เงียบไปแต่ขาของเซียนอวี่ก็ยังคงวิ่งอยู่ เธอวิ่งเข้าไปหาคนที่ยิงธนูเฉียดหน้าเธอไปอย่างไม่คิดชีวิต ก่อนจะเข้าไปหลบด้านหลังของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับตัวเองทันทีหมูป่าถูกลูกธนูเมื่อสักครู่ปัดลงกลางหัว ทำให้ตอนนี้มันล้มตัวนอนอยู่กับพื้น ไม่รู้ว่าสิ้นใจตายแล้วหรือยัง แต่เรื่องนั้นเซียนอวี่ไม่ได้สนใจ ขอแค่มันไม่วิ่งไล่เธอเหมือนเมื่อครู่ก็พอ เธอกลัวจนฉี่แทบจะราดต่อหน้าทุกคนเสียแล้ว โชคดีที่กลั้นเอาไว้ทัน เธอบอกแล้วว่าสวรรค์เล่นตลกกับเธอ ขนาดมีคนตั้งเยอะตั้งแยะ ไอ้หมูบ้านั่นยังเลือกจะวิ่งไล่เธอเลย“มันตายแล้ว” เสียงเข้มดังขึ้นบนหัว เซียนอวี่ได้แต่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองช้า ๆ ก่อนจะเห็นว่าคนที่เข้ามาช่วยเธอเอาไว้เป็นใคร เธอเม้มปากกลั้นน้ำตามที่จวนจะไหลออกมาเต็มแก่เอาไว้ ก่อนจะพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนช้า ๆยังไม่ทันที่เธอจะยืนขึ้นเองได้เสร็จ คนตรงหน้าก็จับต้นแขนของเธอแล้วดึงขึ้นเสียก่อน ร่างกายของเธอไม่สามาร
อย่างที่เธอบอก หลังจากมาถึงที่หมู่บ้าน ทุกคนก็จะได้ทำงานทันที ไม่มีข้อยกเว้นให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น หลาย ๆ คนไม่ทันระวังตัว พวกเขาคิดว่าชาวบ้านจะให้ปรับตัวก่อนสักอาทิตย์สองอาทิตย์ ซึ่งนั้นเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์ให้คนสิบยี่สิบคนมาอยู่เฉย ๆ เป็นอาทิตย์ แล้วใครจะเป็นคนออกเงินค่าข้าวค่าน้ำให้กันล่ะ หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่าให้ไปเอาอาหารที่บ้านของตนเองก็จริง แต่นั่นก็เป็นส่วนแบ่งจากการทำงานของทุกคนตลอดอาทิตย์ต่างหากพูดตามตรง หัวหน้าหมู่บ้านของที่นี่ก็ไม่ใช่คนดีเด่อะไร ยิ่งภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านนั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย ของหลาย ๆ อย่างที่ดีหน่อยก็ถูกยายแก่นั่นยึดเอาไปกินเองในครอบครัว ชาติที่แล้วเธอเจออะไรแบบนี้มาไม่รู้ตั้งกี่เท่าไหร่ บางอาทิตย์ต้องทนกินแต่แป้งย่างโง่ ๆ เพราะของที่ดีหน่อยถูกริบเอาไปก่อนจะมาถึงพวกเธอจะรู้ตัวเสียอีก“วันนี้มีการเก็บข้าวโพดและเข้าไปหาของในป่า ทุกคนต้องแบ่งกันว่าจะทำหน้าที่ไหน แต่ต้องบอกก่อนว่าเข้าป่ามีความเสี่ยงที่จะเจอสัตว์ป่า ค่อนข้างอันตราย” ป้าฮุ่ยเข้ามาที่บ้านพักของเหล่าเยาวชนตั้งแต่เช้าตรู่หลายคนได้ยินว่าอาจจะเจอสัตว์ป่าที่อันตรายก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที ทุกคนพร้อมใจกัน
ทันทีที่รถหยุดลง เซียนอวี่ก็รีบก้าวลงจากรถทันที เธอไม่มีท่าทางอิดออดหรือเหนื่อยอ่อนเหมือนคนอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย ขนาดผู้คุมยังอดแปลกใจไม่ได้ แต่ผู้คนเยอะแยะมากมาย ไม่มีใครมาสนใจเซียนอวี่มากขนาดนั้น ทุกคนยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง คนที่สนใจเซียนอวี่ก็มีแต่ซ่งหนิงหนิงเท่านั้นตั้งแต่ขึ้นรถ ซ่งหนิงหนิงเอาแต่นั่งร้องไห้ เธออยากจะรู้จริง ๆ ว่าร้องไห้ทำไม ร้องไห้เพราะถูกแยกกับครอบครัวที่พึ่งเจอกัน หรือร้องไห้เพราะตัวเองถูกกระชากลงจากสวรรค์ ก็แหม...คนไม่ชอบขี้หน้ากัน จะให้ไปมองในแง่ดีก็ออกจะประหลาดไปสักหน่อย“เอาล่ะ ต่อจากนี้ทุกคนจะต้องมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้ร่วมกัน ขาดเหลืออะไรก็มาติดต่อที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้านได้ เรื่องหน้าที่ของทุกคนเดี๋ยวจะมีคนไปแจกแจงอีกที ตอนนี้ทุกคนเอาของไปเก็บที่ห้องก่อนเถอะ”เซียนอวี่ยืนฟังนิ่ง ๆ เหมือนคนรับชะตากรรมตัวเองได้ เมื่อจบคำของหัวหน้าหมู่บ้าน เธอรีบเดินตรงไปยังบ้านพักที่ถูกสร้างเอาไว้สำหรับเยาวชนทันที แม้ว่าจะยังไม่มีใครบอกว่าหลังไหนก็ตามแต่คนอื่น ๆ ก็แค่แปลกใจ พวกเขาไม่ได้สงสัยอะไรมาก รู้ไม่รู้แล้วอย่างไร สุดท้ายเด็ก ๆ พวกนี้ก็ต้องมาอยู่ที่นี่อีกนาน บางคนอ
หลังจากซื้อของวันนั้น ในที่สุดเวลาก็ผ่านมาจนถึงวันที่ทุกครอบครัวต้องร่ำไห้ หลายครอบครัวออกมาส่งลูกหลานของตัวเองไปต่างที่ต่างทาง แต่ก็มีหลายครอบครัวที่มีท่าทางเมินเฉยแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือคนบ้านซ่ง หลังจากซื้อของจนพอใจ แถมยังไปขอเอาเงินจากคุณนายซ่งมาได้หลายพันหยวน เซียนอวี่ก็รีบขนย้ายของออกไปจากบ้านทันที ไม่ใช่เธอย้ายตัวเองออก แต่เป็นการย้ายเพียงแค่ของที่ต้องการจะเอาไปเพราะหลังจากที่เธอย้ายของมีค่าทั้งหลายออกไปฝากไว้ที่ไปรษณีย์ จดหมายจากทางการก็ส่งตรงมาที่บ้านซ่งในทันที หัวข้อคือการส่งตัวทายาทในบ้านให้ไปเป็นเยาวชนที่ชนบทห่างไกลแต่บ้านซ่งได้ส่งรายชื่อไปแล้วว่าจะให้ใครไป พวกเขาได้แต่แปลกใจว่าทำไมถึงมีจดหมายส่งมาซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะได้อ่านจดหมายแนบอีกฉบับที่แนบมาด้านหลังเนื้อความในจดหมายแนบนั้นมีอยู่ว่า ทางการรับรู้เรื่องการรับเลี้ยงซ่งเซียนอวี่ของตระกูลซ่งแล้ว ท่านผู้น้ำต้องการให้ทุกครอบครัวส่งทายาทของตนเองไป ดังนั้นครอบครัวซ่งจำเป็นต้องส่งทายาทที่แท้จริงของตนเองไป ไม่ใช่เด็กที่รับมาเลี้ยงตามที่ส่งรายชื่อมามือไม้ของสามพ่อแม่ลูกอ่อนไปหมด ส่วนคนที่ถึงกับล้มพับไปกับพื้นก็จะเ