หน้าหลัก / รักโบราณ / ฉันทะลุมิติมามีสามีเป็นยาจก / ๒ ประเดิมด้วยการก่อเรื่องการตลาด

แชร์

๒ ประเดิมด้วยการก่อเรื่องการตลาด

ผู้เขียน: วอลจู
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-16 02:58:53

“เด็กโง่”

อาซานอยากจะหยั่งรู้ว่าสตรีแปลกประหลาดผู้นั้นคิดอะไรอยู่กันแน่ หาเงินหรือ นางคิดว่าเพื่อแค่เดินตามทางถนนจะมีงานให้ทำ จะมีเศษเงินตกหล่นให้เก็บง่ายเช่นนั้นเชียวรึ

ถ้าเช่นนั้นปานนี้เขาคงมีงานทำแล้วกระมัง

กระท่อมหลังเล็กๆ ทรุดโทรมที่ไม่อาจเรียกว่าบ้านได้เงียบสงบลงเช่นเคย ยามนี้ดวงอาทิตย์ลอยเด่นขึ้นกลางหัว อาซานนั่งจิบน้ำที่หระหนึ่งน้ำชาชั้นดีอยู่แคร่ลานกว้างแสงแดดสาดส่องจ้าร้อนระอ ประหนึ่งถูกแผดเผาทั้งเป็น แถบนี้เมื่อร้อนก็ร้อนจนจะหลอมละลายเมื่อหนาวก็เย็นจับลึกเข้าถึงกระดูก

รู้ตัวอีกทีเขาก็มาฤดูกาลมาได้ถึงสองครั้งนับเกือบครึ่งปีเสียแล้วกระมัง หมู่บ้านที่เงียบสงบไร้ผู้คนพลุ่งพล่านไร้เรื่องคอยให้ปวดหัว เปรียบเสมือนสวรรค์ดีๆ นี่เอง แต่ทว่าเงินยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตอย่างหนึ่ง

อยู่กับข้าโชคร้ายหน่อยเสียเพราะข้าขี้คร้านตัวเป็นขนขี้เกียจทำงานหาเพียงเศษเงินเท่านั้น

ชายหนุ่มแหงนหน้าหลับตาพริ้มดื่มด่ำกับบรรกาศพักผ่อนหย่นใจอย่างสงบสุขโดยที่หารู้ไม่ว่ามีสายตาอีกหนึ่งคู่กำลังสาดส่องมอง

เสียงสวบสาบของใบหน้าทำให้เขาต้องพลันลืมตาขึ้น “ผู้ใด”

“จงออกมาเสีย”

ร่างท้วมร่างหนึ่งปรากฎตัวขึ้นหนึ่งที่ทางเข้ากระท่อม เสื้อผ้าสีซีดมีรอยปะชุนแก้ตัวผืน “เอ่ออ.. อาซานแย่แล้ว”

“กระไร”

มีอะไรแย่เสียกว่าเขามีภรรยามิทันตั้งตัว

“ภรรยาเจ้ามีเรื่องทะเลาะกับลูกสาวพ่อค้าหมูในตลาด”

บัดซบ!

บนท้องถนนกลางตลาดมีฝูงชนกลุ่มใหญ่ยืนมุ่งล้อมเป็นวงกลมรอชมความครึกครื่นก็ไม่ปาน เสียงสตรีตะโกนดังโต้ตอบกันสนั่นหวั่นไหวโดยไม่สนสายตาผู้คนทั้งหลาย

‘ลู่หลิน’ ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของสกุลลู่พ่อค้าหมูร่ำรวยผู้หนึ่งในหมู่บ้าน

ตั้งนางเกิดมามารดาก็ด่วนจากไปแล้ว เถ้าแก่ลู่จึงรักมากและถนุถนอมตามอกตามใจมาเสียตั้งแต่เด็ก ไม่ว่านางอยากได้อะไรล้วนหาประเคนมาให้ไม่ขัดใจเลยสักครั้ง เป็นเหตุให้นางกลายเป็นหญิงสาวผู้มั่นอกมั่นใจไม่ว่าจะทำอะไรล้วนต้องถูกต้องเพราะคอยมีบิดาหนุนหลังอยู่เสมอ

ในตอนก่อนที่จะเกิดเรื่องไฉ่หงเดินเตล็ดเตร่ล่องลอยไร้จุดหมายไปเรื่อยๆ นางกำลังคิดถึงที่ที่จากมาและเรื่องราวหลังจากที่จากมาจะเป็นอย่างไรต่อ เจ้านีโม่สุนัขแสนรักจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีนางแล้ว ขณะกำลังเหม่อลอยกับมีสิ่งๆ หนึ่งชนนางอย่างแรงจนเซถอยหลังไปก้าว ก่อนที่เสียงของผู้คนจะดังเข้าโสตประสาท

นางเดินมาถึงตลาดแล้ว

“เจ้าเด็กขอทานขี้ขโมยหยุดบัดเดี๋ยวนี้”

เสียงแวดแสบแก้วหูดังขึ้นมาไกลพร้อมกับหญิงสาวที่เดินแหวกฝูงชนเข้ามาใกล้ๆ เรื่อย

ไฉ่หงพลันก้มหน้ามองสิ่งที่ชนตนเมื่อครู่ เป็นเด็กชายสภาพมอมแมมผู้หนึ่งสูงระดับเอวของนาง มือข้างหนึ่งกำลังกำชายเสื้อนางไว้ส่วนอีกข้างคล้ายถือถุงบางอย่างอยู่

“พี่สาวช่วยข้าด้วย”

“เจ้าขโมยของนางมาไหม”

นางมองเด็กชายที่ปฏิเสธส่ายหัวกับหญิงสาวผู้นั้นสลับกันไปมาก่อนที่จะเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเอาตัวบังอีกคนไว้

นี่มันเรียกว่ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าเห็นได้ชัด

“หลบไป” ลู่หลินนับว่าโมโหโกรธเกรี้ยวถึงขั้นสุด ไม่ว่าใครจะฉุดจะดึงไว้ก็มิอาจทำได้เหตุเพราะกลัวนางจะลงไม้ลงมือแทน แต่สตรีผู้นางนี้เป็นใครกล้าขึ้นประชันหน้าไม่หลบหลีกไร้ความเกรงกลัวนัก

ช่างไม่กลัวตาย

“เขาบอกว่าไม่ได้ขโมย” ไฉ่หงออกปากฏิเสธแทน

“หึ เจ้าเชื่อเด็กขอทานโสโครกนั้นจริงรึ เขามาซื้อหมูร้านค้าคนสุดท้ายหากแต่ปิดร้านยามนับเงิน เงินกับไม่ครบหากมิใช่เขาจ่ายเงินไม่ครบแล้วชิงเอาหมูไปนี่มิใช่เรียกว่าขโมยหรอกหรือ”

ผู้คนรอบตลาดได้ยินล้วนให้ความสนใจเริ่มเกาะกันจับกลุ่มล้อมรอบมุ่งดูละครฉากใหญ่ ไม่ต้องรอบถึงตอนจบก็รู้ว่าผู้ใดจะชนะไปได้ซะอีก นอกจากลู่หลิน

“ตลกเกินไปแล้ว ตอนเขาจ่ายเงินเจ้าไม่ดูให้ชัดหรอกหรือถึงกล้าจะปล่อยเขาไปแล้วไฉนตอนปิดร้านนับเงินพอเงินหายจะมาโทษเขาว่าเป็นตัวขโมย ข้าว่ามิใช่ลูกน้องในร้านเจ้าหรอกหรือที่เป็นตัวขโมย”

ไฉ่หงร่ายยาวร่วกับว่าเป็นคนที่นี้มานานเสียอย่างนั้น เพ่งมองอีกฝ่ายที่ใบหน้าแดงจัดด้วยความโกรธพร้อมปะทะ

“นี่เจ้าจะหาว่าข้าใส่ร้ายเขางั้นหรือ!!!” ลู่หลินไม่เคยถูกผู้ใดโต้เถียงให้อับอายมาก่อนจึงเริ่มที่จะพาลไปทั่ว “ลูกน้องของล้วนทำงานอยู่ร้านเกือบครึ่งชีวิตของพวกเขาหากเป็นขโมยไฉนข้าผู้นี้จะไม่รู้เล่า”

ไฉ่หงกรอกตามองบน

โจรยังหากินกับความเชื่อใจนี่นับประสาอะไรกับลูกน้องและนายจ้างที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน

“เจ้าตรวจสอบดูแล้วหรือยัง หากยังจงกลับไปตรวจดูเสียว่าผู้ใดมีพิรุธและหากเด็กที่อ้างว่าขโมยจริงข้าจะรับผิดชอบเอง”

ลู่หลินถูกต้อนให้จนมุมเอาหลักหารเหตุผลเข้าสู้มิใช่การเถียงไปเพื่อเขาชนะเช่นที่เคยเป็นมาก่อน

นางเริ่มร้อนรนกระวนกระวายหากวันนี้นางแพ้บ่ายต่อสตรีและเด็กขอทานนี่วันข้างหน้าต้องไม่มีใครให้เกียรติเห็นหัวนางเป็นแน่ “เหอะ! เจ้าเป็นสตรีบ้านใดไยไม่ข้าลู่หลินไม่เคยพบเห็นหน้า” ในเมื่อมีบิดาคอยหนุนหลังนางฉลาดจึงใช้บิดาอ้าง

นั่นสิยามนี้นางไม่มีบ้าน

ไฉ่หงได้แต่ยืนอำๆ อึ้งๆ เสียงหลังอยู่ครู่หนึ่ง เห็นแบบนันลู่หลินจึงเริ่มได้ใจสบโอกาสพลิกพันให้ตนเป็นฝ่ายเหนือกว่า

“หรือว่า? เจ้าเป็นพวกของทานไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่นเดียวกับเด็กนั้นอย่างงั้นรึ ข้าก็ว่าอวดดีจริงแท้ช่างไม่ประมาณเสียเลย”

“นางเป็นภรรยาข้า” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนจะแหวกกลางฝูงชนเข้ามา “หมูชิ้นนั่นที่เขาขโมยมาราคากี่ชั่ง”

อาซานบุรุษที่นางหลงรักตั้งแต่แรกพบ

“อาซาน…” น้ำเสียงเอ่ยแผ่วเบา ลู่หลินตั้งสติได้เริ่มวางท่าทางสุขุมเหนียมอายดั่งดรุณีน้อยพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงช้าๆ เบาๆ อีกครั้ง “ช่างเถิด ข้าไม่ถือสาเขาแล้ว หมูชิ้นนั่นไม่เท่าไหร่”

เหอะ เมื่อครู่เจ้ายังเถียงหน้าตายอยู่เลย

ไฉ่หงยังคงเดือดดาลใจกำลังจะอ้าปากโต้เถียงกลับหากแต่มีฝ่ามือหนึ่งกอบกุมไว้ดึงแขนนางเชิงว่าหยุดได้แล้ว นางได้แต่ปรายตาไปมองด้วยความครุนเคืองที่แท้ก็เป็นอาซานนี่เอง

“ขอบคุณแม่นางหลินที่ไม่ถือสาเอาความ”

ลู่หลินยิ้มกว้างหวังหง่านเสน่ห์สานต่อแม้เมื่อครู่หูจะให้ยิรว่าสตรีที่นางต่อปากต่อคำเป็นภรรยาอาซานแต่แล้วอย่างไรในเมื่อนางอยากจะได้ “อาซานเชิญไปชิมชาบ้านข้าก่อนหรือไหม พอดีบิดาข้าพึ่งได้ชาชั้นดีมาจากพ่อค้าหาบแร่เมื่อเช้าตรู่”

“ไว้คอยหลังเถิด ยามนี้ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการ

นางถูกดึงแขนให้เดินตามหลังเขาที่เร่งเดินลิ่วๆ จากไปจากที่ตรงหนึ่ง “ช้าก่อน แล้วเด็กผู้นั้นเล่า”

“ไปแล้ว”

ไปไหน

“เหตุใดถึงทำตัววุ่นวายยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

“ข้าไม่ได้ทำตัววุ่นวายและไม่ได้หาเรื่องผู้ใดก่อน เด็กชทยผู้นั้นถูกรังแกมาข้าก็สมควรที่จะปกป้อง”

เส้นเลือดบนขมับอาซานเต้นตุบๆ จนปวด ไยนางเถียงคำต่อคำไม่เว้น

นี่ข้าแต่งภรรยาหรือรับเลี้ยงบุตรสาวกันแน่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฉันทะลุมิติมามีสามีเป็นยาจก   ๒๙ เป็นใหญ่ในจวน

    จวนชินอ๋องตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ยามค่ำคืนมีแสงไฟส่องสว่างตลอดทั้งคืน เสมือนกำลังเตรียมตัวให้พร้อมกับบางอย่างไฉ่หงส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร”บุรุษผู้นี้ไม่มีความพอดีเอาซะเลย ตั้งแต่รู้ว่าในท้องของนางมีเด็กตัวแดงอาศัยก็เฝ้าถามด้วยสายตาสงสารตลอดว่าเด็กจะออกมาเมื่อไหร่นางมิใช่สุนัขที่ต้องตั้งท้องสองเดือนแล้วออกนะเฟยหลงชินอ๋องพยักหน้า ทว่าไม่ได้ช้อนตาขึ้นมองนางหากแต่กำลังจดจ้องอยู่ที่หน้าท้องกลมใหญ่“เขาอึดอัดหรือไม่” มนุษย์อาศัยอยู่ในนั้นได้นานเพียงนี้เชียวหรือ“ไม่รู้ แต่มารดาอึดอัด” ไฉ่หงเบะปากเจ้าเด็กตัวแดงนี่พอหิวก็โวยวายถีบท้องนางจนจุก พออิ่มแล้วก็นอนสบายใจจนใจหาย ช่างเหมือนสามีผู้นี้ไม่มีผิด!เอาแต่ใจ!“เขาเหมือนท่าน”“……” เฟยหลงชินอ๋องเขาเงียบไปพักหนึ่ง จ้องคนบนเตียงอย่างจริงจัง เห็นได้ชัดว่าหลังคลอดลูกแล้ว เขาจะช่วยนางอบรบสั่งสอนลูกให้เป็นคนดีเอง เกรงว่าหากไม่เป็นเช่นนั้นคงมีนิสัยไม่ต่างจากมารดาแน่ แค่นางคนเดียวก็เกินจะรับมีไหวแล้ว“มานั่งนี่” ไฉ่หงตบมือลงเตียงที่ว่างข้

  • ฉันทะลุมิติมามีสามีเป็นยาจก   ๒๘ เชื่อฟังภรรยาแล้วจะได้ดี

    หลังปีใหม่ผ่านพ้นไปดูเหมือนอากาศจะเย็นลงทุกพื้นที่ยามพลบค่ำและรุ่งสางมีหมอกแผ่ปกคลุมขึ้นมา ยามลมพัดโชยมาเห็นได้ว่าวันนี้คงเป็นวันที่หนาวเย็นที่สุดในฤดูกระมัง เฟยหลงชินอ๋องยืนหลับตาเหม่อลอยหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสามเดือนก่อนปลายฤดูใบไม้ผลิอีกตามเคย“สามี..”สองคำเรียกสั้นๆ นั้นทำให้เขาปรือตาขึ้น เหลียวตัวหันกลับไปมอง ทั่วหล้านี้จะมีผู้ใดเอ่ยเรียกเช่นนี้นอกจากนางเฟยหลงชินอ๋องเลิกคิ้วมองสองมือน้อยที่แบออกมา“ขวัญถุง”ขวัญถุง? ตัวเขายังจะมีเบี้ยอะไรติดตัวอีกเล่า ทุกอย่างล้วนมอบให้อยู่ในมือนางแล้วเขาเอื้อมมือไปกอบกุมฝ่ามือเย็นเฉียบไว้ออกแรงถูกเบาๆ ให้เกิดความร้อน “ยามนี้สามีเองไม่ต่างจากยาจกผู้หนึ่งแล้ว ถึงแบบนั้นอยากได้อะไรก็เอ่ยปากมาย่อมให้ภรรยาได้”“อยากได้อาหลง…ได้หรือไม่”ไฉ่หงถอนหายใจ ก่อนปล่อยมือเปลี่ยนเป็นคล้องกอดแขนชินอ๋องพร้อมบ่นพึมพำ “ท่านนี่นะซื่อบื้อยิ่งนัก”ผู้ใดจะกล้าเอ่ยบอกด่าชินอ๋องหากไม่ใช่ไฉ่หง“ผู้ใดได้ยินจะถูกครหาเอาได้” ชินอ๋องชะงักเอ่ยห้ามปราบ ยามอยู่ในห้องนางจะเรี

  • ฉันทะลุมิติมามีสามีเป็นยาจก   ๒๗ ความฝันตื่นหนึ่ง

    ไฉ่หงเพิ่งลืมตาตื่น ค่อยข้างสะลึมสะลือ ร่างทั้งร่างบังเกิดความปวดเหนื่อยส่วนที่เจ็บที่สุดคงเป็นศีรษะ นางไม่มีแต่เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นจากเตียง“ชินหวางเฟย”ชิงชิง?น้ำเสียงเล็กแหลมเช่นนี้จะเป็นใครไปได้อีก ไฉ่หงปรายตามองเห็นร่างเล็กของสาวใช้ข้างกายฉุกละหุกวิ่งออกไป ได้ยินแจ่เสียงตะโกนว่า ‘ชินหวางเฟยพื้นแล้ว’ ดังไม่ขาดสาย“ชะ ชิง ชิง” ทว่าบอกเอ่ยปากเรียกน้ำเสียงนางกับแหบแห้งประหนึ่งปลาขาดน้ำครั้นตั้งสติได้ เมื่อคืนนางฝัน คล้ายรู้สึกว่าเป็นความฝันที่เหมือนจริงเกินไป ทั้งความเจ็บปวด ทั้งความเสียใจ ยามนี้แม้กระทั่งนึกถึงขอบตากับร้อนผ่าว น้ำตาจะไหลออกมาได้ทุกเมื่อหรือแต่จริงแล้วนั่นคือเจ้าของร่างก่อนที่นางจะมานางชื่อซูเม่ยมองค์หญิงแคว้นล่มสลายมารดาเป็นสนมขั้นเฟย บิดาเป็นฮ่องเต้พี่สาวต้องพระราชสมรสเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างแคว้นเพื่อให้รอดพ้นจาะสถานการณ์บ้านเมือง เสด็จแม่ทรงทำทุกวิธีทางเพื่อให้ท่านพี่ได้ตบแต่งออกไป แล้วข้าเล่า….จนหนึ่งปีให้หลังแคว้นล่มสลาย บุรุษถูกประหารไม่เว้นส่วน

  • ฉันทะลุมิติมามีสามีเป็นยาจก   ๒๖ ชาติกำเนิดแท้จริง

    “มันตัวใดขวางทางก็ฆ่าทิ้งซะ”ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็นซื่อจื่อรนหาที่เองเพียงประโยคนี้ประโยคเดียวของชินอ๋องก็เพียงพอแล้ว องค์รักษลับล้วนพยักศีรษะเข้าใจเฟยหลงชินอ๋องชินยืนอยู่หน้าท้องพระโรง สวมเสื้อคลุมขนสุนัขจิ้งจอกยามมีสายลมเย็นโชยมาก็บิดพริ้วปลิ้วไสว ทั้งใบหน้านิ่งเย็นยะเยือก นัตย์ตาสีน้ำหมึกดุจมัจจุราชก็ไม่ปานทหารกบฎเห็นเฟยหลงชินอ๋องปรากฎกายเบื้องหน้า ตัวพลันหวั่นหวาดกลัวเพราะความสามารถของอีกฝ่ายอยู่ลึกในใจ “ท่านอ๋อง...เฟยหลงชินอ๋อง ทรงกลับไปเถอะขอรับ สายเกินไปแล้ว” แม้น้ำเสียงช่วงแรกจะตะกุตะกะหากแต่ช่วงหลังเต็มไปด้วยความมั่นใจ ท้ายที่สุดแล้วบังลังก์มังกรก็ตกเป็นของซื่อจื่อ เป็นหลานของสกุลหลี่อยู่ดี“ถอยไป!” เฟยหลงชินอ๋องแค่เสียงฮึออกมาจะไม่หลีกบิดาแน่ใจแล้วหรือ เขาเบี่ยงเบนสายตาส่งสัญญาณไปยังโม่เหวินก่อนที่อีกฝ่ายจะชักคมดับออกจาฝักเดินก้าวขุมก็ตะบันคอกบฎหลุดออกจากบ่าไม่มีขอกาสได้ร้องขอชีวิตทหารรักษาหน้าประตูห้องพระโรงขาดความระมัดระวังมาก ไม่นานก็มีเสียงดาบครืนเคร้งปะทะกัน กลิ่นเลือดคละคลุ้งตามอากาศชวนอ้วกแต

  • ฉันทะลุมิติมามีสามีเป็นยาจก   ๒๕ ก่อกบฏ

    ไฉ่หงรูม่านตาหดเล็ก หลี่มองชินอ๋องที่เดินมาแต่ไกลใบหน้าอิดโอย “อาหลง…” ยังไม่ทันได้เอ่ยอันได้ออกไปนางก็ถูกรวบเข้าอ้อมกอดนัตย์ตาสีน้ำหมึกพลันคลายความตึงเครียดลงเมื่อเห็นนางยืนอยู่เบื้องหน้าตนผ่านมาครึ่งปีแล้วที่นางย้ายนำพักมาอาศัยอยู่เมืองหลวงและผ่านมาเกือบจะหนึ่งปีแล้วที่สถานการณ์ภายในวังหลวงเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ ไม่เว้นวันต่อวันที่มีขุนนางใหญ่ถูกฆ่าปิดปากนางเม้มปาก มือลูบหลังเขาเบาๆ ก่อนเอ่ยขึ้น “ไม่ดีขึ้นเลยหรือ”“ไม่” น้ำเสียงพูดขึ้นห้วนๆ แผ่วเบา เว้นช่วงจึงพูดว่า “สมควรตาย” บิดาอยากจะหยิบดาบขึ้นไปตะบั่นคอกบฎผู้นั้นให้แล้วสิ้นไป เพียงแต่เขาไม่ใช่แม่ทัพแคว้นและจะทำเรื่องเช่นนี้ข้ามหน้าข้ามตาฮ่องเต้ได้อย่างไรบรรยากาศโดยรอบเงียบสงบได้ยินแต่เสียงลมหายใจฟืดฟัดของเขาเท่านั่นเฟยหลงชินอ๋องกระแอ่มไอกลบเกลือนทีหนึ่ง ได้สติว่าตนพลั้งปากสถบออกไปด้วยความเคยชิน “นั่นไม่ใช่ข้า…”ไม่ใช่ท่านแล้วจะใครอีกล่ะ“นั่นไม่ใช่ท่านจริงแท้ อาหลงของข้านั่นสุภาพกับสตรี อ่อนโยนต่อผู้อื่นยิ่งนัก”“ไฉนจึงเพ้อเจ้อ” ถึงแบบนั้นเขาก็ฟังจนจบประโยค รู้สึกว่าไม่ถูกนัก เพียงแต่นางพูดอะไรเขาย่อมเชื่อโดยไม่เอ๊ะใจไ

  • ฉันทะลุมิติมามีสามีเป็นยาจก   ๒๔ อันธพาลน้อย

    ไฉ่หงยืนรออยู่เนินนานจนกระทั่งยามโหย่ว(17.00-18.59) ก็ยังไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของเจ้าของจวน สถานการณ์ในวังหลวงยามนี้จากคำบอกเล่าของชินอ๋องน่าจึงรู้สึกเป็นกังวลใจ“เรากลับไปรอในจวนดีไหมเพคะ” ชิงชิงแอบสังเกตอยู่เงียบๆ นายท่านได้เข้าวังหลวงในสถานการณ์เช่นนี้เกรงว่าจะปลีกตัวออกมายากนางเหลือบตามองแวบหนึ่งเอ่ยตอบ “รอเพียงนี้แล้วก็รออีกหน่อยเถิด”สองสามเดือนที่ผ่านมาสิ่งที่มองออกคือหวางชินใจเย็นรอคอยผู้อื่นแน่วแน่โดยมิปริปากชิงชิงเป็นเพียงบ่าวไพร่นายว่าเช่นไรก็ตามนั้น“สตรีบำเรอในหลังจวนชินอ๋องมีมากมายเพียงนี้ หากเราใช้โอกาสในยามเทศกาลปล่อยพวกนางไปจะได้หรือไม่”“ล้วนขึ้นอยู่กับเจ้าของจวนเพคะ”เช่นนั้นก็หมายความว่าได้ทว่าไฉ่หงได้ยินแล้วกลับไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยขึ้นเรื่องที่ข้องคาใจ “จะตรวจร่างกายประจำเดือนอีกเมื่อใด”เหตุใดบุตรของนางยังไม่มาไม่อยากเกิดมาใช้เงินจวนชินอ๋องให้หมดคลังรึ มีมากมายกลายกองเพียงนี้มาเถิดสักสิบคน“ทำมารดายังไม่ท้อง” ไฉ่หงพิมพำชิงชิงมองไฉ่หงด้วยความตกตะลึง กระพริบตาปริบๆครู่หนึ่งพลันได้ยินเสียงรถม้าเคลื่อนที่มาแต่ไกลโพ้น แสงตะเกียง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status