แชร์

ตอนที่2 งานเลี้ยง

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-20 06:47:38

“คุณหนูเจ้าขา ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ หากไม่ตื่นอีกจะไม่ทันแล้วนะเจ้าคะ”

ลี่อินสาวรับใช้ของฟางหนิงหลินเรียกคุณหนูของนางให้ตื่น เพื่อลุกขึ้นมาแต่งตัวให้ทันไปงานเลี้ยงในวังหลวงที่จัดขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะจากการทำสงครามกับแคว้นเหลียง และร่วมแสดงความยินดีกับการแต่งตั้งองค์รัชทายาทและเลื่อนตำแหน่งให้กับเหล่าผู้กล้าที่มีความดีความชอบในการศึกครั้งนี้ด้วย

ลี่อินเห็นว่าเรียกฟางหนิงหลินเท่าใดก็ไม่ยอมตื่นเสียที อีกทั้งใบหน้าของคุณหนูของนางก็ยังมีเหงื่อผุดออกมาเป็นเม็ด ๆสีหน้าของฟางหนิงหลินราวกับคนกำลังเศร้าเสียใจอยู่ก็ไม่ปาน ลี่อินจึงคิดว่าคุณหนูของนางคงจะฝันร้ายอยู่เป็นแน่ นางจึงได้เขย่าแขนเพื่อให้คุณหนูของนางตื่นจากฝันร้ายนั้น

เมื่อหญิงสาวที่หลับใหลลืมตาตื่นจากภวังค์ นางรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมสาดสายตามองไปรอบ ๆห้องนอนทันที เมื่อรู้ว่านางเพียงหลับฝันไปหนึ่งตื่นเท่านั้น นางก็ระบายลมหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ

“นี้ข้าฝันไปอย่างนั้นหรือ” ฟางหนิงหลินหันมาเอ่ยกับลี่อิน

“คุณหนูฝันร้ายอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ไม่เป็นไรนะเจ้าคะมันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ตอนนี้ท่านรีบแต่งตัวดีหรือไม่ วันนี้ท่านจะได้เห็นบุรุษที่ท่านเฝ้ารอมาตลอดหลายเดือนแล้วนะเจ้าคะ” ลี่อินพูดด้วยรอยยิ้มและกล่าวถึงบุรุษที่ฟางหนิงหลินมีใจถวิลหาเพื่อให้นางผ่อนคลายจากฝันร้าย

แต่ฟางหนิงหลินกลับไม่ลุกขึ้น นางยังคงนั่งคิดถึงความรู้สึกเจ็บปวดทรมานทั้งร่างกายและจิตใจที่เกิดขึ้นจากเรื่องราวในฝัน นางหลับไปเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยามแต่ในฝันช่างยาวนานราวกับเกิดขึ้นจริง ๆนางนั่งทบทวนเรื่องราวในฝันอยู่พักหนึ่ง จนได้ยินเสียงเร่งเร้าจากสาวใช้คนสนิทดังขึ้น นางจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว

ตลอดเวลาที่สาวใช้คอยปรนนิบัติอาบน้ำแต่งตัวให้นาง นางก็ยังคงไม่เลิกคิดถึงเรื่องราวในฝันนั้น จนสาวรับใช้ข้างกายทั้งสองสังเกตความผิดปกติของคุณหนูของพวกนางได้อย่างชัดเจน

“คุณหนูท่านเป็นกังวลเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ลี่จินเอ่ยถามฟางหนิงหลินด้วยความเป็นห่วง

ฟางหนิงหลินมองเงาลี่จินกับลี่อินสาวใช้คนสนิททั้งสองในกระจก หน้าตาของพวกนางแสดงออกถึงความสงสัยและเป็นห่วง ในฝันนั้นฟางหนิงหลินเองก็ได้เห็นจุดจบของพวกนางเช่นกัน เพราะลี่อินกับลี่จินยอมรับผิดแทนนางว่าเป็นคนวางยากำหนัดองค์รัชทายาทและเจียงเจียวซิน ทำให้ทั้งสองถูกโบยจนตาย ส่วนนางที่เป็นเจ้านายก็ถูกลงโทษกักบริเวณเพราะดูแลคนของตนเองได้ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นความฝันหรือความจริงฟางหนิงหลินก็เชื่อว่าสาวใช้ทั้งสองจะยอมตายเพื่อนางได้จริง ๆ เพราะทั้งสองเป็นราวพี่สาวที่เติบโตมาพร้อมกับนาง

ฟางฮูหยินมารดาของฟางหนิงหลินรับลี่จินกับลี่อินมาเลี้ยงตั้งแต่พวกนางอายุได้ราวห้าหกหนาวเท่านั้น ขณะที่ทั้งสองถูกขายให้หอนางโลมฟางฮูหยินได้ไปพบเข้า ฟางฮูหยินเห็นเด็กทั้งสองคนกับผู้เป็นแม่ร่ำไห้กอดกันอย่างน่าเวทนาจึงนึกสงสาร จึงได้ขอซื้อตัวเด็กทั้งสองมาจากหอนางโลม

ฟางฮูหยินไม่เพียงแต่รับซื้อลี่จินกับลี่อินมา ยังขอซื้อแม่ของพวกนางทั้งสองมาจากพ่อที่ติดการพนันของพวกนางอีกด้วย ถึงทั้งสามคนจะเข้ามาอยู่ในจวนในฐานะสาวใช้ แต่พวกนางก็อยู่ดีกินดีมีเสื้อผ้าสะอาดและที่นอนอันอบอุ่น อีกทั้งยังได้นั่งเรียนเขียนอักษรกับฟางหนิงหลินในตอนวัยเยาว์อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้แม่ของทั้งสองได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว เพราะร่างกายที่อ่อนแอจากโรคเก่าที่รุมเร้ามายาวนาน

“พวกเจ้าคิดว่าความฝันจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่” ฟางหนิงหลินเอ่ยถามสาวใช้ทั้งสองด้วยท่าทางจริงจัง

“คุณหนูยังกังวลเรื่องความฝันอย่างนั้นหรือเจ้าคะ อย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ คุณหนูเพียงฟังเรื่องเล่าจากร้านน้ำชาเมื่อวานและเก็บไปฝันเท่านั้น” ลี่อินเอ่ยตอบ

“ฝันนั้นน่ากลัวมากเลยหรือเจ้าคะ ทั้งที่เมื่อวานหลังจากคุณหนูกลับมาจากร้านน้ำชา คุณหนูยังบอกอยู่เลยว่าความฝันก็คือความฝันไม่มีทางเป็นจริง แต่วันนี้คุณหนูกลับไม่มั่นใจในสิ่งที่คิดแล้วอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ลี่จินเอ่ยถามฟางหนิงหลิน

“นั่นสิความฝันก็คือความฝัน คงเพราะมันน่ากลัวจนเกินไป แม้ตื่นนอนขึ้นมาแล้วความรู้สึกก็ยังติดค้างอยู่ในใจ จนข้าไม่อาจลืมภาพที่เกิดขึ้นในฝันได้” ฟางหนิงหลินทำหน้าเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้ลี่จินและลี่อินผ่านเงาในกระจก

“คุณหนูอย่ากังวลไปเลยเจ้าคะ มันเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น เลิกขมวดคิ้วได้แล้วเจ้าค่ะ หากยังทำหน้าเช่นนี้จะไม่สวยนะเจ้าคะ” ลี่จินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“หากคุณหนูกลัวว่าเรื่องในฝันจะเกิดขึ้น ท่านก็เพียงป้องกันไว้ก่อนก็ได้หนิเจ้าคะ หรือจะหลบเลี่ยงไม่เผชิญหน้าก็ย่อมทำได้” ลี่อินเอ่ยเพื่อปลอบประโลมฟางหนิงหลินให้นางคลายกังวล

“จริงด้วยเจ้าค่ะ หลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงคุณหนูค่อยมาเล่าเรื่องราวในฝันให้พวกเราฟังและช่วยกันหาทางแก้ดีหรือไม่เจ้าคะ” ลี่จินเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าฟางหนิงหลินพยักหน้าตอบรับนางจึงเอ่ยต่อ

“ดีเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้คุณหนูต้องปล่อยวางความฝันนั้นลงก่อน และกลับมาเป็นคุณหนูที่สดใสไร้กังวลคนเดิมของพวกเราก่อนนะเจ้าคะ”

ฟางหนิงหลินยกยิ้มขึ้นและนั่งนิ่งให้ทั้งสองแต่งหน้าทำผมให้จนเสร็จ เมื่อถึงเวลาฟางหนิงหลินก็เดินทางไปยังวังหลวงพร้อมบิดาและมารดาของนางตามเทียบเชิญ

ณ.วังหลวง

เมื่อรถม้าจอดเทียบที่หน้าประตูวังเหล่าขุนนางและครอบครัวก็ต่างพากันเดินเข้ามาภายในวังที่ถูกจัดเตรียมงานไว้เป็นอย่างดี งานนี้เหตุผลที่จัดขึ้นนอกจากจะฉลองชัยชนะและสรรเสริญเหล่าผู้กล้าในสงคราม ยังมีเหตุผลอีกอย่างที่เชิญเหล่าครอบครัวขุนนางและตระกูลสูงศักดิ์มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย นั่นก็คือการดูตัว

ไทเฮาและฮองเฮาต้องการให้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงได้มีโอกาสพบเห็นสตรีและบุรุษที่เป็นลูกหลานขุนนางและตระกูลสูงศักดิ์ เพื่อจะได้เลือกมาเป็นชายาและเป็นราชบุตรเขยในอนาคต

เพราะฮ่องเต้ทรงรับปากฮองเฮาพระองค์ก่อนไว้ว่าจะไม่บังคับให้เหล่าองค์หญิงและองค์ชายแต่งพระชายาหรือราชบุตรเขยอย่างไม่เต็มใจ ถึงไทเฮาและฮองเฮาองค์ปัจจุบันจะไม่เห็นด้วยแต่จะคัดค้านคำขอสุดท้ายของคนใกล้ตายได้อย่างไร เพียงแต่ถึงอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อพระวงศ์ พระชายาเอกและราชบุตรเขยย่อมต้องมาจากตระกูลสูงศักดิ์หรือไม่ก็ตระกูลขุนนางขั้นสูง ถึงจะบังคับตรง ๆไม่ได้ แต่สามารถเปิดโอกาสให้องค์หญิงและองค์ชายได้เจอเหล่าบุตรหลานขุนนางและตระกูลสูงศักดิ์ได้

“คุณหนูเจ้าขา ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ หากไม่ตื่นอีกจะไม่ทันแล้วนะเจ้าคะ”

ลี่อินสาวรับใช้ของฟางหนิงหลินเรียกคุณหนูของนางให้ตื่น เพื่อลุกขึ้นมาแต่งตัวให้ทันไปงานเลี้ยงในวังหลวงที่จัดขึ้นเพื่อฉลองชัยชนะจากการทำสงครามกับแคว้นเหลียง และร่วมแสดงความยินดีกับการแต่งตั้งองค์รัชทายาทและเลื่อนตำแหน่งให้กับเหล่าผู้กล้าที่มีความดีความชอบในการศึกครั้งนี้ด้วย

ลี่อินเห็นว่าเรียกฟางหนิงหลินเท่าใดก็ไม่ยอมตื่นเสียที อีกทั้งใบหน้าของคุณหนูของนางก็ยังมีเหงื่อผุดออกมาเป็นเม็ด ๆสีหน้าของฟางหนิงหลินราวกับคนกำลังเศร้าเสียใจอยู่ก็ไม่ปาน ลี่อินจึงคิดว่าคุณหนูของนางคงจะฝันร้ายอยู่เป็นแน่ นางจึงได้เขย่าแขนเพื่อให้คุณหนูของนางตื่นจากฝันร้ายนั้น

เมื่อหญิงสาวที่หลับใหลลืมตาตื่นจากภวังค์ นางรีบลุกขึ้นนั่งพร้อมสาดสายตามองไปรอบ ๆห้องนอนทันที เมื่อรู้ว่านางเพียงหลับฝันไปหนึ่งตื่นเท่านั้น นางก็ระบายลมหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ

“นี้ข้าฝันไปอย่างนั้นหรือ” ฟางหนิงหลินหันมาเอ่ยกับลี่อิน

“คุณหนูฝันร้ายอย่างนั้นหรือเจ้าคะ ไม่เป็นไรนะเจ้าคะมันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น ตอนนี้ท่านรีบแต่งตัวดีหรือไม่ วันนี้ท่านจะได้เห็นบุรุษที่ท่านเฝ้ารอมาตลอดหลายเดือนแล้วนะเจ้าคะ” ลี่อินพูดด้วยรอยยิ้มและกล่าวถึงบุรุษที่ฟางหนิงหลินมีใจถวิลหาเพื่อให้นางผ่อนคลายจากฝันร้าย

แต่ฟางหนิงหลินกลับไม่ลุกขึ้น นางยังคงนั่งคิดถึงความรู้สึกเจ็บปวดทรมานทั้งร่างกายและจิตใจที่เกิดขึ้นจากเรื่องราวในฝัน นางหลับไปเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยามแต่ในฝันช่างยาวนานราวกับเกิดขึ้นจริง ๆนางนั่งทบทวนเรื่องราวในฝันอยู่พักหนึ่ง จนได้ยินเสียงเร่งเร้าจากสาวใช้คนสนิทดังขึ้น นางจึงลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว

ตลอดเวลาที่สาวใช้คอยปรนนิบัติอาบน้ำแต่งตัวให้นาง นางก็ยังคงไม่เลิกคิดถึงเรื่องราวในฝันนั้น จนสาวรับใช้ข้างกายทั้งสองสังเกตความผิดปกติของคุณหนูของพวกนางได้อย่างชัดเจน

“คุณหนูท่านเป็นกังวลเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ” ลี่จินเอ่ยถามฟางหนิงหลินด้วยความเป็นห่วง

ฟางหนิงหลินมองเงาลี่จินกับลี่อินสาวใช้คนสนิททั้งสองในกระจก หน้าตาของพวกนางแสดงออกถึงความสงสัยและเป็นห่วง ในฝันนั้นฟางหนิงหลินเองก็ได้เห็นจุดจบของพวกนางเช่นกัน เพราะลี่อินกับลี่จินยอมรับผิดแทนนางว่าเป็นคนวางยากำหนัดองค์รัชทายาทและเจียงเจียวซิน ทำให้ทั้งสองถูกโบยจนตาย ส่วนนางที่เป็นเจ้านายก็ถูกลงโทษกักบริเวณเพราะดูแลคนของตนเองได้ไม่ดี ไม่ว่าจะเป็นความฝันหรือความจริงฟางหนิงหลินก็เชื่อว่าสาวใช้ทั้งสองจะยอมตายเพื่อนางได้จริง ๆ เพราะทั้งสองเป็นราวพี่สาวที่เติบโตมาพร้อมกับนาง

ฟางฮูหยินมารดาของฟางหนิงหลินรับลี่จินกับลี่อินมาเลี้ยงตั้งแต่พวกนางอายุได้ราวห้าหกหนาวเท่านั้น ขณะที่ทั้งสองถูกขายให้หอนางโลมฟางฮูหยินได้ไปพบเข้า ฟางฮูหยินเห็นเด็กทั้งสองคนกับผู้เป็นแม่ร่ำไห้กอดกันอย่างน่าเวทนาจึงนึกสงสาร จึงได้ขอซื้อตัวเด็กทั้งสองมาจากหอนางโลม

ฟางฮูหยินไม่เพียงแต่รับซื้อลี่จินกับลี่อินมา ยังขอซื้อแม่ของพวกนางทั้งสองมาจากพ่อที่ติดการพนันของพวกนางอีกด้วย ถึงทั้งสามคนจะเข้ามาอยู่ในจวนในฐานะสาวใช้ แต่พวกนางก็อยู่ดีกินดีมีเสื้อผ้าสะอาดและที่นอนอันอบอุ่น อีกทั้งยังได้นั่งเรียนเขียนอักษรกับฟางหนิงหลินในตอนวัยเยาว์อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้แม่ของทั้งสองได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว เพราะร่างกายที่อ่อนแอจากโรคเก่าที่รุมเร้ามายาวนาน

“พวกเจ้าคิดว่าความฝันจะเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่” ฟางหนิงหลินเอ่ยถามสาวใช้ทั้งสองด้วยท่าทางจริงจัง

“คุณหนูยังกังวลเรื่องความฝันอย่างนั้นหรือเจ้าคะ อย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ คุณหนูเพียงฟังเรื่องเล่าจากร้านน้ำชาเมื่อวานและเก็บไปฝันเท่านั้น” ลี่อินเอ่ยตอบ

“ฝันนั้นน่ากลัวมากเลยหรือเจ้าคะ ทั้งที่เมื่อวานหลังจากคุณหนูกลับมาจากร้านน้ำชา คุณหนูยังบอกอยู่เลยว่าความฝันก็คือความฝันไม่มีทางเป็นจริง แต่วันนี้คุณหนูกลับไม่มั่นใจในสิ่งที่คิดแล้วอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ลี่จินเอ่ยถามฟางหนิงหลิน

“นั่นสิความฝันก็คือความฝัน คงเพราะมันน่ากลัวจนเกินไป แม้ตื่นนอนขึ้นมาแล้วความรู้สึกก็ยังติดค้างอยู่ในใจ จนข้าไม่อาจลืมภาพที่เกิดขึ้นในฝันได้” ฟางหนิงหลินทำหน้าเศร้าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้ลี่จินและลี่อินผ่านเงาในกระจก

“คุณหนูอย่ากังวลไปเลยเจ้าคะ มันเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น เลิกขมวดคิ้วได้แล้วเจ้าค่ะ หากยังทำหน้าเช่นนี้จะไม่สวยนะเจ้าคะ” ลี่จินเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม

“หากคุณหนูกลัวว่าเรื่องในฝันจะเกิดขึ้น ท่านก็เพียงป้องกันไว้ก่อนก็ได้หนิเจ้าคะ หรือจะหลบเลี่ยงไม่เผชิญหน้าก็ย่อมทำได้” ลี่อินเอ่ยเพื่อปลอบประโลมฟางหนิงหลินให้นางคลายกังวล

“จริงด้วยเจ้าค่ะ หลังจากกลับมาจากงานเลี้ยงคุณหนูค่อยมาเล่าเรื่องราวในฝันให้พวกเราฟังและช่วยกันหาทางแก้ดีหรือไม่เจ้าคะ” ลี่จินเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าฟางหนิงหลินพยักหน้าตอบรับนางจึงเอ่ยต่อ

“ดีเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้คุณหนูต้องปล่อยวางความฝันนั้นลงก่อน และกลับมาเป็นคุณหนูที่สดใสไร้กังวลคนเดิมของพวกเราก่อนนะเจ้าคะ”

ฟางหนิงหลินยกยิ้มขึ้นและนั่งนิ่งให้ทั้งสองแต่งหน้าทำผมให้จนเสร็จ เมื่อถึงเวลาฟางหนิงหลินก็เดินทางไปยังวังหลวงพร้อมบิดาและมารดาของนางตามเทียบเชิญ

ณ.วังหลวง

เมื่อรถม้าจอดเทียบที่หน้าประตูวังเหล่าขุนนางและครอบครัวก็ต่างพากันเดินเข้ามาภายในวังที่ถูกจัดเตรียมงานไว้เป็นอย่างดี งานนี้เหตุผลที่จัดขึ้นนอกจากจะฉลองชัยชนะและสรรเสริญเหล่าผู้กล้าในสงคราม ยังมีเหตุผลอีกอย่างที่เชิญเหล่าครอบครัวขุนนางและตระกูลสูงศักดิ์มาร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย นั่นก็คือการดูตัว

ไทเฮาและฮองเฮาต้องการให้เหล่าองค์ชายและองค์หญิงได้มีโอกาสพบเห็นสตรีและบุรุษที่เป็นลูกหลานขุนนางและตระกูลสูงศักดิ์ เพื่อจะได้เลือกมาเป็นชายาและเป็นราชบุตรเขยในอนาคต

เพราะฮ่องเต้ทรงรับปากฮองเฮาพระองค์ก่อนไว้ว่าจะไม่บังคับให้เหล่าองค์หญิงและองค์ชายแต่งพระชายาหรือราชบุตรเขยอย่างไม่เต็มใจ ถึงไทเฮาและฮองเฮาองค์ปัจจุบันจะไม่เห็นด้วยแต่จะคัดค้านคำขอสุดท้ายของคนใกล้ตายได้อย่างไร เพียงแต่ถึงอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อพระวงศ์ พระชายาเอกและราชบุตรเขยย่อมต้องมาจากตระกูลสูงศักดิ์หรือไม่ก็ตระกูลขุนนางขั้นสูง ถึงจะบังคับตรง ๆไม่ได้ แต่สามารถเปิดโอกาสให้องค์หญิงและองค์ชายได้เจอเหล่าบุตรหลานขุนนางและตระกูลสูงศักดิ์ได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชายาอ๋องตัวร้าย   ตอนที่12.2 ศัตรูกลายเป็นมิตร

    “ข้าทราบแล้ว ขอเพียงคุณหนูฟางหนิงหลินต้องการ ข้าน้อยย่อมไม่มีทางปฏิเสธ” ชายวัยกลางคนเอ่ยเสียงดังขึ้นเหยาหวังเหว่ยและฟางหนิงหลินหันไปตามเสียงที่ได้ยิน ทั้งสองเห็นบุรุษรูปร่างอ้วนท้วมเดินฝ่าฝูงคนเข้ามา ใบหน้าของเขาเรียบเฉยแต่ทว่ายังมีเม็ดเหงื่อผุดอยู่บนใบหน้าให้เห็น ทำให้ชินอ๋องและคุณหนูสกุลฟางรู้ได้ทันทีว่าเขาคงรีบร้อนเดินทางมาอย่างเร่งรีบด้วยความเป็นห่วงบุตรสาว แต่เมื่อมาถึงเห็นว่าบุตรสาวตนนั้นพ้นเคราะห์แล้ว จึงแสดงสีหน้านิ่งสงบลงได้เขาผู้นี้ก็คือจางจื่อมู่บิดาของจางซวงซวง เมื่อเขาฝ่าฝูงคนเข้ามาได้ ก็มายืนด้านหน้าพร้อมโค้งคำนับเหยาหวังเหว่ยอย่างนอบน้อม ก่อนที่จะหันมาโค้งตัวให้ฟางหนิงหลิน“ข้าเลี้ยงบุตรสาวไม่ดี ว่าร้ายคุณหนูครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าต้องขอโทษแทนนางด้วย และขอขอบคุณคุณหนูที่ใจกว้างไม่ถือสา อีกทั้งยังเอ่ยขอความเมตตาแทนซวงซวง บุญคุณครั้งนี้ข้าคนสกุลจางจะจำไม่ลืม”เขารู้ดีว่าหากฟางหนิงหลินไม่เอ่ยห้าม ชินอ๋องคงไม่หยุดชำระแค้นครั้งนี้ง่าย ๆ เป็นแน่ เพราะครั้งนี้ไม่เพียงแค่ชำระแค้นเท่านั้น แต่บุรุษสายเลือดมังกรคนนี้อยากเชือดบุตรสาวของเขาให้คนอื่นได้

  • ชายาอ๋องตัวร้าย   ตอนที่12 ศัตรูกลายเป็นมิตร

    ‘หากนางมีถุงหอมที่เจียวซินทำ เช่นนั้นนางย่อมต้องเป็นสหายที่เจียวซินสนิท หรือข่าวลือเรื่องที่ข้ามีใจให้ชินอ๋องจะเป็นเพราะเจียวซินเอามาปล่อย’ ฟางหนิงหลินนั่งคิดทบทวนอยู่ในใจ เพราะเริ่มแรกนางนั้นไม่ได้แสดงออกชัดเจนว่ามีใจให้องค์ชายรอง เพียงแต่นางมักเขินอายยามที่เหยาหวังเหว่ยเดินผ่านหรือตอนที่ได้พบเจอกัน จนในที่สุดองค์หญิงเหยาลี่เซียนและเจียงเจียวซินก็จับพิรุธนางได้หลังจากนั้นไม่นานนักก็มีข่าวลือว่านางหลงใหลองค์ชายรองไปทั่วทั้งเมือง ทางตระกูลฟางและตระกูลตู้ก็ส่งสตรีในจวนมาสอบถามนาง แต่นางไม่คิดปิดบังผู้อาวุโสจึงตอบไปตามความจริง ทั้งสองตระกูลจึงไม่ได้สอบสวนหาคนปล่อยข่าว ทีแรกนางคิดว่าเป็นเพราะนางเก็บอาการไว้ไม่ดี นางกำนัลขันทีได้เห็นจึงเล่าลือต่อ ๆกันจนข่าวนี้เล็ดลอดออกมานอกวังนานวันเข้าเมื่อมีคนรู้กันทั่วแล้ว นางจึงไม่คิดปิดบังและเริ่มที่จะมอบของให้ชินอ๋องด้วยตนเอง แต่ที่นางกล้าทำเช่นนี้ก็เพราะมีเจียงเจียวซินคอยยุยงส่งเสริม ตอนนั้นนางคิดว่าเจียงเจียวซินหวังดีอยากให้นางสมหวัง และอีกอย่างเรื่องที่นางมีใจให้องค์ชายรองก็มีข่าวแพร่ไปทั่วแล้ว ในเมื่อนางมีของที่อยากให้ไยจึงต้อง

  • ชายาอ๋องตัวร้าย   ตอนที่11.2 ชายาชินอ๋อง

    เมื่อเหยาหวังเหว่ยเห็นสตรีทั้งสอง ก็ย้อนนึกถึงเรื่องในอดีต ลี่อินใจเย็นอ่อนโยน มักตามใจฟางหนิงหลิน ส่วนลี่จินใจร้อนวู่วามไม่ยอมคนพูดจาโผงผางตรงไปตรงมาเปิดเผย และที่สำคัญลี่จินมักมีปากเสียงกับเหยาซิงอีน้องชายของเขาทุกคราที่ได้เจอหน้ากัน เพราะน้องชายของเขามักพูดจาต่อว่าฟางหนิงหลินอยู่เป็นประจำ จึงไม่แปลกที่ลี่จินจะออกปากปกป้องคุณหนูของนางเหยาหวังเหว่ยรู้ดีว่าลี่อินและลี่จินเป็นคนที่ฟางหนิงหลินสนิทสนมราวกับพี่น้อง ‘เช่นนั้นครั้งนี้มิสู่ข้าทำให้เจ้าสมปรารถนา วันหน้าเจ้าจะได้เอ่ยสนับสนุนข้าต่อหน้านาง” เขายิ้มแฝงความเจ้าเล่ห์ขณะคิดแผนร้าย เหยาหวังเหว่ยหันไปส่งสายตาให้องครักษ์คนสนิท ก่อนที่จะเอ่ย“ครั้นข้าจะสั่งโบยคุณหนูเช่นพวกเจ้า ก็ดูเหมือนพวกเจ้าจะรับไม่ไหว ในเมื่อปากของพวกเจ้าสร้างปัญหา เช่นนั้นมิสู้ถูกตบสักหน่อยจะได้ไม่กล้าปากมากอีก” เขาเอ่ยเสียงราบเรียบ แต่แววตากับสีหน้านั้นราวกับปรารถนาอยากเห็นเลือดคุณหนูทั้งสามราวร่างกายหมดแรง จากที่คุกเข่าอยู่กลายเป็นนั่งราบไปกับพื้น ใบหน้าจากที่มีเพียงเม็ดเหงื่อบัดนี้กลายเป็นมีสายน้ำสองสายไหลอาบแก้ม

  • ชายาอ๋องตัวร้าย   ตอนที่11 ชายาชินอ๋อง

    “ขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมาก เพียงแต่ข้ายังมีเรื่องที่ต้องพูดให้ชัดเจน เพราะหนิงหลินเป็นคนใจกว้างมักไม่ถือสาคำนินทาที่ผู้คนใส่ความนางมาโดยตลอด แต่ต่อไปนางคือชายาของข้า เรื่องในอดีตข้าอาจไม่สนใจได้ ทว่านับตั้งแต่วันนี้ไม่เหมือนกัน ใครกล้าว่านางเท่ากับมันผู้นั้นว่าข้า หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดอันใดขึ้นกับคนผู้นั้น คงไม่จำเป็นให้ข้าต้องเอ่ยถึงพวกท่านก็น่าจะพอนึกภาพออกใช่หรือไม่” เสียงของเขาหนักแน่นและเฉียบขาดคนในร้านพากันเงียบกริบได้เพียงแต่กลืนน้ำลายลงคอใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินคำขู่ เพราะทุกคนล้วนเคยกล่าวถึงคุณหนูสกุลฟางในทางที่ไม่ดีมาก่อน“หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันขอตัวก่อน” จางซวงซวงรีบขอตัวกลับเมื่อได้ยินว่าชินอ๋องจะไม่เอาความกับเรื่องเก่าก่อน เพราะนางกลัวว่าหากอยู่ต่อเหยาหวังเหว่ยจะกลับใจเอาความกับนาง“เดี๋ยวก่อน จริงอยู่ที่ข้าให้โอกาสผู้ที่เคยว่าร้ายว่าที่ชายาของข้า แต่การกระทำของเจ้าในวันนี้ข้าไม่อาจให้อภัยได้ ผู้อื่นนินทาลับหลังยังพอทน แต่ใครกันให้ความกล้าเจ้าต่อว่านางเช่นนี้ สตรีไร้ยางอายอย่างนั้นหรือ หากเป็นเพราะเรื่อ

  • ชายาอ๋องตัวร้าย   ตอนที่10.2 กล้าพูดถึงข้า ถามบิดาเจ้าหรือยัง

    ทุกคนในโรงน้ำชามัวแต่สนใจคำพูดของคุณหนูสกุลจางจนไม่สังเกตเห็นแขกอีกคนที่มาเยือนโรงน้ำชาไป่เหอแห่งนี้ เขายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับองครักษ์คนสนิท บุรุษตัวสูงท่าทางสง่ามาทันได้ยินคำกล่าวของจางซวงซวงทุกประโยค ดวงตาของเขาฉายแววอาฆาต ใบหน้าบ่งบอกถึงความกระหายอยากฆ่า แม้แต่องครักษ์ข้างกายที่ติดตามมาด้วยได้เห็นใบหน้าของผู้เป็นนายก็ยังรู้สึกกลัวจนขนหลังลุกชันเหยาหวังเหว่ยก้าวเท้าเข้าไปหมายจะจัดการสตรีปากมากที่กล้าเอ่ยวาจาว่าร้ายชายาของเขา แต่ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าอีกข้างเสียงฝ่ามือกระทบกับแก้มนิ่มก็ดังขึ้น เขาถึงกับชะงักไม่ก้าวเท้าต่อ ไม่เพียงแต่เหยาหวังเหว่ยและซูโม่อี้ที่ตกตะลึง แต่คนในโรงน้ำชาทุกคนก็ล้วนงงงันจนพูดไม่ออก พวกเขาล้วนแต่อ้าปากพะงาบ ๆ พร้อมเอามือทาบอกจางซวงซวงใบหน้าชาวาบ นางเงยหน้าขึ้นมองสตรีตรงหน้าด้วยสายตาเปี่ยมไอสังหาร ในใจของนางทั้งโกรธแค้นทั้งอับอาย“โกรธข้าสินะ แล้วเจ้าจะทำอะไรข้าได้” พูดจบฟางหนิงหลินก็ง้างฝ่ามือตบเข้าไปอีกฉาก โดยที่จางซวงซวงไม่ทันตั้งตัวเพราะนางไม่คิดว่าจะโดนตบซ้ำอีกคราใบหน้าของคุณหนูสกุลจางหันไปตามแรงมือ แต่คราน

  • ชายาอ๋องตัวร้าย   ตอนที่10 กล้าพูดถึงข้า ถามบิดาเจ้าหรือยัง

    ถึงงานนี้เหยาหวังเหว่ยไม่ได้เต็มใจจะจัดขึ้นมา แต่เขาก็ตั้งตารอสตรีผู้หนึ่งให้มาร่วมงาน เมื่อเขาเห็นแม่ทัพใหญ่ฟางมุมปากของเขาก็ยกขึ้นเล็กน้อย แต่เพียงชั่ววูบเดียวใบหน้าของเขาก็ฉายแววความผิดหวังขึ้นมา ยังไม่ทันที่ฟางรั่วซานจะเอ่ยอวยพร ชินอ๋องเหยาหวังเหว่ยก็เอ่ยขึ้นมาก่อน“หนิงหลินไม่มาอย่างนั้นหรือ” เขาเอ่ยเสียงแข็งพาบรรยากาศเปลี่ยนไปในทันทีคำพูดของชินอ๋องเหยาหวังเหว่ยทำให้ฟางรั่วซานนึกสังสัย เพราะเจ้าของตำหนักแห่งนี้ไม่น่าจะเอ่ยถามถึงบุตรสาวของเขา อีกทั้งยังเรียกชื่อบุตรสาวของเขาราวกับสนิทสนมกัน ไม่เหมือนแต่ก่อนที่จะเรียกว่าคุณหนูฟาง ไม่เพียงแค่แม่ทัพใหญ่ฟางที่นึกแปลกใจ แต่สวีจื้อซานและเสิ่นหลิวหยางเองก็ประหลาดใจจนต้องหันขวับมามองเจ้าของตำหนักแห่งนี้ เพราะนึกว่าหูของพวกเขาฟังผิดเพี้ยนไป“บุตรสาวของกระหม่อมไม่ค่อยสบาย จึงไม่ได้มาขอท่านอ๋องโปรดอภัย” ฟางรั่วซานไม่รู้จะตอบเช่นไรจึงได้เอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเอาตัวรอดไปก่อนเพียงเหยาหวังเหว่ยได้ยินคำตอบก็ลุกขึ้นทันที ทุกคนพลันมีสีหน้าตกตะลึง องค์ชายสามที่นั่งอยู่เมื่อตั้งสติได้จึงเอ่ยถ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status