งานแต่งงานของอาจารย์หมอเมธากรและนักเทคนิคการแพทย์สาวขวัญเมษาถูกจัดขึ้นที่ชายหาดหน้าโรงแรมชื่อดังในพื้นที่บนเกาะเสม็ดที่เคยเสร็จทุกวัน
แน่นอนว่าครั้งแรกที่เมธากรกับขวัญเมษาคุยกันว่าจะเลือกที่ไหนเป็นความทรงจำในค่ำคืนพิเศษที่สุดนี้ดี...คำตอบของทั้งคู่ต่างก็พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องที่เกาะเสม็ดเสร็จอีกครั้งเท่านั้น
จริงอยู่ว่าครั้งแรกที่ทั้งสองคนเจอกันคือผับของภาคย์ แต่สถานที่ที่ทั้งคู่สานสัมพันธ์กันอย่างจริงจังคือเกาะเสม็ดแห่งนี้ต่างหาก แถมได้เสร็จด้วยกันหลายต่อหลายครั้งจนเป็นที่มาของลูกน้อยในท้องขวัญเมษาตอนนี้
“มานับๆ เวลาดูแล้ว ไม่แน่ลูกเราอาจจะติดตั้งแต่ที่เกาะเสม็ดก็ได้นะ หนูน้อยในท้องเมียพี่ต้องเมดอินเกาะเสม็ดแน่ๆ” เจ้าบ่าวสุดหล่ออยู่ในชุดแต่งงานแบบสีขาวเรียบง่าย ก้มลงมากระซิบกระซาบเจ้าสาวข้างกาย
“งั้นให้ลูกชื่อน้องเสม็ดดีไหมคะ” เจ้าสาวแสนหวานตอบกลับทีเล่นทีจริง
“เอางั้นจริงดิ แน่ใจ?”
“เมษ์พูดเล่นน่า แหม” เธอตีแขนคนรักเบาๆ ค่ำคืนนี้เป็นคืนที่เธอมีความสุขมาก ไม่ใช่แค่เพราะได้แต่งงานกัน แต่เป็นเพราะแขกทุกคนที่มาร่วมงานในวันนี้ต่างเป็นเพื่อนพ้องญาติพี่น้องที่สนิทสนมกันจริงๆ
ด้วยสถานที่แต่งงานนั้นต้องเดินทางข้ามเกาะ บุคคลที่ถูกเชิญรวมถึงทุกคนที่มาในคืนนี้ย่อมต้องเป็นคนที่เธอกับเมธากรอยากให้มาอยู่ร่วมเป็นพยานรักด้วยกันจริงๆ
โดยเฉพาะภาคย์...
“ไงมึง” ภาคย์เดินยิ้มมาแต่ไกล ทักทายเพื่อนสนิทด้วยสีหน้าก่อกวน ก่อนจะหันไปมองขวัญเมษาที่เวลานี้เธอไม่ได้มีสีผมชมพูพิ้งค์สว่างไสวเหมือนแต่ก่อนแล้ว ผมสีน้ำตาลธรรมชาติเปลี่ยนลุคจากสาวชาวร็อคมาเป็นสาวหวานได้อย่างไม่น่าเชื่อ
คุณนาย…นี่มันลุคคุณนายชัดๆ
แต่ไม่ว่าจะลุคไหนขวัญเมษาก็ดูโดดเด่นน่ามองอยู่เสมอ ไม่แปลกเลยที่จะเอาชนะใจไอ้เพื่อนที่หัวใจเคยไร้รักคนนี้ได้
“มาคนเดียวเหรอวะ” หมอหนุ่มใหญ่ถามกลับเมื่อเห็นว่าปกติแล้วภาคย์จะต้องมีสาวเดินเคียงข้างกายสักคนสองคน หากแต่คืนนี้มันกลับมาลำพัง
“จะให้กูมากับใคร กูไม่ได้มีเมียเหมือนมึงนะครับ ยินดีด้วยนะครับน้องเมษ์ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเรากับเพื่อนพี่จะลงเอยกันจริงๆ”
ตอนนี้เพื่อนในกลุ่มที่มหาวิทยาลัย เหลือเพียงภาคย์เจ้าของผับรูปหล่อคนนี้คนเดียวที่ยังโสด และไร้วี่แววว่าจะแต่งงาน
“ขอบคุณมากค่ะพี่ภาคย์ อันที่จริงถ้าเมษ์ไม่ได้ทำงานที่ผับพี่ภาคย์ก็คงไม่ได้เจอสามีที่แสนดีแบบพี่หมอเมธคนนี้หรอกค่ะ” ว่าพลางซบไหล่เจ้าบ่าวโชว์หวานใส่ภาคย์ไปหนึ่งกรุบเบา ๆ
“ตายๆ แบบนี้คนโสดตายแย่สิครับ มึงนะไอ้หมอ ร้ายจริงๆ ทิ้งกูไปมีเมียไม่บอกไม่กล่าว โผล่มาอีกทีได้ทั้งเมียทั้งลูก แล้วไหนตอนแรกบอกจะโสดไปด้วยกันไงวะ โด่ ไอ้เฮ่!” ได้ทีภาคย์ชกไหล่เจ้าบ่าวหน้าหล่อด้วยความหมั่นไส้
ปกติไอ้หมอก็หล่อมากอยู่แล้ว พอเจอในวันแต่งงานก็ยิ่งหล่อขึ้นอีก แต่ถึงอย่างไรเขาก็อดยินดีกับเมธากรไม่ได้จริงๆ คนอย่างมันมีเพียบพร้อมทุกอย่าง สมแล้วที่ต้องมีคู่ครองและครอบครัวที่น่ารักเสียที
“ทำไงได้ ก็ความหล่อมันไม่ปรานี น้องเขาเป็นคนเข้ามาจีบกูก่อน มึงนั่นแหละภาคย์ รีบหาเมียได้แล้ว เดี๋ยวสเปิร์มจะฝ่อหมดเสียก่อน”
“พูดแบบนี้เกทับกูสินะ ไอ้หมอ มึงไม่ต้องมาขิง อ่อ! กูลืมไป มึงมันสี่สิบยังแจ๋ว ไม่เท่าไหร่ก็เอาลูกติดจนได้ กูเองก็มั่นใจในคุณภาพสเปิร์มของกูเหมือนกัน”
“แฮ่ม พี่ๆ ลืมหรือเปล่าคะว่าเมษ์ยังอยู่ตรงนี้” ขวัญเมษากระแอมเบาๆ ด้วยความขัดเขิน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เจอภาคย์พร้อมกับเมธากร และเพิ่งได้เห็นอาจารย์หมอของเธอพูดด้วยถ้อยคำหยาบคายแถมหยาบโลนสวนทางกับภาพลักษณ์ที่สร้างสมมา แต่...เอาจริงๆ ว่าไปแล้วก็มีเสน่ห์ไปอีกแบบ
เพราะมันดูเหมือนเขามีหลายบุคลิก แต่ถ้าถามว่าแบบไหนที่เธอชอบที่สุด ก็เห็นจะเป็นเมธากรตอนอยู่ด้วยกันบนเตียง! แซ่บสุดเด็ดสุดอะไรสุด จัดหนักจัดเต็มไม่ยอมให้เธอพัก แค่เสียงครางของเขาก็เล่นเอาเธอใจเหลว
“ขอโทษครับ น้องเมษ์คงยังไม่ชินสกิลปากหมา พวกพี่ยังมีอีกเยอะ…”
“มึงคนเดียวครับภาคย์ กูเลิกแล้วเดี๋ยวลูกเลียนแบบ” ว่าที่คุณพ่อรีบออกตัวทันที
“ครับ กูจะพยายามครับ ดีใจด้วยที่มึงมีวันนี้” คราวนี้สายตาและน้ำเสียงของภาคย์บ่งบอกว่าเขาดีใจกับเพื่อนจากใจจริง ดีใจจนแทบอยากจะร้องไห้ออกมา
“หยุดๆ อย่ามาร้องตรงนี้กูจะบ้า” หมอหนุ่มใหญ่รีบห้ามปรามเพื่อน ไม่ใช่อะไร เพราะเขาเห็นแล้วก็จะร้องไห้ตามมันไปด้วย ขวัญเมษาเห็นขึ้นมาได้อับอายขายขี้หน้าเป็นแน่
“เออ ก็คนมันซึ้งนี่หว่า” อย่างว่าแหละ คบกันมานานนมหลายปี เพื่อนรักแต่งงานทั้งทีก็อดซึ้งใจไม่ได้
รอยสักแบบนี้เธอจำได้ดี มันไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน และเธอก็ชอบมันมาก ลวดลายมันยังคงติดตาเธอมาถึงตอนนี้“เอ่อ รอยสักของพี่ลายนี้ สวยจังเลยนะคะ” หญิงสาวเริ่มตะกุกตะกักเมื่อพบว่าเธอเคยเห็นรอยสักลวดลายแบบนี้มาก่อน“อืม พี่ออกแบบคิดค้นขึ้นมาเอง มีที่เดียวในโลก หนูไม่มีทางไปเจอมันบนตัวของผู้ชายคนไหนอีกอย่างแน่นอน” ภาคย์อมยิ้ม เขาอ่านประกายสายตาของเธอออก ต้องมนตร์ดูตกใจ เหมือนกำลังนึกบางอย่างขึ้นมาได้“ใช่…ใช่คนเดียวกันแน่ๆ” ทั้งดวงตาและใบหน้าที่เธอเคยประทับใจ ทั้งน้ำเสียงนุ่มๆ ทั้งความรู้สึกคุ้นเคยตอนเจอกันต้องมนตร์อยากจะเขกหัวตัวเองหนัก ๆ อีกรอบก็แล้วใครมันจะไปคาดคิดกันละว่าจะเป็นเขาคนนั้น ตอนที่เจอกันครั้งแรกเขาเป็นพระ ส่วนครั้งต่อมาเขาดันไปปรากฏตัวบนเวทีในบาร์โฮส“หลวงพี่ แล้วทำไมหลวงพี่ถึง…”“พี่ไม่ได้เป็นพระแล้ว เรียกพี่ภาคย์ก็พอ”เธอจ้องหน้าเขาแล้วยิ้มกว้าง รู้สึกดีใจเหลือเกินที่ตอนนี้เขาไม่ได้เป็นพระเหมือนกับตอนนั้น ความอบอุ่นวาบหวามแผ่ซ่านขึ้นมาอย่างประหลาด“หลวงพี่เคยบอกหนูว่า…คนเราพอมีรักก็ย่อมมีทุกข์ แต่ว่าตอนนี้หนูมีความรักอีกแล้ว…. หนูควรจะทำตามหัวใจของตัวเองใช่ไหมคะ หลว
“ใจเย็นก่อนหนู” ภาคย์เอ่ยพลางอมยิ้ม เมื่อคนตัวเล็กเข้ามานั่งข้าง ๆ ในรถแล้วสวมกอดเขาในทันที….ใครจะไปใจเย็นไหว คิดถึงจะแย่แล้วเนี่ย ต้องมนตร์เพียงแค่คิดแต่ไม่ได้พูด เธอยื่นสองมือไปโอบประคองสองข้างแก้มของเขาในท่วงท่ามันเขี้ยว ก่อนจะขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “จูบหนูหน่อย จูบหนูหน่อยนะคะ…นะคะ”ต้องมนตร์นอนไม่หลับมาตั้งสามคืนเพราะเขา และเขาก็ต้องรับผิดชอบ“อื้อ” คนจูบเก่งรีบจัดให้โดยไม่อิดออด ทั้งขยับดูดเน้นย้ำ ๆ ทั้งสอดใส่ปลายลิ้นเข้าไปปั่นป่วนในโพรงปากเธออย่างซุกซน“หนูคิดถึงพี่มาก ๆ เลย” หญิงสาวรีบสารภาพ“แล้วพี่ล่ะ คิดถึงหนูบ้างไหมคะ” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังเงียบอยู่ต้องมนตร์ก็ยิงคำถามต่อไปใส่ทันที“คืนนี้ให้พี่ดูแลหนูอีกนะ” สำหรับต้องมนตร์แล้วทั้งน้ำเสียงออดอ้อนและสายตาที่ดูโหยหาเธอนั้นใช้แทนคำตอบได้เป็นอย่างดี “ไปบ้านพี่ไหม….”“ไปค่ะ…ถ้า….” แววตาของเธอมีความลังเลปะปนอยู่ในนั้น “ถ้าอะไร”“ถ้าพี่ยังโสด…”ภาคย์คลี่ยิ้มลุ่มลึกก่อนจะออกรถ ในขณะที่หญิงสาวก็คิดว่าความลึกลับที่ซุกซ่อนอยู่ในความเปิดเผยจริงใจของเขานี่แหละคือเสน่ห์เฉพาะตัวของชายหนุ่ม “หนูชอบพี่ สองสามวั
ตัดภาพไปที่ต้องมนตร์ เธอโมโหตัวเองจริงๆ เธอบอกหมายเลขห้องให้เขาไปอย่างละเอียด แต่ดันไม่ขอเบอร์ติดต่อของเขาหรือแลกไลน์กันเนี่ยนะ! จะบ้าตาย!เอาน่า…. ถึงยังไงก็ต้องทำใจ มันก็แค่การอ๊อฟหนุ่มโฮสมาเดทแค่ชั่วคราว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่คิดค่าตัวแล้วก็ออกเงินเลี้ยงเธอทุกอย่างก็ตามเถอะ!พรุ่งนี้พอตื่นเช้ามาทุกอย่างก็กลับสู่โลกของความเป็นจริงแล้ว หากวันหลังเกิดเหงาขึ้นมาก็ค่อยไปเที่ยวที่บาร์โฮสแห่งนั้นอีกครั้งก็ได้คิดแล้วเธอก็อาบน้ำนอน กอดหมอนข้างฝันหวานถึงรสจูบอันหวานซึ้งของเขาอย่างพร่ำเพ้อ…งือ….ถ้ามีเขาคอยนอนกอดทั้งคืนก็คงจะดีหลังจากสองคืนที่เธอคิดถึงเขาแทบบ้าผ่านพ้นไป ต้องมนตร์ก็พบว่าตัวเองมายืนอยู่ตรงหน้าบาร์โฮสแห่งนี้อีกครั้ง และครั้งนี้เธอก็มาคนเดียวหัวใจดวงน้อยเรียกร้องให้หญิงสาวก้าวเท้าเข้าไปข้างใน และถึงแม้ว่าจะมีหนุ่มหล่อเดินผ่านตาไปมา ทว่าหญิงสาวก็ไม่ว่อกแว่ก เพราะคนที่เธอต้องการมาพบในคืนนี้นั้นคือเขาแค่คนเดียว“วันนี้จะรับกี่ดื่มดีครับ” เสียงทุ้มนุ่มของพีอาร์หนุ่มลอยมาเข้าหูหญิงสาวทันทีที่เธอหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟา ทว่าแววตาของเธอกลับล่องลอยเหม่อมองไปบนเวทีพี่เขาไม่อยู่ที่นั่น ไม่มีแม้แ
บนที่นั่งที่ดีที่สุดในโรงภาพยนตร์วีไอพี หนังรอบดึกเริ่มฉาย และหลายคู่รักก็เริ่มพลอดรักกันอย่างสวีทหวานชื่น บางคู่ก็เริ่มลูบหัวกันอย่างรักใคร่เอ็นดู บางคู่ก็เริ่มล้วงควักกอดจูบกันนัวเนียต้องมนตร์เองก็เริ่มเอนกายซบหนุ่มโฮสต์รุ่นใหญ่ที่ตัวเองอ๊อฟมา หญิงสาวเลือกดูหนังรักโรแมนติกที่มีฉากเลิฟซีนค่อนข้างเยอะ และวินาทีนี้….สำหรับต้องมนตร์แล้ว พระเอกฮอลลีวูดรุ่นใหญ่ขวัญใจสาว ๆ ทั่วโลกที่กำลังยิ้มกว้างอยู่บนจอก็ไม่น่าดึงดูดใจเท่ากับเจ้าของบ่าอุ่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ“ชอบรุ่นใหญ่เหรอเราน่ะ” ภาคย์เหลือบมองคนตัวเล็กที่ยิ้มพริ้มซบบ่าเขาอยู่ เธอดื่มไวน์จนพวงแก้มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อ แถมยังหาวยาว ๆ เพราะง่วงนอน พอมองไปมองมาภาพที่เธอเคยนอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ในศาลาวัดก็ย้อนกลับเข้ามาในหัวจนเขาต้องกลั้นขำ“จะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ อายุก็เป็นเพียงตัวเลขทั้งนั้นแหละค่ะ” ต้องมนตร์เอ่ยพร้อมกับช้อนสายตาหวานเยิ้มขึ้นมองเขา“ไหนบอกจะดูหนัง แล้วทำไมถึงเอาแต่จ้องหน้าพี่” ภาคย์ดูหนังไม่รู้เรื่อง เพราะหน้าหล่อ ๆ โดนสาวสวยที่ควงมาจ้องเอา ๆ“เอ่อ….” ต้องมนตร์ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรัก พยายามดึงตัวเองให้หลุดออกมาจา
“พอ ๆ พอได้แล้ว รีบไปกันเถอะ” ภาคย์ตัดสินใจดับบุหรี่ ส่วนต้องมนตร์ก็ควงแขนเขาเดินไปยังรถยนต์คันเล็กๆ ของเธอ และพอไปถึงภาคย์ก็ดึงกุญแจรถจากมือเธอมาไว้ในมือตัวเองทันที“เดี๋ยวพี่ขับให้เอง หนูกินเหล้าไปตั้งขนาดนั้น นั่งฟังเพลงในรถเฉย ๆ ก็พอ จะเริ่มจากชอปปิง กินข้าวแล้วก็ดูหนังรอบดึกใช่ไหม”“ค่ะ” ต้องมนตร์อมยิ้มพร้อมพยักหน้าหงึกหงัก พอภาคย์เปิดประตูรถให้เธอก็รีบเข้าไปนั่งพร้อมรัดเข็มขัดนิรภัยอย่างรวดเร็ว หลังจากขยับเลื่อนเบาะตรงที่นั่งคนขับให้พอดีตัวแล้ว ภาคย์ก็ออกรถอย่างช้าๆ ไม่ลืมดึงมือเธอมากุมไว้ในแบบที่หนุ่มโฮสเขาชอบทำกันต้องมนตร์รู้สึกอบอุ่นหัวใจจนหน้าแดง พอนึกแล้วก็อยากจะรวยมากๆ เพราะหากซื้อตัวเขามาเป็นเพื่อนเที่ยวได้ทุกคืนแบบนี้ก็คงจะดภาคย์ขับรถไปยังห้างหรูที่มีทำเลตั้งอยู่ใกล้บาร์โฮสของเขามากที่สุด เพราะจะได้ชอปปิง กินข้าวและดูหนังเสร็จสรรพจบครบในที่เดียวต้องมนตร์ควงแขนภาคย์เดินเล่นในห้าง และอาการเมาไม่สร่างก็ทำให้หญิงสาวอารมณ์ดีและกล้าหาญชาญชัยในการเต๊าะผู้ชาย พอเห็นเงาสะท้อนจากบานกระจกหญิงสาวก็นึกขำ ผู้ชายที่เธอออฟมาดูไม่เหมือนหนุ่มโฮสเลยสักนิด เขาดูรวย ดูเหมือนกับป๋า ที่ควงเ
“เอา!!! คืนนี้ฉันจะออฟด้วย แกก็ไปหาผู้ชายของแก ส่วนฉันก็ไปหาผู้ชายของฉัน พอได้ผู้ชายแล้วก็แยกย้ายเลยละกัน” ต้องมนตร์หันไปกระซิบเพื่อน ในขณะที่สายตายังคงวนเวียนอยู่ที่หนุ่มใหญ่บนเวทีนี่เธอก็เข้าใจผิดมาตลอดว่างานนี้เขาจำกัดอายุ ไม่นึกเลยว่าเขาจะรับทุกรุ่น แล้วเธอก็ดันชอบรุ่นใหญ่เนี่ยนะ…“ถูกใจคนไหนก็รีบเลยนะแก ก่อนที่จะโดนแย่ง” เพื่อนรีบเอียงคอมากระซิบบอก“เอา…เอาคนนี้แหละ” ต้องมนตร์ยิ้มเขิน ชูมือขึ้นทำเป็นปืนแล้วเล็งไปทางเขา จากนั้นก็ยกแก้วเหล้าขึ้นซดอย่างครึกครื้น“ไหน…ไหนแกเล็งคนไหนเอาไว้”“ก็คนนั้นไง คนแก่ ๆ นั่นน่ะ” ดูเหมือนว่าคนที่อยู่บนเวทีนั้นจะยังไม่รู้ตัว ว่ามีสาวน้อยน่ารักหมายตาอยากได้เขามาเอาอกเอาใจตัวเองในคืนนี้ภาคย์ที่ตอนแรกกะจะมาตรวจงาน ตอนนี้กลับแฝงตัวเป็นหนุ่มโฮสรุ่นใหญ่ที่เต้นอย่างสนุกสนานอยู่บนเวที พอมาเห็นบรรยากาศแล้วก็พอใจ เดี๋ยวพอลงจากเวทีแล้วกะว่าจะไปนั่งจิบไวน์ชิลล์ ๆ ที่ผับอีกแห่งต่อ….แต่ทว่า พอลงจากเวทีก็มีสาวตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักมายืนดักทางเอาไว้ในทันที“คืนนี้หนูออฟพี่นะคะ”ภาคย์ตกใจ ใบหน้าคมคายชะงักงันไปชั่วครู่ วินาทีแรกก็ตกใจด้วยไม่นึกว่าจะมีสาวน้อยมาสน
ต้องมนตร์นั่งจิบกาแฟยามบ่ายอยู่ที่ร้านกาแฟของเพื่อนสนิท เพื่อนเปิดร้านกาแฟข้างทางชื่อร้านว่า ‘พ่อไม่รู้ว่าหนูเป็นตุ๊ด’ และตอนนี้สภาพจิตใจของคนเคยอกหักก็ดีขึ้นมาก มากจนเรียกว่าหายเป็นปกติแล้วก็ว่าได้“คืนนี้ว่างไหม ไปกินเหล้ากัน” หญิงสาวเอ่ยเจื้อยแจ้ว ตั้งแต่เมาแล้วเลี้ยวรถเข้าวัดในวันนั้น ต้องมนตร์ก็ไม่ได้แตะเหล้าอีกเลย “แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงนึกอยากกินเหล้า” เพื่อนสาวสองที่ชงกาแฟให้ลูกค้าหนุ่มหล่ออยู่หันมาถาม “ก็ฉลองที่ตัดใจได้ ไม่เหลือความเศร้าอะไรแล้วไง” ดวงตาทอประกายมีความสุขก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเพื่อนแล้วบอกว่า “นะ นะ แกคืนนี้พาไปเที่ยวหน่อย”“ไม่ว่าง นัดผู้ชายเอาไว้”“หูย! ทำไมตอบกันแบบไม่มีเยื่อใยอย่างนี้” หญิงสาวย่นจมูกให้เพื่อน ก่อนจะพุ่งเข้าไปโอบกอดเขาอย่างออดอ้อนอีกครั้ง “ไปด้วยกันนะแก ถ้าฉันเมาแล้วใครจะดูแล”“หล่อนน่ะกระเป๋าหนักหรือเปล่า”“ถ้าหมายถึงมีเงินเยอะไหมล่ะก็…เยอะมาก นี่แหละสวยและรวยมากของแท้” ฐานะทางการเงินของต้องมนตร์จัดได้ว่าอยู่ในระดับมหาเศรษฐี ครอบครัวของหญิงสาวเป็นเจ้าของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โอมากาเสะ หญิงสาวเป็นลูกคนเล็กของบ้าน มีนิสัยไม่ชอบอยู่ในกรอบ แตกต่า
“เดี๋ยวนี้หนุ่ม ๆ ไม่ค่อยมาบวชกันหรอก หลวงพี่นี่แหละเป็นพระที่อายุน้อยที่สุดในวัด ที่เหลือก็หลวงตาอีกสี่ห้ารูป” พระหนุ่มใหญ่ใจนักเลงหันไปพูดเสียงเข้ม ส่วนหญิงสาวที่กำลังยืนกวาดใบไม้อยู่ห่างๆ ก็คลี่ยิ้มน้อยๆ“หลวงพี่มาบวชนานเหรอยังคะ อกหักเหมือนหนูแล้วมาบวชหรือเปล่า” คนตัวเล็กหันมาส่งเสียงเจื้อยแจ้วถามด้วยความสงสัย “หึ!” พระภาคย์เอาแต่อมยิ้ม หากจะให้บอกไปว่าแม่สั่งให้มาบวชเพราะพระอาจารย์ทักว่าถ้าบวชแล้วจะเจอเนื้อคู่ก็กลัวว่าเธอจะมองเป็นเรื่องไร้สาระ“อาตมาไม่ได้อกหัก อาตมามาบวชเพราะอยากจะอยู่แบบสงบ ๆ สักพัก ส่วนโยมก็….รีบ ๆ ตัดใจแล้วหาแฟนใหม่ซะ” พระภาคย์ไม่ถนัดปลอบใจใคร ก็เลยแนะนำให้โยมสาวสวยมีรักใหม่ไปเสียให้มันจบๆ“จริงด้วยสิคะ! หนูคงต้องรีบหาแฟนใหม่ แต่หลวงพี่ก็พูดเหมือนกับว่ามันหาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นแหละ”“แฟนใหม่หาไม่ยาก แต่ที่หายากคือแฟนดีต่างหากล่ะโยม”“แล้วหลวงพี่มีเพื่อนดี ๆ แนะนำให้หนูรู้จักมั้ยคะ แบบที่ไม่ได้เป็นพระเหมือนกับหลวงพี่น่ะค่ะ”พระภาคย์กระตุกยิ้ม รุ่นนี้แล้ว… ส่วนใหญ่ถ้าไม่แต่งงานมีลูกมีเมียกันไปหมดก็เป็นเกย์“แล้วแฟนเก่าเขาทำไว้กับโยมยังไงบ้างเหรอ” ที่ถามนั้นไม่ได
“หนูชื่อต้องมนตร์ค่ะหลวงพี่ เมื่อคืนนี้ถ้าไม่ได้หลวงพี่ช่วยไว้ล่ะก็หนูแย่เลย”ต้องมนตร์ในสภาพเมาค้างคลี่ยิ้มให้พระภาคย์พร้อมยกมือขึ้นพนมไหว้ ดวงตายังคงเยิ้มและฉ่ำปรือ เมื่อคืนเมาแล้วร้องไห้จนตาบวม แถมยังลุกขึ้นส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายจนทางร้านรีบไล่ให้กลับเพราะรบกวนลูกค้าคนอื่น“ไม่เป็นไรหรอกโยม แล้วเมื่อคืนโยมนอนที่ศาลาวัดหลับสบายดีไหม”“ก็…มีตื่นขึ้นมาแล้วปวดหลังนิดนึงค่ะหลวงพี่”เมื่อคืนนี้พระภาคย์บอกให้เด็กวัดเอาหมอน เสื่อและผ้าห่มมาให้ต้องมนตร์ที่ศาลาวัด ตามด้วยพัดลมกับยากันยุง“เมื่อคืนนี้โยมเมามาก อาตมาเห็นโยมทะเลาะอยู่กับหมาวัดตั้งนานกว่าจะนอน โยมส่งเสียงดังโวยวาย อาตมาคิดว่าโยมน่าจะโกรธแค้นใครมาสักคนแล้วเอาอารมณ์มาลงที่หมาวัดของอาตมา”พระภาคย์กลั้นขำตอนพูด ส่วนอีกฝ่ายได้แต่ทำหน้าตาเลิ่กลั่ก“เอ่อ…” ต้องมนตร์พูดอะไรไม่ออก ได้แต่คิดว่าเมื่อคืนไม่น่ากินเหล้าเข้าไปมากขนาดนั้นเลย“ว่าแต่ชื่อเพราะดีนะโยม ต้องมนตร์หรือว่าต้องคุณไสยกันแน่” พระหนุ่มอมยิ้ม ก่อนจะพยายามปั้นสายตาเปี่ยมเมตตามองหญิงสาว“ต้องมนตร์สิคะ ต้องคุณไสยอะไรกันคะหลวงพี่!” ต้องมนตร์ไม่อยากต่อปากต่อคำกับพระ เลยเบนสายตาไป