แชร์

2 เด็กชายมอมแมม

ผู้เขียน: รอรีวัน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-13 21:34:10

 

เดี๋ยวเดินเดี๋ยวหยุด จนพระอาทิตย์ขึ้นตรงหัวฟู่ลี่อิ๋งก็ยังมิถึงจุดหมายปลายทาง บ่าวสองคนที่เดินตามหลัง ถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า โชคดีที่บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนวุ่นวาย คุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวจึงดูเหมือนจะไม่ได้ยิน สิ่งที่พวกนางสองคนก่นด่า

“ดูสิ ปกตินางเคยเดินที่ไหนกัน” เสี่ยวเยว่กอดอกบ่นอยู่เบื้องหลัง นางต้องเสียไปเวลาตลอดช่วงเช้า เพื่อเอามาใช้กับการเดินตามหลังสตรีร้ายกาจต้อย ๆ

“เจ้าอย่าพูดไปสิ เกิดนางได้ยินขึ้นมาเดี๋ยวก็หันมาลงไม้ลงมือกับเราพอดี” เสี่ยวถิงบอกให้สหายอย่างส่งเสียงดังไปมากกว่านี้

“นางไม่ได้ยินหรอก หากนางได้ยินก็คงหันมาตบตีพวกเราสองคนไปแล้ว” เสี่ยวเยว่เอ่ย

“หรือที่จริงนางได้ยิน แต่เหนื่อยเกินกว่าจะหันมาตบตีพวกเราสองคนกลางตลาด” เสี่ยวถิงเสริม

“ไม่ใช่ว่าหลังจากกลับไปแล้ว พวกเราสองคนโดนเฆี่ยนหลังลายหรอกนะ”

จู่ ๆ ทั้งสองคนก็คิดอะไรดี ๆ ได้ในเมื่อนี่เป็นโอกาสทอง ก็ขอใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า สาวใช้สองนางกระซิบกระซาบกันเบา ๆ ไม่ให้ผู้ใดได้ยิน ก่อนจะค่อย ๆ ลดความเร็วในการเดินของพวกตนให้ช้าลงจนกระทั่งหยุดเดินและปล่อยให้คุณหนูตัวแสบเดินลิ่วไปอยู่ผู้เดียว

กระทั่งแผ่นหลังแบบบางของฟู่ลี่อิ๋งแสนร้ายกาจหายลับไปกับฝูงชน พวกนางจึงเดินตบมือด้วยความสบายใจ พร้อมกับเข้าไปนั่งดื่มน้ำชาที่ร้านข้างทาง

ไม่ใช่ว่าฟู่ลี่อิ๋งไม่ได้ยินในสิ่งที่ทั้งสองคนกล่าวนินทานางลับหลัง แต่นางคร้านจะหันไปตบตีด่าทอ กลับจวนโหวเมื่อไหร่ค่อยลงโทษก็ไม่เสียหาย เวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนางคือการไปให้ถึงศาลเจ้าท้ายตลาดเสียที

“เสี่ยวถิง ขอน้ำให้ข้าหน่อย” คนตัวเล็กยื่นมือส่งไปด้านหลังเพื่อรับถุงหนังสำหรับใส่น้ำดื่ม

แต่ยื่นออกไปอยู่นานดันมีแต่ความว่างเปล่า นางจึงหันกลับไปตั้งใจจะเอาเรื่อง แต่กลายเป็นว่าไร้เงาของหญิงรับใช้และองครักษ์ประจำกาย

คนพวกนั้นหายไปหมดแล้ว!!

เท่ากับว่าในเวลานี้ฟู่ลี่อิ๋งกำลังอยู่เพียงลำพังในตลาดที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คน นางไม่เคยออกมานอกจวนโหวเพียงลำพัง ความรู้สึกจึงเต็มไปด้วยความหวั่นใจและกังวลใจ ระยะทางจากตรงนี้เพื่อกลับจวนและไปให้ถึงศาลเจ้า เมื่อคำนวณแล้วออกมาไม่ห่างกันมากนัก

อย่างน้อย ๆ ก็ไปให้ถึงที่นั่นดูดวง ทำนายฝันให้เรียบร้อย จากนั้นค่อยนั่งรถม้ารับจ้างกลับจวนโหวก็ยังไม่สาย

นางไม่น่านึกอยากเป็นคนดียกรถม้าให้กับฟู่เหยาเหยา คิดได้ในตอนนี้ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว ในที่สุดเมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงค่อย ๆ หอบสังขารร่างกายอันอ่อนแอไปให้ถึงศาลเจ้าท้ายตลาดให้จงได้ หากเป็นคนปกติทั่วไป จากจุดนี้คงใช้เวลาไม่ถึงสองก้านธูป

แต่นางกลับใช้เวลาเดินยาวนานถึงเกือบหนึ่งชั่วยาม

เมื่อได้มาเดินเช่นนี้ทำให้นางได้เห็นคุณภาพชีวิตของชาวบ้านทั่วไป บ้างร่ำรวย บ้างเร่ร่อน บ้างยากจน ทุกคนล้วนแล้วแต่มีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ฟู่ลี่อิ๋งคิดถึงชีวิตของตนเอง ใช่แล้ว ใครใช้ให้พวกเขาไร้วาสนา เกิดมาต่ำต้อยกันเล่า

“พี่สาว” จู่ ๆ เด็กชายมอมแมมผู้หนึ่งก็วิ่งมากระตุกชายกระโปรงของนาง

ฟู่ลี่อิ๋งขมวดคิ้วในใจนึกรังเกียจแต่เมื่อพิจารณาดูให้ถ้วนถี่เด็กชายที่เนื้อตัวมอมแมมผู้นี้ผอมบางยิ่งนัก เขาน่าสงสารมากกว่าน่ารังเกียจ

“มีเรื่องใด” ในใจอยากจะเดินต่อ แต่ก็อยากรู้เหตุผลที่หนุ่มน้อยผู้นี้กล้าใช้มือสกปรกนั่นจับกระโปรงผ้าไหมราคาแพงของนาง

“ข้าหิวเหลือเกินขอรับ” เด็กชายทำหน้าเศร้า แม้แต่เรี่ยวแรงจะพูดก็แทบจะไม่มี

“แล้วเหตุใดถึงไม่กินล่ะ แม่ของเจ้าไม่หาข้าวหาปลาให้กินหรือ ที่บ้านไม่มีคนรับใช้หรืออย่างไร” ฟู่ลี่อิ๋งพูดออกไปตามความคิดของนาง ตอนหลังถึงได้มาคิดได้ว่า ข้าวซักถ้วยยังหากินไม่ได้จะเอาปัญญาที่ไหนไปจ้างคนรับใช้

“ข้าน้อยเป็นเด็กกำพร้า ตอนนี้พลัดหลงกับครอบครัวขอรับ ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาหลายวันแล้ว” เด็กน้อยยืนโซเซอ่อนแรง

“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ใครเขาจะเชื่อเจ้า” ถึงจะอยากเชื่อแต่สภาพของเด็กน้อยผู้นี้เข้าขั้นยาจก เหตุการณ์น่าจะเป็นอย่างที่เขากล่าวจริง ๆ

ฟู่ลี่อิ๋งที่สุขสบายมาทั้งชีวิตไม่รู้ว่าอดข้าวจนอ่อนแรงเป็นความรู้สึกอย่งไร

“จริง ๆ นะขอรับ อย่างน้อยก็ขอให้ข้าได้กินข้าวสักมื้อ พอข้ามีแรงจะได้ออกตามหาครอบครัว” เขาทำหน้าจ๋อยเพราะรู้ว่าใครได้เห็นเขาในสภาพเช่นนี้ย่อมไม่เชื่อ ว่าเขาพลัดหลงกับครอบครัวจริง ๆ

เจ้าของใบหน้าสวยหวานกลอกตาไปมา หากเดินไปแค่อีกไม่กี่ตรอกก็ถึงศาลเจ้า นางบึนปากอย่างไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ยอมจูงมือสกปรกของเด็กชายเดินเข้าไปในร้านอาหารที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว

เสี่ยวเอ้อ เห็นสตรีใบหน้างดงามเดินเข้ามาด้านในก็รีบกุลีกุจอเข้ามารับรองบริการ ถึงแม้จะรังเกียจเด็กชายที่เดินตามเข้ามาแค่ไหนก็ตาม ‘ไม่รู้ว่านางเป็นบุตรสาวบ้านไหนถึงได้งดงามเช่นนี้’

“คุณหนูเชิญทางนี้” เขาพาฟู่ลี่อิ๋งและเด็กชายมอมแมมเข้าไปมุมในสุดของร้าน เนื่องด้วยเพราะรังเกียจเด็กชาย

ฟู่ลี่อิ๋งเข้าใจเจตนาของเสี่ยวเอ้อดีจึงมิได้เอ่ยปากพูดสิ่งใด เพียงแค่เดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย นางสั่งอาหารง่าย ๆ สองสามอย่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาหารสำหรับเด็กมีรสชาติไม่เผ็ด พร้อมกับขอผ้าชุบน้ำเพื่อนำมาสำหรับชำระล้างใบหน้าเด็กชาย

“พี่สาว ท่านไม่ทานหรือ” เด็กชายเห็นนางทำเพียงแค่จิบชาก็รู้สึกเกรงใจ เนื่องด้วยกังวลว่าตัวเองจะเป็นภาระ

“ข้าไม่อยากกิน ใครจะอยากกินข้าวกับเจ้ากัน เจ้าตัวเหม็นน้อย” อาหารที่อยู่บนโต๊ะล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่นางกินไม่ได้ เพราะส่งผลร้ายต่อสุขภาพของนาง แต่สำหรับเด็กล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดี จึงได้หาเหตุผลอ้างไปเรื่อย “ว่าแต่เจ้าเด็กน้อย เจ้าชื่ออะไร” นางเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อให้เด็กชายเลิกพะวงกับการไม่กินข้าวกับเขา

“ข้าน้อยแซ่เว่ย มีนามว่าเจี้ยนไค” เด็กชายเอ่ย

“งั้นหรือ” ฟู่ลี่อิ๋งตั้งใจฟังเด็กชายพูดเจื้อยแจ้ว

เมื่อพิจารณาให้ดีพบว่าเสื้อผ้าที่เด็กชายสวมใส่ เป็นผ้าไหมอย่างดีคุณภาพแทบไม่ต่างอะไรจากที่ท่านพ่อและพี่ชายของนางสวมใส่ มีแต่ตระกูลคหบดีเท่านั้น จึงจะมีแพรพรรณแบบนี้ หรือที่เขาบอกว่าพลัดหลงกับครอบครัวจะเป็นเรื่องจริง

 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   73 เรื่องราวอันเป็นมงคล

    จนถึงตอนนี้ฟู่ลี่อิ๋งก็ยังไม่ได้ยินข่าวคราวของฟู่เหยาเหยาคล้ายกับว่านางหายไปจากโลกนี้อย่างไรอย่างนั้น อากาศในเมืองหลวงเริ่มหนาวขึ้นทุกวัน ๆ รวมไปถึงท้องของนางที่โตขึ้นเรื่อย ๆ การยืนเดินนั่งนอนของนางล้วนลำบากไปเสียหมด หลายครั้งที่ฟู่ลี่อิ๋งลุกขึ้นมานั่งร้องห่มร้องไห้กลางดึกเพียงเพราะอยากกินบะหมี่เนื้อรสเผ็ดทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านางไม่คอยชอบความเผ็ดของมัน ฟู่ลี่อิ๋งคิดถึงวันที่ที่พระสวามีเคยพาไปกิน คิดถึงเมื่อตอนที่แต่งงานกันใหม่ ๆ ส่วนเว่ยจงหมิงเองก็ตามใจและเข้าใจได้ไท่จื่อเฟยตั้งครรภ์ท้องแรกอีกทั้งยังไม่มีประสบการณ์ไม่มีผู้ใดสอนนางเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางจะกลัว กังวลและหวั่นใจไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นหน้าที่ของเขาที่เป็นสามีที่จะคอยให้ความอุ่นใจ อยู่เคียงข้างนางให้นางอบอุ่นใจในบางวันที่เว่ยจงหมิงต้องไปทำงานไกล ๆ ก็จะได้ไคไคน้อยมาอยู่เป็นเพื่อนคอยเล่านู่นเล่านี้ให้นางฟังไม่มีเบื่อถึงตอนนี้ฟู่ลี่อิ๋งถึงเพิ่งสังเกตว่าไคไคน้อยสูงขึ้นมาก จากที่เคยสูงกว่าเอวนางนิดหนึ่งตอนนี้หัวของเขาอยู่ในระดับไหล่นางเสี

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   72 อย่างไรก็เป็นน้อง

    หลังจากได้ยินเรื่องที่ฟู่เหยาเหยาหย่ากับเว่ยเจิ้งหยาง ฟู่ลี่อิ๋งก็ไม่สบายใจนัก นางไปถามกับพี่ชายว่าสาเหตุที่เขามาที่เมืองหลวง ใช่เรื่องเพราะเรื่องนี้หรือไม่ คราแรกเขาอ้ำอึ้งไม่ยอมพูดจนสุดท้ายนางก็คาดคั้นเอาคำตอบออกมาจากปากเขาได้ในที่สุดเมื่อได้ยินทุกอย่างที่นางอยากจะฟัง ฟู่ลี่อิ๋งจึงลากพี่ชายไปสืบความที่จวนเว่ยอ๋องด้วยกัน เนื่องด้วยไม่อยากไปเหยียบที่นั่นเพียงลำพังเว่ยเจิ้งหยางเมื่อได้ยินว่าไท่จื่อเฟยมาถึงที่นี่ก็ละทิ้งทุกอย่างรีบมาหานาง แต่เมื่อออกมาถึงกลับพบว่านางไม่ได้มาตามลำพัง เรื่องราวที่เคยคิดเข้าข้างตัวเองก็สลายหายไป นางมาที่นี่พร้อมกับฟู่หมิงจือ สีหน้าท่าทางของโหวน้อยดูกังวล ส่วนฟู่ลี่อิ๋งดูเย็นชาเห็นหน้าของเว่ยเจิ้งหยาง หญิงสาวก็เริ่มพูดคุยเขาเรื่องทันทีโดยไม่อ้อมค้อม“ข้าได้ยินจากไท่จื่อบอกว่าท่าหย่ากับน้องสาวของข้าแล้ว”เว่ยเจิ้งหยางเลิกคิ้วเล็กน้อย “ใช่แล้ว ข้าหย่ากับนางไปตั้งแต่วันที่กลับมาจากจวนเสนาบดีสี”“เรื่องสำคัญเช่นนี้ ไม่เห็

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   71 องค์หญิงเออร์น่า

    แสงอาทิตย์ลอดเข้ามาในห้องนับแล้วเท่ากับแปดครั้ง สีฮูหยินกระหยิ่มยิ้มย่องอย่างดีใจ นางหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างสะใจ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง จากนี้ไปจะไม่มีเว่ยจงหมิงอยู่บนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้วในขณะที่นางกำลังดีใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แสงไฟในคุกก็สว่างไสวประดุจกลางวัน สีฮูหยินที่อยู่ในความมืดมานานนับสัปดาห์ต้องหลับตาและใช้แขนเสื้อของตนเองปกป้องดวงตาของตัวเอง ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นนางจึงจะสามารถลืมตาขึ้นได้สิ่งที่สตรีวัยกลางคนเห็นเมื่อลืมตาขึ้นพบกับบุรุษที่นางเกลียดที่สุดผู้หนึ่งในชีวิต เว่ยจงหมิงนั่งอยู่บนคานหาม แบบสี่คนแบก ชายหนุ่มนั่งอยู่บนนั้นเส้นผมดำขลับถูกปล่อยสยายยาวสอดรับกับใบหน้าหล่อเหลา เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวสบาย ๆ ท่าทางไม่ทุกข์ไม่ร้อนกับสิ่งใด และดูไม่เจ็บไม่ป่วย“ทำไมเจ้ายังมีชีวิตอยู่” สีฮูหยินได้เห็นหน้าของเว่ยจงหมิงก็เริ่มมีปฏิกิริยาแห่งโทสะ“องค์หญิงเออร์น่าคงตกใจมาก ที่เห็นว่าข้ายังมีชีวิตอยู่” เว่ยจงหมิงหยิบองุ่นขึ้นมากินในขณะที่สนทนากับนาง“ไม่!!!

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   70 หลงใหลซึ่งกันและกัน

    อากาศยามเช้าหลังจากฝนหยุดตกสดชื่นปลอดโปร่ง เสียงวิหคบินวนขับขานดังกังวานไปทั่วทั้งพื้นที่ เช้าวันนี้นางรู้สึกว่าตัวเองสดชื่นกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะยาบำรุงของท่านซุน ที่ช่วยให้นางผ่อนคลายและหลับสบายมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ที่พระสวามีป่วยฟู่ลี่อิ๋งก็ย้ายออกไปนอนห้องนอนเล็กที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันเพราะนางไม่อยากรบกวนคนป่วยเกรงว่าตนเองจะนอนดิ้นและทำให้เขาลำบาก รอให้เว่ยจงหมิงฟื้นและหายดีก่อนค่อยกลับมาร่วมห้องทีหลังก็ได้ทุก ๆ วันฟู่ลี่อิ๋งจะมานั่งเฝ้าพระสวามีในห้อง นี่ก็ผ่านมา 7 วันนับตั้งแต่เขาถูกพิษ เว่ยจงหมิงก็ไม่ฟื้นสักที วันนี้ก็เช่นกันนางมานั่งข้างเตียงพูดคุยกับเขาดังเช่นเคยมือเรียวเล็กจับมือของเขามาสัมผัสที่หน้าท้องแบนราบของตนเอง“ท่านพี่ เมื่อไหร่ท่านจะฟื้นกันนะ” ร่างเล็กพึมพำ “ท่านรู้หรือไม่ว่าไคไคน้อยกำลังจะมีน้องชายน้องสาวแล้วนะ” ฟู่ลี่อิ๋งกระซิบแผ่วเบาสีหน้าของเว่ยจงหมิงดูดีกว่าหลายวันที่ผ่านมา วิธีการของท่านซุนออกจะประหลาดไปบ้างแต่ก็ได้ผล หนำซ้ำยังได้ยาบำร

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   69 รายล้อมไปด้วยรัก

    เสี่ยวหลงติดตามท่านเหลียงออกเดินทางไปยังเมืองต่าง ๆ เพื่อติดตามเรียนรู้วิชาการตัดเย็บเสื้อผ้าจากเหลียงเหลียนฮ่าวและฝากตัวเป็นลูกศิษย์ แต่เมื่อหลายวันก่อนตอนเดินทาง ในวันที่พายุฝนโหมกระหน่ำ คณะเดินทางของท่านเหลียงผ่านไปพบกับสตรีผู้หนึ่ง นางนอนกลายเป็นซากคล้ายกับศพอยู่ในเส้นทางที่พวกเขาผ่านสภาพของนางไม่ต่างอะไรจากซากศพบาดแผลบนใบหน้าฉกรรจ์น่ารังเกียจ สัตว์และแมลงตอมไต่จนบาดแผลเน่าเฟะเหม็นคลุ้งเหลียงเหลียนฮ่าวใช้ไม้เขี่ย ๆ เห็นว่านางยังมีชีวิตอยู่จึงพาตัวไปด้วยกันถือว่าเอาบุญ ตอนที่ช่วยเหลือเสี่ยวหลงเห็นตราหยกสีชมพูคล้าย ๆ กับชิ้นที่ไท่จื่อเฟยมี ก็เดา ๆ เอาไว้ว่าสตรีอัปลักษณ์ผู้นี้น่าจะเป็นผู้ใด แต่ก็ไม่ได้บอกเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใดฟังกระดูกบนร่างกายของสตรีอัปลักษณ์หักอยู่หลายส่วน ท่านหมอที่ติดตามมากับคณะของเหลียงเหลียนฮ่าวใช้วิธีการเอาไม้ไผ่มาดามนางเอาไว้ทั้งร่าง ฟู่เหยาเหยาตื่นขึ้นมาอีกทีพบว่าร่างกายของตนเองกำลังถูกวางเอาไว้บนเกวียนบรรทุกสิ่งของ แขนขาถูกมัดเอาไว้กับไม้ไผ่ขยับไปไหนไม่ได้

  • ตัวร้ายอย่างข้าต่อไปนี้จะเป็นคนดี   68 พิษล้างพิษ

    เจ้างูสีขาวตัวเล็ก ๆ ดูเหมือนจะหงุดหงิดเล็กน้อยที่มันถูกผู้เป็นนายปลุกให้ตื่น มันสะบัดหัวไปมาและค่อย ๆ ยืดตัวชูคอขึ้นทำท่าทางคล้ายกับบิดขี้เกียจ แต่เมื่อเห็นหน้าผู้เป็นนายมันก็รีบกระโดดออกจากกระปุกสีขาวขึ้นไปหยอกล้อคลอเคลียท่าทางเหมือนกับลูกสุนัขตัวเล็ก ๆฟู่ลี่อิ๋งเห็นแล้วก็พูดสิ่งใดไม่ออก สัตว์มีเกล็ดลิ้นยาวพวกนั้นสามารถมองให้น่ารักได้ด้วยหรือ นางรู้สึกขนลุก แต่ก็ไม่ได้ปริปากพูดสิ่งใดออกมา ปล่อยให้ท่านซุนรักษาไปตามวิธีการของเขา แม้จะทำให้คนที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกคล้ายจะเป็นลมอยู่ตลอดเวลาก็ตามงูเทพหิมะเมื่อเห็นแมงป่องสีรุ้งมันก็คล้ายกับทำตาโตด้วยความดีใจ ซุนจงปล่อยมันลงกับพื้นพร้อม ๆ กับแมงป่องสีรุ้ง ทั้งงูและแมงป่องลงต่อสู้กัน เจ้าแม่งป่องพยายามใช้หางพิษของตนเองต่อสู้กับเจ้างูเทพหิมะแต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้ต่อความปราดเปรียวของเจ้าตัวเล็กสีขาวทันทีที่แมงป่องสีรุ้งสิ้นท่า เจ้าตัวเล็กสีขาวก็เขมือบเจ้าแมงป่องตัวสีรุ้งที่นอนหมดแรง เข้าไปทั้งร่างอย่างเชื่องช้า เจ้าของร่างเล็กแบบบางต้องหลับตาขยับไปหลบอยู่เบื้องหลังของ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status