-เช้าวันต่อมา-
หญิงสาวขยับพลิกตัวอยู่บนเตียงนอนในช่วงเช้าของวันใหม่ กระชับผ้านวมหนาขึ้นมาห่มร่างกายที่เปลือยเปล่า
เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองอย่างงัวเงีย สอดส่องสายตามองบริเวณรอบห้องนอนไปมาคล้ายกับมองหาใครบางคนแต่กลับไร้วี่แวว
“มอนิ่งน้องไข่” เดมี่หยิบตุ๊กตาที่นอนอยู่ข้างกันขึ้นมาสำรวจ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะยังเก็บมันไว้แถมดูแลอย่างดี
เมื่อคืนบุรินทร์และเธอเปลือยเปล่านอนกอดกันอยู่บนเตียงนี้ ก่อนที่ตัวเองจะผล็อยหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขาตลอดทั้งคืน
‘เฮียเฟย เบาหน่อยมั้ย มี่ไม่ไหวแล้ว’
‘ของเธอเล็กมาก รัดนิ้วฉันแน่นไปหมด’
‘อึก…ไม่เอาแล้ว เอามันออกไป’
‘แค่นิ้วจะกลัวอะไร’
‘มี่เจ็บ…’
‘ฉันแทบจะทนไม่ไหว อยากxxxเดี๋ยวนี้’
‘ฮึก! ไม่เอา มี่กลัว’
เดมี่สะบัดหัวอย่างแรงเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่งขยับแผ่นหลังพิงหัวเตียงพลางถอนหายใจลากยาว ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา
คำพูดหยาบโลนและการกระทำของบุรินทร์ฝังลงลึกเข้าไปในโสตประสาทไม่สามารถสลัดมันออกไปได้
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเดมี่” เดมี่ตื่นจากความคิด เมื่อครามเดินเข้ามาทัก เขามองสีหน้าอิดโรยของเดมี่ที่ดูไม่ค่อยสดใสเหมือนทุกวัน เหลือบสายตามองไปเห็นรอยแดงหลายจุดอยู่บนลำคอ ก่อนจะยิ้มให้ “เมื่อคืนนอนดึกเหรอครับ”
“…..” เดมี่ยิ้มแทนคำตอบ วาดสายตามองหาไปทั่วบริเวณ ก่อนจะถอนหายใจอย่างนึกโล่งอกเมื่อไม่เห็นบุรินทร์อยู่แถวนี้
หรือบางทีก็อาจจะกลับไปแล้ว เธออยากให้เป็นแบบนั้น
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“เฮียเฟยกลับไปหรือยังคะ”
“ยังครับ…ตอนนี้นายน้อยออกกำลังกายอยู่ที่โรงยิม”
“…..” หญิงสาวทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหลังจากได้ยินประโยคผิดหวัง เมื่อก่อนรู้สึกอยากเจอหน้าเขาทุกวัน แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนความคิดอย่างสิ้นเชิง
“นายน้อยสั่งไว้ ถ้าคุณมี่ตื่นแล้วให้รีบไปหาครับ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ”
“เดี๋ยวมี่ไปหาเฮียเองค่ะ”
“รีบไปเลยนะครับ นายไม่ชอบรอนาน”
เดมี่ไม่คิดอยากเจอหน้า จึงเดินอ้อยอิ่งใช้เวลานานหลายนาทีกว่าจะมาถึงโรงยิมขนาดใหญ่ที่อยู่หลังบ้าน ภายในมีเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครัน ส่วนข้างกันเป็นสนามเก็บเสียงเอาไว้ฝึกยิงปืน
“เฮียอยู่ไหน”
“ด้านในครับ นายน้อยกำลังรอคุณเดมี่อยู่พอดี”
สองขาหยุดยืนอยู่ทางด้านหลัง เธอจ้องมองแผ่นหลังกว้างกำยำที่เคลือบไปด้วยหยาดเหงื่อจนเปียกมันวาว
บุรินทร์ที่กำลังก้มหน้าขมักเขม้นกับการออกกำลังกายอย่างหนัก ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ส่วนท่อนล่างสวมเพียงกางเกงวอร์มและรองเท้าผ้าใบคู่ใจ
“เฮียอยากเจอมี่เหรอคะ”
มาเฟียหนุ่มหยุดการกระทำพร้อมเผยรอยยิ้มบางเมื่อได้ยินเสียงของคนที่เฝ้ารอ สองขาแกร่งก้าวมาหยุดอยู่ตรงหน้า มองไปยังหญิงสาวที่แต่งชุดนักศึกษาเรียบร้อย “ทำไมมาช้า”
“วันนี้มี่ตื่นสาย”
“เดินมาหาฉันสิ เข้ามาใกล้ๆ”
“มะ…มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เอื้อมมือเข้าประคองใบหน้าจิ้มลิ้มให้เงยขึ้นมาสบตาแล้วจูบที่แก้มของเธอเบาๆ ราวกับหวงแหนนักหนา “ไม่มีอะไร แค่คิดถึง”
“…..”
“เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม”
“…..” หัวใจดวงน้อยเต้นแรง ใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อหวนนึกถึงเหตุการณ์พวกนั้น
“โทรศัพท์ที่เธออยากได้”
ดวงตาคู่สวยฉายแววเป็นประกายเมื่อได้รับอิสระ ฉีกรอยยิ้มกว้างรีบหยิบสิ่งของที่ชายหนุ่มยื่นให้ราวกับดีใจนักหนา
“ในเครื่องมีเบอร์ส่วนตัวของฉัน ถ้าต้องการอะไรให้โทรมา”
“ขอบคุณค่ะ”
“มีอะไรที่อยากได้อีกไหม ฉันจะสั่งลูกน้องจัดการให้”
“ขอเงินด้วยได้ไหม มี่จะเอาไว้ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้ง”
“จะเอาเท่าไหร่”
เดมี่เอียงคอทำสีหน้าครุ่นคิดพลางยกมือขึ้นมานับนิ้วไปพลางๆ “มี่อยากได้สี่แสนค่ะ”
บุรินทร์เลิกคิ้วขึ้นมองอย่างพิจารณาหลังจากได้ยินจำนวนเงินที่หญิงสาวต้องการ แต่ก็ยอมหยิบให้แต่โดยดี
“ขอบคุณค่ะ” เดมี่รีบเก็บเงินปึกหนาที่เขายื่นให้ใส่กระเป๋าสะพายอย่างรีบร้อน โดยไม่ทันสังเกตถึงสายตาของบุรินทร์ที่กำลังจ้องมอง
“ฉันอยากได้มากกว่าคำขอบคุณ”
“แล้วเฮียอยากให้มี่ทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทน”
“ยอมเป็นเมียฉันสิ ยอมให้ฉันเอาตอนนี้เลย”
เดมี่ก้าวถอยหลังหนีเมื่อถูกบุรินทร์ต้อนให้เข้าไปยืนอยู่ที่มุมห้อง พร้อมกับโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกทั้งสองคลอเคลียสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนของกันและกัน
“สะ…สายมากแล้ว วันนี้มี่ต้องรีบไปเรียน”
“อยากให้ฉันไปส่งไหม”
“ไม่ค่ะ” เธอตอบทันทีอย่างไม่ลังเล
“ตั้งใจเรียน อย่าไปเถลไถลที่ไหน”
“วันนี้เฮียไม่ไปทำงานเหรอคะ”
“สั่งให้ลูกน้องทำแทนได้”
“มี่ขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ”
“เลิกเรียนแล้วรีบกลับมา ฉันรออยู่”
“ค่ะ”
“เด็กดี” ใบหน้าคมคายยกยิ้มมุมปากพร้อมกับเอื้อมปลายนิ้วเกลี่ยลงบนริมฝีปากเล็กอย่างทะนุถนอม ใช้ปลายจมูกโด่งคมซุกไซ้พรมจูบไปตามลำคอ โดยไม่แคร์สายตานับสิบของลูกน้องที่กำลังให้ความสนใจ
“…..”
“คุณเดมี่ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจเลยนะนาย ให้ผมจัดการเลยไหมครับ” ลูกน้องคนสนิทที่เฝ้าดูเหตุการณ์เดินเข้าไปถาม
“อย่ายุ่งกับเธอ” จากแววตาอ่อนโยนแปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกในชั่วพริบตา
“แต่เด็กนั่นกำลังจะหักหลังนาย นายก็รู้” เดมี่เองก็คงไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงทำท่าทางมีพิรุธออกมามากขนาดไหน
“เอาไว้ให้ถึงวันนั้นเมื่อไหร่ กูจะเป็นคนลากคอมันมาจัดการด้วยตัวเอง!”
“…..”
“กูรอเธอมาเป็นสิบๆ ปี ให้รออีกแค่นี้ ทำไมจะรอไม่ได้”
“…..”
…
-มหาวิทยาลัย-
“ไอ้มี่ เป็นอะไร” เชอลีนหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ม้าหินอ่อนข้างกันพร้อมกอดคอเพื่อนสาวไว้แน่น วันนี้เดมี่มันดูใจลอยแปลกๆ แถมยังทำท่าทางลับๆ ล่อๆ จนอดสงสัยไม่ได้
หญิงสาวหันมองซ้ายขวา พร้อมกับหยิบเงินที่บุรินทร์เพิ่งให้มาออกจากกระเป๋าสะพาย
“มี่มีตังค์แค่นี้พอไหมเชอลีน” ถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแต่ก็มิวายหยิบหมูปิ้งของโปรดขึ้นมากินอย่างเอร็ดอร่อย
“แกไปเอาเงินจากไหน” วันก่อนแม้แต่เหรียญบาทก็ยังไม่มี พอมาวันนี้ยัยฝรั่งดองมันหอบเงินมาเต็มกระเป๋า
“มี่เอาของเฮียมา”
“แกหมายความว่าไง จะเอาเงินไปทำอะไรเยอะแยะ”
“มี่ไม่อยากอยู่บ้านใหญ่ มี่ไม่อยากอยู่กับเฮีย” บุรินทร์คือผู้ชายอันตรายที่ไม่ควรอยู่ใกล้ เขาไม่เหมือนคนปกติทั่วไป
“หมายความว่าไงไอ้มี่ แกจะหนีออกจากบ้านเหรอ”
“…..”
“แล้วเฮียเฟยจะยอมเหรอ ดูท่าเขาหวงแกมากเลยนะ” ขนาดไม่เคยเห็นหน้าคร่าตายังรู้สึกได้ว่าบุรินทร์หวงเดมี่ยิ่งกว่าไข่ในหิน จนบางทีก็แอบคิดถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสองที่เป็นมากกว่าพี่น้อง
“แต่มี่ไม่อยากอยู่ที่นั่นแล้ว”
“ทำไม มันเกิดอะไรขึ้น”
“มี่กลัว…มี่ไม่อยากอยู่กับเฮีย”
“เขาทำอะไรแกหรือเปล่า มันทำร้ายตบตีแกตรงไหน บอกฉันมา! ฉันจะพาไปแจ้งตำรวจเดี๋ยวนี้”
“เปล่า…เฮียไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น”
“แล้วทำแบบไหน”
“…..”
“จะทำอะไรก็คิดให้ดีนะมี่ พี่ชายแกเขาไม่ใช่คนธรรมดานะ”
“…..”
“ชุดนี้ดูเหมาะกับเธอดีนะ”“แต่มี่ไม่ค่อยชอบเลยค่ะ” หญิงสาวยืนมองตัวเองในกระจก โดยมีบุรินทร์ยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลังเธอสวมเสื้อยืดตัวโปรดของมาเฟียหนุ่ม ส่วนท่อนล่างมีเพียงแค่เพนตี้ตัวบางปกปิดร่างกาย“แต่ฉันชอบ“ มาเฟียหนุ่มหยิบหวีขึ้นมาสางผมให้เธอเบาๆ อย่างระมัดระวัง ก่อนรวบผมยาวสลวยเป็นหางม้าแล้วผูกโบว์อย่างบรรจง ชีวิตของเขามืดมน มีเพียงเดมี่ที่เป็นเหมือนแสงสว่างสดใส “เธอแต่งตัวแบบนี้แล้วดูน่ารัก”“…..”“เป็นเหมือนตุ๊กตาตัวโปรดของฉัน”“…..”“ไหนลองยิ้มสวยๆ ให้ดูหน่อย”“…..” เดมี่ฝืนส่งยิ้มเหมือนที่เคยทำ พยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้สั่นไหว นับวันนานไปบุรินทร์ยิ่งมีพฤติกรรมแปลกๆ ออกอาการคลั่งไคล้เธอจนน่ากลัวแชะ! แสงเฟลชจากกล้องถ่ายรูปสาดกระทบเข้าที่หญิงสาวนับครั้งไม่ถ้วน เดมี่ได้แต่ยืนนิ่งกอดตุ๊กตาตัวเก่าเป็นหุ่นเชิดให้เขาได้ทำในสิ่งที่ต้องการ“เด็กดีน่ารักมาก” สายตาคมไล่สำรวจมองเรือนร่างนุ่มนิ่มน่าฟัดน่ากอด เขาแทบอยากจะกลืนกินร่างตรงหน้าด้วยความกระหาย“ถ่ายรูปมี่เสร็จหรือยังคะ”“ยังไม่เสร็จ”“…..” ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น มองไปยังรูปถ่ายของเธอมากมายที่ติดอยู่เต็มฝาผนังห้องนอน มองไปทางไห
“ทำอะไรอยู่ยัยตุ่มรัสเซีย”“ปะ…เปล่า” เดมี่รีบยกมือขึ้นปิดปาก ดวงตากลมโตเลิ่กลั่ก ส่ายหน้าน้อยๆ ไปมาหลังจากเพื่อนสนิทเดินเข้ามาทัก“เห็นกินขนมอยู่เต็มแก้มยังมาโกหกอีกนะ” เทียนหอมบีบแก้มอ้วนกลมของเดมี่อย่างนึกมันเขี้ยว ยัยตุ่มรัสเซียมันหวงของกินยิ่งกว่าอะไร“เทียนห้ามแย่งกินนะ อันนี้ไม่มีขายแล้ว เดี๋ยวมี่ไม่อิ่ม”“แล้วบ่นว่าอ้วนทุกวัน แต่กินอย่างกับโรงทาน”“โรงทานคือไร”“…..” ยังไม่ทันได้ตอบคำถามเสียงปริศนาของใครบางคนก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน“เดมี่…”คนถูกเรียกหันมองตามเสียง ทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวขนมอยู่เต็มสองแก้ม ดวงตาคู่สวยหรี่สายมองคนที่มาใหม่ แต่ไม่รู้สึกคุ้นเอาเสียเลย“รู้จักเราด้วยเหรอ”“รู้สิ ฉันรู้จักเธอ”“…..” หญิงสาวยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร มองไปยังใบหน้าเหลอเหลา ทรงผมสีเทาอ่อนและความสูงโดดเด่นทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจจากนักศึกษาที่เดินผ่านไปมา“ฉันชื่อมาร์ติน เรียนอยู่นิเทศปีสี่ ยินดีที่ได้รู้จัก”“ยะ…ยินดีที่ได้รู้จัก”“เป็นเด็กคุณบุรินทร์เหรอ”“รู้จักแด๊ดดี้ด้วยเหรอ เอ่อ…หมายถึงเฮียเฟย”“รู้จักสิ รู้จักดีเชียวล่ะ”“…..”“คุณบุรินทร์สบายดีใช่ไหม”“สบายดี”“ฝากบอกเขาด้วยนะว่าผมคิดถึ
“ดะ…แด๊ดดี้มี่เจ็บ…”“…..” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อได้ยินเสียงร้องละเมอสึกอึกสะอื้นของหญิงสาวมาเฟียหนุ่มรีบดับมวนบุหรี่ที่อยู่ในมือ ขยับเอนแผ่นหลังนั่งพิงหัวเตียงมองเดมี่ที่กำลังนอนหมดสติไม่รู้สึกตัวสภาพของเธอเปลือยเปล่า มีแค่เพียงผ้านวมหนาที่ปกปิดร่าง กาย“จะ…เจ็บ”“เดมี่!” เขาตบหน้าเธอเบาๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนจะดึงเข้ามากอดไว้แน่นในอ้อมแขน“ฮึก…พอแล้วแด๊ดดี้ มี่ไม่ไหวแล้ว”“เดมี่” มาเฟียหนุ่มใช้หลังมือแตะที่หน้าผากของเธอเบาๆ ก่อนจะพบถึงอุณหภูมิที่ร้อนมากกว่าคนปกติ “เวรฉิบ! ป่วยจนได้”บุรินทร์ถอนหายใจหนักด้วยความหงุดหงิดหลังเห็นเรือนร่างบอบช้ำ เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ พลั้งมือทำรุนแรงจนเธอล้มป่วย“ยะ…อย่าเข้ามาใกล้” เดมี่สะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกอดรัดแน่นจนเธอรู้สึกตัว“ลุกขึ้นมาเช็ดตัวก่อน”“แด๊ดดี้ มี่เจ็บตรงนั้น”“ลุกขึ้นมากินยา”“…..” เมื่อได้สติจึงพยักหน้าน้อยๆ แทนการตอบรับพลางเบะปากน้ำตาคลอ เพียงแค่ขยับตัวก็รู้สึกถึงบาดแผลฉีกขาดบริเวณจุดอ่อนไหว“อย่าร้องไห้ เดี๋ยวปวดหัว”“…..”“ตอนบ่ายของวันนี้ นายต้องบินกลับกรุงเทพด่วนเพื่อเข้าไปตรวจสินค้าที่โกดังใหญ่นะครับ” ครามเด
จังหวัดภูเก็ต“น่าเกลียดไหมเชอลีน มี่ไม่ค่อยมั่นใจเลย” เดมี่ยืนมองตัวเองผ่านกระจกบานใหญ่ภายในห้องแต่งตัว ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวตรงถึงกลางหลังเธอสวมชุดว่ายน้ำสีสันสดใส มีพุงน้อยๆ น่าเอ็นดู เพราะไม่ใช่คนหุ่นดี ออกไปทางเจ้าเนื้อจ้ำม่ำเลยทำให้ไม่ค่อยมั่นใจ“ไม่น่าเกลียดหรอก หุ่นแกออกจะอวบน่าฟัด”“เปลี่ยนชุดดีมั้ยนะ มี่กลัวคนอื่นมอง”“แกสวยแล้วมั่นใจหน่อยสิ มาเที่ยวทะเลก็ต้องใส่ชุดว่ายน้ำ ใครๆ ก็ใส่กันไม่เห็นจะแย่ตรงไหน”“…..”“พวกเราจะได้ไปถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกไง”“…..”…ร้านอาหาร“แด๊ดดี้บอกว่าถ้าอยากกินหรืออยากซื้ออะไรให้พวกเรารูดบัตรได้เลย เดี๋ยวแด๊ดดี้จ่ายให้เอง”เดมี่หยิบบัตรเครดิตของบุรินทร์ที่เคยให้ไว้ออกจากกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมก่อนจะวางลงบนโต๊ะพอไม่ได้อยู่ในสายตาหรือมีคนของบุรินทร์คอยตามเฝ้าประกบทำให้รู้สึกดีและได้เป็นตัวของตัวเอง“เจ๋งเป้ง! ดีเลิศยอดเยี่ยมที่สุด เดี๋ยวจะกินให้ผัวแกหมดตูดไปเลย”“ว่าแต่แด๊ดดี้ของแกทำงานอะไร ถึงได้มีบ้านหลังใหญ่โตร่ำรวยขนาดนั้น” เทียนหอมกระซิบถามด้วยความอยากรู้“ทำธุรกิจหลายอย่าง แด๊ดดี้ขยันมาก ทำงานไม่มีวันหยุดเลย”“แด๊ดดี้ของแกทั้งหล่อทั้งรวยขน
“อืม…จะ…เจ็บ” เดมี่สะลึมสะลือร้องครวญครางในลำคอ อาการเจ็บแสบตรงหว่างขาแล่นพล่านเข้ามาทันทีที่ขยับตัวเธอลืมตาตื่นขึ้นพร้อมกับถอนหายใจลากยาว ก้มมองสภาพร่างกายเปลือยเปล่าที่บอบช้ำหลังจากถูกมาเฟียหนุ่มใช้งานหนักมาตลอดทั้งคืนน้ำตาใสเอ่อคลอเต็มสองดวงตา นอนมองเพดานห้องสีดำที่คุ้นเคยหญิงสาวค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมแขนของบุรินทร์ด้วยความระมัดระวัง แต่เขาก็ยังรู้สึกตัวอยู่ดี“จะไปไหน?”“ตอนนี้สายแล้วค่ะ มี่จะไปอาบน้ำ”“นอนต่อสิ วันนี้ไม่มีเรียนไม่ใช่เหรอ”พรึ่บ! เดมี่ถูกกระชากแขนให้กลับลงมานอนข้างชายหนุ่มดังเดิม เขาหรี่สายตามองคนในอ้อมกอดเมื่อรู้สึกได้ถึงเนื้อตัวที่สั่นเทา“เป็นอะไร”“กลัวแด๊ดดี้”“กลัวทำไม”“…..” เธอลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ละสายตาจากใบหน้าหล่อเหลา ก้มลงมองต่ำอย่างรู้สึกประหม่าก่อนจะค่อยๆ ไล่สายตาขึ้นมาหยุดอยู่ที่หน้าท้องแบนเรียบอัดแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้ามเรียกว่า ‘ซิกซ์แพ็ก’ ทั้งๆ ที่เคยเห็นและสัมผัสมันมานับครั้งไม่ถ้วนแต่ก็ยังหวั่นไหว“มองต่ำแบบนั้น อยากโดนอีกหรือไง”“ไม่อยากโดนแล้ว”“เห็นชอบมองก็นึกว่าอยากโดน”ใบหน้าจิ้มลิ้มส่ายหน้าปฏิเสธ เหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เธอหวาดระ
“ทำไมถึงพูดกับเพื่อนมี่แบบนั้น” เดมี่เปิดบทสนทนาทันทีที่กลับมาถึงบ้าน“หมายถึงเรื่องไหน” มาเฟียหนุ่มขยับกรอบแว่นให้ชิดดวงตาพลางตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้สะทกสะท้านในสิ่งที่เธอกำลังร้อนใจ “เรื่องที่ฉันบอกว่าเป็นผัวหรือเรื่องที่บอกว่าจะจัดการเพื่อนเธอ”“ก็ทั้งสองเรื่องนั่นแหละ”“ฉันพูดความจริง”“แต่แด๊ดดี้ไปพูดแบบนั้นเพื่อนมี่กลัวนะ”พอรู้ความจริงเรื่องสถานะของเขาและเธอ ปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสองที่มีต่อบุรินทร์ก็แปลกไป“ถ้าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่เห็นมีอะไรจะต้องกลัว”“…..”“หรือพากันแอบไปทำอะไรหลับหลังฉัน”“เปล่าค่ะ ไม่ได้ทำอะไร”“อย่าให้รู้ทีหลังแล้วกัน เพราะฉันเกลียดคนทรยศที่สุด”“ไม่อยากคุยด้วยแล้ว” เดมี่บ่นพึมพำทำปากขมุกขมิบด้วยความเหนื่อยใจพลางเดินหนี แต่มาเฟียหนุ่มยังคอยเดินตามหลังอยู่ไม่ห่าง“เด็กงี่เง่า”“แด๊ดดี้นั่นแหละงี่เง่า…”“เธอว่าใครงี่เง่า” บุรินทร์เดินเข้าไปประชิด ตวัดสายตาลงต่ำมองท่าทางของเด็กน้อย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครพูดจาหรือทำกิริยากับเขาแบบนี้“ว่าแด๊ดดี้ไง!”บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด ได้ยินแม้กระทั่งเสียงยุงบินผ่านลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่บริเวณนั้นต่างพ