“ฮืออออ เจ้าของคนใหม่เขาหล่อมากเลยนะพี่แคท” เพื่อนร่วมงานแสดงความดีอกดีใจจนออกนอกหน้าอย่างเห็นได้ชัด
“นั่นสิ หล่อเหลาเอาการ ทั้งหล่อทั้งรวยแถมยังเป็นเจ้าของห้างฯ และโรงแรมชื่อดังอยู่ทั่วประเทศ” พี่แคททำสีหน้าเพ้อฝันอีกคนโดยลืมไปหรือเปล่าว่าตัวเองก็มีสามีอยู่แล้ว
ความกังวลใจเริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจความกลัวตลอดหกปีที่ผ่านมากำลังจะเกิดขึ้นจริง สองมือประสานเข้าหากันจนเม็ดเหงื่อชื้นมือ
“เมื่อกี้คุณปีกุนหรือเปล่าครับ”
บดินทร์เอ่ยถามขณะเดินตามหลังคนเป็นเจ้านายเพื่อไปตรวจตราโซนต่างๆ ภายในห้างฯ แห่งนี้เพื่อปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น
“อือ” เขาครางในลำคอ
“อือ?”
บดินทร์ครางตามแล้วย่นคิ้วเข้าหากัน ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้านายตอบรับแบบนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนตามจิกตามกัดไม่ยอมปล่อย แต่อยู่ ๆ มาวันหนึ่งทุกอย่างกลับมาเป็นปกติโดยที่เจ้านายก็ไม่เคยพูดถึงผู้หญิงที่ชื่อปีกุนอีกเลย
“เหลือโซนไหนอีกที่เรายังไม่ได้ไปดูกัน ดูให้ครบฉันขี้เกียจนั่งรถมาที่นี่บ่อยนัก”
ธามวัฒน์หันไปถามเลขาฯ คนสนิท อันที่จริงจากกรุงเทพฯ เดินทางมาที่นี่ใช้เวลาแค่สองชั่วโมงเท่านั้นถือว่าใช้เวลาไม่มากและเขาตั้งใจว่าจะค้างที่โรงแรมในเครือสักอาทิตย์เพื่ออยู่เคลียร์งานทุกอย่าง แต่เพราะว่าวันนี้เขาเจอผู้หญิงคนนั้นที่นี่หลังจากเธอหายไปจากชีวิตเขามาตลอดหกปีจึงทำให้เขาเปลี่ยนใจจะกลับภายในวันนี้เลย
“ตอนนี้เหลือตรงโซนสวนสนุก เครื่องเล่นเด็ก แล้วก็โซนศูนย์อาหาร”
“อืม ถ้าอย่างนั้นเดินไปดูโซนเครื่องเล่นเด็กก่อนก็แล้วกัน” ธามวัฒน์บอกแล้วเดินนำหน้า
เพราะยังไงศูนย์อาหารมันอยู่ชั้นล่างสุดซึ่งเลยไปก็เป็นทางออกชั้นจอดรถด้วยค่อยแวะดูเป็นสถานที่สุดท้ายก็แล้วกัน
พี่แอนซึ่งเป็นหัวหน้าโซนเครื่องเล่นเด็กและสวนสนุกอยู่แล้วและเพื่อนส่งข้อความมาบอกว่าเจ้าของคนใหม่กำลังเดินมาทางนี้เธอจึงรีบสำรวจร่างกายตัวเองให้เรียบร้อย
แม้ว่าจะไม่เคยเห็นหน้าเจ้าของคนใหม่มาก่อนแต่พอมองไปยังโถงทางเดินเบื้องหน้าเธอก็สามารถรู้ได้เลยว่าคนนี้คือท่านประธาน ด้วยรูปลักษณ์ ท่าทางและการแต่งกายจึงทำให้เดาได้ไม่ยากพี่แอนจึงรีบปรี่เข้าไปหาทันที
“สวัสดีค่ะท่าน” ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
“โซนเครื่องเล่น มีแต่เครื่องเล่นเก่า ๆ ไม่มีอะไรน่าดึงดูดนักเรียนมัธยมเลยสักนิด ไม่แปลกหรอกที่จะมีแต่เด็กวัยอนุบาลมาเล่น ผลประกอบการก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดินเรียกว่าขาดทุนเลยน่าจะง่ายกว่า”
ธามวัฒน์ไม่ได้สนใจหัวหน้าฝ่ายเสียด้วยซ้ำเขากวาดตามองไปรอบ ๆ แล้วดึงแฟ้มจากมือบดินทร์มาเปิดดูรายได้และรายจ่ายทีละหน้าแล้วส่ายหัว
พี่แอนได้แต่หน้าแห้งเพราะท่าทีนั้นเหมือนตำหนีเธอทางอ้อมที่ไม่สามารถจัดการหรือดูแลผลกำไรให้ได้มากกว่ารายจ่ายได้ แล้วจะให้เธอทำอย่างไรได้ในเมื่อเสนอปรับปรุงเครื่องเล่นไปกี่ครั้งก็ถูกปัดตกจากท่านประธานคนเก่าทั้งหมดโดยให้เหตุผลว่า
‘เครื่องเล่นอันเดิมมันยังดีอยู่’
ธามวัฒน์เดินนำหน้าโดยมีบดินทร์เดินตามแล้วต่อด้วยพี่แอนตามหลังเป็นคนสุดท้าย ชายหนุ่มมองทะลุปรุโปร่งเลยว่าจะต้องปรับปรุงและเพิ่มเติมอะไรบ้างถึงจะเรียกวัยเด็กทุกช่วงให้เข้ามาใช้บริการที่นี่ได้อีก
“บดินทร์เดี๋ยวคุณช่วยถ่ายรูปทุกมุมเอาไว้ด้วยนะ ประชุมวันพรุ่งนี้ผมจะเอาเรื่องนี้เข้าไปหารือ ผมเชิญคุณเข้าประชุมด้วยนะ” เมื่อสั่งเลขาฯ เสร็จเขาก็หันไปบอกพี่แอนทันทีซึ่งเธอก็พยักหน้าให้และยิ้มรับ
ขณะที่ธามวัฒน์กำลังจะหันหลังกลับเขาไม่ทันได้สังเกตว่ามีเด็กหญิงตัวน้อยวิ่งมาทางนั้นพอดีแล้วชนเข้าอย่างจัง ขนมถ้วยฟูสีสวยตกลงพื้น
เด็กน้อยมองตามตาละห้อยแล้วครางออกมา “ขนมของก่อ”
ธามวัฒน์ย่อตัวลงนั่งยองยอมองเด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม แก้มป่อง ดวงตากลมโต ขนตายาวเป็นแพ ซึ่งหน้าตาน่ารัก ความรู้สึกจั๊กจี้เกิดขึ้นภายในหัวใจอย่างประหลาด
ทำไมเขาถึงถูกชะตากับเด็กน้อยคนนี้นัก?
“ลุงไม่ได้ตั้งใจ ลุงขอโทษนะครับ”
ก่อเกิดส่ายหน้าไปมาแล้วเอ่ยขึ้น “คุณลุงไม่ผิด ไม่ต้องขอโทษค่ะ”
“ไม่ผิดอย่างนั้นเหรอ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าจะสื่ออะไร
“หนูเป็นคนวิ่งชนคุณลุงเอง มามี้บอกว่าก่อนที่เราจะไปโทษคนอื่นให้ดูก่อนว่าเรามีส่วนผิดไหม” ก่อเกิดมองคุณลุงหน้าตาดีตรงหน้าแล้วพูดต่อ
“มามี้เคยสอนหนูว่าถ้ามีของกินในมืออย่าวิ่งเดี่ยวมันจะตกพื้น แต่หนูไม่ยอมเชื่อฟัง เมื่อกี้หนูก่อวิ่ง”
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวลุงซื้อให้ใหม่ แล้วนี่หนูมากับใครลุงจะได้ไปบอกเขาว่าจะพาหนูไปซื้อขนาม แม่ของหนูอยู่ไหน” ธามวัฒน์หันซ้ายหันขวาเผื่อว่าแม่ของหนูน้อยคนนี้จะอยู่แถว ๆ นั้น
“มามี้ไม่อยู่ค่ะ มามี้ไปทำงาน”
“แล้วลุงจะไปขอใครได้ว่าจะพาหนูไปซื้อขนมใหม่”
ก่อเกิดชี้นิ้วไปยังพี่แอนที่กำลังขายบัตรรางรถไฟชมสวนสนุกอยู่ เธอหันไปเห็นท่านประธานกำลังยืนคุยกับลูกของปีกุนอยู่ก็ถึงกับหน้าซีดจึงรีบก้าวเท้ายาว ๆ เข้าไปหา
“เด็กคนนี้เป็นลูกของคุณเหรอ”
ชายหนุ่มเอ่ยถามแต่พี่แอนรีบปฏิเสธว่าไม่ใช่แล้วบอกว่าเป็นลูกของพนักงานอีกแผนกหนึ่งที่เอามาฝากไว้ชั่วคราวก็เท่านั้น
“ผมจะพาเธอไปซื้อขนมใหม่ พาไปได้หรือเปล่า”
“ได้ค่ะ เชิญเลยค่ะท่าน” หญิงสาวรีบผายมือ
ขายาวกำลังจะก้าวเท้าเดินแต่หนูน้อยก็กระตุกแขนไว้ไม่ยอมเดินตามจนเขาหมุ่นคิ้ว
“คุณลุงไว้ใจได้ใช่ไหมคะ มามี้บอกว่าอย่าไปกับคนแปลกหน้า”
คำถามนี้เรียกรอยยิ้มให้กับบดินทร์และเรียกเสียงหัวเราะผ่านลำคอผู้ชายเย็นชาอย่างธามวัฒน์ได้เป็นอย่างดี ย่อตัวลงยกมือลูบศีรษะทุย
“ไว้ใจได้สิครับ ลุงเป็นเจ้าของห้างฯ นี้” เด็กน้อยชั่งใจว่าจะเชื่อดีไหมจึงหันไปหาป้าแอนแล้วเห็นว่าพยักหน้าให้ เด็กน้อยจึงยิ้มรับแล้วคว้ามือใหญ่
ปีกุนเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือแล้วเห็นว่าเป็นเวลาพักพอดีจึงเดินอ้อมไปยังหลังเคาน์เตอร์เพื่อหยิบกล่องข้าวใบเล็ก ซึ่งเมนูเที่ยงนี้เธอเลือกทำเป็นข้าวผัดไข่ใส่แครอตของโปรดของก่อเกิด
“อ้าว กุนมาแล้วเหรอ แต่ว่า...” พี่แอนมีสีหน้าเลิ่กลั่กเพราะกลัวจะถูกต่อว่าที่ปล่อยให้ลูกเธอไปกับคนอื่น
“แต่ว่าอะไรคะ แล้วหนูก่อล่ะคะ” เธอมองเลยเข้าไปในบ้านลมซึ่งมีลูกบอลหลากสีนับหมื่นลูกอยู่ในนั้น เมื่อไม่เห็นก็มองไปยังมุมนั่งวาดเขียนแต่ก็ไม่เจออีกเหมือนเคย
“คือว่าท่านประธานพาหนูก่อไปซื้อขนมน่ะ แต่ว่าไปนานแล้วนะเดี๋ยวก็กลับมา”
“อะไรนะ!” ข้าวกล่องในมือหล่นลงพื้น
เหมือนมีสายฟ้าฟาดผ่านลงมากลางกระหม่อมโดยไม่ทันตั้งตัว เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะเจอกับก่อเกิดไวขนาดนี้ เพราะความจะเป็นไปได้แทบเป็นศูนย์ที่คนอย่างเขาจะมาสนใจเด็กน้อยคนหนึ่งได้
ใบหน้าอวบซีดเผือดขึ้นมาทันทีเพราะกลัวเหลือเกินว่าเขาจะมาพรากลูกไปจากตัวเอง ปีกุนกำลังจะขยับขาออกไปตามหาลูกแต่แล้วก็ได้ยินเสียงแจ้วคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลัง
“มามี้ขา”
“ก่อเกิด” เธอรีบถลาเข้าไปดึงหนูน้อยผิวขาวแก้มป่องเข้ามากอดทันที
ธามวัฒน์จับจ้องแล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ‘ลูกอย่างนั้นเหรอ?’
พีธีแต่งงานจัดขึ้นใหญ่โตสมเกียรติครอบครัวใหญ่ตระกูลดัง มีแขกเหรื่อมาร่วมงานกันหลายร้อยคนรวมถึงเพื่อนร่วมงานของปีกุนและกองทัพนักข่าวนับสิบสำนักปีกุนอยู่ในชุดเจ้าสาวสีมุกสั้นเปิดไหล่ยืนเคียงคู่ต้อนรับแขกอยู่หน้างาน บรรยากาศภายในงานชื่นมื่นอบอวลไปด้วยความอบอุ่นโดยมีสักขีพยานรักอย่างเด็กหญิงก่อเกิดวิ่งเล่นไปทั่วงาน“ได้เจอตัวสักทีนะครับ ภรรยาของคุณเพื่อน” ศิลาเอ่ยทักทายเมื่อเดินมาถึงทางเข้างาน ปีกุนมองสลับไปสลับมาระหว่างชายหนุ่มกับสามี“คุณคือ?”“ผมหมอศิลาครับ”“ออ คุณนี่เองที่ตรวจยืนยันความเป็นพ่อลูก” หญิงสาวหรี่ตาลงเพื่อคาดโทษแต่พอเห็นเจ้าตัวสีหน้าซีดก็หัวเราะออกมา “ล้อเล่นค่ะ”“ผมตกใจแทบแย่ ขนาดล้อเล่นยังหน้าดุเลยนะครับ มึงระวังตัวเถอะเตรียมถูกเชือดได้เลย”ศิลาแกล้งยกนิ้วปาดบริเวณลำคอเพื่อข่มขู่เพื่อนแล้วขอตัวเดินเข้างานไปทักทายเพื่อนคนอื่นที่มาร่วมงานนี้เหมือนกันปีกุนเห็นตวิศและแม่ครูรำไพเดินมาแต่ไกล ๆ ก็รีบยกมือขึ้นโบกทักทายด้วยความดีใจ“แม่นึกว่าจะมาไม่ทันเสียแล้ว คนก็เยอะ รถก็ติดแถมไอ้ตาลยังเกือบไปมีเรื่องกับเขาบนท้องถนนอีก”มาถึงแม่ครูก็เริ่มบ่นตามประสาคนแก่พลางหันไปค้อนตวิศาที่
“คราวนี้ทีกูบ้างล่ะ” มันเยาะเย้ยแล้วชี้ปืนไปหา “อีเด็กนี่เหรอที่กูเอามันไปทิ้ง ตายยากนักนะมึง”“มึงอย่าทำอะไรลูกกูนะ” นภัสเป็นห่วงปีกุนธีธัชเริ่มเห็นตำรวจทยอยเข้ามาจึงรู้ตัวแล้วว่าคงไม่รอด ไม่ว่าจะเรื่องลักพาตัว ฆ่าคนอื่นหรือแม้จะเป็นเรื่องยักยอกเงินบริษัท“ในเมื่อกูไม่รอด ก็ขอเอาลูกมึงไปด้วยเพื่อให้มึงอยู่กับความตรอมใจเหมือนที่ผ่านมาก็แล้วกัน”ธีธัชหันปลายกระบอกปืนไปยังปีกุนแล้วกดไกปืน นภัสร้องเสียงหลง“อย่า!”ธามวัฒน์ดึงร่างอวบมากอดเอาไว้แล้วหันตัวเองไปรับกระสุนนั้นแทน ร่างสูงสะดุ้งเฮือก หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัดตำรวจวิสามัญธีธัชจนเสียชีวิตทันที“กรี๊ดดดด คุณธาม”ธามวัฒน์รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณหัวไหล่ เลือดสีแดงสดซึมผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาว ร่างสูงทรุดฮวบลงกับพื้นโชคดีที่ปีกุนเอาแขนรองศีรษะเอาไว้ทัน“กุน คุณเป็นอะไรไหม...” ชายหนุ่มเอ่ยถาม“ฉัน...ไม่เป็นอะไรค่ะ” เธอส่ายหน้ารัว สติเริ่มไม่มีเมื่อเห็นว่าเขารับกระสุนแทนตนเอง นภัสเองก็ทำตัวไม่ถูกได้แต่ตะโกนให้คนเรียกรถพยาบาล“กุนครับ ใจเย็น ๆ ผมไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวรถโรงพยาบาลก็มา”ยกมือเปื้อนเลือดอีกข้างลูบแก้มเธอเพื่อเร
นภัสแทบไม่อยากกลับจากบ้านหลังนั้นเลยเพราะอยากใช้ชีวิตอยู่กับลูกสาวให้นาน แต่เพราะธีธัชตามกลับไปเซ็นเอกสารด่วนที่บ้านเธอจึงจำใจต้องไปและคิดว่าจะเอาเรื่องนี้มาบอกด้วยตัวเองด้วยเมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดตัวบ้านขณะก้าวเท้าลงจากรถเสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิแคชันดังขึ้น มือล้วงกระเป๋าหยิบออกมาดูใบหน้าเหี่ยวย่นเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวทันทีแต่ไม่ได้โวยวายอะไร“สมชาย”“ครับ คุณหญิง”“แกอย่าเพิ่งบอกใครเรื่องที่ฉันเจอลูกสาวแล้วนะ”“แม้แต่คุณธีธัชก็ไม่ให้ผมบอกเหรอครับ”“ใช่ คนนี้ยิ่งให้รู้ไม่ได้” ดวงตาทอประกายกล้าโหดเหี้ยม มือกำแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ นภัสไม่รู้เลยว่าธีธัชเดินมาได้ยินทุกอย่างความกลัวเรื่องเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนคืบคลานเข้ามาในจิตใจ“กลับมาแล้วค่ะ”ปรับน้ำเสียงให้หวานขึ้นแล้วเดินไปย่อตัวลงนั่งบนโซฟาฝั่งตรงข้าม ธีธัชรู้ดีถึงความเสแสร้งนั้นแต่ก็เล่นตามน้ำไปก่อน“คุณมีเอกสารอะไรให้ฉันเซ็นเหรอคะ”ชายสูงวัยเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเอาเอกสารที่ดัดแปลงการเงินออกมาให้นภัสดูบอกว่าเป็นเรื่องด่วนเขาจะได้เอาไปให้ฝ่ายการเงินและเร่งดำเนินการโครงการขยายสาขาร้านอาหารต่อนภัสรับแฟ้มนั้นมาไล่สายตาดูอย่างถี่ถ้วนก็รู้
วันนี้พยากรณ์อากาศแจ้งว่าอากาศจะร้อนพุ่งขึ้นถึง 45 องศาเซลเซียสปีกุนก็ไม่คิดว่ามันจะร้อนได้มากมายขนาดนี้ เสื้อแขนสั้นถลกขึ้นไปอยู่บนหัวไหล่“คุณป้าร้อนไหมคะ”“นิดหน่อยจ้ะ”“ถ้าอย่างนั้นรอแป๊บนะคะ เดี๋ยวกุนไปเอาพัดลมตั้งโต๊ะมาเปิดให้” กำลังจะอ้าปากบอกว่าไม่เป็นไรหันมาอีกทีร่างอวบเดินไว ๆ ออกไปจากห้องครัวเสียแล้ว ไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมกับพัดลมตัวใหญ่ปีกุนจัดแจงเสียบปลั๊กเรียบร้อยก้มลงกดเปิดสวิตซ์ให้เรียบร้อย จังหวะเงยตัวขึ้นนภัสหันไปมอง ฉับพลันดวงตาก็เปลี่ยนเป็นประกายวาวเมื่อเห็นสร้อยบนคอของปีกุนมีดสับมะละกอวางลงถาดแล้วก้าวเข้าไปประชิดตัวหญิงสาวทันที“สร้อย” มือสั่นเทาชี้ไปยังจี้สร้อยซึ่งเป็นรูปหงส์คู่“สร้อยของกุนทำไมเหรอคะ” ปีกุนจับไปยังสร้อยคอตัวเองแล้วมีสีหน้าประหลาดใจ“ป้าขอดูใกล้ ๆ ได้ไหม” ปีกุนถอดสร้อยคอยื่นให้ไม่ผิดเลยสร้อยคอหงส์คู่มีเส้นเดียวในโลกเธอสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อสวมให้กับลูกสาวเพียงคนเดียวของเธอ เงยหน้ามองดวงตาคลอหน่วยไปด้วยหยดน้ำ“คุณป้าร้องไห้ทำไมเหรอคะ” นภัสไม่ได้ตอบคำถามแต่เลือกถามกลับเสียงสั่น“หนูกุนไปเอาสร้อยเส้นนี้มาจากไหนเหรอ”“แม่ครูบอกว่ามันเป็นสร้อยติดตั
รุ่งสางของวันใหม่ปีกุนย่องเบาออกมาจากห้องของธามวัฒน์เพราะกลัวว่าคนในบ้านจะมาเห็น เธอปิดประตูแผ่วเบาพอหันหลังกลับต้องตกใจสุดขีด“คุณป้า”ธมนต์ยืนกอดอกมองรอยยิ้มมุมปากยกขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ไม่เกินงามที่จับได้ว่าเธอเข้าไปนอนในห้องลูกชายท่าน ปกติท่านตื่นเช้าทุกวันอยู่แล้วแต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้จะมาแจ็คพ๊อตเจอกันหน้าห้อง“คือว่าเมื่อคืนคุณธามมีไข้ หนูก็เลยอยู่เฝ้า...”ปีกุนแก้ตัวเป็นพัลวันธมนต์ส่ายหน้าไปมากำลังจะก้าวเท้าเดินแต่หยุดลงแล้วหันไปหาปีกุนอีกครั้ง“เลิกเรียกฉันว่าคุณป้าสักที ฉันอนุญาตให้เธอเรียกแม่ได้”“ทะ...ทำไมเหรอคะ” ช้อนตาขึ้นมองหญิงสูงวัย“ไหน ๆ เมื่อคืนก็นอนด้วยกันแล้วก็เปลี่ยนสถานะไปเลยก็แล้วกัน” ว่าจบธมนต์ก็เดินจากไปปล่อยให้หญิงสาวอ้าปากค้างได้แต่ร้องตะโกนตามหลัง“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”คุณธาม นะ คุณธาม ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดจนได้หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมา เดินตรงไปยังห้องลูกสาว หลังจากนั้นหลายชั่วโมงคนป่วยหนักเมื่อคืนก็ตามยังห้องลูกสาวแถมยังแสดงความรักต่อหน้าอีกต่างหาก“หยุดค่ะ อย่ามารุ่มร่ามต่อหน้าลูกสิคะ” แกะมือออกจากอ้อมแขนเด็กน้อยยืนมองพ่อกับแม่ตาปริบ ๆ สลับไปมา“มามี้ขา อะไ
ใบหน้าอวบก้มลงไปใกล้เขามากขึ้นไม่คิดเลยว่าจะได้มีโอกาสมานั่งจ้องหน้าเขาอย่างนี้ นิ้วมือป้อมเขี่ยปลายเส้นผม “ฝันดีนะคะ”คนถูกบอกฝันดีลืมตาโพลงขึ้นมาทำเอาร่างอวบผงะแต่มือหนาคว้าเอาไว้และออกแรงดึงเธอให้มานอนอยู่ในอ้อมกอดเขาได้อย่างง่ายดาย“คุณธาม! คุณไม่ได้หลับเหรอคะ” ขืนตัวออกจากวงแขนแต่ยิ่งดิ้นเขาก็ยิ่งรัดแน่นขึ้น “ปล่อยค่ะฉันหายใจไม่ออก”“ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยคุณก็หนีกลับห้องสิ”“คุณป่วยจริงหรือเปล่าคะ ทำไมแรงเยอะขนาดนี้เนี่ย” ดิ้นคลุกคลักไปมา ธามวัฒน์กระชับวงแขนมากขึ้น“ถ้าไม่ป่วยจริงตัวจะร้อนเหรอ จนคุณต้องมาแก้ผ้าผมเช็ดตัวให้หรือไง”“พูดจาน่าเกลียด ฉันแค่ถอดเสื้อให้คุณเท่านั้นค่ะ”“แต่ผมอยากให้คุณถอดทั้งบน ทั้งล่าง” ใบหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยเข้ามาใกล้พลางก้มลงดมหัวไหล่ ปีกุนหยุดดิ้นเอียงหน้ามองเขาดวงตาดุดันและแข็งกร้าวเมื่อก่อนไม่มีอีกแล้วมันเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้“ขอโทษ” เสียงยานคางเอื่อย ๆ ข้างหู เขาขอโทษเธออีกแล้ว“คุณขอโทษกุนอีกแล้วนะคะ”“ที่ผมขอโทษเพราะผมรู้สึกผิดกับคุณจริง ๆ ผมทำเรื่องทุกอย่างเลวร้ายกับคุณเพราะความแค้นจนคุณเกือบ...”เขาเว้นวรรคไม่พูดต่อแต่เลือกใช้นิ้ว