เข้าสู่ระบบ“ทำไมไปนานจังวะไอ้เหนือ” ราวินเอ่ยถามทันทีที่เขานั่งลงประจำที่
“อุบัติเหตุนิดหน่อย”
“เห้ย เป็นอะไรวะ เกิดไรขึ้น”
“ไม่เป็นไร เดินชนสาวน่ะ”
“อะไรวะ ทำหน้าทำตา แกชอบเธอหรอ”
“คิดว่าใช่ว่ะ สเปคเลย ใจโคตรเต้นแรงตอนอยู่ใกล้เธอ ถ้าเจอกันอีกครั้งฉันไม่ปล่อยให้รอดไปได้แน่ คนอะไรทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ สายตาก็ดื้อรั้น น่าปราบพยศให้อยู่หมัด”
“ไอ้นี่ ทำตัวเหมือนเด็กเพิ่งเคยชอบสาว ใครวะ ได้เบอร์มาป่าว”
“ยังไม่ได้ทันถามชื่อเลยว่ะ เธอก็รับโทรศัพท์แล้วรีบร้อนออกจากลิฟต์ไป เธอก็ลงมาชั้นเดียวกับเรานี่แหละ”
“เห้ยจริงดิ งั้นเธอก็น่าจะเป็นหมอสูติฯ เหมือนเราแน่ๆ ไหนวะ ฉันช่วยมองหา แต่งตัวแบบไหน”
“เดรสเปิดไหล่สีดำแขนยาว ผมสีน้ำตาลทองยาว ม้วนลอนตรงปลาย”
“โอ้โห เล่นเอาฉันแทบน้ำลายไหล”
ขณะที่หมอหนุ่มทั้งสองหันซ้ายหันขวามองหาสาวปริศนาอยู่นั่น ก็ถูกขัดจังหวะด้วยพิธีการกล่าวต้อนรับคณะสัมมนาโดยทายาทเจ้าของโรงแรม เสียงหวานที่คุ้นหูดังผ่านเครื่องเสียงอย่างดีของห้องจัดเลี้ยง สองหนุ่มหันกลับไปมองด้านหน้าก็ต้องตกตะลึงตาค้างด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกันมากนัก
พิชญะจ้องหญิงสาวชุดดำนิ่งงัน สิ่งที่ได้ยินยิ่งทำให้เขาตกตะลึงตัวชาวาบ ดวงตาสั่นพร่ามีน้ำใสๆ เอ่อคลออยู่ มือแกร่งกำปากกาในมือแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
เธอคือ ขวัญข้าว ลูกสาวของผู้หญิงร้อยเล่ห์คนนั้น คนที่แย่งพ่อไป ทำให้แม่ต้องพาเขาและน้องหอบผ้าหอบผ่อนย้ายไปอยู่บ้านเก่าของแม่ที่ชานเมือง แม่และน้องของเขาร้องไห้จนแทบเป็นบ้า น้องสาวแทบไม่กินข้าวกินปลา แม่เขาถึงแม้จะพยายามเข้มแข็งต่อหน้าลูก แต่ก็ตรอมใจจนผ่ายผอมแทบเหลือแต่กระดูก ตอนกลางดึกที่เขาลงมาหาน้ำดื่มเขามักจะเห็นแม่แอบมานั่งร้องไห้ที่มุมหนึ่งของห้องรับแขกเสมอ
กว่าที่ทุกคนจะผ่านช่วงเวลาอันแสนยากลำบากนั้นมาได้ก็แทบแย่ แล้วเหตุการณ์รันทดหดหู่เดิมๆ ก็กลับเข้ามาฉายซ้ำๆ ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างยังชัดเจน ราวทุกฉากทุกตอนเพิ่งผ่านพ้นไปไม่นาน
ราวินเมื่อได้ฟังสาวสวยชุดดำแนะนำตัวเองก็ตกใจ ลักษณะของเธอตรงตามสาวปริศนาที่พิชญะอธิบายมาก่อนนี้ทุกอย่าง ซึ่งนั่นมันก็แน่นอนว่า เธอคือคนๆนั้น ที่เพื่อนเขาเพิ่งตกหลุมรักโครมเบ้อเร่อ เขารู้อยู่หรอกว่าโรงแรมนี้เป็นของใคร แต่ใครจะคิดว่าจะเจ้าของโรงแรมจะมากล่าวต้อนรับคณะสัมมนาด้วยตนเองแบบนี้
เขารู้เรื่องราวในอดีตของเพื่อนดี จึงรีบหันไปมองพิชญะ ก็เห็นหมอหนุ่มกำปากกาแน่น กัดกรามแกร่งจนสันกรามขึ้นนูนก็ตกใจหนักกว่าเดิม รีบก้มไปกระซิบหมอหนุ่มให้ใจเย็นลง เพราะรู้ดีว่าเพื่อนเกลียดครอบครัวนี้มาตลอดชีวิตจนแทบไม่ดูและรับรู้ข่าวสารใดๆ เกี่ยวกับบ้านนี้อีก ต่างจากน้องสาวของเขา เพชรน้ำผึ้ง เธอเสพข่าวคนบ้านนั้นผ่านสื่อเสมอ แม้ว่าใจจะเจ็บปวดเพียงใด แต่เธอบอกว่าเจ็บแล้วจะได้จำและเอาไว้เตือนตัวเอง จะได้ไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเราได้ง่ายๆเหมือนเดิมอีก
“ไอ้เหนือ แกไหวไหม”
ราวินถามเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง พิชญะไม่ต้องพูดอะไรเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าดี
“ฉันไหว”
“แกแน่ใจนะ ออกไปสูดอากาศข้างนอกไหม ฉันไปเป็นเพื่อน”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นอะไร ตอนพักจะเล่าให้ฟัง”
จริงๆเขาก็รู้ว่าไม่จำเป็นต้องเล่าอะไรให้ราวินฟังแล้ว เพราะมองตากันก็เข้าใจทุกอย่าง และเขาเชื่อว่าราวินรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เรื่องราวที่เกิดขึ้นถูกถ่ายทอดให้ราวินฟังทันทีที่พวกเขากินข้าวกลางวันเสร็จ สองหนุ่มปลีกวิเวกออกมานั่งคุยกันที่สวนด้านข้างโรงแรมเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว
“แล้วแกจะเอายังไงต่อไปวะ”
ราวินเอ่ยถามพิชญะทันทีที่เขาเล่าจบ
“ก็ ไม่เอาไง ยังดีที่ยังไม่ได้เริ่มต้นอะไรเลย”
เขาพูดพลางถอนหายใจแรงๆ
“แต่แกชอบเขามากเลยนี่หว่า”
“มันก็เท่านั้น แกก็รู้ดีว่าเพราะอะไร”
นั่นเพราะเขาเกลียดครอบครัวนี้เกินกว่าจะให้อภัยทำใจยอมรับลูกศัตรูได้
“แต่ว่าแม่กับลูก มันคนละคนกันนะเพื่อน แกควรแยกแยะให้ออก”
“แกจะให้ฉันทำร้ายความรู้สึกของแม่กับน้ำผึ้ง เพราะครอบครัวนี้อีกนะเหรอ แกว่าแม่กับน้องฉันจะรู้สึกยังไงวะ ถ้าฉันกับเธอคบกัน”
เหตุผลนี้ทำให้ราวินอึ้งไปเหมือนกัน เพราะนั่นเป็นเรื่องจริงที่สุดที่แม่พลอยและเพชรน้ำผึ้ง ต้องรับไม่ได้และเสียใจมากๆแน่ ถ้ารู้ว่าพิชญะทรยศพวกเธอแบบนั้น
“อีกอย่าง แกก็น่าจะได้ยินข่าวซุบซิบเสียหายของเธอ”
ถึงแม้เขาจะไม่ได้เสพข่าวอะไรมากนัก แต่เรื่องข่าวกรอสซิปมันก็เข้าหูเขาบ่อยๆ ขนาดในแวดวงหมอพยาบาลก็ตามที สาวๆมักสนใจข่าวดาราไฮโซเซเลปกันทั้งนั้น ข่าวฉาวๆคาวๆของเธอก็เข้าหูเขาเสมอจนเขาแอบแค่นยิ้มหัวเราะสะใจในลำคอทุกครั้งที่ได้ยิน
“มันอาจไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้ แกยังไม่ทันได้รู้จักเธอเลย ก็ไปเชื่อข่าวซุบซินั่น”
“นี่แกจะแก้ตัวให้เธอทำไม มันยังไม่ได้เริ่มก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีอะไรยุ่งยาก”
ร่างสูงรู้สึกตัวตื่นขึ้นแต่เช้าตรู่ เขารีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าเพื่อกลับห้องไปอาบน้ำเพราะมีภารกิจเข้าร่วมงานสัมมนารออยู่ ก่อนออกจากห้องนอนของเธอ เขาหันกลับมามองเธออีกครั้งพลันหัวใจก็เต้นเป็นจังหวะแปลกประหลาด ผู้หญิงคนแรกที่เขานอนร่วมเตียงด้วยจนเช้า เพราะเขาไม่เคยนอนร่วมเตียงกับคู่นอนคนไหน เมื่อจบกิจกรรมเร่าร้อนไม่ว่าจะเหนื่อยล้าหรือดึกดื่นเพียงใดก็จะต้องแยกย้ายกลับไปนอนห้องตัวเองให้ได้ และนี่เป็นครั้งแรกที่เขานอนเปลือยกายกับผู้หญิงบนเตียงแล้วไม่ได้ล่วงล้ำเข้าสู่กายเธอ ต้องขอบคุณพริมาให้หนักเพราะถ้าไม่ได้เธอ ป่านนี้เขาคงทำให้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายของสองบ้านที่ไม่ควรมาบรรจบพบเจอกันอีกแล้ว “แกไปไหนมาวะ ไม่กลับห้องทั้งคืน” ราวินยิงคำถามใส่เขาทันทีที่เปิดประตูเข้าห้องพักมา “ก็รู้อยู่แล้ว จะถามทำไมวะไอ้วิน” “ไหนแกบอกว่าจะไม่เอาตัวไปพัวพันกับครอบครัวนั้นอีก มันจะมีแต่เรื่องยุ่งไม่ใช่หรอ ฉันเป็นห่วงแกนะไอ้เหนือ” “ก็ยังไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย
ทั้งคู่ทานอาหารเลิศรสพร้อมดื่มไวน์ไปเกือบหมดขวด เธอชวนเขาคุยนั่นนี่ไม่หยุดตลอดเวลา และเขาก็ตอบคำถามเธอไม่หยุดแบบไม่มีเบื่อในตัวเจ้าหนูจำไมนี่เหมือนกัน “หมอมีพี่น้องไหมคะ ที่บ้านอยู่กันกี่คน” “นี่มาถึงเรื่องสำรวจสำมะโนครัวผมแล้วหรือครับ” “อยากรู้จักหมอให้มากกว่านี้นี่คะ” เธอเอียงคอเล็กน้อย ส่งสายตาออดอ้อนจนเขาต้องถอนหายใจอย่างแพ้ทาง ท่าถนัดเลยสินะ เอียงคอทำหน้าตาน่ารักเนี่ย “มีน้องสาวหนึ่งคนครับ อยู่กันสามคน ผม แม่ และน้อง” “พ่อหมอ เอ่อ” ใจหนึ่งอยากรู้ ใจหนึ่งก็กลัวว่าหากพ่อเขาเสียแล้วจะไปตอกย้ำรอยแผลเขาหรือไม่ “พ่อผม ทิ้งผมกับแม่ไปตั้งแต่ผมแปดขวบ เขาทิ้งพวกเราไปอยู่กับผู้หญิงจอมมารยาที่อยากได้สามีชาวบ้านจนตัวสั่น หรืออาจจะเพราะผู้หญิงคนนั้นรวยมาก จะบันดาลชีวิตที่สวยหรูให้เขาดีกว่าที่อยู่กับแม่ เขาเลยทิ้งพวกเราไป” แววตาวูบไหวของหมอตกอยู่
การสัมมนาวันที่สองจบลงไปโดยที่ทั้งวันนี้ขวัญข้าวไม่เข้ามาตอแยเขาเลย ใจหนึ่งของเขาก็รู้สึกโล่ง ดีแล้วที่ไม่ต้องมาข้องแวะกับลูกของผู้หญิงเลวๆคนนั้นอีก แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกหวิวๆ ในหัวใจเหมือนกัน สัมผัสนุ่มนิ่มหอมหวานของริมฝีปากเธอเมื่อวานนี้ยังชัดเจน มันรบกวนสมาธิเขาทั้งวันจนต้องเรียกสติของตนเองบ่อยๆ ระหว่างที่เขานั่งเล่นอยู่ในห้องพักเพื่อรอเวลาลงไปทานอาหารเย็นกับกลุ่มเพื่อนนั้น ก็มีเบอร์แปลกโทรเข้ามาในโทรศัพท์มือถือของเขา “สวัสดีครับ” “สวัสดีค่ะ หมอเหนือ ข้าวเองนะคะ” “ครับ คุณมีธุระอะไรกับผมหรือครับ” “ถ้าไม่มีธุระ โทรหาไม่ได้หรือคะ ใจร้ายจริง คนเขาอุตส่าห์คิดถึง” “ว่าไงครับ มีอะไรหรือเปล่า” “ข้าวจะโทรมาชวนหมอมากินข้าวค่ะ” คำสั้นๆของเธอ ทำเอาเขาคิดลึก ทั้งๆที่รู้ว่าเธอชวนกินข้าวที่เป็นจานๆ ไม่ใช่ข้าวที่หมายถึงตัวเธอ “เอ่อ คือ” หมอหนุ่มอึก
แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายแบบนั้น เมื่อขวัญข้าวล็อกเป้าหมายไว้ที่ตัวเขาแล้ว เย็นนั้นเขาจึงได้รับการ์ดเชิญให้ไปร่วมรับประทานอาหารกับเธอ เขาจึงตอบรับไปกับพนักงานที่นำการ์ดมาให้ ว่าเขาจะไปและขอพาเพื่อนไปด้วยสองคน“ดีใจนะคะ ที่คุณรับคำเชิญ”ขวัญข้าวเอ่ยต้อนรับเขาและเพื่อน“ครับ”“สวัสดีค่ะ ฉันขวัญข้าว หรือเรียกข้าวก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”“ครับ ผมพิชญะ เรียกน้ำเหนือ หรือเหนือก็ได้ครับ นี่เพื่อนผม ราวิน หรือหมอวิน นี่ก็พริมาหรือหมอพรีมครับ”“ยินดีที่ได้รู้จักคุณหมอทุกคนนะคะ”“ยินดีเช่นกับครับ” ราวินเอ่ยขึ้น“ยินดีเช่นกันค่ะ” พริมาตอบรับคำทักทาย“เชิญนั่งก่อนค่ะ วันนี้ขออนุญาตเลี้ยงขอบคุณหมอเหนือนะคะ ที่อุตส่าห์ช่วยดึงตัวข้าวเอาไว้ตอนเราเดินชนกัน ไม่งั้นข้าวหงายหลังล้มกับพื้นแน่ค่ะ”คำพูดเหล่านั้น สร้างความไม่พอใจให้หมอสาวคนสวยเป็นอย่างมากเพราะแค่มองด้วยหางตาก็รู้ว่าแม่นั่นจ้องจะงาบผู้ชายที่เธอหมายปองมานาน“เหนือก็เป็นสุภาพบุรุษแบบนี้เสมอแหละค่ะคุณข้าว ไม่ต้องคิดมากนะคะ”ภายใต้รอยยิ้มหวานของหมอสาวซ่อนความรู้สึกไม่พอใจเอาไว้อย่างมิดเม้น“ทานข้าวกันดีกว่าค่ะ สัมมนาเครียดกันทั้งวันคงหิวกันแย่”
“ทำไมไปนานจังวะไอ้เหนือ” ราวินเอ่ยถามทันทีที่เขานั่งลงประจำที่ “อุบัติเหตุนิดหน่อย” “เห้ย เป็นอะไรวะ เกิดไรขึ้น” “ไม่เป็นไร เดินชนสาวน่ะ” “อะไรวะ ทำหน้าทำตา แกชอบเธอหรอ” “คิดว่าใช่ว่ะ สเปคเลย ใจโคตรเต้นแรงตอนอยู่ใกล้เธอ ถ้าเจอกันอีกครั้งฉันไม่ปล่อยให้รอดไปได้แน่ คนอะไรทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ สายตาก็ดื้อรั้น น่าปราบพยศให้อยู่หมัด” “ไอ้นี่ ทำตัวเหมือนเด็กเพิ่งเคยชอบสาว ใครวะ ได้เบอร์มาป่าว” “ยังไม่ได้ทันถามชื่อเลยว่ะ เธอก็รับโทรศัพท์แล้วรีบร้อนออกจากลิฟต์ไป เธอก็ลงมาชั้นเดียวกับเรานี่แหละ” “เห้ยจริงดิ งั้นเธอก็น่าจะเป็นหมอสูติฯ เหมือนเราแน่ๆ ไหนวะ ฉันช่วยมองหา แต่งตัวแบบไหน” “เดรสเปิดไหล่สีดำแขนยาว ผมสีน้ำตาลทองยาว ม้วนลอนตรงปลาย” “โอ้โห เล่นเอาฉันแทบน้ำลายไหล” ขณะที่หมอหนุ่มทั้งสองหันซ้ายหันขวามองหาสาวปริศนาอยู่นั่น ก็ถูกขัดจังหวะด้วยพิธีก
งานสัมมนาเชิงวิชาการของสูตินรีแพทย์ทั่วประเทศ ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมเดอแกรนด์เวียงพิงค์ จังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในสาขาโรงแรมของครอบครัวขวัญข้าว โรงแรมสาขานี้สร้างได้ยิ่งใหญ่อลังการ ถูกออกแบบและตกแต่งออกมาในสไตล์ล้านนาโดยพ่อเลี้ยงของเธอนั่นเอง ตัวโรงแรมตั้งอยู่ท่ามกลางสวนป่าร่มรื่น ความงดงามที่มีสไตล์แบบนี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศให้หลั่งไหลมาพักผ่อนจนยอดจองห้องพักแทบจะเต็มตลอดทั้งปี พิชญะ ราวิน และพริมา เดินทางมาถึงโรงแรมแห่งนี้ในตอนค่ำ หมอหนุ่มสาวจึงแยกย้ายกันเข้าห้องพักผ่อน เพื่อที่พรุ่งนี้ต้องตื่นขึ้นมาเข้าร่วมงานสัมมนาตั้งแต่เช้า พิชญะ หมอหนุ่มรูปหล่อกำลังเร่งฝีเท้าออกจากห้องพักเพื่อตรงไปยังลิฟต์ ใกล้เวลาเปิดงานสัมมนาเข้าไปทุกที แต่เขาดันนึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์มือถือไว้ในห้องพัก จึงต้องขึ้นมาเอาและต้องเดินอย่ารีบเร่งแบบนี้ ระหว่างเดินผ่านทางแยกของชั้น หมอหนุ่มก้มลงมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรือนหรู เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินตรงออกมาจากทางแยกนั้นและเงยขึ้นมาจากการดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือของเธอเช่นกัน







