บทที่ 78
พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีพ่อ
เมื่อมองไปบนสีหน้าหวาดกลัวของลูกๆ ลู่ซินฟางก็รู้สึกหดหู่หัวใจ
หญิงสาวกอดลูกแฝด มอบความรักและความเชื่อใจให้กับพวกเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เฉิงเอ๋อร์ เป่าเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น แม่ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้แม่ปกป้องพวกเจ้าได้ เล่าให้แม่ฟังทั้งหมด เกิดอะไรขึ้นตอนอยู่ที่บ้านเหอ”
เด็กทั้งสองกัดปากเงียบๆ
สักพักหนึ่ง เฉิงเอ๋อร์ก็ขยับปากเล็กๆ ของเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ ผู้ชายคนนั้นน่ะ…มักจะทุบตีเป่าเอ๋อร์ แล้วบอกว่านางเสียงดัง ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือสอบ”
“แต่ข้า…ข้าไม่ได้เข้าใกล้เขาเลยนะ” เป่าเอ๋อร์พูดเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้
“แม่เชื่อ” ลู่ซินฟางลูบศีรษะของเป่าเอ๋อร์
เหอถิงคืออนาคตของบ้านเหอ พ่อแม่ของเขาจึงสร้างเรือนแยกเพื่อให้มีสถานเงียบๆ ไว้อ่านหนังสือเตรียมสอบจอหงวน หลายปีที่ต้องอยู่บ้านนั้น ลู่ซินฟางคอยอำนวยความสะดวกให้กับเหอถิงทุกอย่าง และยังสั่งให้เด็กๆ ห้ามเข้าใกล้เรือนแยกแห่งนั้น เด็กๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ที่นั่น หากไม่ได้รับอนุญาต
“เขาเรียกข้าเข้าไปที่เรือนนั้น แล้วก็สั่งไม่ให้ข้าบอกท่านแม่” เป่าเอ๋อร์บอก
“วันนั้นข้าแอบตามไปเพราะอิจฉาที่นางได้เข้าเรือนของท่านพ่อ แต่ไม่คิดว่านางจะถูกทุบตี” เฉิงเอ๋อร์กล่าวเสริม
“แล้วเขาตีเจ้าด้วยหรือไม่” ลู่ซินฟางถามเฉิงเอ๋อร์
เด็กชายส่ายหน้าก่อนจะพูดต่อ “เพราะข้าเป็นลูกชาย เขาจะไม่ตีข้า เขาบอกมาแบบนั้น”
ขณะที่ฟังเด็กทั้งสองเล่า ลู่ซินฟางลองปะติปะต่อเรื่องราวที่หลงเหลือในความทรงจำ
ในอดีต ตอนเห็นร่างกายของเป่าเอ๋อร์ช้ำกลับมา นางยังคิดว่าเป็นฝีมือของคนบ้านเหอ ยกเว้นก็แต่เหอถิง เพราะคนเป็นพ่อแท้ๆ ไม่มีทางทำร้ายลูกของตนเองได้
ลู่ซินฟางจึงบอกเรื่องนี้กับสามี เหอถิงยังรับปากว่าจะไปเตือนคนอื่นๆ ไม่ให้รังแกลูกๆ ของตน แต่เป่าเอ๋อร์ก็ตัวช้ำกลับมาอีก
ไม่คิดเลยว่า คนที่ทำร้ายเด็กๆ จะเป็นพ่อแท้ๆ เสียเอง
“น่ารังเกียจที่สุด!”
ลู่ซินฟางกับลูกทั้งสองถูกคนบ้านเหอเอารัดเอาเปรียบและถูกรังแกบ่อยๆ ด้วยข้ออ้างที่ว่านางกับลูกเป็นพวกไร้ประโยชน์ มาเกาะบ้านเหอกิน แต่นี่เป็นเรื่องที่ลู่ซินฟางรู้ดีอยู่แล้ว ทว่า…เพิ่งมารู้เอาตอนนี้ว่าเหอถิงลงมือทุบตีเป่าเอ๋อร์ และยังบังคับไม่ให้เด็กๆ เล่าให้ลู่ซินฟางฟัง
มิน่าเล่า หลังจากที่ลู่ซินฟางฟื้นขึ้นมาในร่างใหม่ ใช้ชีวิตกับลูกแฝดมานาน แต่ไม่มีสักวันที่พวกเขาจะถามถึงคนเป็นพ่อ หรือร้องอยากกลับบ้านเหอ
“ข้าไม่อยากเจอเขา” เป่าเอ๋อร์บอก แล้วซุกใบหน้าเล็กๆ กับอกของลู่ซินฟาง
“เขามาตามหาพวกเราทำไม” เฉิงเอ๋อร์ถาม ใบหน้าของเด็กชายค่อนข้างเครียดและหวาดกลัว
มาถึงตรงนี้ ลู่ซินฟางคิดว่าไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังเด็กทั้งสองอีกต่อไป นางจึงบอกความจริงว่า “เขาต้องการพาตัวเฉิงเอ๋อร์กลับไป”
“ข้าคนเดียวหรือ”
“ใช่”
“ไม่เอานะ!” เป่าเอ๋อร์ร้องลั่น ทั้งยังกุมมือพี่ชายแน่น “ข้าไม่ให้พี่ใหญ่ไป”
“ข้าเองก็จะอยู่กับเป่าเอ๋อร์และท่านแม่”
“แม่รู้ เพราะอย่างนั้น แม่จะปกป้องพวกเจ้า ไม่สิ ทุกคนพร้อมใจกันปกป้องพวกเจ้านะ”
“เพราะแบบนี้พวกพี่ชายถึงมาอยู่ที่นี่หรือ” เป่าเอ๋อร์หมายถึงจิ่นเซี่ยและองครักษ์คนอื่นๆ
“ใช่แล้ว พวกพี่ชายจิ่นเซี่ย และทุกคนที่นี่จะปกป้องพวกเจ้า”
เฉิงเอ๋อร์ตาแดง จมูกแดง ต่อมา เด็กชายก็โผกอดลู่ซินฟางแล้วร้องไห้โฮ
เป่าเอ๋อร์เห็นพี่ชายสะอึกสะอื้น นางก็ร้องไห้ออกมาไม่ต่างกัน
ถึงเด็กแฝดทั้งสองจะเฉลียวฉลาด แต่ยังไงพวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็ก
“โอ๋ๆ แม่อยู่ตรงนี้ พวกเจ้าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นแล้ว”
ในเมื่อเหอถิงไม่คิดว่าเด็กทั้งสองเป็นลูก เช่นนั้นนางก็ตัดสินใจได้แล้ว…พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีพ่อ!
เหล่าสัตว์อสูรนั้นหูดีมาก แม้จะยืนอยู่นอกห้อง หากก็ได้ยินบทสนทนาของสามแม่ลูกชัดเจน
พวกเขากำหมัดแน่น นัยน์ตาเปลี่ยนเป็นประกายเย็นชา
“ฆ่าเลยดีไหม” ชุนถามเสียงเย็น
“เรื่องนั้นพวกเจ้าห้ามทำเด็ดขาด” หลางไป๋เอ่ยเตือน
“เจ้าก็ได้ยินแล้วไม่ใช่หรือ ผู้ชายคนนั้นยิ่งกว่าสารเลวเสียอีก ข้าทนอยู่เฉยไม่ได้หรอก” เหนียงซิ่นบอก สีหน้าแสดงออกว่ากำลังโกรธจัด
“ยังไงก็ไม่ได้” หลางไป๋ย้ำ ก่อนจะให้เหตุผล “หากพวกเจ้าฆ่าคนผู้นั้น นายหญิงจะเดือดร้อน”
ไม่ต้องอธิบายเยอะ แค่เหตุผลสั้นๆ นี้ก็ทำให้เหล่าสัตว์อสูรเม้มปากเงียบและเข้าใจ
“แล้วตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไร” ชุนถามต่อ
“พวกเจ้าจับตามองคนพวกนั้นไว้ ส่วนชุน เจ้าอยู่กับเด็กๆ อย่าให้พวกเขาเข้ามาใกล้เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ได้ก็พอ”
“เข้าใจแล้ว”
หลางไป๋เงียบไปสักครู่ ทันใดนั้น นัยน์ตาของหมาป่าหนุ่มก็ฉายแววของความเจ้าเล่ห์ในขณะที่พูดต่ออีกว่า “แต่ว่านะ ถ้าไม่ทำให้ถึงตาย ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ดูเหมือนว่าเป็นแค่อุบัติเหตุ คิดว่าคงไม่ทำให้นายหญิงเดือดร้อน”
ได้ยินแบบนี้ เหล่าสัตว์อสูรคลี่ยิ้มชั่วร้าย
แต่แล้ว หลางไป๋ก็ตัดบทแบบปุบปับ “เอาละ เอาละ แยกย้ายไปทำงานของตัวเองได้แล้ว อ้อ ซินหลินกับสยงอู๋ไปที่โกดังต่างมิติ ดูสินค้าตามรายการนี้ นี่คือสเบียงที่ท่านกงจะส่งไปยังกองทัพ อย่าทำแบบขอไปทีล่ะ”
ซินหลินรับรายการสินค้ามา จากนั้นก็ชวนสยงอู๋เดินทางไปที่โกดังต่างมิติ
สยงจวินกับเหนียงซิ่นไปที่สวน ส่วนคนอื่นๆ ไปเตรียมตัวเปิดร้าน
แม้ยุ่งกับงานที่อยู่ตรงหน้า หากพวกเขาก็ไม่ลืมเฝ้าระวังเรื่องของเหอถิงด้วยเช่นกัน
ตอนพิเศษ (5)จบบริบูรณ์ หลังจากปรับอารมณ์ได้แล้ว จิ้งจอกสาวก็เช็ดน้ำตาบนแก้มจนแห้ง สูดหายใจลึกๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากห้องเพื่อไปขอโทษหลางไป๋ ทว่าทุกครั้งที่นางเข้าใกล้ เขากลับผละหนี แสร้งทำทีเป็นยุ่งง่วนกับงาน ท่าทางแบบนั้นราวกับจงใจหลบหน้านางไม่มีผิด เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น เจียงจวีก็น้ำตาซึม รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก นับวันหัวใจของนางก็ยิ่งปวดแปลบ ท้ายที่สุด นางที่รู้สึกระอายใจเป็นทุนเดิม ยิ่งไม่กล้าสู้หน้าเขา หลายวันต่อมา เจียงจวีเก็บข้าวของ หนีกลับเผ่าจิ้งจอก ณ เผ่าจิ้งจอก ผู้นำเผ่าจิ้งจอกในร่างของชายวัยคนกับจิ้งจอกหนุ่มต่างยืนกอดอกหน้าตาขึงขัง ในขณะที่มองจิ้งจอกสาวกอดเข่าน้ำตาซึม “ตั้งแต่นางกลับมาก็เอาแต่นั่งอมทุกข์ทั้งวันทั้งคืน สงสัยจะเจอแย่ๆ มา หากรู้อย่างนี้ ข้าไม่น่าอนุญาตให้นางออกไปเจอโลกภายนอกเลย เป็นข้าที่ตัดสินใจผิดพลาดเอง” ผู้นำเผ่าพูดกับลูกชาย “ท่านพ่อไม่ได้ตัดสินใจผิดพลาดหรอกขอรับ ให้นางออกไปเผชิญโลกภายนอก นับเป็นประสบการณ์ของนางด้วย” จิ้งจอกหนุ่มกล่าว
ตอนพิเศษ (4) หลังจากเห็นว่าเจียงจวีเหมาะกับตำแหน่งพนักงานขาย หลางไป๋ก็ให้นางทำงานในร้านซินหลินคู่กับห่จือเหมย เพียงไม่กี่อาทิตย์ เจียงจวีก็เป็นพนักงานขายอันดับต้นๆ ของร้าน ด้วยความที่เป็นจิ้งจอกใสซื่อ จึงทำให้ผู้คนชื่นชอบและเอ็นดูไม่น้อย ไม่เว้นแม้แต่หลางไป๋ “ทำงานแค่ไม่กี่อาทิตย์ เจ้าก็ทำกำไรให้ร้านซินหลินไม่น้อย…ทำดีมาก” หลางไป๋เอ่ยชมเจียงจวี พร้อมกับยื่นมือไปลูบศีรษะ ตอนแรก หมาป่าหนุ่มทำไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่พอเห็นจิ้งจอกสาวผงะ ทั้งแก้มนวลเนียนยังขึ้นสีแดงระเรื่อ มือใหญ่ที่กำลังลูบศีรษะของนางพลันชักกลับมา จากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินไปตรวจงานแผนกอื่น และไม่พูดไม่จาใดๆ หัวใจของเจียงจวีเต้นระส่ำระส่ายไม่หยุด แม้ยกมือขึ้นลูบหน้าอกพร้อมสูดหายลึกๆ แล้ว หากแต่หัวใจยังคงเต้นแรงเหมือนจะกระเด็นออกมา อย่างไรก็ตาม อาการใจเต้นแรงนี้ ทำให้จิ้งจอกสาวอดรู้สึกกังวลไม่ได้ หมิงฮวาเข้าร้านมาในจังหวะนั้นพอดี นางมองหลางไป๋สลับกับมองเจียงจวี สักครู่ ดวงตาของอสรพิษสาวก็หรี่ลงเล็กน้อย เมื่อเห็นหลางไป๋ขึ้นไปที่ชั้
ตอนพิเศษ (3) วันต่อมา จิ้งจอกสาวหอบห่อผ้ามาที่ฟาร์มอีกครั้ง แต่หนนี้นางมาพร้อมกับพี่ชาย “พวกเจ้าสองพี่น้องจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันหรือ” หลางไป๋สอบถาม การได้คนหน่วยกร้านดีเพิ่ม มีใครบ้างไม่ชอบ ทว่าจิ้งจอกหนุ่มโบกมือแล้วตอบ “ไม่ใช่ขอรับ ข้าแค่มาส่งน้องสาว อีกอย่าง ที่มาวันนี้ก็เพื่อขอร้องท่านให้ช่วยดูแลนางด้วย นางค่อนข้างซื่อน่ะขอรับ” หลางไป๋พยักหน้าเหมือนเข้าใจ หญิงสาวเผ่าจิ้งจอกยิ้มใสซื่อ โค้งศีรษะให้กับหลางไป๋ทีหนึ่ง “จากนี้ข้าต้องขอฝากตัวด้วยเจ้าค่ะ” หลางไป๋หันไปยิ้มให้กับหญิงสาวเผ่าจิ้งจอกพลางตอบว่า “ทางนี้ก็ต้องฝากตัวด้วยเช่นกัน” จากนั้นก็หันไปพูดกับทางพี่ชายด้วยสีหน้าเสียดาย “พูดก็พูดเถอะ เจ้าเองก็หน่วยกร้านดีไม่เบา น่าจะมาอยู่ที่ฟาร์มด้วยกัน” “ความจริงข้าก็อยากมาทำงานที่นี่นะขอรับ แต่เพราะท่านพ่อของพวกเรากำลังป่วย ข้าที่เป็นลูกชาย และยังเป็นว่าที่หัวหน้าเผ่าคนต่อไป ต้องคอยจัดการหลายๆ เรื่อง ตอนนี้ก็เลยออกจากเผ่าไม่ได้” “ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ” “ขอบคุณท่านผู
ตอนพิเศษ (2) สถานที่นี้เรียกว่าฟาร์ม มีทั้งสวนผัก สวนผลไม้ ทุ่งดอกไม้ โรงเรือนเพาะต้นกล้า ไหนจะโรงผลิตสารพัดที่เพิ่มขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด หนำซ้ำ ยังมีหมู่บ้านของเหล่าสัตว์อสูร ถนนที่ปูด้วยอิฐ ตรงลานกว้างของเมืองก็มีน้ำพุขนาดใหญ่ พวกเขาอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข…น่าอิจฉาและดูน่าสนุกกันจังเลย จิ้งจอกสาวคิด ก่อนจะถอนหายเฮือกออกมาหนึ่ง หญิงสาวชอบความตื่นตาตื่นใจของฟาร์ม ถึงได้แอบมาดูทุกวัน ในตอนที่ลำแสงสีทองสาดเข้ามาในป่ารกทึบ จากนั้นเหล่าสัตว์ก็มีวิวัฒนาการกลายร่างเป็นมนุษย์ ตอนนั้นนางตื่นเต้นมาก กระโดดโลดเต้นรอบป่า ยิ่งค้นพบว่ายังมีสัตว์เผ่าอื่นที่กลายร่างเป็นมนุษย์ นางก็ยิ่งอยากเป็นเพื่อนกับทุกคน เพราะอย่างนั้นตอนที่หมาป่าเพศผู้นามว่าหลางไป๋มาเจรจาขอเป็นพันธมิตรกับเผ่าจิ้งจอก นางอยากให้ท่านพ่อตอบรับการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับท่านภูต แต่ว่า ท่านพ่อกลับปฏิเสธ แม้ผิดหวังอย่างมาก แต่คำสั่งของผู้นำเผ่าถือเป็นเด็ดขาด เช้าตรู่ของวันนี้ จิ้งจอกสาวก็ยังแอบมาที่ฟาร์ม นางหลบหลังต้นไม้ใหญ่ แ
ตอนพิเศษ (1) ต้นฤดูหนาวของปีนั้น ชุนกับจิ่นเซี่ยได้จัดพิธีแต่งงานแบบเรียบง่าย โดยหลางไป๋เป็นญาติฝ่ายหญิง ส่วนจิ่นเซี่ยนั้น เนื่องจากองครักษ์หนุ่มผู้นี้เป็นเด็กกำพร้า ญาติฝ่ายชายจึงเป็นกงเยียนซู แม้เป็นงานแต่งที่เรียบง่าย แต่เพราะได้ลู่ซินฟางเป็นแม่งาน อาหารสุราจึงขึ้นเต็มโต๊ะตลอดทั้งวันทั้งคืน แขกเหรื่อที่มาร่วมงานล้วนเป็นคนกันเอง งานแต่งของชุนกับองครักษ์หนุ่ม จึงเหมือนกับวันรวมญาติมากกว่าเป็นงานมงคล ลู่ซินฟางอนุญาตให้ชุนหยุดได้เท่าที่ต้องการ หลังเสร็จสิ้นงานแต่ง ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม หลายวันหลังจากนั้น อุณหภูมิเริ่มลดต่ำ สายลมหนาวเย็นพัดมาเป็นระลอก ลู่ซินฟางยืนอยู่บนระเบียง มองพวกเด็กๆ วิ่งเล่นกันที่ลานกว้าง “เด็กๆ เนี่ย ไม่รู้จักความหนาวกันเลยหรือไงนะ” ลู่ซินฟางพึมพำด้วยความเอ็นดู “แอร๊…!” ตอนนั้นเอง เสียงเล็กๆ ของจินเอ๋อร์ดังมาจากในเปล ลู่ซินฟางผละสายตาออกจากพวกเฉิงเอ๋อร์ เดินกลับมาหาลูกน้อยที่นอนในเปล จินเอ๋อร์อา
บทที่ 128บทพิเศษ มิติที่สมบูรณ์ และ รักจนแก่เฒ่า (ครึ่งหลัง) จบบริบูรณ์ เมื่อกลับมาจากมิติ ซินหลินก็มาหาลู่ซินฟางที่คฤหาสน์ เจ้าแฝดพอเห็นพี่ชายมาหา ก็วิ่งเข้าไปเกาะแขน กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “พี่ชายซินหลิน เมื่อกี้พวกเราไปมิติมาด้วย” “พี่ชายซินหลิน พวกเราไปอ่านหนังสือกันเถอะ” ซินหลินส่ายหน้าพร้อมเคาะปลายจมูกน้อยๆ ของเด็กทั้งสองเบาๆ คนละที “พวกเจ้าเรี่ยวแรงเหลือเฟือจริงๆ เลยนะ เพิ่งกลับมาจากมิติไม่ใช่หรือ คิดจะเล่นกันอีกแล้ว?” “ฮะๆ” “คิๆ” เจ้าแฝดหัวเราะชอบใจ ซินหลินยิ้มให้กับน้องๆ ก่อนหันมาบอกลู่ซินฟางว่า “ข้าเพิ่งเอาผักไปให้เหนียงซิ่น นางบอกว่าอากาศน่าจะเริ่มหนาวแล้ว นางว่าจะทำหม้อไฟชุดใหญ่ เลยให้ข้ามาบอกน่ะ” “ขอบใจมาก รอเยียนซูกลับมาแล้วข้าจะพาเด็กๆ ไปที่คฤหาสน์นะ” ลู่ซินฟางตอบกลับ “อืม” “หม้อไฟ” “เย่ หม้อไฟ!” หม้อไฟฝีมือเหนียงซิ่นอร่อยมาก แถมนานๆ ครั้งจะได้สักที พวกเด็กๆ จึงชูแขนร้องด้วยความดีใจ