เข้าสู่ระบบโชคชะตาเล่นตลกร้าย
แต่คนโดนตลกไม่ออก…
โลกกลมหรือแรงโน้มถ่วงมันเอนเอียง ถึงได้ผลักดันตัวละครที่เธอไม่อยากพบเจอโผล่มามากที่สุด บนโต๊ะอาหารที่ครื้นเครงจากเสียงพูดคุยดังจอแจ แต่ร่างบางที่นั่งข้างเจตกวินตัวลีบหดเหลือสามเซน
ทุกครั้งที่ไหล่เขาขยับมาชน เธอจะวูบวาบราวกับมีไฟฟ้าแล่นพาดผ่านกลางอก ขนแขนพร้อมใจกันลุกชันจนหายใจไม่ทั่วท้องเท่าไหร่
“ทานเยอะๆ นะครับน้องตะวัน” เจตกวินหันมาชวนคุย พลางดันถ้วยเกี๊ยวทอดกรอบให้เธอกินแกล้มกับก๋วยเตี๋ยวต้มยำ โดยที่เขาเป็นคนอาสาออกค่าอาหารเลี้ยงเธอมื้อนี้เอง
“ขอบคุณค่ะพี่เจต”
“กินเลอะอีกแล้ว...”
วินาทีที่เจตกวินกำลังจะเช็ดปากให้ เธอก็สะบัดหันหน้าหนีจนคอแทบเคล็ด เขาตกใจจนชะงักมือไว้เพียงเท่านั้น ส่วนเธอรีบหยิบกระดาษมาเช็ดปากทันทีก่อนหันไปฉีกยิ้มกว้างกลบเกลื่อน
“ตะวันเช็ดเองดีกว่าค่ะพี่เจต... ไม่เป็นไร” เธอพยายามเก็บอารมณ์เวลาอยู่กับเจตกวินแล้ว แต่คงเหลือแค่สีหน้าที่เก็บไว้ไม่อยู่
“น้องตะวันไม่ชอบใจอะไรพี่หรือเปล่าครับ”
“คะ”
“เหมือนเราจะไม่ค่อยชอบหน้าพี่นะ”
เจตกวินเอ่ยเสียงเศร้าปนน้อยใจ ทำเอาเธอเลิ่กลั่กชักสีหน้าไปต่อไม่ถูก ชำเลืองหางตามองเพื่อนๆ เขาทั้งสามคนกำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรสชาติ มีแต่เขาที่คอยหันมาชวนเธอคุยเป็นระยะ
“ถ้าเราไม่ชอบอะไรในตัวพี่บอกได้เลยนะ... หรือว่าพี่ทำอะไรให้ไม่ถูกใจน้องตะวันหรือเปล่า” เจตกวินมุ่นคิ้วเว้าวอน สีหน้าเธอไม่ได้ออกชัดขนาดนั้น แต่การกระทำของเธอค่อนข้างชัดเลยทีเดียว
แค่ตัวแตะกันนิดหน่อยก็เบี่ยงหลบ เมื่อกี้แค่จะเช็ดปากให้ยังสะบัดหน้าหนีอีกต่างหาก เขาก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าเธอไม่พอใจเขาอยู่
“พี่เจตยังไม่ได้ทำอะไรให้ธารตะวันคนนี้หรอกค่ะ”
“ยังไงนะครับ เอ่อ... ธารตะวันคนนี้คือยังไงครับ”
เธอไม่ตอบ แต่คลี่รอยยิ้มพลางคีบเกี๊ยวทอดใส่ชามเขาแทน พอทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้างขึ้นมาอีกครั้งได้ ถึงจะแอบสงสารแต่เธอจะไม่เผลอใจให้กับเจตกวินเป็นอันขาด
นิสัยดีโดยพื้นฐานหรือดีแค่หน้าฉากกันแน่...
ธารตะวันอดมุ่นคิ้วค่อนแคะแล้วครุ่นคิดไม่ได้ ทว่าเมื่อสบกับแววตาสีน้ำตาลเข้มหม่นแสงของเจตกวิน เธอก็พลอยรู้สึกผิดอยู่ดีที่ดันแสดงออกชัดจนเขารู้สึกได้
“ขอบคุณครับน้องตะวัน” เจตกวินเอ่ยพลางก้มหน้ายิ้มคนเดียว
ในนิยายที่เคยได้อ่านเจตกวินเป็นหนุ่มรุ่นพี่สุดอบอุ่น ทั้งมีความเป็นสุภาพบุรุษและมีความเป็นผู้นำ แต่ใครจะไปคิด นักเขียนจะหักมุมให้เนื้อหาดราม่าน้ำตาแตกเป็นลิตรขนาดนั้น
“โอะ ท่านประ... คุณธันย์” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นแล้วสะดุดกับร่างสูงสง่าของประธานธันย์ที่หน้าร้านเข้า
ปกติเป็นคนอัธยาศัยดีอยู่แล้ว พอทะลุมิติหลุดเข้ามาในนิยายย้อนเวลา เธอก็เผลอเป็นตัวเองเกินไปด้วยการโบกมือให้ท่านประธาน จังหวะที่เขากวาดสายตามองผ่านมาหาเธอพอดี
“เอ่อ...” เธอหัวเราะแห้งๆ เมื่อเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร
ทว่าร่างสูงกลับตรงปรี่มายังโต๊ะเธอแทน แสงแดดที่สาดส่องเข้าทางด้านหลังเขาเป็นดั่งสปอร์ตไลท์แผ่กระจายออร่าความหล่อ ดึงดูดสายตาคนทั้งร้านอาหารให้หันไปมองที่เขากันเป็นตาเดียว
“โหว...” เธอเผลออ้าปากค้างมองเขาที่เดินแต่เหมือนลอยมา
หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริงแต่มีอยู่จริงนึกออกไหม ไม่รู้ว่าเดินหรือลอยมาทำไมมันถึงได้พลิ้วไหวไปหมดทุกอย่างเลย
เจตกวินหันตามสายตาหญิงสาว ก่อนจะปะทะสายตาเข้าคนที่มีดวงตาเฉยชาเป็นเอกลักษณ์ เหล่าพนักงานที่เป็นเพื่อนในกลุ่มของเจตกวินต่างก็ป้องปากซุบซิบกันใหญ่
“รู้จักผมเหรอครับ” เจตกวินเลิกคิ้วถามปนยิ้ม แต่ก็แอบตงิดใจนิดหน่อยเพราะอีกฝ่ายจ้องหน้ากันไม่หยุดอยู่ได้
“ผมคิดว่ามั่นใจว่ารู้จักคุณ แต่คุณไม่รู้จักผมหรอกครับ”
“ว่าไงนะครับ... หมายความว่ายังไงเหรอครับ”
เจตกวินหัวเราะแห้ง พลางยกมือขึ้นเกาหัวแกรก
ประธานธันย์ยกยิ้มเชิงอย่าถือสาคำพูดเขา ทว่านัยน์ตาคมปลาบสุดลึกลับซับซ้อนที่มองคู่สนทนา พาลให้เธอที่นั่งสังเกตการณ์อยู่รู้สึกถึงลางสังหารณ์ไม่ค่อยดี
“พี่เจตคะ นี่ประธานธันย์ธาราค่ะ เจ้านายของตะวันเอง”
พอได้จังหวะเธอก็แทรกบทสนทนาได้อย่างแนบเนียน หลังประธานธันย์กดสายตามองต่ำเชิงคาดโทษไปที่เจตกวิน ในฉับพลันบรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่ครึกครื้นอยู่ดีๆ ก็กลายเป็นคุกรุ่นทันที
“อ๋อ เจ้านายของน้องตะวันนี่เอง” เจตกวินคลายปมที่หว่างคิ้วออกเล็กน้อย ก่อนพูดต่อด้วยถ้อยคำสุภาพ
“สวัสดีครับ ผมชื่อเจต... เจตกวิน”
“ผมธันย์... ธันย์ธารายินดีที่ได้เจอครับ”
“ครับ ยินดีที่ได้เจอเช่นกัน” พูดจบก็ส่งมือไปจับกับอีกฝ่ายที่ยื่นมา
ธารตะวันมองทั้งคู่สลับกันไปมา เรียวคิ้วก็มุ่นขึ้นอ่านสถานการณ์ไม่ออกว่าประธานธันย์คิดอะไรอยู่ เขากำลังส่งยิ้มให้คนที่จับมือด้วย แต่รอยยิ้มนั่นส่งไปไม่ถึงดวงตาเลยสักนิด
“คุณธันย์มาทานข้าวที่นี่เหรอคะ” ธารตะวันโพล่งถาม หลังทั้งคู่เอาแต่จ้องหน้ากันไม่หยุด
“ผมมาหาคุณ”
“ฉันเหรอคะ”
เขากะพริบตาพร้อมพยักหน้าแทนคำตอบ เธอสายตาล่อกแล่กไปมาเล็กน้อย แต่พอคนตรงหน้าพูดขยายความเธอก็เข้าใจได้ทันที
“ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณส่วนตัว”
“คุย... ตอนนี้เลยเหรอคะ”
“ผมจะจ่ายเป็นงานนอกเวลาให้ก็แล้วกัน”
สิ้นประโยคนั้นเธอก็หันขวับไปคว้ากระเป๋ามาสะพายทันที ก่อนจะยิ้มหวานให้ประธานธันย์ที่ยืนทำหน้านิ่งไร้อารมณ์อยู่ แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าของแบบนี้เงินมางานก็ย่อมเดินอยู่แล้ว
เจตกวินมองตามธารตะวันราวกับแมวมองเจ้าของ เธอลุกขึ้นยืนก็เงยหน้ามองตาม ดวงตาเขากรอกมองทุกการเคลื่อนไหวเลย
“ตะวันกลับก่อนนะคะพี่เจต... ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวมื้อนี้ค่ะ ไว้ถ้ามีโอกาสตะวันขอเลี้ยงพี่คืนบ้างนะคะ” เธอส่งรอยยิ้มให้เจตกวินอย่างลืมตัว รวมถึงคำพูดที่ติดปากประจำเวลามีคนเลี้ยงข้าว
ทว่าพอรู้สึกตัวก็พลันหุบยิ้มฉับทันที เพราะไม่ใช่แค่ยิ้มหวานให้ แต่ยังทิ้งท้ายคำพูดที่น่าจับตีปากซะให้เข็ด
จะเปิดลู่ทางให้มาเจอกันอีกทำไมล่ะเนี่ย!
“ได้สิครับ ไว้พี่จะรอเรามาเลี้ยงข้าวนะ”
“เอ่อ... ถ้างั้นไว้คราวหน้าก็แล้วกันค่ะ”
เจตกวินยิ้มเขินจนเพื่อนเป่าปากแซวทั้งคู่ ท่ามกลางสีหน้าฉงนหนักของธารตะวันที่ยิ้มแหย แต่แล้วก็มีมือปริศนาคว้าแขนเธอให้ออกมาจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว
ร่างสูงของท่านประธานยังจับแขนเธอไม่ยอมปล่อย แม้จะเดินไกลออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าเด็ดแล้วก็ตาม
“คุณธันย์คะ...” เธอเรียกเขาเสียงค่อย ทำให้เขาหยุดเดินกะทันหัน
ธันย์ธาราหมุนตัวกลับมาประจันหน้าเธอ ธารตะวันตัวสูงแค่หน้าอกเขาเอง ส่วนสูงที่ต่างกันอย่างชัดเจนจู่ๆ ก็ทำเธอหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“โทษที” เขาพูดสั้นๆ ก่อนจะยอมปล่อยแขนเธอออก
เธอหลบตาแล้วเม้มปากนิดๆ พลางเงยหน้าช้อนตามองเขาอีกครั้ง
“ธารตะวัน”
“คะ”
“เลือกให้ดี...”
ใบหน้างามล้ำมุ่นคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เขาจะสื่อถึงอะไรกันแน่ ทำไมถึงได้ทำหน้าตาเคร่งเครียดราวกับมีเรื่องคอขาดบาดตาย
“หมายถึงเลือกอะไรเหรอคะ”
“ทุกอย่างที่ต้องเลือกนั่นแหละ”
พูดไปเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจอยู่ดี...
ประธานธันย์จ้องดวงหน้าเธอเขม็ง นัยน์ตาสีเข้มแต่เวลากระทบแสงแดดกลับมีประกายน้ำตาลทองสะท้อนกลับมา
เวลาจะตกหลุมรักใครสักคน บางทีก็มาจากการได้สบตากันนี่แหละ
“ถ้าต้องเลือก... เลือกสิ่งที่ดีให้ตัวเองนะธารตะวัน เข้าใจมั้ย”
ชีวิตหลังจากทะลุมิติเข้ามาในนิยาย ยังคงดำเนินต่อไป ราวกับกำลังสวมบทบาท เป็นตัวละครในเนื้อเรื่อง จนลืมเลือนไปแล้วว่าอีกโลกหนึ่งที่จากมาก่อนหน้านี้พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไรไม่มีการวางแผนถึงตอนออก มีแต่วางแผนครอบครัวต่อไป“ขออนุญาตแจ้งตารางงานวันนี้นะคะ”ร่างบางระหงในชุดทำงานสวยเข้ารูป ยืนรายงานตารางงานของเขาในเวลานี้ แต่ประธานธันย์ กลับเอาแต่จ้องเรือนร่างยั่วใจ ขณะใช้สายตาโลมเลียคุณเลขาหรือภรรยาในอนาคตสองเดือนที่ภาพจำทริปญี่ปุ่นยังตราตรึง...เขาจำได้ไม่ลืมเลย ว่าได้กินเธออิ่มหนำสำราญแค่ไหนตั้งใจจะปั๊มลูกน้อยให้ติดที่ญี่ปุ่นด้วย ซึ่งพอกลับมา พ่อพระเอกเอวหวานกินดุคนนี้ ยิ่งคลั่งรักธารตะวันหนักกว่าเดิม ตามติดเธอแจไม่ให้ห่างกายไปไหนไกล“คุณธันย์คะ เดี๋ยวมีประชุม... อึก”ธารตะวันที่พูดอยู่ดีๆ เธอก็ดันรู้สึกพะอืดพะอม คล้ายว่าจะอาเจียนขึ้นมาดื้อๆร่างสูงผุดลุกจากเก้าอี้ เข้าไปประคองคนรักด้วยสีหน้าห่วงใย“เป็นอะไรหรือเปล่าตะวัน”“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อึก...”ร่างบางกุมหน้าท้องไว้ พลางปิดปากจนตัวโก่งงอ ก่อนที่จะผละออกจากธันย์ธารา แล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที“แหวะ... ฮึก แอะ”วินาทีที่ถึงชักโค
ญี่ปุ่นหวานและอุ่นมาก...หมายถึงเธอที่นอนใต้ร่าง ครวญครางเสียงหวานระงม ไปทั่วห้องพักของโรงแรมหรู อุ่นร้อนในร่องรักที่โดนตอกอัดหนักๆ จนเสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นหลังจากเธอตอบตกลงจะแต่งงาน พอกลับมาถึงโรงแรม ธันย์ธาราก็เปิดฉากนัวเนียเธอ ตั้งแต่หน้าประตูทางเข้า ถอดเสื้อผ้าเรี่ยราดไปตามทาง สุดท้ายก็จบที่ฟูกไม่กี่ฟุตบนพื้นห้อง“อ๊ะๆ อื้อ... เสียว อึก เสียวค่ะ”ธารตะวันนอนอ้าขากว้าง ให้เขาแทรกกลางที่หว่างขา ซอยสะโพกที่กำกับจังหวะรักได้เสียวสะท้านร่างกายทั้งคู่เปลือยเปล่า โคมไฟแสงสลัวโทนอบอุ่น กระตุ้นให้ทั้งคู่อ่อนคล้อยเคลิ้มตามไปกับแรงอารมณ์ ไม่ปฏิเสธความต้องการ และมอบความสุขให้แก่กันด้วยความเต็มใจสมฉายาพ่อพระเอกเอวหวานกินดุเพราะนอกจากขนาดใหญ่โตมโหฬาร ยังถึกทน เริ่มยกที่สามทันทีไม่มีอิดออด หลังจากเขาพักเหนื่อยแค่สามนาทีเท่านั้น“ผมอยากเอาคุณหน้ากระจก”“อ๊ะ- อึก”“ได้มั้ยตะวัน... ขอเอาที่หน้ากระจกสิ”น้ำเสียงเขาติดกระเส่า ขณะกดสายตา มองสีหน้ายั่วอารมณ์ของคนใต้ร่าง ประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะไปด้วย“อื้อ ตามใจ... อ๊ะ- อ๊ะ ตามใจคุณ”“เด็กดี”“ฮึก... คุณธันย์ อ๊ะ- อ๊า อื้อ”คนใต้ร่างครางเสียงหวาน
“คุณธันย์... อยากอยู่ที่นี่กับฉันเหรอคะ”พอได้ฟังว่าเขาอยากอยู่ด้วยกัน ธารตะวันก็หลุดยิ้มบางๆ แต่ดวงตาปกปิดความเศร้าไม่มิด เพราะอีกโลกนึง พวกเขาคงเป็นคนแปลกหน้าต่อกันไปแล้วต่อให้เดินสวนกันไป อาจจะไม่มีใครหันมาสบตาก็ได้“ใช่ ถ้าเลือกได้... ผมขอติดอยู่ในมิตินี้กับคุณ”“คุณธันย์”“ผมพูดจริง มีคุณแล้วชีวิตผมมีความสุขมากจริงๆ”ดวงตาของเขาตอนพูดจริงใจ ไม่ได้ปรุงแต่งให้สวยหรู ราวกับโลกใบเดิมที่เขาจากมา ธันย์ธาราอาจไม่ได้ใช้ชีวิตของตัวเองทีแรกเธอก็อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร หรือมาจากไหน ชีวิตในโลกที่จากมา ชีวิตความเป็นอยู่เขาคือใครกันแน่แต่มาคิดดูอีกที...การรู้จักกันแค่โลกมิตินี้มันก็พอแล้วให้นิยายเรื่องนี้ กลั่นกรองความรักของเราสองคนผ่านตัวอักษร เพราะว่าสิ่งที่แสดงออกมามันคือความรัก เป็นความรู้สึกจากก้นบึ้งของหัวใจ และทั้งคู่ก็ไม่ได้ต้องการอะไรไปมากกว่านี้นอกจากได้อยู่ด้วยกันในทุกวัน... และทุกวันตลอดไป“ถ้างั้นหลังจากนี้ มาใช้ชีวิตให้เต็มที่ดีมั้ยคะ”“ผมก็รักคุณเต็มที่ทุกวันนะธารตะวัน”ยามรักเขาก็แสดงออกว่ารักสุดตัว ทั้งสีหน้าและแววตามันชัด ว่าตัวเขาตกหลุมรักผู้หญิงตรงหน้าเข้าแล้วมันไม่ใช่ค
หลังกลับจากห้างสรรพสินค้า ธารตะวันก็รับหน้าที่ นั่งกล่อมเด็กน้อยทั้งสองนอน ใช้เวลาสักพักจนกระทั่งเด็กๆ ผล็อยหลับไป เธอถึงลากแขนประธานธันย์เข้ามาที่ห้องทำงาน“อะไรของคุณ หืม ตะวัน”“เอกสารที่คุณต้องเซ็นไงคะ”ธันย์ธาราเอี้ยวลำคอมอง เธอจึงดันหลังให้เขาอย่ากังวล“นั่งเถอะค่ะ ฉันจะเอามาให้อ่านก่อน”เธอเกาะบ่าคนตัวสูงกว่า ก่อนจะกดไหล่เขาให้นั่งที่เก้าอี้ทำงาน ทำเขามุ่นคิ้วติดจะสงสัย สายตาไล่มองร่างบางระหง เดินไปหยิบเอกสารบนชั้นมาวางที่โต๊ะ“สมัครเป็นพ่อของลูก...”ธันย์ธาราอ่านออกเสียง พลางกวาดสายตาอ่านทุกตัวอักษรส่วนคนพิมพ์เอกสารใบนี้ขึ้นมา ยืนยิ้มอย่างภูมิใจ เป็นแบบฟอร์มที่เธอตั้งใจทำให้เขาอ่านข้อตกลงการอุ้มท้องคือการเสียสละร่างกายหากมีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้อง ร่างกายของแม่จะถ่ายโอนสารอาหารให้ลูก และบางครั้ง ลูกน้อยก็จะดูดซึมแคลเซียมจากแม่อีกด้วยอย่างที่เขาเคยบอก คนท้องอารมณ์แปรปรวน เมื่อท้องเริ่มโตก็จะยิ่งใช้ชีวิตยากขึ้น เวลานอนก็หายใจไม่เต็มอิ่มอีกต่างหาก เธอเคยไปอ่านเจอมา หากโดนลูกน้อยแบ่งแคลเซียมไปเยอะร่างกายจะปวดร้าวทรมานปวดลึกถึงกระดูกเลยแหละถ้าหากเขาอยากเป็นพ่อคน ต้องรับข้อตกล
“คุณธันย์อย่าบีบได้มั้ยคะ”ร่างบางระหงที่สวมแค่เสื้อยืดตัวโคร่ง กำลังควงตะหลิวจับกระทะอยู่ในครัว ช่วงล่างเปลือยเปล่าโล่งโจ้ง เพราะเพิ่งเติมเต็มรักกับธันย์ธาราไปเมื่อคืนสะดุ้งตื่นมาคว้าได้แค่เสื้อก็ใส่มาก่อน“คุณธันย์ฉันบอกว่าอย่าบีบไง”“หือ”“ทำไมดื้อแบบนี้นะ”เธอดุเขาที่จับหน้าอกเล่นไม่หยุด พลางเอี้ยวลำคอมองร่างสูง เขาที่ซบใบหน้าบนลาดไหล่เล็ก ครางในลำคอขัดใจหลังโดนดุ“แค่จับก็ไม่ได้เหรอ” เขาทำเสียงงอน โหมดอ้อนแฟนกำเริบทันที“แล้วบีบทำไมคะ” เธอจดจ่อกับการผัดข้าว แต่เขาก็คอยพราสติให้ไม่อยู่กับตัวเรื่อยเลยยังไงสองเต้าใหญ่ก็เป็นของเขาคนเดียว“ตะวัน”“พอค่ะ”“ธารตะวัน...”เธอส่ายหน้าเสียงแข็งใส่ อย่าคิดว่าเธอรู้ไม่ทันเขา เวลาอยากได้เธอทีไร เป็นต้องเสียงอ่อนเสียงอ้อนกันทุกที ไม่ใช่ว่าเธอเบื่อหน่าย แต่มันไม่เกินไปหน่อยเหรอไงที่หิวกันตลอดเวลาน่ะหิวที่ไม่ได้แปลว่าหิวข้าวด้วย“อ่ะ!”ร่างบางสะดุ้งโหยง ตะหลิวในมือที่ผัดข้าวแทบปลิว เมื่ออีกฝ่ายถกเสื้อยืดเธอขึ้น เผยให้เห็นบั้นท้ายงามงอน เป็นประจักษ์แก่สายตาเขาเธอพยายามจะเบี่ยงตัวหลบ แต่ก็ถูกเขาตามไล่ต้อนกันอยู่ดี“คุณธันย์อย่าถก ฉันไม่ได้ใส่ก
ใบหน้าคมคร้ามหลุบตามองต่ำ มือหนาลูบไล้ที่แผ่นหลังบาง ลามลงไปเคล้นคลึงสะโพกผาย ก่อนจะบีบขยำบั้นท้ายอวบอัด พลางฟาดตีเต็มแรงจนร่างบางกระตุกรับธารตะวันที่ก้มต่ำ กำลังรูดชักลำกายแท่งโต หยอกเย้าให้แข็งตัวสู้มือ จนกระทั่งมันผงาดองอาจตรงหน้า“ไม่ไหวแล้วตะวัน...”ธันย์ธาราพ่นลมหายใจหอบหนัก เขาสั่นกระสันไปทั้งร่าง เมื่อรู้สึกได้ถึงริมฝีปากนุ่มนิ่ม กำลังค่อยๆ อ้าอมแท่งร้อน“อึก”“ไหวนะ”“อื้อ...”ธารตะวันบิดเบ้ใบหน้า มือใหม่ไร้ประสบการณ์กำลังเรียนรู้ วิธีการปรนเปรอ บำเรอกามให้แฟนหนุ่ม แต่เพราะมือใหม่นี่แหละ ทำเขาตื่นเต้น จนปลายเอ็นกระตุกรับในโพรงปากอุ่น“ระวังฟันนะตะวัน”“อื้อ”“ไม่ต้องรีบ อ่า... อืม”ธันย์ธาราขมวดคิ้วเครียด ทิ้งศีรษะพิงเบาะแล้วเกร็งท้องรับ เมื่อริมฝีปากของเธอ อ้าอมแก่นกายเข้าครึ่งลำธารตะวันหยุดไว้กลางทาง หยาดน้ำตาคลอระเรื่อ ใต้ตาแดงก่ำหลังถูกความคับใหญ่เล่นงาน จนไม่กล้าขยับหัวให้กดลงลึกมากกว่านี้ เกรงว่ามุมปากจะฉีกจนเลือดกบปากได้ใหญ่จนคับแน่นในปากสุดๆเหมือนขอบปากมันจะฉีกเลย“อ่อก... อึก”“ระวังสำลัก”“อื้อ- อึก”ความรู้มีเต็มหัว...แค่อ่อนประสบการณ์เท่านั้นเองนักอ่านตัวยงง







