ถ้าคนมันจะใช่ ต่อให้ห่างหายกันไปสักกี่ปีสุดท้ายโลกก็เหวี่ยงให้กลับมาเจอกันอีกอยู่ดี เมื่อความบังเอิญเหวี่ยงให้ 'คชา' กลับมาเจอไม้เบื่อไม้เมาอย่าง 'หมอสาวจอมพยศ' อีกครั้ง แถมหนนี้ไม่เพียงได้รับเกียรติให้เป็นไม้กันหมากิตติศักดิ์ เขายังพบว่าเธอได้กลายมาเป็นเพื่อนบ้านคนใหม่อีกด้วย ไหน ๆ ก็รู้ใจตัวเองแล้ว ไม่ลุยวันนี้แล้วจะให้ลุยวันไหน!
Lihat lebih banyak“อรุณสวัสดิ์ค่ะหมอนิล”
“อรุณสวัสดิ์ค่า~”
หัวคิ้วพลันขมวดฉับเมื่อคล้ายว่าเห็นเงาของใครบางคนในห้องตรวจ พอหันไปส่งสายตาถามพยาบาลผู้ช่วยก็ได้รอยยิ้มแหย ๆ กลับมาก่อนอีกฝ่ายจะพยักหน้าน้อย ๆ
“ค่ะ เจ้าเดิมมาอีกแล้วค่ะ”
ช่างเป็นการต้อนรับวันที่แสนสดใสของเธอจริง ๆ ไปราวน์คนไข้มาตั้งแต่ 8 โมงเธอหิวจนตาลายไปหมด กะจะแวบมาหาความสุขจากกาแฟและแซนด์วิชสักหน่อย เฮ้อ~
นิลกาฬถอนหายใจระบายความอ่อนอกอ่อนใจปนระอา จากนั้นจึงค่อยก้าวเดินด้วยใบหน้าที่ปั้นแต่งรอยยิ้มขึ้นประดับมุมปากเรียบร้อยแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณท็อป”
นิลกาฬเอ่ยทักทายคนที่รออยู่ในห้องแล้วส่งยิ้มบาง ๆ ตามมารยาท สายตาจับจ้องไปยังช่อดอกลิลลี่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มแล้วขยับถอยห่างเพิ่มอีกก้าว ยังไม่ทันจับก็รู้สึกคันจมูกรอแล้ว
“พอดีผมผ่านมาแถวนี้ก็เลยแวะมาทักทายหมอนิลครับ นี่ครับ” ชายหนุ่มทำสีหน้าดีใจพลางยื่นช่อดอกไม้มาให้
“ขอบคุณค่ะ”
แต่ทีหลังไม่ต้องเป็นคนอัธยาศัยดี อยากทักกันบ่อย ๆ ก็ได้
นิลกาฬคิดประโยคหลังต่อในใจ รับช่อดอกไม้มาอย่างเสียไม่ได้ ก่อนรีบวางมันลงบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว
ชายตรงหน้าคือคนไข้ที่เธอเคยให้การรักษาเมื่อเดือนก่อน มาห้องฉุกเฉินด้วยสาเหตุหัวแตก โดนลูกหลงจากเหตุการณ์ตีกันในผับแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจนักว่าสาเหตุที่แท้จริงนั้นเป็นตามที่เล่า หรือเพราะสาวสวยทรงสะบึ้มที่ยืนกอดแขน คอยส่งสายตาพิฆาตมาให้เธอตลอดเวลาทำแผลนั้นกันแน่
“วันนี้หมอนิลพอจะว่างไหมครับ ผมมีร้านอาหารร้านหนึ่งอยากจะแนะนำ”
“ขอโทษทีค่ะ วันนี้นิลนัดเพื่อนเอาไว้แล้ว นี่ไงคะโทรมาตามพอดีเลย”
นิลกาฬแทบอยากจะกราบแนบอกเพื่อนที่ต่อสายมาได้จังหวะพอดี เธอโชว์โทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้าพลางแสร้งทำหน้าเสียดาย โชคดีที่อีกฝ่ายไม่กล้าตื้อต่อเพราะเธอกดรับสายเพื่อนเป็นการตัดบท หลังเขาได้รับคำขอบคุณเรื่องช่อดอกไม้จึงจำต้องปลีกตัวออกไปจากห้องอย่างไม่มีทางเลือก
หญิงสาวแอบขยิบตาส่งซิกให้พยาบาลผู้ช่วยอย่างทะเล้น ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นหนีหายเข้าไปในลิฟต์ ร้องทักทายคนในสายเสียงใส
“แกโทรมาโคตรได้จังหวะเลยฟ้า กราบขอบพระคุณเจ้าค่ะเพื่อนร๊าก~”
( อีกแล้วเหรอย่ะ นี่ถามจริงเถอะนะ ทำไมแกไม่ลองคุยดูอะ เขาก็หล่อดีนี่นา )
“โอ๊ย มองจากดวงพลูโตยังรู้เลยว่าเจ้าชู้ ถ้ามีแล้วไม่ดีฉันก็ไม่เอาอะ ขอเกาะคานแน่น ๆ ไปแบบนี้ดีกว่า”
( จ้า ๆ แม่คนสวยเลือกได้ แล้วนี่วันนี้ขึ้นเวรอีกไหมยะ ถ้าไม่ก็มาเจอกันหน่อย )
“ไม่ได้ขึ้นแต่วันนี้คงไปไหนไม่ไหวแล้ว ฉันเหนื่อยมากเลย”
( อ๊ะ ๆ เอางั้นก็ได้คุณหมอผู้ยุ่งตลอดเว! )
“ยังจะมาแซะอีก แค่นี้แหละจะไปหาข้าวกินแล้ว หิวจนจะกินช้างได้ทั้งตัวแล้วเนี่ย!”
สองสาวกัดกันต่ออีกสองสามประโยคพอให้คลายความคิดถึงนิลกาฬก็กดวางสาย ประจวบกับลิฟต์เปิดออกที่ชั้น G พอดิบพอดี เธอหยุดมองป้าย ยืนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็หมุนตัวแล้วมุ่งหน้าไปทางร้านกาแฟร้านประจำแทนที่จะเป็นแคนทีนอย่างความคิดแรก
ริมฝีปากอิ่มระบายยิ้มหวาน รู้สึกผ่อนคลายขึ้นหลายส่วนเมื่อกลิ่นหอมละมุนของกาแฟและขนมลอยโชยมาแตะจมูกทันทีที่ผลักประตูเข้าไปด้านใน
“สวัสดีค่าหมอนิล วันนี้รับอะไรดีคะ”
“เอามัทฉะเฟรบเป้หวานปกติ แล้วก็มัฟฟินช็อกโกแลตชิ้นนึงค่ะ”
แจ้งชื่อพร้อมชำระเงินเรียบร้อยแล้วหญิงสาวก็เดินหลบฉากมายืนอีกฝั่งของเคาน์เตอร์ จิ้มโทรศัพท์มือถือเลื่อนดูอัปเดตบนโลกโซเซียลรอเครื่องดื่มไปพลาง ๆ
กระทั่งห้านาทีต่อมาก็มีเสียงเรียกของพนักงานดังขึ้น
“มัทฉะเฟรบเป้ คิวที่หนึ่งร้อยห้าสิบสี่ค่ะ”
หญิงสาวเอื้อมมือไปหยิบหลอดมาคาบไว้ จากนั้นก็ยื่นมือออกไปหมายจะคว้าแก้วเครื่องดื่ม ขณะที่สายตายังคงไม่ละสายตาไปจากหน้าจอมือถือ พลันหัวคิ้วก็ขมวดฉับเมื่อมือคว้าได้เพียงอากาศ
อ้าว ไปไหนแล้ว?
นิลกาฬหันรีหันขวางมองหาแก้วเครื่องดื่ม และตอนนั้นเองจึงพบว่ามันได้ย้ายไปอยู่ในมือของใครอีกคน แถมดันเป็นคนที่เธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าเท่าไหร่เสียด้วย
คชาทำสีหน้าประหลาดใจเมื่อเงยขึ้นมาสบตากับหมอสาวโดยบังเอิญ มุมปากยกยิ้มด้วยความดีใจ แต่ปากกลับเอ่ยทักด้วยถ้อยคำที่แสลงหูอย่างยั้งตัวเองไม่ทัน
“โอ๊ะ! ยัยหมอผี ทำงานที่นี่เหรอ?”
นิลกาฬกลอกตาอย่างเหลืออด ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนสนิทของพี่สะใภ้นะ เธอจะทุบให้หลังแอ่นเลย มุ่ยหน้าใส่แล้วเลี่ยงการพูดคุยด้วยการยื่นมือออกไปข้างหน้า แบมือขอแก้วเครื่องดื่มคืน
หากคชากลับทำนิ่ง ไม่รู้ไม่ชี้
“ประทานโทษค่ะ นั่นของฉัน”
“แน่ใจ?”
“นี่! วันนี้ฉันเหนื่อยมาตั้งแต่เช้าแล้วนะ ไม่มีเวลามาเล่นขายของกับนายหรอก เอาของฉันคืนมา”
น้ำเสียงเริ่มแข็งกระด้างขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ ยิ่งคนตรงหน้าเอาแต่ยกยิ้ม ทำหน้ายียวน ความหงุดหงิดก็พุ่งสูง หน้าบูดบึ้งกลายเป็นหงิกงอ
คชาลอบยิ้มขำแล้วยอมยื่นเครื่องดื่มของตนไปให้ก่อน มองหมอสาวที่ทำแก้มป่อง คาบหลอดในปากด้วยสายตาขบขัน
“หมอนิลคะ มัทฉะเฟรบเป้กับมัฟฟินได้แล้วค่ะ”
เสียงพนักงานตะโกนเรียก ทำเอาเจ้าของชื่อถึงกับชะงักค้าง เธอหมุนตัวกลับไปมองแก้วเครื่องดื่มที่วางตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์แล้วกะพริบตาปริบ ๆ
‘K.หมอนิล’
ชื่อที่ถูกเขียนเด่นชัดบนแก้วน้ำตอกหน้าเธออย่างแรงจนแทบหงายหลัง ปากเล็กค่อย ๆ อ้าคายหลอดออกมา สีหน้าประดักประเดิด แบบนี้มันแปลได้ว่าไอ้แก้วในมือที่กำลังดูดอยู่ มันไม่ใช่ของเธอหรอกเหรอ?
“เอ่อ...”
คชามองคนอ้าปากพะงาบ ๆ แล้วหัวเราะในลำคอ หยิบแก้วเครื่องดื่มของเธอมาดูดอย่างไม่ใส่ใจนักเพราะถึงอย่างไรก็สั่งเมนูเดียวกัน หากพอเหลือบตามองใบหน้าเก้อเขินอันแสนน่าเอ็นดู เขาก็อดหยอกเย้าไม่ได้
“ไม่เป็นไรยัยหมอผี อาการหูตึงกับสายตายาว พ่อฉันก็เป็นเหมือนกัน ไม่ต้องอายหรอก”
“ไอ้...!”
“ทะ...ทับทิม หนูมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”นิลกาฬกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำให้แน่นขึ้น ส่งสายตาให้สามีไปจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนหย่อนสะโพกลงนั่งข้าง ๆ ร่างป้อมของลูกสาว“ตั้งแต่คุณพ่อกับคุณแม่เล่นไล่จับค่ะ”นิลกาฬหลุดยิ้มออกมา แก้มนวลเห่อร้อนจนแดงก่ำหลังได้ยินคำตอบใสซื่อของลูกสาว แต่ก็นึกขอบคุณความไร้เดียงสาของเธอที่ทำให้คำเรียกของกิจกรรมเมื่อครู่ดูน่ารักขึ้นถนัดตา“ค่ะ แล้วนี่ทับทิมเข้ามาในห้องนอนคุณแม่ทำไมคะ”“มาตามไปทานข้าวค่ะ ทับทิมมารอ แต่น้องไพลินหิวจนรอไม่ไหวก็เลยลงไปกับน้องเพทายแล้ว”นิลกาฬทำตาโตเมื่อมารู้ทีหลังว่าไม่ได้มีแค่ทับทิมที่ได้ยินเสียงกิจกรรม ทว่าลูก ๆ ของเธอได้ยินกันอย่างเท่าเทียมถ้วนหน้ายังดีที่ลูก ๆ คิดว่าพวกเธอแค่เล่นไล่จับ นี่ถ้าลูก ๆ โตจนรู้ความ เธอคงไม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัวแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำเลยหรือเรื่องนี้คงต้องโทษคนหื่นที่เอาแต่ใจไม่รู้จักเวล่ำเวลา เบิ้ลแล้วเบิ้ลอีกจนลูก ๆ ต้องมาตามให้ไปทานข้าวเนี้ย!“คุณแม่คะ”“คะ?”นิลกาฬคลี่ยิ้มละมุนพลางสบสายตาใสแป๋วของลูกสาว รอฟังสิ่งที่เธอจะเอ่ยถามด้วยสีหน้าใจดี แม้ในใจจะกำลังร้อนรนเพราะกลัวลูกน้อยจะสงสัยและเอ่ยถามถึงกิ
ร่างบางยืนขาสั่นระริก มือเกาะเคาน์เตอร์แน่นจนซีดขาว ในขณะที่ร่างกายโยกคลอนไปตามแรงกระแทกกระทั้นของคนด้านหลังจนหน้าจะพุ่งเข้าไปติดกับกระจกอยู่รอมร่อใบหน้าหวานแดงซ่าน บิดเบี้ยวเหยเกเมื่อมือหนาเลื่อนมาบีบเคล้นเต้าอวบอย่างรุนแรง จนเนื้ออ่อนแดงเถือกและปริ้นออกมาตามง่ามนิ้ว ทว่าความเจ็บนั้นกลับช่วยเพิ่มความร้อนแรงของบทรักให้โหมกระพือมากขึ้นไปอีก“อ๊ะ พี่คชา เจ็บนะ”“เจ็บหรือเสียว หื้มมม พี่ให้นิลตอบใหม่?”“ทะลึ่ง”“อาส์ ที่รักกก พี่อยากได้อีกคน พี่ขอได้ไหมคะ”“พะ...พอแล้วค่ะ นิลจะกลายร่างเป็นแม่วัวอยู่แล้วนะ”นิลกาฬบ่นอุบพลางเอี้ยวตัวหันกลับไปค้อนใส่คนหื่นที่ยังคงมีความคิดในการปลุกปั้นลูกน้อยคนที่ 4 อีกแล้วขยันทำแต่ไม่ถามเธอสักคำว่าขยันคลอดหรือเปล่า นี่ตกลงจะทำลูกหรือทำทีมฟุตบอลกันแน่“อ๊ะ!”นิลกาฬทำตาโตด้วยความตกใจเมื่อคนด้านหลังกระชากร่างของเธอให้แอ่นขึ้นทั้ง ๆ ที่ท่อนล่างยังคงทำหน้าที่ตอกตรึงเธออย่างร้อนแรงไม่หยุด มือข้างนึงเลื่อนมาตรึงคางมนของเธอไว้แน่นพลางบังคับให้สบกับสายตาหยาดเยิ้มของเขาผ่านทางกระจกเงาตรงหน้า“แม่วัวที่ไหนจะสวยขนาดนี้คะ ดูสิคะ สวยจะตายยยย”“อ๊ะ ไม่ต้องมาปากหวานใ
นิลกาฬถลึงตาดุใส่สามีที่ยิ้มร่าด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยอง ๆ สองมือโอบสองลูกน้อยมากอดไว้อย่างหลวม ๆ หันไปมองหน้าลูกสาวคนโตด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วเอ่ยถามใหม่อีกครั้ง"นอกจากก่อกองทรายแล้วมีอะไรอีกคะ"ทับทิมกระพริบตาปริบ ๆ ทำท่านึกทบทวนถึงสิ่งที่คุณแม่พร่ำสอน ก่อนจะพยักหน้าแรง ๆ หลายทีแล้วพูดสิ่งที่จำได้ออกมา"คุณแม่บอกว่าทับทิมต้องไปโรงเรียน ต้องทำการบ้าน แล้วก็ดูแลน้อง ๆ ค่ะ"นิลกาฬอมยิ้มดีใจที่ลูกน้อยยังจำได้ แม้จะหลงลืมและพาน้อง ๆ เล่นทโมนเยี่ยงเด็กผู้ชายอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม"ใช่ค่ะ หนูดูสิคะ น้องเพทายตัวเปียกหมดแล้ว อีกเดี๋ยวต้องเป็นหวัดแน่ ๆ เลย หนูคงไม่อยากเห็นน้องป่วยใช่ไหมคะ"ทับทิมมองตามสายตาคุณแม่ไปยังน้องชายที่เป็นเสมือนลูกสมุนมือขวาของตัวเองที่เปียกมะลอกมะแลก เด็กน้อยหยุดนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้ารับว่าเห็นด้วย สีหน้าของเธอสลดลงด้วยความรู้สึกผิดไปหลายส่วน"งั้นพาน้องไปอาบน้ำกันเนอะ เดี๋ยวคืนนี้คุณแม่จะให้คุณพ่อเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนอีกนะคะ""เย้ ๆ ๆ ไปค่ะ ๆ"ทับทิมฉีกยิ้มกว้างพลางปรบมือระรัวด้วยความดีใจ ก่อนจะหันไปกอดคอน้องชายที่ปรบมือตามอย่างรักใคร่"ป่ะ
@หลายปีต่อมาร่างบางก้ม ๆ เงย ๆ ง่วนกับการจัดจานของอาหารมื้อเย็นสำหรับครอบครัว แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างมีความสุขหลังแต่งงานได้ไม่นานนิลกาฬก็ตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลมาเปิดคลีนิคเป็นของตัวเอง เพื่อจะได้มีเวลาให้ครอบครัวและตัวเองมากขึ้น"เรียบร้อยยยย"นิลกาฬปรบมือเบา ๆ ให้ตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ หลังลงมือเข้าครัวทำอาหารมื้อพิเศษนี้ด้วยตัวเอง ก่อนเงยขึ้นมาชะเง้อมองหาพ่อลูกที่พากันออกไปเล่นก่อกองทรายด้านนอกตั้งแต่บ่ายแก่ ๆ แล้วจนป่านนี้ก็ยังไม่กลับเธอวางมือจากงานตรงหน้าแล้วก้าวตรงไปยังประตู ตั้งใจจะออกไปตามคนที่สนุกจนติดลมให้เข้าบ้านกันได้แล้ว ตากแดดตากลมนานเกินไปเดี๋ยวจะพาลไม่สบายกันทั้งคู่แต่ยังไม่ทันจะได้ออกไปไหน หญิงสูงวัยที่ทางบ้านส่งให้มาช่วยดูแลเจ้าตัวเล็กก็เดินสวนเข้ามาซะก่อนดวงตากลมโตทอดมองร่างเล็กที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ในอ้อมแขนของคนตรงหน้าแล้วคลี่ยิ้มละมุน ส่ายหน้าไปมาด้วยความเอ็นดูสงสัยจะเล่นจนเหนื่อยจัด หลับคอพับเชียว!"ป้าจันทร์เห็นพี่คชาไหมคะ""อยู่ที่หาดนู้นค่ะ พอดีคุณหนูง่วงแล้ว ป้าก็เลยพากลับมาก่อน"จันทร์ แม่นมที่เลี้ยงสองหนุ่มของตระกูลทวีทรัพย์ธาดามาตั้งแ
คชาช่วยหยิบเครื่องปรุงต่าง ๆ มาวางเตรียมไว้ให้ภรรยา ทั้งยังหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้น ๆ พอดีคำและหั่นแครอทให้เป็นลูกเต๋าชิ้นเล็ก ๆ ไว้รออีกด้วย ถึงจะทำอาหารได้แย่แต่ฝีมือการลงมีดของเขาก็ใช้ได้นะแววตาชื่นชมทอดมองภรรยาคนเก่งที่โชว์ฝีมือควงตะหลิวได้อย่างคล่องแคล่วตาไม่กระพริบ ถึงตัวเขาจะไม่ถนัดงานครัวแต่เธอกลับทำได้ดี ช่างเหมาะสมลงตัวกับเขาเป็นที่สุด“พี่คชาคะ นิลขอน้ำตาลหน่อยค่ะ”คชาหันซ้ายหันขวา ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระปุกเล็ก ๆ สีขาวที่วางอยู่ไม่ไกลมาส่งให้ภรรยาอย่างรวดเร็วมือเล็กที่กำลังหยิบน้ำตาลขึ้นมาจากกระปุกชะงักเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ถึงเนื้อสัมผัสของเครื่องปรุง คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันด้วยความฉงนพลางยกนิ้วที่มีเครื่องปรุงอยู่ส่งเข้าปากตัวเองแทนที่จะโรยลงกระทะ“อื้ออ ชัดเลย!”นิลกาฬหลับตาปี๋เมื่อรสชาติของเครื่องปรุงแผ่ซ่านไปทั่วลิ้นเล็ก ว่าแล้วเชียวทำไมข้าวผัดของสามีถึงเค็มปร่าขนาดนั้น ที่แท้พ่อคุณก็เล่นหยิบเกลือมาโรยแทนน้ำตาลนี่เอง“คะ เมื่อกี้นิลว่าอะไรนะคะ”นิลกาฬยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ไม่ตอบคำถามของสามีแต่ยัดนิ้วเรียวที่ยังมีเศษของเครื่องปรุงติดอยู่ เข้าไปในปากหนานั้นแทน“อื้อ นิล!! แค่ก
ซ่าาา ซ่าาา“อื้อ”เสียงเกรียวคลื่นสาดกระทบเข้าหาชายฝั่งเป็นจังหวะ ผ้าม่านสีขาวสะอาดตาบิดพลิ้วไปตามแรงลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ช่วยปลุกให้เจ้าสาวหมาด ๆ ขยับตัวตื่นขึ้นมาในที่สุดแพขนตาหนางอนค่อย ๆ ขยับขึ้นลงอย่างช้า ๆ พร้อมกับเปลือกตาที่เผยอเปิดออกสู้แสงแดดอ่อนในยามเช้า มือเล็กยื่นออกไปควานหาความอบอุ่นที่เธออิงแอบมาค่อนคืนก่อนจะขมวดคิ้วเข้าหากันยุ่งเหยิงเมื่อพบว่าข้างกายนั้นว่างเปล่าหายไปไหนของเขาแต่เช้าเนี้ย ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันแรกของการชีวิตคู่แท้ ๆ เวลาแบบนี้เขาควรจะนอนกอดเธอแล้วกล่าวต้อนรับว่า ‘อรุณสวัสดิ์ค่ะภรรยา’ สิ ตาทึ่ม!นิลกาฬบ่นอุบอยู่ในใจ มือเล็กคว้าเสื้อคลุมอาบน้ำที่ชายหนุ่มวางเตรียมไว้ให้ที่ปลายเตียงมาสวมใส่ ก่อนพยุงกายขึ้นลุกยืนแล้วออกไปเดินตามหาสามีที่หายหัวไปตั้งแต่เช้าด้วยสีหน้าบึ้งตึงขาเรียวชะงักเล็กน้อยขณะก้าวลงบันได เสียงอึกทึกครึกโครมสลับกับเสียงสบถถ้อยคำหยาบคายกดังเป็นระยะ ๆ ลอยออกมาจากห้องครัวของชั้นล่าง คล้ายกับว่ามีใครบางคนกำลังจะถล่มมันทิ้งมากกว่ากำลังทำอาหารร่างบางเดินมาหยุดฝีเท้าลงที่หน้าประตูห้องครัว ยกมือขึ้นกอดอกพลางทิ้งน้ำห
Komen