แชร์

ตอนที่7 ถ้าเป็นเรื่องนั้น

ผู้เขียน: มี่เยี่ยน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-04 12:36:31

ปัง ปัง ปัง!

ฉู่ชิงเฟิงกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน เพราะตกใจเสียงเคาะประตู ครั้นหันมองไปรอบกาย ก็พบว่าตอนนี้ฟ้ายังไม่สาง แต่อาโต๋วกลับมาเรียกคน ถึงจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างเสียมารยาทยิ่ง แต่เขาก็รีบลุกจากที่นอน เดินแบกพุงพลุ้ยๆ ของตนเองไปเปิดประตูในที่สุด

“เจ้ามาเคาะประตูเรียกข้าด้วยเหตุอันใด” ฉู่ชิงเฟิงถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติมากที่สุด

“นี่อาการเจ้าหนักมาก กระทั่งเมื่อวานคุยอะไรไว้กับคุณหนูก็ลืมไปหมดแล้ว?” อาโต๋วไม่ได้ตอบ แต่เลือกที่จะถามเขากลับ

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น ข้าย่อมจำได้”

“ถ้าเจ้าจำได้ทำไมถึงมัวแต่นอนอยู่เล่า ปล่อยให้ข้าเคาะประตูเรียกเสียนาน”

ฉู่ชิงเฟิงย่นคิ้ว พลางหันไปมองท้องฟ้าที่มืดอยู่ “ข้ามิได้ตื่นสายเสียหน่อย ฟ้ายังไม่ทันสางเลย”

“แล้วเจ้าจะรอให้ตะวันโผล่พ้นยอดไผ่ก่อนหรือไงถึงค่อยทำงาน”

“มันก็ควรเป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ”

อาโต๋วส่ายหัวไปมา เขารู้สึกว่าคุณหนูของตนไม่ได้หาคนมาช่วยงาน แต่จะเพิ่มภาระให้เขามากกว่า “คุณหนูหนอคุณหนู ดูก็รู้ว่าเจ้าคงทำอะไรไม่เป็นยังจะยื่นข้อเสนอแบบนั้นอีก ไล่ๆ ไปเสียก็หมดเรื่องแล้ว”

ฉู่ชิงเฟิงได้ยินดังนั้นก็ร้อนใจขึ้นมา ขืนอาโต๋วไปบอกว่าเขาไม่ยอมทำงาน ตนเองคงไม่แคล้วถูกหลินเสี่ยวหรานไล่ออกจากบ้านก่อนเวลาอันควร

“ข้าแค่เข้าใจผิดคิดว่าเวลาเริ่มงานคือตอนตะวันขึ้นพ้นเหลี่ยมเขา หาใช่ตื่นสายเพราะความขี้เกียจ อาโต๋ว อย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรก เจ้าจะให้โอกาสข้าสักครั้งไม่ได้เชียวหรือ” เขาพูดเสียงอ่อย พยายามทำตัวให้ดูน่าสงสารมากที่สุด เพราะถึงอาโต๋วจะเป็นแค่เด็กรับใช้ แต่ตอนนี้เขาเป็นเพียงผู้อาศัยที่อาจถูกไล่ออกไปได้ทุกเมื่อ ดังนั้นควรอ่อนน้อมเข้าไว้

“เอาเถอะๆ ข้าจะถือว่าเจ้าผิดพลาด เพราะความไม่รู้ ทีนี้ก็รีบไปแต่งเนื้อแต่งตัว แล้วตามข้าไปที่ห้องเก็บฟืนล่ะ” อาโต๋วพูดจบก็หมุนกายจากไป

ฉู่ชิงเฟิงปิดประตู แล้วปรี่เข้าไปหยิบชุดตัวนอกมาสวม จากนั้นก็เดินไปยังห้องเล็กๆ ที่ทำเอาไว้สำหรับให้คนที่อยู่ในเรือนล้างหน้าล้างตา

ครั้นทำธุระส่วนตัวเสร็จ ฉู่ชิงเฟิงก็รีบแล่นไปยังห้องเก็บฟืนด้วยความเร็วสุดฝีเท้า แต่ถึงบ้านหลังนี้จะมิได้มีอาณาเขตไม่กว้างขวางนัก ทว่าด้วยน้ำหนักตัวของเขา ทำให้กว่าจะถึงที่หมายก็เหนื่อยจนลิ้นห้อย หอบราวสุนัขตากแดดจัด

อาโต๋วเห็นสภาพของคนที่จะมาช่วยงานตัวเองแล้ว ก็ได้แต่ปลดปลง เพราะคุณหนูมอบหมายชายผู้นี้มาให้อยู่ในความรับผิดชอบของเขาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรตนเองก็ต้องฝึกให้เจ้าอ้วนนี่ทำงานออกแรงแบบลูกผู้ชายให้ได้

ตั้งแต่เกิดมาเป็นองค์ชาย กระทั่งได้รับตำแหน่งโซ่วอ๋อง ฉู่ชิงเฟิงเคยถูกเสด็จพ่อชวนปลอมตัวออกไปเที่ยวเล่นนอกเมืองอยู่บ้าง เพื่อตรวจตราความเป็นอยู่ของราษฎร ทว่าก็ไม่เคยมีครั้งใดที่เขาต้องใช้แรงงานเยี่ยงนี้มาก่อน

ตั้งแต่ตะวันยังไม่พ้นเหลี่ยมเขาจวบจนลอยเด่นเหนือยอดไผ่ ฉู่ชิงเฟิงแทบไม่ได้หยุดพัก ถึงกระนั้นเขาก็ไม่กล้ามากวาจา เพราะอาโต๋วก็มิได้หยุดมือ แล้วยังทำงานได้เยอะกว่าเขาเป็นเท่าตัวโดยที่ไม่บ่นสักคำอีกด้วย อ๋องหนุ่มที่หาเรื่องปลอมตัวเพื่ออาศัยบ้านคนอื่นอยู่จึงยอมกัดฟัน อดทนทำงานทุกอย่างที่อีกฝ่ายมอบหมายให้อย่างสุดความสามารถ

ในที่สุดอาโต๋วก็ตะโกนมาจากอีกด้านหนึ่งของแปลงผัก บอกให้พักกลางวันได้

ฉู่ชิงเฟิงทิ้งจอบขุดดิน แล้วพาร่างที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อเดินตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ พลันทิ้งกายนอนแผ่หลาอยู่ตรงนั้น ส่วนอาโต๋วกลับเดินเข้ามานั่งหลบร้อนที่ด้านข้างด้วยสีหน้าและลมหายใจสงบ แตกต่างจากเขาที่ยามนี้หอบฮัก เสื้อผ้าเปียกโชกด้วยเหงื่อไปหมดราวกับเพิ่งไปตกบ่อน้ำมา

“อาโต๋วเจ้าทำงานทั้งหมดนี่เสร็จด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร ช่างเก่งกาจยิ่ง” ฉู่ชิงเฟิงชมจากใจ ที่เด็กหนุ่มตัวเล็กๆ อย่างอาโต๋วทำงานเหล่านี้คนเดียวมาโดยตลอด

“เจ้าก็พูดเกินไป ข้าก็แค่ทำงานไปตามปกติ บ่าวชายบ้านใดก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ” อาโต๋วพูดพลางแหวกสาบเสื้อของตนเองออกเพื่อระบายความร้อน ฉู่ชิงเฟิงหันไปมองภาพนั้นอย่างไม่ตั้งใจ แต่ก็ต้องเบิกตาด้วยความรู้สึกอิจฉา เพราะถึงอีกฝ่ายจะดูตัวเล็ก แต่กลับมีกล้ามอกและท้องเป็นลอน

‘สวรรค์ เจ้าเด็กผอมแห้งคนนี้มันซ่อนรูปชัดๆ ถ้าสาวๆ มาเห็นเข้าละก็ คงจะใจเต้นน่าดู’

อาโต๋วถูกผู้ชายด้วยกันจดจ้องจนขนลุก เขารีบดึงเสื้อมาปิดตัวเองเอาไว้ “มองอะไรหนักหนาเนี่ย ข้า…ข้าไม่ใช่พวกตัดแขนเสื้อนะ”

“ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย”

“แล้วมันเรื่องอะไรที่ต้องมองข้าแบบนั้นกัน ขนลุกโว้ย!” อาโต๋วตวาดใส่ พลางเขยิบออกห่างอีกฝ่ายเอามือลูบแขนตนเองท่าทางขนพองสยองเกล้า

“ที่ข้ามอง เป็นเพราะสำหรับข้า เจ้านั้นทำงานเก่ง แล้วยังมีรูปร่างกำยำแข็งแรง หน้าตาก็คมคาย แตกต่างจากข้าที่อ้วนน่าเกลียดต่างหากเล่า” น้ำเสียงของฉู่ชิงเฟิงแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่รางๆ เขาเป็นถึงอ๋อง แต่รูปร่างหน้าตากลับคมเข้มสมชายสู้คนธรรมดาอย่างอาโต๋วไม่ได้สักกระผีก

“อาเปา อย่าบอกนะว่าแค่นี้เจ้าก็อิจฉาข้าแล้ว?” อาโต๋วหันไปมองคู่สนทนาด้วยความแปลกใจ ตั้งแต่เกิดมา นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีคนนึกริษยาบ่าวในเรือนเบี้ยอย่างตนเอง ต้องเป็นเขาหรือเปล่า ที่สมควรต้องอิจฉาชายอ้วนผู้นี้ เพราะดูอย่างไรก็คงเกิดในตระกูลมีอันจะกิน

ฉู่ชิงเฟิงคิดถึงคำพูดดูแคลนของหลินผู่ซินก็ให้ปวดแปลบในใจ “บอกตามตรง ข้าอยากเป็นคนที่ทั้งบึกบึน คมเข้มสมชายชาตรีแบบเจ้า”

อาโต๋วรับรู้ได้ถึงความหดหู่ของชายอ้วนที่นอนหมดอาลัยอยู่ข้างๆ พลันนึกเห็นใจขึ้นมา เนื่องจากตอนแรกเขาคิดว่าคนอย่างอาเปาน่าจะทนทำงานหนักได้ไม่เกินครึ่งชั่วยาม แต่นอกจากจะไม่บ่นแล้ว เขายังตั้งใจทำทุกอย่างแบบสุดความสามารถ ถึงผลงานจะไม่เป็นที่น่าพอใจก็ตาม แต่คนที่ดูก็รู้ว่าไม่เคยต้องลำบากแบบนี้ ทำได้ถึงเพียงนี้ ก็นับว่าเป็นคนใช้ได้ อาโต๋วจึงนึกอยากจะช่วยขัดเกลาอาเปาให้ดีขึ้นมาจริงๆ แล้ว

“อาเปา เจ้าคงไม่รู้ว่า เมื่อก่อนข้าเป็นบ่าวชายที่ตัวเล็กที่สุดในบ้านสกุลหลิน ยามนั้นเพราะข้าอ่อนแอ จึงถูกคนอื่นกลั่นแกล้ง และโยนงานของตัวเองให้ข้าทำคนเดียวอยู่เป็นประจำ ข้าจำต้องอดทนทำงานในส่วนของคนอื่น เพราะถ้าไม่ทำก็จะโดนทำร้าย ดังนั้นแม้ข้าจะเหนื่อยล้า และทุกข์ใจเพียงใด แต่ข้าก็อดทนอดกลั้นจนสามารถทำงานเหล่านั้นได้อย่างชำนาญ แน่นอนว่าการทำงานหนักทำให้ร่างกายของข้าแข็งแรงกำยำขึ้น จนสามารถต่อกรกับไอ้ขี้เกียจพวกนั้นได้ แม้ข้าจะดูตัวเล็กกว่า”

“เจ้าหมายความว่า ถ้าข้าทำงานหนัก ข้าก็สามารถเป็นอย่างเจ้าได้งั้นรึ”

อาโต๋วพยักหน้า “ใช่แล้ว”

ดวงตาของฉู่ชิงเฟิงมีประกายแห่งความหวังขึ้นมา เขารีบลุกขึ้นนั่ง มองไปยังลอนกล้ามเนื้อที่ท้องของอาโต๋วอีกครั้งอย่างชื่นชม

แต่แล้วปณิธานทั้งหมดที่อาโต๋วอุตส่าห์สร้างเสริมให้ฉู่ชิงเฟิงพลันจบลง ตอนที่หลินอ้ายเอากับข้าวของพวกเขามาส่ง…

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่20 ข้าเจ็บ

    หลังจากจัดการกางเกงของตัวเองเรียบร้อยแล้ว บุรุษที่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาพลันแทรกกายลงตรงกลางหว่างขาเรียว เขาลูบไล้เนินเนื้อเกลี้ยงเกลาอย่างพออกพอใจ แล้วค่อยๆ ขยับเข้าประชิดร่างบาง ดุนดันสะโพกส่งตัวตนเข้าไปพิชิตเส้นทางสู่สวรรค์หลินเสี่ยวหรานกรีดร้อง เมื่อถูกแท่งเพลิงร้อนลวกชำแรกความสาวเป็นครั้งแรก มันทั้งเจ็บทั้งตึงไปหมดจนไม่อาจกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ได้“อาเปา ขะ…ข้าเจ็บ”“อดทนอีกนิดนะ อีกประเดี๋ยวเจ้าจะรู้สึกดีขึ้น ดีเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เชียวล่ะ” ฉู่ชิงเฟิงล่อลวง พลางขยับสะโพกเข้าออกช้าๆ พรมจูบทั่วดวงหน้างามผุดผาด รวมไปถึงกลีบปากเล็กน่ารักที่เอาแต่ร้องเรียก “อาเปา อื้อ อาเปา” ไม่หยุดหลินเสี่ยวหรานสั่นสะท้านไปทั้งร่าง นางทั้งเจ็บทั้งเสียดเสียว เมื่อเขาเร่งจังหวะตอกสะโพก บดเบียดลำกายจนเส้นทางรักร้อนฉ่า แต่ละครั้งที่เสาหลักแห่งเลือดเนื้อตอกตรึงเข้าหามันทั้งแรงขึ้นและลึกขึ้น กระทั่งความเป็นชายสอดลึกสุดเส้นทางสวรรค์ได้สำเร็จ“อื้อ…อาเปา”“รู้สึกดีแล้วใช่ไหมภรรยาข้า” เขากระซิบถามเสียงพร่า เมื่อรู้สึกได้ถึงความอิ่มเอมในน้ำเสียงนาง และแน่นอนว่าตอนนี้เขาเองก็รู้สึกดีที่ถูกความแน่นหนึบของนางตอดรั

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่19 ตั้งใจทำงาน

    “ที่แท้เจ้าก็คืออาเปา” ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มบางเบา เมื่อรู้แน่ชัดแล้วว่าผู้มีพระคุณของนางเป็นผู้ใด“ข้าต้องขออภัยด้วยที่เป็นเพียงคนไร้หัวนอนปลายเท้า มิใช่คุณชายสูงศักดิ์ที่ไหน”“เจ้าไม่ผิดหรอกอาเปา ถ้าไม่มีเจ้าข้าคงโดนกระทำย่ำยีเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่งไปแล้ว” หลินเสี่ยวหรานตอบเสียงเบาหวิว ฤทธิ์ยาทำให้ร่างกายนางอ่อนเปลี้ยราวกับไร้กระดูก ดวงตาพร่าลายไปหมด“เหลือเวลาไม่มากแล้ว คุณหนูหลินตัดสินใจเถอะ”แม้เขากับนางแทบไม่ได้พูดคุยกัน แต่ตลอดสองเดือนที่ผ่านมาเขาขยันตั้งใจทำงาน และคอยช่วยเหลือคนในบ้านสวนสกุลหลินอยู่เสมอ ถึงบางครั้งหลินอ้ายจะทำตัวไม่น่ารัก เขาก็มิได้ถือสา จนล่าสุดก็เพิ่งทวงความยุติธรรมให้กับงานตัดเย็บที่ทำขึ้นอย่างยากลำบากของนาง เห็นได้ชัดว่าเนื้อแท้เขามีจิตใจที่ดี ขยันอดทน ไม่โอ้อวด ซึ่งเป็นคุณสมบัติของบุรุษที่มีการศึกษาและถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดี ต่อให้ตอนนี้เขาจะความจำเสื่อม แต่ฐานะที่แท้จริงคงไม่ด้อยนัก ร้ายที่สุดก็คงไม่พ้นตระกูลพ่อค้าวาณิช[1] ในเมื่อเกาอี้ซินกลัวเหลือเกินว่านางจะได้ดิบได้ดีเกินหน้าเกินตาหลินผู่ซิน และนางก็ยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป การเลือกอาเปามาเป็นสามีคงจ

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่18 ท่านเป็นใคร

    หลินเสี่ยวหรานที่กำลังหมดหวัง เห็นเงาสายหนึ่งพุ่งเข้ามา หลังจากนั้นนางก็ถูกใครบางคนพาตัวเข้าไปยังความมืดหลังแนวไม้ นางพยายามมองใบหน้าของคนที่มาช่วยนางจากปากเหว แต่ต้นไม้ใบหนาทึบเกินกว่าแสงจันทร์จะลอดเข้ามาให้เห็นได้ชัดเจน ในใจนางรู้สึกทั้งซาบซึ้งและนึกขอบคุณ แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รู้สึกไม่วางใจอย่างบอกไม่ถูก“ทะ...ท่านเป็นใคร”“...” ฉู่ชิงเฟิงไม่ตอบ เพราะตอนนี้เขากำลังเพ่งสมาธิไปเบื้องหน้า เพราะจับสัมผัสได้ว่ามีคนตามมาจากด้านหลัง ถึงฝีเท้าจะไม่เร็วมากนักเพราะบาดเจ็บ แต่ความเร็วระดับนี้ย่อมหมายความว่าอีกฝ่ายเป็นคนมีฝีมือ หากเทียบกับอ๋องที่แค่อยากตั้งใจเรียน แต่ไม่ชอบฝึกวรยุทธเยี่ยงเขา นับว่าอยู่คนละชั้น มิหนำซ้ำตอนนี้เขายังมีสตรีที่น่าจะโดนวางยาอยู่ในอ้อมอก มองยังไงก็เสียเปรียบเต็มประตู เช่นนั้นก็ไม่ควรอวดเก่ง แต่ควรหาที่ซ่อนตัวจนกว่าจะปลอดภัยต่างหาก“ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ก็เป็นผู้มีพระคุณของข้าแล้ว”“อืม” เขาขานรับในลำคอ แล้วพุ่งไปเบื้องหน้า ไม่กล้าลดความเร็วลงแม้แต่นิดเดียว แต่มองไปทางใดก็ยังไม่เจอจุดที่น่าจะหลบซ่อนตัวได้ และเขาที่เพิ่งใช้วิชาตัวเบาอย่างเต็มที่เป็นครั้งแรกในชีวิต ก็เริ่

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่17 อีกด้านหนึ่ง

    อีกด้านหนึ่งฉู่ชิงเฟิงที่คิดถึงเนื้อจนทนไม่ไหวตัดสินใจซ่อมธนูสำหรับล่าสัตว์ที่ถูกทิ้งไว้ในห้องเก็บเครื่องมือ เพื่อออกไปล่ากระต่ายป่า แล้วเขาก็ค้นพบว่าการเคลื่อนไหวของเขาคล่องแคล่วว่องไวขึ้น อีกทั้งกล้ามเนื้อแขนก็แข็งแกร่งจนง้างธนูได้สบายกว่าเดิมมากดูเหมือนการทำงานหนักในบ้านสวนสกุลหลินจะไม่ได้มีแต่มุมเลวร้าย เพราะตอนนี้เขากลายเป็นหนุ่มรูปงาม ร่างกายแข็งแรงกำยำจนสตรีใจสะท้านไปแล้ว ดูได้จากสายตาหญิงสาวที่เขาพบเจอที่ตัวอำเภอ จะมีก็แต่คุณหนูใหญ่สกุลหลินผู้เดียวที่ไม่รู้สึกรู้สา แล้วยังใจร้ายกับเขาไม่เลิกราในเมื่อนางคิดแต่จะทำให้เขาทนอยู่ที่นี่ต่อไม่ไหว เขาก็จะช่วยเหลือตัวเองโชคดีที่เขาชอบยิงธนู เพราะมันไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวเยอะเหมือนพวกวิชากระบี่ แต่ด้วยเป็นคนร่างใหญ่อ้วนท้วนทำให้เขาขยับตัวบนหลังม้าได้ไม่คล่อง ส่งผลให้ผลงานการล่าสัตว์รั้งท้ายพี่น้องอยู่ทุกปี ผิดกับพวกเป้านิ่ง ซึ่งฝีมือของเขาถือเป็นอันดับหนึ่งในบรรดาองค์ชาย แต่ก็มักถูกด้อยค่าด้วยคำพูดที่ว่าแค่ยืนยิงธนูอยู่กับที่จะไปมีประโยชน์ใช้สอยอะไรทว่าวันนี้เขาเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมร่างกายที่เคยอ้วนท้วนอุ้ยอ้าย ตอนนี้แข็งแรงกำย

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่16 โถ่ คุณหนู

    “ถึงบ่าวจะโง่เขลา แต่ใช่จะไม่รู้อะไรเลย ป่านนี้ชื่อเสียงของท่านคงถูกฮูหยินกับคุณหนูสี่ทำลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี แล้วแบบนี้จะไม่ให้บ่าวโกรธแค้นพวกเขาแทนท่านได้เยี่ยงไร”“พวกนางอยากทำอะไรก็ให้ทำไป เพราะสำหรับข้าในตอนนี้ ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการรักษาร่างกายให้หายดี”“ท่านถูกรังแกถึงเพียงนี้ เหตุใดถึงไม่เล่าให้ทางสกุลกัวฟังเล่าเจ้าคะ ถ้าให้เหล่าไท่จวินที่คนต่างเคารพนับถือช่วยออกหน้า จะต้องทวงความยุติธรรมคืนให้คุณหนูได้อย่างแน่นอน”“เพราะข้าแซ่หลิน มิได้แซ่กัว อีกอย่างท่านป้าสะใภ้กับท่านยายมีบุญคุณที่เลี้ยงดูข้าจนเติบใหญ่ ข้ามิอาจให้พวกท่านเหล่านั้นถูกคนตำหนิเอาได้ว่าก้าวก่ายเรื่องของคนสกุลอื่นโดยไม่จำเป็น”“โถ่ คุณหนู”“หลินอ้าย ถ้าทุกอย่างมันง่ายปานนั้น ข้าคงไม่ต้องมารักษาตัวไกลถึงจงมู่”“บ่าวกลัวเหลือเกินว่าฮูหยินจากสกุลเกาผู้นั้นจะจัดการให้ท่านแต่งกับบุรุษเสเพล ไร้ชื่อเสียง ไร้อนาคต” หลินอ้ายเป็นกังวลแทนเจ้านาย เพราะสตรีที่มีข่าวลือว่าร่างกายอ่อนแอมักไม่มีตระกูลใหญ่ต้องการ“พอได้แล้ว ข้าอยากแช่ตัวเงียบๆ” ใช่ว่าหลินเสี่ยวหรานจะไม่คิดอะไรเลย จึงอดหงุดหงิดไม่ได้“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”“คืนน

  • ท่านอ๋องว่างงานกับพระชายาจำเป็น   ตอนที่15 เลื่อนลอย

    หลินเสี่ยวหรานได้รับการอบรมจากป้าสะใภ้ และเหล่าไท่จวินผู้เป็นยาย เติบโตมาเป็นดรุณีที่งดงามทั้งกิริยามารยาท งานบ้านงานเรือนล้วนจัดการได้ดี กระทั่งอายุได้สิบสามปีบิดาก็มาเจรจาขอนางคืนจากสกุลกัวต่อให้ไม่อยากคืนเท่าไร ก็ทำไม่ได้ เพราะนางแซ่หลิน มิได้แซ่กัว ด้วยเหตุนี้นางจึงต้องออกจากปราการอันอบอุ่นปลอดภัยภายใต้ปีกของสกุลมารดา มาอยู่ภายใต้การปกครองของสตรีหน้าซื่อใจคดอย่างเกาอี้ซิน ชีวิตในฐานะคุณหนูใหญ่สกุลหลินที่ควรจะสดใสรุ่งโรจน์ และได้แต่งงานเข้าสกุลดีๆ กลับต้องจบลงด้วยการระเห็จมาอยู่ที่บ้านสวนในอำเภอเล็กๆ อย่างจงมู่ ทำให้บัดนี้หลินผู่ซินเฉิดฉายในฐานะคุณหนูภรรยาเอกจวนสกุลหลินเพียงผู้เดียวหลินเสี่ยวหรานได้แต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าอย่างเลื่อนลอยพอกลับถึงบ้านสวนสกุลหลิน ฉู่ชิงเฟิงก็ช่วยอาโต๋วกับหลินอ้ายขนข้าวของเครื่องใช้และเสบียงที่ซื้อมาไปเก็บ เขาเหลือบมองห่อกระดาษเคลือบน้ำมันที่ภายในมีเนื้อหมูติดมันชิ้นโตอย่างมีความสุข เพราะเชื่อว่าหลินเสี่ยวหรานจะต้องซาบซึ้งเรื่องเงินห้าตำลึง แล้วยอมให้เขาได้กินเนื้ออย่างที่ควรจะเป็นในวันพรุ่งนี้ ทว่า...ไม่มี!“นี่มันอะไรกันเนี่ย” ฉู่ชิงเฟิงแ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status