“ก็เพราะเป็นเพื่อนไง ยัยแคทมันถึงได้กล้าพูดตรงๆ แกก็จะได้เลิกคิดมากสักที เอาน่าแบบนี้น่ะดีแล้ว เขาเรียกผู้หญิงซ่อนรูปไง ลูบทั้งคืนก็หาไม่เจอ ฮ่าๆๆ ล้อเล่นๆ อย่าคิดมากสิ คิดในแง่ดีการที่หน้าอกแกเล็กแบบนี้มันก็เป็นเรื่องดีอยู่นะ อย่างน้อยมันก็ทำให้แกอยู่รอดปลอดภัย ไม่มีอะไรบุบสลายไปซะก่อน เพราะมันคงไม่บุบไปมากกว่านี้แล้วแหละ” ท้ายประโยคจัสมินแอบเหน็บเบาๆ ไม่วายที่คนหูดีจะได้ยินจนหันขวับมามองตาขวาง “ฮ่าๆๆ เอาล่ะๆ ฉันว่าเราเลิกพูดเรื่องนี้แล้วก็แยกย้ายกันกลับไปจัดการตัวเองให้สวยก่อนดีกว่าไหม จำไม่ได้รึไงว่าวันนี้ยัยเทเรซ่าชวนพวกเราไปปาร์ตี้วันเกิดที่ไนต์คลับ งานนี้ไม่มีใครยอมใครแน่ โดยเฉพาะยัยลิลลี่คู่ปรับตลอดกาลของแกนะชมพู่ ยัยนั่นต้องพาโทบี้ไปเย้ยแกด้วยแน่ๆ เพราะฉะนั้นแกจะต้องสวยที่สุดในคืนนี้ เอาให้หมอนั่นเสียดายจนอยากจะกลับมาขอแกคืนดีไปเลยสิ” ได้ยินที่แคทเทอรีนพูดมา ชมพูแพรถึงกับตาวาว อดจินตนาการไปก่อนล่วงหน้าไม่ได้ ว่าถ้าหากเป็นอย่างที่เพื่อนว่าจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“หึๆๆ ฮ่าๆๆ แกเสร็จฉันแน่ยัยลิลลี่” ชมพูแพรหัวเราะและพึมพำอยู่คนเดียว ทำเอาเพื่อนทั้งสองมองหน้าอย่างรู้กัน
“คิดเองเออเองอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย เมื่อไหร่แกจะเลิกมโนสักทีวะพู่ เฮ้อ! ไปๆๆ แยกย้าย ห้องใครห้องมัน ไว้เจอกันที่ไนต์คลับตอนสามทุ่มละกัน ไปล่ะ” ว่าแล้วจัสมินก็เดินออกไปก่อน ทำเอาสองสาวรีบจ้ำตามไป
เมื่อถึงเวลานัด ชมพูแพรก็เป็นคนที่สายอีกตามเคย เพราะต้องใช้เวลาจัดการกับหน้าอกเจ้าปัญหาที่ทำให้เธอเสียความมั่นใจอยู่นาน อีกทั้งยังพยายามแต่งองค์ทรงเครื่องให้สวยเซ็กส์ซี่กว่าที่เคย ด้วยไม่อยากให้คู่ปรับเก่าอย่างลิลลี่ดูถูกได้อีก แต่ให้ตายเถอะ ความสวยของเธอมันดูไม่มั่นคงเอาซะเลย ก็แม่คุณดันงกไม่เข้าท่า ทำอะไรพิเรนๆ มีอย่างที่ไหนใช้ลูกโป่งอัพไซส์ให้ตัวเอง แทนที่จะเป็นซิลิโคนบลาอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็นะถึงมันจะทุลักทุเลไปบ้าง ผลที่ออกมามันกลับใช้ได้เลยทีเดียว
“โอย! ตายๆๆ สายจนได้ สองคนนั้นเอาแกตายแน่ชมพู่เอ๊ย” ชมพูแพรมาในชุดสายเดี่ยวสีน้ำเงินยาวกรอมเท้าเน้นสัดส่วนและขับผิวขาวๆ ของเธอให้โดดเด่นมากขึ้น แน่นอนว่าชุดแบบนี้จะต้องสวมคู่กับรองเท้าส้นสูง ซึ่งเธอก็ไม่พลาด แต่ไอ้ที่พลาดเห็นจะเป็นเรื่องความซุ่มซ่ามของเธอละมั้ง
ความรีบร้อนบวกกับความไม่เคยชินกับรองเท้าส้นสูงปรี๊ดคู่นี้ ทำให้เธอเสียหลักล้มเซไปด้านหน้า แต่โชคยังดีที่เธอสามารถยึดก้นของผู้ชายคนหนึ่งไว้ได้ ไม่อย่างนั้นเธอคงล้มลงไปกองกับพื้นให้ต้องอายอีกแน่ๆ
‘แต่เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ ก้นเหรอ ฉันยึดก้นเป็นที่พึ่งอย่างนั้นเหรอ’ เหมือนเธอจะเพิ่งคิดได้ว่าบางอย่างที่เธอจับอยู่ตอนนี้ มันคือก้นของผู้ชายคนหนึ่งที่เดินอยู่ด้านหน้า และเพิ่งมีโอกาสได้สังเกตชัดๆ ว่าทั้งสองมือตะปบอยู่ที่ก้นของผู้ชายคนนั้นเต็มๆ เรียกว่าเต็มไม้เต็มมือกันเลยทีเดียว
“กรี๊ด! เต็มมือเลย ฮือ...! มือฉันโดนเปิดซิงไปแล้ว ด้วยก้นของผู้ชายแปลกหน้า ฮือ...!” เธอกัดฟันกรีดร้องออกมาเบาๆ ด้วยไม่อยากให้ตัวเองตกเป็นเป้าสายตาไปมากกว่านี้
“จะแต๊ะอั๋งกันอีกนานไหม จับนานขนาดนี้เอากลับไปนอนกอดที่บ้านด้วยเลยไหมล่ะ ผู้หญิงสมัยนี้นี่หากินกันง่ายนะ ถามจริงเถอะเธอคิดจะจับผู้ชายง่ายๆ ด้วยการไล่จับก้นแบบนี้จริงๆ น่ะเหรอ” ริคาโด้ค่อยๆ หันกลับมามองเธอในขณะที่มือของเธอยังไม่เลื่อนไปไหน คงมีแต่เขาเท่านั้นที่เลื่อน เลื่อนจากด้านหลังเป็นด้านหน้า จากก้นก่อนหน้าจึงเปลี่ยนเป็นหน้าขาล่ำๆ แทน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นหน้าของเธอก็ดันอยู่ห่างจากความล่ำที่ว่านั่นไม่ถึงคืบ
“เฮือก! กรี๊ด...!” ด้วยความตกใจเธอจึงกรีดร้องออกมาพร้อมกับรีบขยับถอยโดยไม่ทันระวัง ยังผลให้เธอหงายเงิบลงไป ยังดีที่ได้เขาคนเดิมช่วยเอาไว้อีกครั้ง แต่แล้วการช่วยของเขากลับสร้างความเดือดร้อนให้เธออีก
“โป๊ะ!” เสียงลูกโป่งที่หน้าอกของเธอแตก จากน้ำมือและน้ำใจของเขาที่รีบคว้าเธอเอาไว้ไม่ให้ล้มคะมำหน้าคว่ำลงกับพื้น แต่ให้ตายเถอะ คว้าตรงไหนไม่คว้า ดันคว้าหน้าอกของเธอซะนี่ ก็บอกแล้วว่ามันไม่มั่นคง ยังดีนะที่แตกไปแค่ข้างเดียวยังเหลืออีกข้างนึง เอ๊ะ! หรือว่าไม่ดี เพราะถ้าแตกข้างเดียว นั่นก็หมายความว่า...นมไม่เท่ากันน่ะสิ
“ฉิ..หาย นมแตก” ริคาโด้เผลออุทานออกมา และเสียงของเขาก็ทำให้สติสัมปชัญญะของเธอกลับมา
“กรี๊ด...! ไอ้โรคจิต ไอ้บ้ากาม แกจับนมฉัน” ทันทีที่ได้สติ ชมพูแพรก็กรีดร้องออกมาเสียงดัง ทำให้เขารีบปล่อยมือออกจากหน้าอกทั้งสองข้างและหันมาปิดปากเธอแทน
“นี่ จะแหกปากเสียงดังทำไมเล่า เดี๋ยวชาวบ้านชาวช่องก็ได้แห่กันมาหมดหรอก” เขาพยายามปิดปากเธอไว้ แต่เธอก็ดิ้นหลุดมาจนได้
“มาสิดี คนเขาจะได้รู้ไงว่าคุณมันเป็นพวกโรคจิต บ้ากาม ลามก ทุเรศที่สุด” ชมพูแพรโกรธจนตัวสั่น เดือดดาลจนอยากจะเข้าไปตบหน้าคนฉวยโอกาสแรงๆ ติดที่อีกฝ่ายตัวใหญ่เกินไป และเธอก็ไม่ใช่คนสู้คน ไม่อย่างนั้นเธอคงตายไปตั้งแต่อนุบาลสามแล้วล่ะ
“ก็เอาสิ คนเขาจะได้แห่มาดูของแปลกกัน คนอะไรเกิดมาหน้าอกไม่เท่ากัน” คำพูดของเขาทำให้เธอต้องก้มมองตัวเองอีกครั้ง
“กรี๊ด...! หน้าอกฉัน” เธอกรีดร้องออกมาอีกครั้งอย่างแสนเสียดาย เพราะกว่าที่เธอจะทำหน้าอกได้แบบนี้ เธอต้องเสียเวลาไปมาก แต่เขากลับใช้เวลาเพียงนิดเดียวในการทำลาย แบบนี้มันไม่แฟร์เลย
“เอาเลยแหกปากให้ดังๆ เลย อยากให้คนอื่นออกมาเห็นคุณในสภาพนี้ก็เชิญร้องให้ดังๆ เอาให้แห่กันมาหมดทั้งร้านเลยยิ่งดี” ริคาโด้ใช้วิธีท้าทาย ซึ่งดูเหมือนมันจะได้ผลเพราะมันทำให้เธอยอมหุบปากแต่โดยดี แต่ที่ไม่ดีคือตรงนี้ไม่ได้มีแค่พวกเขาสองคนอีกแล้วน่ะสิ
“เอ่อ! นายครับ มีอะไรให้พวกผมช่วยไหมครับ” หลังจากที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ อยู่นานสองนาน เคนและโคดี้บอดีการ์ดคนสนิทของริคาโด้ก็เข้ามาถาม
“ไม่ต้อง ฉันจัดการเอง” ได้ยินเจ้านายว่ามาอย่างนั้น บอดีการ์ดทั้งสองจึงได้แต่ถอยห่างออกไป แต่ก็ยังอดมองมาด้วยความเป็นห่วงไม่ได้
“เอาล่ะทีนี้มาคุยเรื่องหน้าอกของเรา เอ๊ย! ของคุณ เอ้อ! ผมหมายถึงเรื่องลูกโป่ง เอ้อ! เรื่องนม โว้ย! เอาเป็นว่าเรามาคุยกันเรื่องความไม่เท่าเทียมกันที่หน้าอกของคุณซึ่งมาจากการกระทำของผม แต่ทั้งหมดมันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดมาจากความซุ่มซ่ามของคุณเองให้จบๆ ไปสักที” ริคาโด้พยายามสรรหาคำพูดเพื่อให้ฟังดูดี แต่เมื่อรู้สึกว่ายิ่งพยายามก็ยิ่งแย่ จึงต้องพูดออกมาตรงๆ
“เฮ้ย!” แล้วทั้งสามก็อุทานออกมาพร้อมกันอีก เมื่อตอนนี้เหล่ามนุษย์เมียนั่งอยู่ในร้านเดียวกับพวกเขา แต่เป็นคนละมุม ซึ่งแน่นอนว่าทางฝั่งนั้นมองไม่เห็นพวกเขาที่อยู่ทางฝั่งนี้ แต่ทางฝั่งนี้นี่เห็นเต็มสองตา ที่สำคัญไม่ได้เห็นแค่พวกเธอเท่านั้น แต่ยังเห็นหนุ่มๆ ที่จ้องจะขายขนมจีบให้เมียพวกเขาด้วย “ตายแน่มึง” ริคาโด้คำรามในลำคอ ตั้งใจจะไปจัดการกับผู้ชายพวกนั้นที่บังอาจมาเจ๊าะแจ๊ะกับเมียสุดที่รักของเขา แต่กลับถูกมาคัสห้ามเอาไว้ซะก่อน “เฮ้ย! ใจเย็นก่อน แกอยากรู้ไม่ใช่เหรอว่าทำไมมนุษย์เมียพวกนี้ถึงยังไม่ท้องสักที ทำไมเราไม่ใช้โอกาสนี้ไปแอบฟังว่าพวกนั้นมีเกราะป้องกันอย่างที่แกว่ารึเปล่าล่ะ” มาคัสบอกอย่างมีแผนการ ในขณะที่อีกสองคนร่ำๆ จะทนไม่ไหวซะให้ได้ “แล้วแกจะปล่อยให้ไอ้หน้าละอ่อนพวกนั้นก้อร่อก้อติกกับเมียพวกเราแบบนั้นเหรอวะ” ริคาโด้ร่ำๆ จะหมดความอดทนซะให้ได้ ใครๆ ก็รู้นี่ว่าเขาหวงเมียยิ่งกว่าอะไรดี แล้วต้องมาทนดูภาพแบบนี้ (เอิ่ม! ความจริงก็แค่มีผู้ชายเข้ามาคุยกับพวกเธอเฉยๆ เองนะ ทำท่าอย่างกับมีใครจะมาแย่งเมียไปอย่างนั้นแหละ นี่ล่ะนะความรัก ทำให้ประสิทธ
“ก็ถ้าไม่ไหว ทำไมแกไม่บอกเขาไปตรงๆ วะ” มาคัสรู้สึกสาร เมื่อได้ฟังเรื่องเล่าสุดรันทดของอีกฝ่าย “บอกไปก็เสียเชิงชายสิครับคุณมาคัส มันจะได้หาว่าผมไม่มีน้ำยา เรื่องแบบนี้มันเป็นศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย ฆ่าได้หยามไม่ได้ ต่อให้ต้องตายคาอก ไอ้เคนคนนี้ก็จะไม่ยอมปริปากบ่นสักคำ” เคนบอกเสียงหนักแน่น “เออ! งั้นก็ขอให้แกตายในหน้าที่สมใจแล้วกัน เฮ้อ! นี่ตกลงเราคุยกันเรื่องอะไรวะ ทำไมถึงได้มาจบที่ฟ้าเหลืองของแกได้วะ ให้ตายสิ! เรื่องของแกมันไม่จรรโลงใจสำหรับคนรักเมียอย่างฉันเลยว่ะ” ริคาโด้ส่ายหน้าเอือมๆ “ใครไม่เป็นผมก็พูดได้สิ ไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ มนุษย์เมียน่ากลัวเท่าไหร่ หนึ่งคืนกี่ครั้งยังจำไม่ได้ แต่แล้วสุดท้ายมันยังไม่พอ มันหมดไปแล้วทุกความรู้สึก ให้คึกทั้งคืนคงทำไม่ไหว เธอช่วยหยุดหื่นสักที เมื่อฟ้าเหลืองนั้นมีอยู่จริง” (โปรดใส่ทำนองเพลงไม่เจ็บอย่างฉันใครจะเข้าใจ ของฟิล์มบงกชเข้าไป) เป็นเพราะอยากให้ทุกคนเข้าใจถึงหัวอก เคนจึงพยายามอธิบายออกมาเป็นเพลง แต่มันกลับทำให้ทุกคนต้องเบือนหน้าหนีเพราะเสียงร้องสั่นประสาทของเคน และก่อนที่พวกเขาจะสูญเสียระบบประสาท
หลายเดือนต่อมา หลังจากที่ทั้งสามคู่พากันทยอยแต่งงานไปตามๆ กัน ไม่เว้นแม้กระทั่งเคนและโคดี้ก็มีคู่กับเขาเช่นกัน วันนี้หนุ่มๆ จึงนัดสังสรรค์กันตามประสาคนมีเมีย ส่วนเรื่องที่คุยกันน่ะเหรอ ก็เรื่องชีวิตหลังความโสดของแต่ละคนยังไงล่ะ “อืม...! พวกแกว่าความรักเหมือนอะไรวะ” จู่ๆ ริคาโด้ก็ถามขึ้น “คิดยังไงถึงถามเรื่องนี้ครับพี่ แล้วดูพี่ทำหน้าเข้าสิ อย่างกับพวกที่กำลังตกอยู่ในห้วงของความรักอย่างนั้นแหละ นี่ก็แต่งงานกันมาตั้งหลายเดือนแล้ว ยังไม่เลิกหวานกันอีกเหรอครับ” ริชาร์ดอดล้อเลียนพี่ชายไม่ได้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทุกครั้งที่พูดถึงศรีภรรยา “หรือแกเลิกแล้ว ถึงเมียฉันจะซุ่มซ่าม แล้วก็ชอบทำอะไรแปลกๆ โดยเฉพาะเรื่องซ้อมกระต่าย แต่ฉันก็รักของฉันโว้ย แกเองก็เถอะอย่านึกนะว่าฉันไม่รู้ว่าแกก็หลงเมียหัวปักหัวปำเหมือนกัน” ริชาร์ดยักไหล่เมื่อถูกพี่ชายตอกกลับ “ก็ผมยังรู้สึกเหมือนเราเพิ่งรักกันเมื่อวานนี้เองนี่ครับ แล้วผมก็หลงรักทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเธอ ไม่ว่าจะทำอะไรเมียผมก็น่ารักที่สุดในสายตาผมเสมอ” ทุกคนถึงกับเบ้หน้าเมื่
“ถ้าอย่างนั้นพ่อกับแม่ไปอยู่กับหนูที่เยอรมันนะจ๊ะ” และนี่เป็นอีกอย่างที่เธอหวังเอาไว้ ด้วยไม่อยากทิ้งให้ท่านอยู่ที่นี่กันตามลำพัง ยังไงท่านก็แก่ตัวลงทุกวัน ไม่มีเธอสักคนแล้วใครจะดูแลพวกท่านล่ะ “ถ้าให้ไปเที่ยวข้ายังพอไหว แต่ถ้าให้ไปอยู่เลยข้าไม่เอาหรอก ข้ากลัวหนาวข้ากลัวหิมะ คนบ้านนอกอย่างข้าชอบจับจอบจับเสียม ทำไร่ทำนาไม่ชอบอยู่ว่างๆ อยู่โน่นเอ็งมีนามีไร่ให้ทำ มีควายให้ข้าเลี้ยงไหมล่ะ ที่สำคัญบ้านข้าอยู่นี่ สมบัติข้าก็อยู่นี่ ถึงมันจะไม่ได้มากมาย แต่มันก็เป็นความภูมิใจของข้า” คนเป็นพ่อบอก “แล้วใครจะเป็นดูแลพ่อกับแม่ตอนที่หนูไม่อยู่ล่ะจ๊ะ หนูไม่อยากทิ้งพ่อกับแม่ไว้ที่นี่ตามลำพังนี่จ๊ะ” เธอบอกพลางร้องไห้น้ำตาอาบแก้ม “โธ่เอ๊ย! นังเด็กขี้แย โตจนจะมีผัวอยู่แล้ว ยังร้องไห้เป็นเด็กๆ อีก พ่อกับแม่ก็ไม่ได้แก่ถึงขั้นดูแลตัวเองไม่ได้สักหน่อย อีกอย่างเอ็งลืมเจ้าเอกมันแล้วหรือไง มีเจ้านั่นอยู่ด้วยทั้งคน เอ็งก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว” นางแช่มช้อยพูดไปถึงหลานชายที่พวกท่านเอามาเลี้ยงไว้ตั้งแต่เด็กๆ หวังได้ฝากผีฝากไข้กันตอนแก่ แต่ถึงอย่างนั้นคนเป็นลูกอย่างชมพูแ
“โธ่! แม่มึง เรื่องง่ายๆ แค่นี้ทำไมเอ็งถึงไม่รู้วะ เดี๋ยวข้าอธิบายให้ฟัง บอย แปลว่าเด็กผู้ชาย ส่วนเฟรนด์ ก็แปลว่าเพื่อน พอรวมกันก็หมายถึง เด็กผู้ชายเพื่อนไง” ผู้ใหญ่ชอบทำหน้าภูมิอกภูมิใจกับความสามารถของตัวเอง ในขณะที่ริคาโด้กลับทำหน้างงๆ เพราะฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง “แล้วไอ้เด็กผู้ชายเพื่อนนี่มันคืออะไรล่ะพ่อมึง” ฝ่ายสามีถึงกับหันขวับมามองหน้าภรรยา เพราะตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน “เออ! นั่นสิ หรือมันจะบอกว่ามันเป็นเด็กผู้ชาย ข้าว่าต้องใช่แน่ๆ เลย คำคำนี้ข้าเรียนมาแล้ว มันแปลว่าเด็กผู้ชายแน่นอน ข้ามั่นใจ” ถึงจะงง แต่ผู้ใหญ่ชอบก็ยังมั่นใจในความรู้ของตัวเอง “แล้วเด็กผู้ชายที่ไหนมันจะตัวเท่าควายอย่างนี้ล่ะพ่อมึง ฉันว่าฉันถามมันดีกว่าว่ามันหมายถึงอะไร” ว่าแล้วนางแช่มช้อยก็หันไปถามแขกที่นั่งทำหน้าแหยๆ เพราะไม่ค่อยเข้าใจที่อีกฝ่ายกำลังคุยกันสักเท่าไหร่ “นี่ๆ ยูบัฟฟาโร่ เอ่อ...! วาย? อะบอยอีกวะ” ความจริงนางอยากถามว่า ตัวใหญ่อย่างกับควายขนาดนี้ ทำไมถึงยังคิดว่าตัวเองเด็กผู้ชายอีก แต่ให้ตายเถอะ! ภาษาที่นางพยายามจะสื่อออกมาฟังไ
“อะเอ่อ...มะเมื่อกี้พี่ว่าถามว่าอะไรนะ ผมฟังไม่ค่อยชัด สงสัยสัญญาณไม่ค่อยดี” เมื่อเห็นว่าริชาร์ดพยายามหักห้ามไม่ให้ตัวเองส่งเสียงครางออกมา จัสมินจึงต้องเริ่มมาตรการต่อไป เธอค่อยๆ เลื่อนตัวลงไปจนกระทั่งใบหน้างดงามจดจ้องอยู่ที่กายแกร่งของเขาอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นสายตาคาดโทษของเขา เธอใจกล้าขึ้นมาซะเฉยๆ ราวกับอยากจะท้าทาย ก็คนอย่างจัสมินเป็นพวกประเภทยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุนี่ ในเมื่อเขาห้าม เธอก็จะทำ “โอว...!” ริชาร์ดครางเสียงพร่าอย่างลืมตัว เมื่อกายแกร่งของเขาถูกครอบครองด้วยปากและลิ้นของเธอ (ไอ้ริชาร์ดนี่แกทำอะไรอยู่กันแน่วะ) ริคาโด้เริ่มสงสัย ในขณะที่ริชาร์ดกำลังพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายความเสียดเสียวที่เธอเป็นคนก่อ “เอ่อ...คือผมกำลัง.....โอว.....! อา....! อืม....! ซีด...!” สุดท้ายเสียงครางคงเป็นคำตอบที่อธิบายได้ดีที่สุดในเวลานี้ ด้วยสมองที่มึนเบลอจากการถูกจู่โจมแบบไม่คาดคิดของเธอ คงทำให้เขาคิดหาคำตอบดีๆ ให้พี่ชายไม่ได้แล้วล่ะ สิ่งเดียวที่คิดได้ในตอนนี้ก็คือ เขาจะจัดการกับแม่สาวช่างยั่วคนนี้ยังไงดี