แชร์

บทนำ ฝันร้าย 4

ผู้เขียน: LIttlelion
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-07 21:45:22

“เอ่ออออ” ข้าอ้ำอึ้งอยู่ในคอด้วยความตระหนกตกใจ ไม่คิดว่าเจี่ยเจียจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นเร็วเช่นนี้ แต่ต้องยอมรับว่าไม่มีเรื่องใดที่จะปกปิดนางเอาไว้ได้เลย

“ใช่เขาใช่หรือไม่” ไป๋มี่อิงถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดุ

ข้าสะดุ้งกายขึ้นตามเสียงของนาง ในหัวสับสนว่าจะกล่าวออกไปดีหรือเปล่า ถ้านางรู้เรื่องแล้วก็ควรจะยอมรับออกไป และขอร้องนางไปตามตรง

“ใช่เจ้าค่ะ...แต่เจี่ยเจียอย่าไปเอาเรื่องคุณชายจิ้นเลยนะเจ้าคะ”

ถ้าต้องแต่งงานกับบุรุษผู้นั้นที่แสดงออกมาว่าไม่ชอบข้า และคนที่เขาชอบนั้นคือพี่สาวตนเองแล้วล่ะก็ ข้ายอมใช้ชีวิตอยู่กับลูกจนแก่ตายดีกว่าต้องมีชีวิตคู่ที่ขมขื่น ดูอย่างไรข้ากับเขาก็ไม่มีทางที่จะใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาได้เลย เพราะต่างคนต่างไม่ได้รู้สึกดีต่อกันแม้แต่น้อย

“ได้เช่นไรกัน!!! เสี่ยวฝานมันต้องมารับผิดชอบเม่ยเหม่ยและลูกในท้องของมัน” ไป๋มี่อิงยังยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงโทสะยามนี้ของนางที่ปะทุขึ้นมา

“เจี่ยเจียได้โปรดเถิดเจ้าค่ะ ถือว่าน้องขอร้อง” ข้ากลืนเสียงสะอื้นลงคอ กล่าวออกไปเสียงสั่น เว้าวอนนาง ยกแขนขึ้นกอดรัดเจี่ยเจียเอาไว้

ไป๋มี่อิงกัดฟันแน่น หลุบตามองท่าทางของไป๋ซิงหนี่ว์ นางมิอาจเข้าใจได้เลยว่าเหตุใดถึงต้องปิดเรื่องนี้เอาไว้ จิ้นฝานทำผิด เขาต้องรับผิดชอบ เหตุใดไป๋ซิงหนี่ว์ต้องขอร้องและปกปิดด้วย

จะไม่ให้ไป๋ซิงหนี่ว์ปิดได้อย่างไร ที่จิ้นฝานขืนใจนางเพราะเขาเห็นนางเป็นตัวแทนไป๋มี่อิง ในคืนวันนั้นเขาคร่ำครวญพร่ำเรียกชื่อนางว่า ‘มี่เอ๋อร์’ นางไม่อยากให้พี่สาวตนเองมารับรู้เรื่องราวชวนปวดใจเหล่านี้

ไป๋มี่อิงนิ่งเงียบไปพักใหญ่ ราวกับว่ากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก พอคิดออกถึงได้กล่าวขึ้น

“แต่...เฮ้อ” นางกล่าวไม่ทันจบก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างหัวเสีย และเอ่ยออกไปใหม่ “เอาเถิด แล้วแต่เจ้า” นางรับคำน้องสาวอย่างขัดใจ

“ขอบใจเจ้าค่ะ...ข้าจะมิกล่าวถึงเรื่องพวกนี้อีก” ข้ากล่าวบอกนางเสียงแผ่ว กระชับอ้อมกอดนางมากขึ้น มันช่างเป็นวันที่เหนื่อยล้ามากเหลือเกิน

เจี่ยเจียเปรียบดั่งท่านแม่อีกคนของข้า ทุกๆ เหตุการณ์ไม่ว่าจะสุข ทุกข์ เศร้า ต่อให้ข้าเกเรและกลั่นแกล้งนางมากเพียงใด เจี่ยเจียก็มิเคยทอดทิ้งข้าไปไหน อยากได้สิ่งใด หายากเท่าไร พอวันพรุ่งของเหล่านั้นจะถูกวางเอาไว้ในเรือนเหมย

นางเหนื่อยกับข้ามามากพอแล้ว...ตอนนี้ยังหาเรื่องหนักใจมาให้นางเพิ่มขึ้นไปอีก ข้ามิเคยเป็นน้องสาวที่ดีเลยสักครา เอาแต่ใจมาตลอด เห็นนางทุกข์ใจเช่นนี้แล้วรู้สึกละอายใจเหลือเกิน

“พี่จะไม่กล่าวถึงมัน...” ไป๋มี่อิงกล่าวเสียงแผ่วเบา ในหัวครุ่นคิดหาแผนการเอาไว้เต็มหัว และกล่าวขึ้นอีก

“แต่ว่า...ปัญหามันใหญ่เกินกว่าสตรีผู้หนึ่งจะรับไหว” ไป๋มี่อิงกล่าวปลอบ ลูบแผ่นหลังที่สั่นไหวในอ้อมแขน

“เจ้ายังมีพี่…การตั้งท้องไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย พี่มองว่าเป็นเรื่องน่ายินดีเสียด้วยซ้ำที่จะมีเด็กเกิดขึ้น การให้กำเนิดชีวิตเล็กๆ ขึ้นมาเป็นเรื่องงดงาม” ไป๋มี่อิงเอ่ยขึ้นต่อ

“งดงามอย่างไรกัน...เด็กที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดนั้นน่ะหรือ” ข้าที่ซุกหน้าตรงอกนางเอ่ยขึ้น มองอย่างไรก็ไม่เห็นเป็นเรื่องน่ายินดีเลยสักนิดเดียว

“ซิงหนี่ว์ ถึงแม้ว่าเด็กจะเกิดจากความผิดพลาด แต่มันหาใช่ความผิดของเขาที่เกิดมาไม่ ถ้าพวกเขาเลือกเกิดได้ คงมิมาเลือกเกิดเป็นบุตรของบิดามารดาที่ไม่พร้อมหรอกนะ ในเมื่อผิดพลาดแล้วนั้นก็ต้องทำใจยอมรับ ถ้าวันใดที่ลูกเจ้าโตขึ้นมาแล้วรับรู้เรื่องราวในอดีตว่าแม่ของเขาไม่ต้องการ

มิคิดว่ามันโหดร้ายกับเด็กผู้หนึ่งเกินไปหรอกหรือ มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาแม้แต่น้อย ตอนเกิดก็เลือกเกิดไม่ได้ เลือกบิดามารดาตามใจก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องเกิดมาเจอสภาพแวดล้อมที่น่าเศร้า ทั้งที่มิใช่ความผิดของเขาแม้แต่น้อย” ไป๋มี่อิงกล่าวอธิบายเนิบช้า

ในเมื่อเรื่องเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องเลือกที่จะมองทางให้สว่างขึ้น หากจมอยู่ในปัญหา จะมองหาทางออกได้อย่างไร

“แล้วมันใช่ความผิดของข้าหรืออย่างไร สุดท้ายผู้ที่ทุกข์ใจก็มีแต่ข้าผู้เดียว” ข้ากล่าวแย้ง คนที่แบกรับทั้งหมดคือข้า คนที่เผชิญหน้าคือข้า คนที่ต้องถูกตราหน้าก็คือข้า

“มันอาจจะไม่ยุติธรรมสำหรับเจ้าก็จริง แต่เมื่อปัญหาเกิดขึ้น และไม่อาจย้อนกลับไปแก้ไขได้ จึงต้องเรียนรู้จะมองมันให้กระจ่าง ฟังข้านะน้องรัก เจ้ามิต้องกังวลใจว่าผู้ใดจะนินทา พี่จะจัดการปัญหานี้ ขอแค่เพียงให้เจ้ากับหลานสุขภาพแข็งแรง ถึงแม้ว่าจะนานไปหน่อย แต่ปัญหาทั้งหมดจะคลี่คลายลง” ไป๋มี่อิงกล่าวอย่างใจเย็น

“ท่านส่งข้าไปอยู่ที่อื่นได้หรือไม่...ข้ามิอยากอยู่ในเมืองหลวงแล้ว” ข้าเอ่ยขอร้องนาง

“อดทนน้องพี่ ยิ่งเจ้าหายออกจากเมืองหลวงจะยิ่งชวนให้ผู้คนสงสัย” ไป๋มี่อิงเอ่ย

“ข้าต้องทำเช่นไร…ยิ่งช้าท้องข้าก็ยิ่งใหญ่ขึ้น” ข้าสูดลมหายใจเข้า แล้วกล่าวออกเสียงแหบปนสะอื้น

“เชื่อพี่อีกสักครา ดูแลตัวเองและหลานให้ดี อนาคตให้ข้าจัดการเอง” ไป๋มี่อิงตอบ

ข้านิ่งเงียบปล่อยให้น้ำตาไหลออกมา มิแคล้วต้องให้นางแก้ไขปัญหาให้อีก แต่ยามนี้ข้าหมดหนทางแล้วจริงๆ ความหวังเดียวคือรอให้นางจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ให้จบลง…

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 2

    รอดในเมืองหลวง คอยส่งข่าวให้พวกที่หนีรอดไป นับว่าเป็นอีกหนึ่งแผนการที่อาจจะบรรลุผลได้เช่นกัน“สั่งงานเช่นนี้หมายความว่าวันพรุ่งท่านจะไม่เข้าวังหลวงหรือขอรับ” ผู้ช่วยเขาเอ่ยถามอย่างสงสัยจิ้นฝานปรายตาไปมองผู้ช่วยของเขาก่อนจะพยักหน้ารับ แล้วกล่าวออกไปเสียงเนือยๆ“เข้าไปยามบ่าย แต่ก็จัดการตามที่ข้าบอกเอาไว้ก่อน คัดคนของเราที่พอจะคล้ายพวกมันมา”ตอนเช้าเขาต้องไปดูความคืบหน้าของเรื่องโรคระบาด ที่คฤหาสน์อวี้เป็นสถานที่เอาไว้สำหรับกลุ่มคนที่เขาจัดขึ้นโดยเฉพาะ จากนั้นตอนบ่ายก็ต้องเข้าไปดูงานในวังหลวงต่อนับว่าเป็นปีที่เขาเหน็ดเหนื่อยเอาการ แต่ดีหน่อยพอกลับเรือนซือซือ ความเหนื่อยล้าทั้งหมดก็ได้หายไปหมดสิ้น ที่นั่นคล้ายกับยาชูกำลังอย่างไรอย่างนั้น“ได้เลยขอรับ” ผู้ช่วยเขากล่าว และเข้าไปจัดการงานเบื้องหน้าต่อ ต้องเก็บกวาดสถานที่นี้ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นจิ้นฝานมองรถม้าที่เขานั่งมาตอนเย็น สภาพดูไม่จืด ล้อหลุดออกหนึ่งข้าง ด้านข้างมีรอยดาบฟันเข้าไปลึกอยู่มาก ไม่อยากนึกเลยว่าถ้าเขาไม่เอะใจขึ้นมาก่อน ยามนี้ไม่เป็นเขาก็เป็นคุณหนูรองที่ได้รับบาดเจ็บแทน ดีที่

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๕ แผนการของคนซื่อ / 1

    ๑๕แผนการของคนซื่อม้าสีดำตัวใหญ่ก้าวเดินเป็นจังหวะไม่ช้า และไม่เร็วเกินไป เดินผ่านม่านหมอกเย็นๆ ไปตามเส้นทางของถนนที่ทอดยาว สายลมที่พัดทำให้หมอกลอยคลุ้งกระจาย คนทั้งสองไม่อาจคาดเดาว่าเป็นหมอกที่เกิดจากอะไรอาจจะเกิดจากอากาศที่เย็นลง หรือไอร้อนระเหยของพื้นถนน มันอาจจะลอยมาจากการเผาฝืนแก้หนาวของชาวบ้านก็ได้ คนทั้งสองจมูกเย็นเกินกว่าจะได้กลิ่นควันเหล่านี้ อากาศเย็นๆ หมอกขาวๆ นั่งกอดกันบนหลังม้าคงจะอุ่นกายอุ่นใจไม่น้อยช่วงเวลาแห่งการสร้างสายใยความสัมพันธ์นี้ที่ได้ถักทอขึ้นมาอย่างเงียบๆ ได้เดินทางมาถึงหน้าจวนตระกูลจิ้นจิ้นฝานลงจากหลังม้า และไม่ลืมที่จะยื่นแขนขึ้นไปรับฮูหยินของเขาลงมาด้านล่าง จัดแจงจับเสื้อคลุมที่บิดเบี้ยวไปด้านข้างของนางให้เข้าที่เรียบร้อย“จมูกไม่หายแดงเสียที” เขากล่าวบ่นขึ้น หลุบตามองปลายจมูกของนาง “ก็อากาศมันหนาวนี่เจ้าคะ” ข้าเบี่ยงตาไปมองทางอื่น บอกตามตรงทำตัวไม่ถูกจริงๆ ก่อนหน้านี้ก็พึ่งถูกขโมยจูบ ตลอดทางพวกเราทั้งสองก็นั่งเงียบมาตลอดไม่มีการสนทนาใดๆ หลังจากเหตุการณ์นั้นอีกทั้งข้ายังใจง่ายยอมให้เขากอดเช่นนั้นโดยไม่บ่น โดยไม่ว่าเลยสักคำเดียว น่าโมโหตัวข้าเองยิ่งนั

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 13

    “มีอันใดรึเจ้าคะ”“มี ลองแหงนหน้าขึ้นไปมองด้านบน” จิ้นฝามก้มหน้าลงตอบนาง“แหงนหน้าหรือ” ข้าเอ่ย แล้วทำตามที่เขาบอกมองภาพด้านบนนี้ มีริ้วสีขาวพร่างพราวลงมา ท่ามกลางพระจันทร์สีนวล นับว่าแปลกนัก วันใดที่หิมะตกไม่มีทางที่จะมองเห็นพระจันทร์ได้ มันช่างน่าอัศจรรย์มากยิ่งเงาดำเริ่มคืบคลานบดบังสายตาของข้า แทนที่ด้วยใบหน้าคุณชายจิ้น ไออุ่นสีขาวที่พ่นออกมาทางจมูก รดลงมาที่หน้าของข้า ความรู้สึกนี้เหมือนทุกสิ่งหยุดนิ่ง มีเพียงแค่พวกเราทั้งสองคนเท่านั้น ที่ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของกันและกันเมื่อหายใจเข้ารอบที่สามในขณะที่เราทั้งสองสบตากันนั้น ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาอย่างนุ่มนวล และแผ่วเบามันรู้สึกอุ่นๆ ร้อนๆ ตรงริมฝีปากข้าเอง หนวดที่ขึ้นตอสีเขียวถูลงที่คาง และมือของเขาประคองที่หัวข้าเอาไว้เป็นการจูบที่แตะลงมาเท่านั้น และนิ่งค้าง พอๆ กับความรู้สึกที่ตกใจ และตกตะลึงกับสัมผัสนี้จิ้นฝานวางปากประทับลงอยู่นานหนึ่งอึดใจ แล้วดึงหน้ากลับมาเลียริมฝีปากด้วยเอง พลางขมวดคิ้วเข้าอย่างสงสัย“ทำไมปากท่านถึงหวาน”“ข้า... ข้าดื่มข้าวหมักนํ้าผึ้งมา” ข้าตอบพลางหายใจหอบ แต่ทว่ามือของคุณชายจิ้นยังประคองเอาไว้ที

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 12

    อี๋เสี่ยวควนคั่วได้ยินล่ามแปลประโยคที่จิ้นฝานกล่าวก็ยิ่งขบขันเข้าไปใหญ่ แบบนี้ในเผ่าของเขาเรียกว่ากลัวภรรยา แต่ถ้าเสนาบดีจิ้นเอ่ยออกมาเช่นนี้เขาก็จะเชื่อว่าแค่เกรงใจนางเท่านั้นเมื่อคิดเช่นนั้นก็หันไปมองโต้วตู่จื่อที่นั่งอยู่ เห็นตัวเล็กบอบบางคงจะร้ายไม่น้อยตอนอยู่ที่บ้าน ถึงกับทำให้บุรุษที่ขึ้นชื่อเป็นพยัคฆ์คู่ฝ่ายขวาของแคว้นซิ่นหมอบลงได้งานเลี้ยงดำเนินไปจนจบลง จิ้นฝานสั่งการลูกน้องตัวเองสองสามประโยค จากนั้นถึงจะเดินไปรับฮูหยินน้อยที่ยืนรํ่าลาเหล่าฮูหยินทั้งสามคน ก่อนจะหมุนกายกลับมาหาเขาสีหน้าของนางเรียบเฉยไม่มีรอยยิ้มใดๆ ปรากฏให้เห็นมีเพียงคิ้วได้รูปที่กดตํ่าลงเหมือนไม่ชอบใจอะไรในตัวเขาขณะนี้“ฮูหยินน้อยมานี่มา” จิ้นฝานเอ่ยเรียกนาง ยื่นมือออกไปด้านหน้ารอให้นางจับ“…….” ข้ามองหน้าคุณชายจิ้น เหตุใดต้องให้สาวงามใช้ซาลาเปาคู่มานั่งถูไถได้หน้าตาเฉย เขามียางอายบ้างหรือไม่!ดูท่าโต้วตู่จื่อนี้จะดื้อเอาเรื่อง จิ้นฝานมองไป๋ซิงหนี่ว์อย่างอ่อนใจ และเดินเข้าไปใกล้ก้มหน้าลงกล่าวเสียงแผ่ว“ขากลับจะควบม้ากลับกัน แต่ว่าข้าขอเสื้อคลุมของท่านได้หรือไม่ เอาไว้จะหาซื้อตัวใหม่มาคืนให้”“ข้าไม่เข้าใจ..

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 11

    “นํ้าข้าวหมักนํ้าผึ้งนี้ ได้ยินขันทีกล่าวว่าเผ่าอิงคาขนมา” ฮูหยินหลันกล่าว พลางยกขึ้นจิบรสชาติหวานปลายลิ้นของมันในแก้ว“รสชาติเป็นเช่นไรบ้างฮูหยินหลัน” ฮูหยินที่นั่งด้านทางขวาเอ่ยถาม“รสชาติดี กินง่ายเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันเอ่ยตอบ“นํ้าข้าวหมักนี้กินแล้วเมาหรือไม่” ถึงตาข้าเอ่ยถามบ้าง อยากจะลองกิน แต่กลัวจะเมาเหมือนครั้งที่แล้ว“ไม่เมาเจ้าค่ะ” ฮูหยินหลันหันไปตอบอย่างมั่นใจข้ามองสีหน้าของฮูหยินหลันอย่างชั่งใจอยู่มาก อะไรหมักๆ ไม่อยากกินเข้าปากเลย แต่กลิ่นมันหอมข้าวอ่อนๆ จะไม่ลองก็กระไรอยู่ ประเดี๋ยวจะเสียเที่ยวเอาได้ มิใช่ว่าจะหาดื่มของแปลกต่างถิ่นได้เช่นนี้ ว่าแล้วก็ค่อยๆ จิบตามที่คุณชายจิ้นบอกเอาไว้ละกันเสียงกลองแผ่วลง พวกนางรำของเผ่าอิงคาก็เข้าไปนั่งลงตามโต๊ะขุนนาง และบุรุษในงานเลี้ยง ข้ามองตามสะโพกงอนงาม ตามจังหวะการก้าวเท้าเดินไปด้วยของพวกนางแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีสาวงามหนึ่งในนั้นดวงหน้าคมเข้ม เดินเข้าไปนั่งลงด้านข้างคุณชายจิ้นจากนั้นนางก็เอื้อมมือไปหยิบจอกสุราขนาดใหญ่รินลงไปให้เขา แล้วยื่นขึ้นไปป้อนถึงปาก ข้าหรี่ตาลงมองให้ชัดเจน อยากรู้ว่าเขาจะทำอย่างไรต่อจิ้นฝานหลุบตาลงมองจอกสุราส

  • บางเบาดั่งสายหมอก   ๑๔ นํ้าผึ้งพระจันทร์ / 10

    “ฟางซายจือ เหลียงเหลง หวู่ต้าตั๋ว ดานตรง ซีจงจึ่ย ฮ่างซี” อี๋เสี่ยวควนคั่วตอบออกไป พร้อมกับชูจอกสุราสีทองให้จิ้นฝาน“ท่านอี๋เสี่ยวกล่าวว่า ดีมาก แต่ขาดการระบำ และสาวงาม แต่สุรานี้อร่อยถูกปากเขานัก” ล่ามภาษาได้แปลออกมาให้ท่านเสนาบดีจิ้นฟัง“บอกเขาว่าไม่นานเกินรอ” จิ้นฝานเอ่ยขึ้นต่อ“จางไจ่ บู่ลู่” ล่ามหันไปแปลให้อี๋เสี่ยวควนคั่วฟังอย่างรวดเร็วอี๋เสี่ยวควนคั่วที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ตบหน้าตักตัวเองไปหนึ่งที แล้วกล่าวออกมาเป็นภาษาถิ่นของแผ่นดินหยวนโปวที่เขาพอจะรู้มาบ้าง แต่ก็ไม่เก่งจนสนทนากันได้อย่างเข้าใจ และฉะฉาน“เยี่ยม เยี่ยม!”จิ้นฝานพยักหน้ารับอี๋เสี่ยวควนคั่ว หันไปมองกลุ่มคนพิเศษ ที่เขาจัดขึ้นมาเพื่อหาวิธียุติโรคระบาดชายแดน หนึ่งในนั้นก็มีเจิ้งหรินอี้ด้วยเช่นกัน กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่อีกมุมหนึ่ง จากนั้นก็กวาดตามองฮูหยินน้อยของเขาว่ายามนี้นางอยู่ที่ไหนเขามองเห็นสาวงามเด่นสะดุดตา เพราะเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาวที่ฟูฟ่อง กำลังยืนสนทนากับสตรีนางอื่นอีกสี่คน แล้วยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะน้อยๆ ออกมา“ยินดีด้วยนะเจ้าค่ะ ที่ได้เป็นฮูหยินขั้นหนึ่งแล้ว งานเลี้ยงในวังหลวงครั้งที่แล้วข้า

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status